เซียงฉินไม่รู้ว่าเกิดเื่อะไรขึ้น แต่นางก็ยังคงทำตามคำสั่งของเก๋อซื่อ
ไม่นานก็มีคนสี่คนคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเก๋อซื่อ “เรียนท่านฮูหยิน โปรดบอกพวกข้าเถิด มิเช่นนั้นพวกข้าจะ...” บ่าวชายชุดเทาคนหนึ่งเอ่ยถามเก๋อซื่อพลางคำนับ
คนทั้งสี่คนนี้เป็บุตรธิดาของบ่าวคนสนิทสี่คนที่ติดตามเก๋อซื่อมาตอนที่นางแต่งงาน หลังจากที่อูอี๋เหนียงมาเข้ามาในจวน บ่าวคนสนิทสี่คนนั้นก็ถูกใส่ร้ายและถูกขับไล่ออกไป
โชคดีที่เก๋อซื่อสละอำนาจในการดูแลจวน จึงทำให้เด็กทั้งสี่คนนี้รอดพ้นจากเคราะห์ภัยมาได้
เด็กทั้งสี่คนนี้ปรนนิบัติเก๋อซื่อมาั้แ่เด็ก นางเห็นพวกเขาเติบโตขึ้นมา ตัวนางเองก็ไร้บุตรธิดา บวกกับรู้สึกผิดต่อบ่าวคนสนิทสี่คนนั้น จึงดูแลพวกเขาเป็อย่างดี
เด็กทั้งสี่คนนี้ก็ไม่ใช่ตุ๊กตาดินเผาไร้หัวใจ พวกเขามีความรู้สึกต่อเก๋อซื่ออย่างลึกซึ้ง บวกกับตอนที่พ่อแม่พี่น้องถูกขับไล่ออกไป ก็เคยกำชับพวกเขาให้ดูแลเก๋อซื่อเป็อย่างดี ดังนั้นพวกเขาจึงซื่อสัตย์ต่อเก๋อซื่อเป็อย่างยิ่ง
ทั้งสี่คนมองไปที่เก๋อซื่ออย่างพร้อมเพรียง ราวกับว่าหากนางไม่พูด พวกเขาก็จะไม่ยอมจากไป
เก๋อซื่อยิ้มขมขื่น “เดิมทีข้าตั้งใจจะให้พวกเ้าทั้งสองคู่แต่งงานกันในอีกสองปีข้างหน้า พวกเ้าเติบโตมาด้วยกัน ความรู้สึกก็ลึกซึ้ง ปกติข้าเห็นแล้วก็รู้สึกยินดี ไม่ได้คิดจะจับคู่ให้พวกเ้ามั่วๆ แต่อย่างใด แต่ที่อยู่ๆ วันนี้ข้ากลับเสนอเื่นี้ขึ้นมา...”
“ก็เพื่อที่จะหาทางหนีทีไล่ให้กับตัวเอง พวกเ้าเอาเงินพวกนี้ไปหาซื้อที่ดินสักผืน แล้วก็ทำการค้าเล็กๆ น้อยๆ ต่อไปนี้ชีวิตของพวกเ้าก็จะดีขึ้นเอง รอให้... ข้าก็จะไปหาพวกเ้าเอง”
เมื่อเก๋อซื่อพูดจบ ทั้งสี่คนก็เข้าใจในทันที คิดว่าฮูหยินคงทนต่อชีวิตในจวนหลังนี้ไม่ไหว และรู้สึกสิ้นหวังแล้ว พวกเขามองใบหน้าของฮูหยินที่ดูแก่กว่าวัยจริงไปกว่าสิบปี ในใจก็พลันรู้สึกเ็ป รู้ว่าท่านฮูหยินตัดใจแล้ว
หลายปีมานี้ใต้เท้าเอาอกเอาใจอูอี๋เหนียงมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกินเหตุ สองวันมานี้ ใต้เท้าเอาแต่ใช้ชีวิตสำราญอยู่ที่เรือนของอูอี๋เหนียง ไม่ยอมออกไปทำงานที่ศาลาว่าการ
“ขอบพระคุณฮูหยิน!” ทั้งสี่คนคำนับขอบคุณพร้อมเพรียงกัน ดวงตาแดงก่ำทั้งยังสะอื้นเบาๆ
เก๋อซื่อเอ่ยต่อ “ที่ดินและทรัพย์สินของข้าล้วนเป็ของที่เปิดเผย เอาออกไปไม่ได้ ตอนนี้ข้ามีตั๋วเงินอยู่ห้าพันตำลึงเงิน กับเครื่องประดับอีกจำนวนหนึ่ง พวกเ้าเอาไปแบ่งกันเถิด”
ทั้งสี่คนตกตะลึง ตั๋วเงินห้าพันตำลึงเงิน แบ่งให้พวกเขาหมดเลยหรือ?
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของทั้งสี่คน เก๋อซื่อจึงเอ่ยขึ้นอีกสองสามประโยค “ข้าเคยบอกแล้วไม่ใช่หรือว่า ต่อไปนี้อาจต้องพึ่งพาพวกเ้า! เอาล่ะ รีบคำนับและยกชาคารวะให้ข้า หลังจากนั้นก็รีบไปไถ่ตัว แล้วจัดการเื่แต่งงานเสีย”
ทั้งสี่คนรีบทำตามคำสั่ง คุกเข่าคำนับและยกน้ำชาคารวะให้เก๋อซื่อ จากนั้นเก๋อซื่อก็มอบใบขายตัว เงิน และเครื่องประดับให้กับพวกเขา
เก๋อซื่อกำชับ “ถือโอกาสตอนที่อูอี๋เหนียงยังคุมเตียวซวี่อันไว้ให้ไม่ออกมาจากเรือน พวกเ้าจงรีบไปจากที่นี่โดยเร็ว ไม่ต้องเก็บข้าวของ ทำเหมือนว่าออกไปทำธุระให้ข้า ตอนออกไป อย่าลืมให้เงินคนเฝ้าประตูด้วยล่ะ พวกเ้าก็ไม่ต้องเป็ห่วงข้า ที่นี่มีสาวใช้คอยปรนนิบัติ รอให้พวกเ้าหาซื้อบ้านและที่ดินเรียบร้อยแล้ว ข้าจะไปหาพวกเ้า”
ทั้งสี่คนคิดไตร่ตรองดูแล้ว จึงพยักหน้ารับปากทั้งน้ำตา
จากนั้นเก๋อซื่อก็เรียกอาหนิวเอาไว้ แล้วพูดว่า “อาหนิว นี่คือจดหมายฉบับหนึ่ง เ้าไปทำธุระเสร็จแล้ว ก็แอบนำจดหมายฉบับนี้ไปส่งที่บ้านของอวิ๋นโส่วจง หมู่บ้านไหวซู่ ตำบลไป๋อวิ๋น แล้วมอบให้กับอวิ๋นโส่วจงด้วยตัวเอง”
อาหนิวรีบเก็บจดหมายไว้ในอกเสื้ออย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ถอยออกไป
เมื่อคนในห้องออกไปหมดแล้ว เก๋อซื่อก็พนมมือสวดภาวนา ‘อมิตาพุทธ’ จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงทั้งๆ ที่ยังสวมชุดเดิมอยู่โดยไม่เรียกใครมาปรนนิบัติ
ถึงแม้ว่าเก๋อซื่อจะกินเจสวดมนต์อยู่ทุกวัน แต่นางก็ไม่ใช่คนที่อ่อนแอและถูกรังแกได้ง่ายๆ เื่ของบ่าวคนสนิทสี่คนนั้น เป็เพราะนางประมาท บวกกับเตียวซวี่อันที่ตามใจและเข้าข้างอูอี๋เหนียง ถึงได้ทำให้คนเก่าแก่ข้างกายนางแทบจะหายไปจนหมดสิ้น
โชคดีที่เด็กทั้งสี่คนนี้ฉลาดเฉลียว ตอนนั้นพวกเขายังเด็ก อูอี๋เหนียงจึงไม่ได้คิดจะสนใจ เก๋อซื่อแอบคืนสัญญาขายตัวให้กับพวกเขา นางหวังว่าการทำเช่นนี้จะช่วยให้พวกเขารอดพ้นจากสถานที่แห่งนี้ได้ จึงให้พวกเขากลับไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุขที่บ้านเกิดในเจียงหนาน
เก๋อซื่อเองก็มีคนคอยสอดแนมเป็หูเป็ตาอยู่ในจวนหลังนี้ จะอย่างไรนางก็ดูแลจวนหลังนี้มานานถึงยี่สิบปี แม้จะถูกอูอี๋เหนียงกดข่ม แต่นั่นเป็เพราะนางไม่อยากต่อสู้แย่งชิง ไม่ได้หมายความว่านางเป็เพียงคนหูหนวกตาบอดที่เอาแต่กินเจสวดมนต์
วันนั้นพี่ชายของอูอี๋เหนียงมาหานาง บังเอิญสาวใช้ที่ดูแลสวนดอกไม้แอบฟังอยู่ข้างนอกเรือนของอูอี๋เหนียง... เก๋อซื่อลังเลอยู่หลายวัน ในที่สุดก็ทนเห็นครอบครัวที่ดีต้องถูกอูอี๋เหนียงใส่ร้ายไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยคำยุยงของอูอี๋เหนียง หลายปีมานี้เตียวซวี่อันก็ยิ่งแสดงกิริยาอวดเบ่งมากขึ้น ถึงขั้นกล้ารับสินบนเพื่อตัดสินคดีความ
ตระกูลที่พวกเขา้าใส่ร้าย และยักยอกทรัพย์สินนั้น ก็เพราะเด็กสาวคนหนึ่งพูดช่วยคนตอนที่พวกเขาไปข่มขู่เอาโสมูเาร้อยปี ทำให้แผนการของพวกเขาล้มเหลว
บวกกับเหตุการณ์ลอบสังหารเจิ้นหย่วนโหวในวันนั้น เด็กสาวกับพี่ชายก็พูดความจริง ทำให้ร้านยาจี้เหรินถังถูกคนของท่านโหวรังเกียจ สูญเสียลูกค้าไป พวกเขาจึงผูกใจเจ็บ ้าให้เตียวซวี่อันช่วยใส่ร้ายครอบครัวนั้น
นางนับถือศาสนาพุทธ เชื่อเื่เวรกรรม จดหมายที่ส่งไปในวันนี้ หวังว่าจะช่วยให้ครอบครัวนั้นรอดพ้นจากคราวเคราะห์
ส่วนเตียวซวี่อัน นางคิดว่าผู้ชายที่ไร้ความรู้สึกต่อนางเช่นนี้ หากยังคงทำเช่นนี้ต่อไป สักวันหนึ่งต้องเกิดเื่ไม่ดีขึ้นมาเป็แน่ เพียงแต่ตอนนี้นางจัดการเื่ของหนุ่มสาวสองคู่นั้นเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าเตียวซวี่อันจะเกิดเื่ขึ้นเมื่อไหร่ นางก็ไม่สนใจแล้ว
่นี้ฝนตกต่อเนื่อง พอตกเย็นก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งสวมงอบและเสื้อกันฝน ลงจากรถม้าที่หน้าบ้านของอวิ๋นโส่วจง
เขาก็คืออาหนิว เขาจ้างเกวียนวัวไปที่ตำบลไป๋อวิ๋น จากนั้นก็ถามหาเกวียนวัวที่รับส่งผู้โดยสารไปหมู่บ้านไหวซู่ บังเอิญได้ขึ้นรถม้าของจางเฉวียนฟา ลูกชายคนที่สามของผู้ใหญ่บ้านจาง
หลังจากลงจากรถม้าแล้ว อาหนิวก็บอกจางเฉวียนฟาให้รอสักครู่ เขาแค่มาส่งของ เดี๋ยวก็กลับไปที่ตำบล
จางเฉวียนฟายินดีมากที่มีงานทำในวันที่ฝนตก จึงช่วยะโเรียกให้ “ลุงโส่วจง มีคนมาหาขอรับ!”
อวิ๋นโส่วจงถือร่มเดินออกมาจากห้องโถง มองชายหนุ่มแปลกหน้าที่ยืนอยู่หน้าบ้านด้วยความสงสัย “เ้าคือ...”
อาหนิวรีบคำนับอวิ๋นโส่วจง จากนั้นก็หยิบจดหมายที่ห่อด้วยกระดาษไขหลายชั้นออกมาจากอกเสื้ออย่างระมัดระวัง แล้วยื่นให้อวิ๋นโส่วจง “นายท่าน นี่คือจดหมายที่เ้านายของข้าฝากข้ามาให้ท่านขอรับ”
อวิ๋นโส่วจงรับจดหมายมา แล้วเอ่ยถามว่า “เ้านายของเ้าคือ...”
อาหนิวคำนับอีกครั้งก่อนจะกล่าว “เ้านายของข้าบอกว่าท่านอ่านจดหมายก็จะรู้เองขอรับ นายท่านอวิ๋น ข้าไม่รบกวนแล้ว ขอตัวก่อนขอรับ” กล่าวจบอาหนิวก็หันหลังขึ้นรถม้า
เมื่อรถม้าผ่านบ้านตระกูลอวิ๋นเก่า หลิ่วซื่อที่ออกมาเทน้ำเสียพอดีเห็นเข้า จึงรีบกลับเข้าไปในห้อง แล้วบอกกับอวิ๋นโส่วจู่ว่า “พ่อหู่หยาจื่อ เมื่อครู่นี้ข้าเห็นคนแปลกหน้าออกจากบ้านพี่รอง นั่งรถม้าเ้าสามของบ้านผู้ใหญ่จางไป”
อวิ๋นโส่วจู่ปรายตามองหลิ่วซื่อ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก “ตอนนี้พี่รองเป็เศรษฐีที่ดิน มีคนมาหาเยอะแยะก็ไม่แปลก ฮึ อีกไม่กี่วันคงมีคนมาหาที่บ้านของพวกเขามากกว่านี้!”
หลิ่วซื่อไม่เข้าใจ จึงเอ่ยถามว่า “ทำไม? ท่านรู้เื่อะไรหรือ?”
อวิ๋นโส่วจู่ถลึงตาใส่ “ยายแก่อย่างเ้ารู้มากไปก็เท่านั้น อีกสองสามวันก็รอดูเื่สนุกๆ ก็พอแล้ว ฮะฮ่าฮ่า จะพูดมากไปทำไม!”