หลังจากโดนเย่เฟิงจับได้ จูอี้ฉวินก็รู้สึกกลัวแต่ยังกัดฟันสู้และโต้กลับไป “แกจะจับใครตามอำเภอใจไม่ได้ ฉันจะฟ้องแกแน่!”
“ทำไม ไม่ยอมรับงั้นเหรอ? พวกที่มาก่อกวนคือคนที่แกจ้างมาใช่ไหม?”
เย่เฟิงแค่นเสียง
“แกพูดอะไร ฉันไม่เข้าใจ!”
จูอี้ฉวินไม่มีทางยอมรับผิดแน่ ไม่อย่างนั้นจะไม่เป็การหาเื่ฆ่าตัวตายหรอกหรือ?
น่าเสียดายที่การต่อต้านแบบนี้ทำให้เสียแรงเปล่า จะไม่ยอมรับใช่ไหม? พอใช้การสะกดจิต ไม่ว่าเื่อะไรก็จะยอมพูดออกมาจนหมด ยิ่งกว่านั้นยังเป็การทำลายสมองด้วย
การสะกดจิตเป็การบังคับให้อีกฝ่ายพูดทั้งที่ไม่เต็มใจ ยิ่งบังคับมากเท่าไร สมองก็ยิ่งเสียหายมากเท่านั้น ตัวอย่างเช่น เมื่ออยากให้ใครสักคนสารภาพผิด ก่อนหน้านี้เซี่ยิ่และเซี่ยเฉิงเย่อยู่ในการพิจารณาของศาล เมื่อพวกเขาตื่นขึ้นมาก็เสียสติไปแล้วเล็กน้อย หากถามเื่ที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ความเสียหายต่อสมองก็จะมีน้อยมาก เช่น ทีู่เาฉางไป๋ เย่เฟิงใช้มันกับหลงหว่านเอ๋อร์เพื่อให้รู้ถึงอดีตของตระกูลหลงและตระกูลเย่ในยุทธจักร แน่นอนว่าหลงหว่านเอ๋อร์ไม่ต่อต้าน เธอจึงไม่ได้รับอันตรายจากมัน
“เดิน”
เย่เฟิงหิ้วจูอี้ฉวินขึ้นมา เขาี้เีพูดเื่ไร้สาระกับผู้ชายคนนี้ นำไปให้หลินซือฉิงจัดการ โดยมีเขาช่วยสะกดจิต และให้เธอบันทึกเสียงเพื่อเป็หลักฐาน
ร่างใหญ่ของจูอี้ฉวินถูกเย่เฟิงหิ้วเหมือนลูกไก่ในกำมือ มุ่งหน้ากลับงานแสดงสินค้า
เพื่อไม่ให้เป็จุดสนใจ เย่เฟิงจึงเข้าทางประตูข้าง ไม่นานก็มาถึงห้องประชุมชั้นหนึ่งของงานแสดงสินค้า ซึ่งมีหลินซือฉิงรออยู่
“เอ๊ะ ทำไมจับมาได้เร็วจัง?”
หลินซือฉิงยืนอยู่กลางห้องประชุมคนเดียว การแต่งกายอย่างมืออาชีพเผยความเซ็กซี่ดึงดูดความสนใจทางเพศ ไหนจะเสื้อคอวีที่แทบปิดยอดถันไม่มิด ทำให้เย่เฟิงที่ได้เห็นอดกลืนน้ำลายไม่ได้
มันช่างยั่วยวนใจเกินไปแล้ว
“ถามเขาเถอะ ถามเื่อะไรก็ได้”
เย่เฟิงโยนจูอี้ฉวินไปนั่งในห้องประชุม จากนั้นนั่งบนโซฟาข้างๆ รูปร่างและสัดส่วนที่งดงามของหลินซือฉิง มีสาวสวยอยู่ตรงหน้า ถ้าไม่ดูก็คงน่าเสียดายแย่ ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้เขาก็ไม่มีอะไรทำอยู่ดี
หลินซือฉิงโทรหาผู้รับผิดชอบบริษัทเครื่องประดับเหล่านี้ รวมถึงคนที่มาร่วมงานและไม่ได้มาร่วมงาน แต่พยายามเติมเต็มบูธที่ว่างเปล่าให้ทันในคืนก่อน
ที่จริงแล้วไม่สามารถตำหนิการเตรียมงานของหลินซือฉิงได้เลยว่าเธอไม่เตรียมตัวอย่างเต็มที่ เพราะในความเป็จริง ก่อนงานเริ่ม บริษัทอื่นๆ บอกว่าจะเข้าร่วมและเซ็นสัญญาเรียบร้อยว่าจะไม่ยกเลิกสัญญาใดๆ ทั้งสิ้น แต่พอเกิดเื่ใน่สุดท้าย พวกเขากลับไม่มา!
พูดได้เลยว่าหลินเหรินเทียนและจูอี้ฉวินภายนอกดูเป็คนดี แต่ภายในคิดไม่ดีต่อคนอื่น ตอนนี้หลินซือฉิงโทรหาอีกฝ่าย แต่พวกเขายังไม่พร้อม และมีมติเป็เอกฉันท์ว่าอาจเข้าร่วมได้วันพรุ่งนี้หรือมะรืนนี้
ไม่ใช่ว่าถูกหลอกเหรอแบบนี้?
ถ้าจะไม่มาั้แ่แรกก็อย่ามา! หลินซือฉิงคิดในใจว่าปล่อยให้บริษัทอื่นยึดบูธของพวกเขาเป็การดีที่สุดแล้ว ในเมื่ออีกฝ่ายผิดสัญญาก่อน เธอก็จะไม่สนใจจรรยาบรรณทางธุรกิจเหมือนกัน
เมื่อหลินซือฉิงเห็นเย่เฟิงนำจูอี้ฉวินมา ก็รีบวางสายทันที เพื่อหยุดเื่ตรงหน้านี้ก่อน
“คุณจู ไม่เจอกันนานเลยนะ”
หลินซือฉิงยิ้มเล็กน้อย เดินไปนั่งข้างเย่เฟิง แล้วจ้องจูอี้ฉวิน
สติเย่เฟิงแทบหลุดเมื่อได้กลิ่นหอมจากคนข้างๆ แต่เขารู้ดีว่าตอนนี้กำลังจัดการเื่สำคัญอยู่ จึงเปลี่ยนไปมองดวงตาของจูอี้ฉวิน และค่อยๆ สะกดจิตเขา
“พี่หลิน ถามตรงๆ ไปเลยก็ได้ ผมจัดการเขาแล้ว เขาตอบคำถามแน่นอน”
เย่เฟิงกลัวว่าหลินซือฉิงจะชวนฝ่ายตรงข้ามคุย จึงกล่าวเตือน
“เอ๊ะ?”
หลินซือฉิงประหลาดใจ จูอี้ฉวินจะให้ความร่วมมือเหรอ?
เมื่อเห็นว่าจูอี้ฉวินไม่โต้ตอบกลับมา เธอจึงรักษาท่าทีเอาไว้ และเอ่ยถามจูอี้ฉวิน “พวกคนชุดดำก่อนหน้านี้คือคนที่นายเรียกมาใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว”
จูอี้ฉวินตอบอย่างจริงจังและแสดงออกถึงความนอบน้อมอย่างยิ่ง ขัดกับใบหน้าที่มีไฝเม็ดใหญ่อัปลักษณ์บนจมูก
เมื่อหลินซือฉิงได้ยินดังนั้นก็ใ จูอี้ฉวินพูดความจริงกับเธอจริงเหรอ?
“ผมพูดถูกไหม พี่หลินถามได้ตามสบายเลย”
เย่เฟิงยิ้ม
“ฉันไม่รู้เลยว่านายทำได้ยังไง”
หลินซือฉิงกล่าวด้วยร้อยยิ้ม กลิ่นหอมของเธอลอยฟุ้ง จนทำให้เย่เฟิงรู้สึกคันยิบๆ ข้างหู
ไม่นานหลินซือฉิงรู้สึกว่าการสอบสวนครั้งนี้เป็ที่น่าพอใจที่สุดในชีวิตเธอ ไม่ว่าเธอจะถามอะไร จูอี้ฉวินก็ไม่ปิดบัง และตอบทุกคำถาม กระทั่งเื่ที่หลินเหรินเทียนเป็ผู้อยู่เื้ัเื่ทั้งหมด เขาก็พูดมันออกมา!
หลินซือฉิงสงสัย หากเธอถามว่าเคยเปิดห้องไปกี่ครั้งก็กลัวว่าเขาจะพูดมันออกมาจริงๆ เธออดแปลกใจไม่ได้ว่าเย่เฟิงทำได้อย่างไร? หญิงสาวแทบไม่เชื่อเลยว่าจูอี้ฉวินจะกลับตัวกลับใจเช่นนี้...
เมื่อเห็นว่าหลินซือฉิงถามทุกอย่างที่ควรถามแล้ว และบทสนทนาระหว่างทั้งคู่ก็ถูกบันทึก เย่เฟิงจึงถอนการสะกดจิตเงียบๆ
จูอี้ฉวินเริ่มได้สติ เหงื่อเย็นเฉียบพลันหลั่งไหลทันทีเมื่อมองเห็นหลินซือฉิงและเย่เฟิงนั่งอยู่ตรงข้าม เขาจำได้เพียงเล็กน้อยว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อครู่ แต่มันคลุมเครือเหมือนกับฝันว่าตัวเองพูดทุกเื่ที่ตนกับหลินเหรินเทียนวางแผนไว้...
ฉันคงไม่ได้พูดจริงๆ หรอกใช่ไหม?
“คุณจู ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือนะ”
หลินซือฉิงเก็บโทรศัพท์มือถือที่บันทึกเสียงไว้พลางยิ้มแย้มอารมณ์ดี พฤติกรรมการค้าที่ไม่โปร่งใสซึ่งก่อความวุ่นวายต่อสาธารณชนนั้นจะว่าเป็เื่ใหญ่ก็ไม่ใหญ่ แต่จะบอกว่าเป็เื่เล็กก็ไม่ได้เล็กเลย
กรณีที่คนกลุ่มนั้นทำร้ายคนธรรมดาจนเป็เหตุให้มีคนเสียชีวิตและาเ็ ถือว่าเป็ปัญหาใหญ่ แต่เคราะห์ดีที่คนของเย่เฟิงมีฝีมือ จัดการทุกอย่างได้ทันเวลา ดังนั้นถ้า้าฟ้องร้องจริง ด้วยอิทธิพลของตระกูลหลินก็สามารถทำให้จูอี้ฉวินเข้าคุกได้อย่างง่ายดาย และยังสามารถยึดทรัพย์สินทั้งหมดของเขาได้อีกด้วย หากเป็เช่นนั้น จูอี้ฉวินคงทำได้เพียงแค่ร้องไห้ต่อหน้าตระกูลหลินหนึ่งฉาก หากจะเผชิญหน้ากับตระกูลหลินเขาจะหนีไปไหนได้? อีกทั้งเป็เขาที่ทำผิดก่อน
ถ้าเขาไม่เปิดโปงหลินเหรินเทียน บางทีหลินเหรินเทียนอาจช่วยเหลือเขาในการขึ้นศาล หลังจากช่วยเขาทำงานทั้งหมด แต่สถานการณ์ในตอนนี้ แค่หลินเหรินเทียนไม่ฆ่าเขาตายก็ดีเท่าไรแล้ว
“แกไสหัวไปได้แล้ว”
เย่เฟิงกล่าวเบาๆ กับจูอี้ฉวิน
หัวของจูอี้ฉวินเต็มไปด้วยเหงื่อ เขาลุกขึ้นอย่างงงๆ พาร่างตัวเองออกไป แต่จู่ๆ ก็ถูกลูกน้องสองคนของเตาปาคุมตัวไว้ พวกเขาสองคนยืนเฝ้าอยู่ข้างนอกนานแล้ว เพื่อรอตำรวจมาสอบสวน และไม่ทราบเกี่ยวกับเื่ของเย่เฟิงเลย
“พี่หลิน ลุงหลินเหรินเทียนของพี่นี่สุดยอดจริงๆ พี่จะโต้กลับไปยังไง?”
เย่เฟิงส่ายหน้าและถามหลินซือฉิง
การใช้บุคคลภายนอกจัดการครอบครัวตัวเองเป็เื่ร้ายกาจมาก อีกทั้งเพียงพอที่จะเกิดความเสียหายด้วย แม้แต่ความสามารถของหลินซือฉิงเพียงอย่างเดียวก็อาจสู้กับจิ้งจอกเฒ่าอย่างหลินเหรินเทียนไม่ได้เลย
“ครั้งนี้ช่างมันเถอะ ฉันไม่อยากให้เป็เื่ใหญ่ ที่จริงแล้วฉันไม่อยากให้เื่ไม่ดีของตระกูลแพร่งพรายออกไป...”
หลินซือฉิงยังรู้สึกอึดอัดในใจ จึงเอ่ยเสียงเบา
“ถ้า้าให้ช่วยอะไรก็บอกได้เลยนะ”
เย่เฟิงยิ้ม หลินซือฉิงช่วยเขาไว้หลายเื่มาก เป็ธรรมดาที่เขาต้องตอบแทนเธอกลับไปบ้าง ดูเหมือนว่าหลงโม่หรานที่ถูกจับกุมโดยสำนักความมั่นคงแห่งชาติอีกไม่นานก็คงถูกปล่อยตัวออกมา ครึ่งหนึ่งต้องยกเครดิตให้หลินซือฉิงเลย
“อืม พี่จะไม่เกรงใจนายแล้วนะ”
หลินซือฉิงเห็นความจริงใจของเย่เฟิงก็ซาบซึ้งใจ
หากเปลี่ยนเป็ไช่เฉ่าหง ในสถานการณ์แบบนี้เขาอาจไม่ยืนอยู่ข้างหลินซือฉิงแน่นอน ถึงอย่างไรฝ่ายตรงข้ามก็เป็หลินเหรินเทียน ด้วยอิทธิพลของตระกูลหลินคงส่งคนมาจัดการแน่นอน
สิ่งนี้ทำให้เธออยากคว้าเย่เฟิงมาจูบสักที แต่ก็อดกลั้นไว้ เพราะหากสาวๆ ของเย่เฟิงเห็นเข้า อาจจะเกิดเื่ไม่ดีตามมาก็ได้...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้