เขมิกาไม่พูดไม่จาตลอดทางกลับบ้าน พอมาถึงบ้านก็เดินเข้าห้องนอนไปเลย ทำเอาทุกคนในบ้านเป็ห่วง
“พ่อ…แม่”จ้าวเวยเวยกล่าวได้แค่นั้น เธอก็พูดไม่ออกเช่นกัน และไม่เข้าใจว่าที่พระอาจารย์บอกว่าเธอต้องไป คือที่ไหน
“เวยเวยลูกกับน้องไปพักกันเถอะ ไม่ต้องห่วงเื่แม่ เดี๋ยวพ่อจะไปอยู่เป็เพื่อนแม่เขาเอง"จ้าวิโจวกล่าวและเดินตามหลังภรรยาขึ้นห้อง
ในห้องนอนพ่อแม่
เขมิกาที่เข้ามาในห้องก็ร้องไห้ออกมา เธอพยายามไม่ร้องไห้ต่อหน้าลูกสาวทั้งสอง โดยเฉพาะลูกคนโต เขมิกาไม่เข้าใจทำให้ครอบครัวเธอถึงต้องมาเจอกับเื่พวกนี้ด้วย
จ้าวิโจวตามเข้ามาในห้อง เห็นภรรยานั่งปิดหน้าร้องไห้ เขารู้สึกเ็ปไปทั้งใจที่เห็นคนรักเสียใจ แต่ตัวเองกลับทำอะไรไม่ได้ จ้าวิโจวเดินเข้าไปกอดภรรยาเอาไว้แนบอก
“ที่รัก คุณอยากร้องไห้สิ คุณร้องไห้แบบนี้ทำให้ผมเ็ปไปด้วยนะ”จ้าวิโจวกอดปลอบภรรยา
“ทำไมถึงเกิดเื่แบบนี้ขึ้นกับเราด้วย ลูกสาวของฉันเธอเป็เด็กดี ยุงสักตัวเธอ…เธอยังไม่กล้าตีเลย เธอจะมีบาปติดตัวได้ยังไง”เขมิกากล่าวและร้องไห้
“เื่นี้ก็แค่พระท่านทักเท่านั้นเอง จะเป็เื่จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ที่รักคุณไม่เห็นต้องเอามาใส่ใจจนทำให้ตัวเองทุกข์ขนาดนี้เลย” จ้าวิโจวกล่าว ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อ แต่เข้าแค่คิดว่าเื่พวกนี้มันพิสูจน์อะไรไม่ได้เลย รับรู้มาแล้วกลับทำให้ครอบครัวทุกข์ใจทั้งนั้น
“แต่ว่าท่านพระอาจารย์ท่านทำนายแม่นมากนะคะ ปกติคนที่มาขอดูดวงกับท่านมากมาย ท่านยังไม่ค่อยจะดูให้เลย แต่ว่าหากคนไหนที่ถูกท่านทัก มักจะเป็แบบนั้นจริงๆ”เขมิกากล่าวและเล่าเื่ของญาติให้สามีฟัง เธอเชื่อมากเป็เพราะแต่ตอนท่านเคยทักญาติของเธอคนหนึ่ง ว่าจะเกิดอุบัติเหตุทางน้ำ ให้หลีกเลี่ยงไปก่อนในปีนั้น แต่ญาติคนนั้นไม่เชื่อ เขาเดินทางทางน้ำไปทำงาน ทำให้ตกน้ำเสียชีวิตจริงๆ
“หากท่านทักแม่นจริงๆ แล้วลูกขอเราจะต้องไปที่ไหน?”จ้าวิโจวกล่าวและขมวดคิ้วเป็กังวล
“ตอนนี้ลูกของเรากำลังจะเดินทางไปเซี่ยงไฮ้ หรือว่าจะเกี่ยวกับการไปเซี่ยงไฮ้ค่ะ!”เขมิกาถามสามี
จ้าวิโจวคิดและเอ่ยขึ้นมาเบาๆ ว่า “ถ้าเกี่ยวกับการเดินทางครั้งนี้ของลูก คงไม่ใช่เื่นั้นหรอกนะ”
เขมิกาที่อยู่ใกล้สามีกลับได้ยินคำพูดของสามีชัดเจน เธอเงยหน้าถามว่า"เื่อะไรคะ คุณรู้อะไรมา"
“ผมก็ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวกันหรือเปล่า ผมไม่เคยบอกคุณเื่ของตระกูลสายหลักเลยสินะ”จ้าวิโจวกล่าวกับภรรยา
“ตระกูลสายหลัก สายตระกูลของคุณย่าทวดของคุณนะหรือคะ!”เขมิกาเอ่ยถามหลังจากที่ได้ยินสามีเอ่ยถึงสายตระกูล"คุณเล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ ทำไมคุณถึงคิดว่าเกี่ยวกับเื่ในตระกูลของคุณ"
จ้าวิโจวถอนหายใจและเอ่ยว่า"เื่นี้เป็เื่ที่บรรพบุรุษของผมได้ทำผิดไปนะครับ ท่านเป็ลูกชายของสายตระกูลหลัก ผมก็ไม่ค่อยรู้เื่เท่าไหร่ฟังคนเฒ่าคนแก่เล่ามาอีกทีหนึ่ง รู้แต่ว่าท่านเคยมีภรรยาอยู่คนหนึ่ง ก่อนที่ท่านจะหย่าและไล่เธอกับลูกออกจากบ้านไป ด้วยข้อหาไม่มีลูกชาย และท่านก็แต่งงานใหม่กับผู้หญิงที่แม่ของท่านหาให้"
“บรรพบุรุษของคุณนี้ชั่วจริงๆ ภรรยามีลูกชายให้ไม่ได้ แต่ก็มีลูกสาวให้ไม่ใช่เหรอ!”เขมิกาฟังแล้วยังรู้สึกไม่ชอบผู้ชายในอดีตคนนี้เลย
“ในยุคนั้น พวกเขาเห็นความสำคัญของการมีลูกชายมากครับ การที่ผู้หญิงไม่มีลูกชายให้ถือว่าร้ายแรงอยู่ครับ และเพราะเป็แบบนั้น ทำให้ตระกูลจ้าวสายหลักของเรา ถึงต้องเจอคำสาปไม่ให้มีลูกชายไม่ตลอดกาล จนกว่าจะได้รับการอภัยจากภรรยาคนนั้น คำสาปถึงจะหายไป” จ้าวิโจวกล่าว
“แต่ตระกูลของคุณก็ยังมีลูกชายถึงสองคนนี้ค่ะ”เขมิกาถาม ในตระกูลมีสามีและพี่ชายสามีอยู่นี้
“พี่ชายของผมเขาเป็ลูกบุญธรรมนะครับ ส่วนผมก็ไม่ใช้ลูกหลานสายตระกูลหลัก แต่เป็ลูกหลานที่เหลืออยู่ของหนึ่งในลูกสาวของภรรยาคนนั้นนะครับ”จ้าวิโจวกล่าว
เขมิกากล่าวว่า"หมายความว่า คำสาปไม่คลุมไปที่ตระกูลของคุณ"
“ก็ไม่ใช่ซะที่เดียว ตลาดหลายปีที่ผ่านมาตระกูลสายรองของเรา จะมีลูกชายแค่หนึ่งคนในแต่ละรุ่นเท่านั้นครับ”จ้าวิโจวกล่าว
“แล้วทำไมเธอถึงได้สาปแช่งคนในตระกูลสายหลักละคะ เธอคงโกรธแค้นที่ถูกสามีหย่าและไล่ออกจากบ้านหรือคะ”เขมิกาถามต่อ
“ผมก็ไม่ได้รู้มากหรอกนะครับ ว่าทำไมภรรยาผู้นั้น ถึงได้โกรธแค้นและสาปแช่งตระกูลของเราขนาดนั้น"
เขมิกามองหน้าสามี และกล่าวว่า"คุณคะ ที่…ที่พระอาจารย์บอกว่าลูกสาวของเรา มีบาปที่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น เป็บาปที่ทำให้ผู้ให้กำเนิดต้องเสียใจ หมายความว่ายังไง ในชาติก่อนลูกเราทำอะไรเอาไว้กัน!"
“ผมก็ไม่รู้ และผมก็ไม่อยากให้เป็แบบนั้นด้วย”จ้าวิโจวกล่าวอย่างหนักใจ
“ฉันไม่อยากสูญเสียลูกไป จะทำยังไงดี” เขมิกายิ่งคิดยิ่งหวาดกลัวจนร้องไห้ออกมาอีกรอบ
“ที่รักคุณอย่าร้องไห้ หากลูกต้องไปแก้ไขคำสาปให้ตระกูลจริงๆ ผมก็ไม่อยากให้ลูกต้องเป็ห่วงและเป็กังวลในตัวพวกเรานะ”จ้าวิโจวกล่าวและกอดภรรยาเอาไว้