ั้แ่วันที่หยวนชิงหลิงได้เอ่ยความจริงเกี่ยวกับเื่ที่พวกนางถูกส่งไปที่แคว้นเซี่ย สตรีหลายคนก็มีการเปลี่ยนแปลงรวมทั้งสตรีร่างสูงที่นางได้รู้ชื่อในภายหลังว่านางชื่อมู่หยูเยว่ พวกนางมาขอให้หยวนชิงหลิงสอนเื่การทำอาหาร ส่วนสาวใช้ที่ติดตามพวกนางมาก็ทำหน้าที่สอนการซักผ้าทำความสะอาด
พวกนางรับชุดของทหารองครักษ์ที่ใส่แล้วมาซักเมื่อมีโอกาส แรกเริ่มอาจมีติดขัดอยู่บ้าง บางคนซักไม่สะอาด บางคนก็ทำชุดขาด แต่พวกนางกลับไม่ได้ถูกตำหนิกลับมาเลยสักคน
กลับกันพวกเขากลับรู้สึกขอบคุณที่พวกนางทำตัวให้เป็ประโยชน์ต่อคณะราชทูตแคว้นเซี่ย ดีกว่าตอนแรกเริ่มออกเดินทางที่พวกนางทำแต่เื่วุ่นวายเรียกร้องสิ่งนั้นสิ่งนี้ทำให้พวกเขาต้องปวดหัวอยู่หลายวัน เื่นี้ต้องขอบคุณท่านหญิงลู่จิวที่ทำให้บรรยากาศการเดินทางครั้งนี้เปลี่ยนไป
เหล่าสตรีที่เคยเอาแต่นั่งอยู่ในรถม้ามาตลอดทาง เริ่มมีปฏิสัมพันธ์พูดคุยกับทหารองครักษ์บ้าง ทำให้บรรยากาศการเดินทางที่แสนยาวไกลเริ่มสนุกและไม่น่าเบื่อ
แต่ยังมีคนบางพวกที่หัวแข็งไม่ยอมเปลี่ยนแปลง เช่นคุณหนูตระกูลหลี่ที่ตั้งตัวเป็ปรปักษ์กับหยวนชิงหลิงอย่างเห็นได้ชัด นางคอยปลุกปั่นสตรีที่นั่งรถม้าคันเดียวกับนางและสตรีบางคนที่ไม่ชอบการทำงานหนักให้หลงเชื่อว่าเื่ที่หยวนชิงหลิงพูดนั้นไม่เป็ความจริง
ทั้งยังบอกว่าหยวนชิงหลิงทรยศต่อแคว้นฉินไปเข้ากับศัตรูอย่างแคว้นเซี่ย เพราะอย่างนั้นอาหารที่พวกนางได้รับจึงน้อยลงและรสชาติแย่ลงทุกวันจนแทบไม่สามารถกลืนลงท้องได้ เื่นี้หยวนชิงหลิงไม่รู้เพราะนางกำลังยุ่งอยู่กับการสอนทำอาหาร
“นี่มันอาหารคนหรืออาหารหมูกันแน่เหตุใดถึงได้รสชาติแย่เพียงนี้”
หลี่อันหรงโยนชามใส่โจ๊กผักป่าไปที่พ่อครัวที่กำลังทำอาหาร ที่นางกล้าทำเช่นนี้เพราะคิดว่าพ่อครัวเ่าั้มีสถานะต่ำต้อยที่สุดในคณะเดินทาง นางเพียง้าหาที่ระบายอารมณ์เท่านั้น เพราะหลายวันนี้มานี้สตรีที่เคยเชื่อฟังนางต่างก็ตีตัวออกหาก หันไปเรียนทำอะไรไร้สาระกับหยวนชิงหลิง
ร่างของพ่อครัวเต็มไปด้วยเศษผักและข้าว ทุกคนต่างมองไปที่นางเป็จุดเดียว ก่อนที่หยวนชิงหลิงจะรีบยกถังไม้ที่ใส่น้ำไปราดลงบนตัวเขา
“อาเฟยเ้าร้อนหรือไม่ พวกเ้าไปยกน้ำมาอีก”
หยวนชิงหลิงสั่งสตรีสองสามคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล พวกนางรีบนำถังไม้ไปตักน้ำมาราดลงบนตัวของอาเฟยจนเศษผักและข้าวหลุดออกจนหมด ทำให้มองเห็นรอยแดงปรากฏขึ้นบนใบหน้าและลำคอของเขา เพราะโจ๊กที่หลี่อันหรงโยนมานั้นพึ่งตักจากหม้อ
“สารเลว”
หยวนชิงหลิงเดินตรงไปที่หลี่อันหรงด้วยดวงตาวาวโรจน์ก่อนจะจิกหัวนางลากไปที่ด้านหน้าอาเฟย อารมณ์ของนางตอนนี้ปะทุถึงขีดสุดแล้ว กล้าทำร้ายสหายของนางอย่างนั้นหรือ สตรีนางนี้หากไม่สั่งสอนเสียบ้างนางคงจะยังคิดว่าตนเองสูงส่งและไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตา
“ขอโทษเขาซะ!! หลี่อันหรง ก่อนที่ข้าจะจับหัวเ้าจุ่มลงไปในหม้อต้มโจ๊ก กล้าดีอย่างไรมาทำร้ายสหายของข้า เ้าอย่าหวังว่าวันนี้ข้าจะปล่อยให้เ้ากลับไปอย่างสบายๆ เหมือนครั้งก่อน”
หลี่อันหรงแสดงท่าทางหวาดกลัวออกมาอย่างลนลาน นางไม่คิดว่าเพียงแค่ราดโจ๊กใส่พ่อครัวต่ำต้อยผู้หนึ่ง จะทำให้หยวนชิงหลิงออกหน้าปกป้องเขาและแสดงท่าทางโกรธเกรี้ยวมากมายเช่นนี้
“ข้าไม่ขอโทษ!! พวกมันก็เป็เพียงแค่คนชั้นต่ำเท่านั้นเหมาะสมกับคำขอโทษของข้าหรือ แล้วเ้าเป็อันใดกับพ่อครัวผู้นี้กันถึงได้ต้องโกรธแทนมัน หรือว่ามันเป็คนรักของเ้า จึงทำให้เ้าโกรธถึงเพียงนี้ ตกต่ำใหญ่แล้วนะหยวนชิงหลิง หรือเป็เพราะองค์ชายห้าไม่ชายตามองเ้าแล้ว เลยทำให้เ้าไปคว้าเอาคนชั้นต่ำจากแคว้นเซี่ยมาเป็คนรัก ข้าเศร้าใจแทนบิดาของเ้าที่ด่วนจากไปเสียจริง บุตรสาวอกตัญญูรักกับศัตรูที่สังหารตนเอง เห็นทีพ่อของเ้าที่อยู่ในปรโลกคนจะตายตาไม่หลับเป็แน่”
หยวนชิงหลิงจะไม่โมโหมากมายเพียงนี้ ถ้าหากหลี่อันหรงด่าแค่เพียงนาง แต่ตอนนี้นางได้แตะเกล็ดย้อนของหยวนชิงหลิงเข้าแล้ว เื่ที่นางไม่สมควรดึงเข้ามาเกี่ยวด้วยก็คือเื่บิดาของนาง หลี่อันหรงคิดว่าตนเองมีกี่ชีวิตกัน
หยวนชิงหลิงคว้ากระบี่ที่เอวของเซี่ยหวายอีที่พึ่งเดินเข้ามา เขาได้รับรายงานจากชางรุ่ยเื่ของหลี่อันหรงที่นางทำแล้ว ร่างสูงจับแขนของนางเอาไว้เพราะเกรงว่านางจะสังหารสตรีที่อยู่ตรงหน้า หยวนชิงหลิงตวัดสายตาขึ้นมองเขา ดวงตากลมโตแดงก่ำไหวระริก น้ำตาที่จวนเจียนจะหยดไหลกลอกกลิ้งอยู่ในดวงตาของนาง
ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้หัวใจของเขาบีบรัดด้วยความเ็ป เซี่ยหวายอีดึงกระบี่ออกจากมือของนางก่อนที่จะฟันไปที่ใบหน้าของหลี่อันหรง เมื่อนางร้องออกมาเพราะความเ็ป เขาก็ฟันลิ้นของนางทิ้งอย่างไม่ไยดี
“ปากเน่าๆ ของเ้าไม่ควรจะมีลิ้นเอาไว้พูดในเื่ที่ไม่ดี”
เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นอย่างอำมหิต
“ใบหน้าของเ้าเสียโฉมแล้วจากนี้ไปแม้แต่นางบำเรอในกองทัพเ้าก็เป็ไม่ได้ ตีตราทาสที่ใบหน้าของนาง จากนี้ไปนางจะต้องทำงานชั้นต่ำทุกอย่างในคณะเดินทาง หลังจากไปถึงแคว้นเซี่ยแล้วส่งนางไปยังซ่องนางโลมชั้นต่ำที่สุด ให้รับลูกค้าวันละห้าสิบคนเป็เวลาหนึ่งปี เมื่อครบหนึ่งปีให้ส่งนางไปทำงานที่เหมืองเกลือ”
หลี่อันหรงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ใลนลาน นางพยายามคลานมาที่เท้าของเซี่ยหวายอีเพื่อขอความเมตตา แต่ถูกเขาเตะกระเด็นออกไปไกล คนของเขานำโซ่ตรวนมาคล้องมือและเท้าของนางเอาไว้ จากนั้นจึงลากนางออกไปไม่แม้แต่จะเรียกหมอมารักษา
“ทุกคนจงจำวันนี้เอาไว้ให้ดี ต่อไปพูดแต่เื่ที่ควรพูด แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนได้แล้ว อีกไม่ช้าเราจะออกเดินทางกันต่อ”
หยวนชิงหลิงที่ยืนก้มหน้าอยู่ที่เดิมค่อยๆ เดินหันหลังจากไป เสียงของหลี่อันหรงที่สบถด่าทอว่าร้ายบิดาของนางยังคงดังก้องอยู่ภายในหัว หยวนชิงหลิงรู้สึกหายใจไม่ออก เหมือนมีบางอย่างกำลังกดทับหัวใจของนาง ภาพเบื้องหน้าที่นางเห็นค่อยๆ หดแคบลงและมืดดำทีละน้อย
ร่างบางซวนเซไปด้านหน้าก่อนที่จะล้มลง เซี่ยหวายอีมองตามแผ่นหลังที่ดูโดดเดี่ยวของนางเดินกลับไปที่รถม้าด้วยสายตาเป็ห่วง เขาสังเกตเห็นอาการผิดปกติ จึงรีบพุ่งไปรับร่างของหยวนชิงหลิงเอาไว้ ปากก็ะโสั่งให้คนของเขาไปตามหมอมาดูอาการของนาง อีกครั้งที่ขบวนของราชทูตแคว้นเซี่ยจะต้องหยุดลงเพราะอาการป่วยของหยวนชิงหลิง
ผ่านไปเพียงไม่นานหลังจากที่ท่านหมอเยี่ยนออกจากรถม้าไป หยวนชิงหลิงก็รู้สึกตัวฟื้นขึ้นมา นางมองไปที่จ้าวหงอิงที่นั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของรถม้า จากนั้นจึงค่อยๆ พยุงกายลุกขึ้นนั่ง
“ข้าเป็อะไรไปหรือ”
จ้าวหงอิงรีบเข้ามาดูนางและแสดงอาการดีใจออกมา
“ท่านหญิงท่านฟื้นแล้ว ข้าเป็ห่วงแทบแย่ที่เห็นท่านหมดสติไป ยังดีที่หัวหน้าองครักษ์รับร่างของท่านเอาไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นท่านคงาเ็ไปแล้ว”
หยวนชิงหลิงจำได้เพียงนางกำลังเดินกลับมาที่รถม้า เหตุการณ์หลังจากนั้นนางจำไม่ได้เลย เขาช่วยนางเอาไว้อีกแล้วสินะ จ้าวหงอิงไปตามท่านหมอเยี่ยนกลับมาตรวจชีพจรให้หยวนชิงหลิงอีกครั้ง จากนั้นจึงจัดยาสงบใจให้จ้าวหงอิงไปต้มมาให้นางดื่ม
ั้แ่วันที่มีเื่กับหลี่อันหรงหยวนชิงหลิงก็เงียบขรึมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นางแทบไม่ออกมาจากรถม้าเลยเอาแต่นั่งเหม่อมองไปบนท้องฟ้าจากทางหน้าต่าง ทำเอาจ้าวหงอิงที่นั่งมากับนางรู้สึกเป็ห่วง
“ข้าไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้ท่านหญิงลู่จิวกลับมาร่าเริงเช่นเดิมได้ พวกท่านที่สนิทกับนางก่อน ช่วยข้าออกความคิดได้หรือไม่”
จ้าวหงอิงนั่งลงด้านข้างของอาเฟยก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเบาๆ ท่าทางของอาเฟยเองก็แสดงออกว่าหนักใจไม่แพ้กัน ั้แ่ที่หยวนชิงหลิงเอาแต่เก็บตัวอยู่ในรถม้า บรรยากาศภายในขบวนเดินทางก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เพราะนางเป็เช่นนี้คงไปกระทบต่อจิตใจของใครอีกหลายคน
“ข้าเองก็ไร้หนทาง อ่อนี่ คุณหนูจ้าวเ้ารู้หรือไม่ว่าท่านหญิงมีสิ่งใดที่ชอบบ้าง บางทีสิ่งนั้นอาจทำให้นางกลับมาร่าเริงเช่นแต่ก่อนได้”
จ้าวหงอิงแสดงท่าทางครุ่นคิด นางเองก็พึ่งจะสนิทกับท่านหญิงลู่จิวได้ไม่นาน รู้เพียงนางขอบทำอาหารแต่เื่อื่นนางแทบไม่รู้อะไรเลย
“เฮ่อ!!! ข้านี่ช่างเป็คนที่ไร้ประโยชน์สิ้นดี ข้าเคยได้รับความช่วยเหลือจากนางมามากมาย แต่ข้ากลับทำอะไรเพื่อนางไม่ได้เลยสักอย่าง”
จ้าวหงอิงถอนหายใจออกมาอย่างท้อแท้ เหล่าพ่อครัวที่นั่งรวมตัวกันอยู่ตรงนั้นก็รู้สึกไม่ต่างจากนาง หยวนชิงหลิงที่เดินผ่านมาได้ยินบทสนทนาเ่าั้เพราะบังเอิญนางออกจากรถม้าเพื่อมาเติมน้ำดื่ม
“นี่เป็เพราะข้าเลยทำให้พวกเ้าต้องเป็กังวลขนาดนี้เชียวหรือ”
นางพึมพำกับตนเองเบาๆ ก่อนที่จะได้กลิ่นหอมเย็นที่แสนคุ้นเคย หยวนชิงหลิงหันกลับไปด้านหลังก่อนที่จะปะทะเข้ากับร่างสูงของเซี่ยหวายอี
“เ้า!!!”
หยวนชิงหลิงพยายามตั้งหลักไม่ให้คนเองล้มลง แต่เพราะพื้นดินตรงนั้นไม่เสมอกันทำให้เท้าของนางเหยียบไม่ได้สมดุล ร่างบางหงายไปทางด้านหลังก่อนที่จะถูกเซี่ยหวายอีโอบเอวคอดของนางเอาไว้ได้ด้วยแขนแข็งแรง
“แค่ยืนเองเ้าก็ไม่ไหวแล้วหรือ จะลงมาจากรถม้าทำไม”
เพราะประโยคประชดประชันที่ออกมาจากร่างสูง ทำให้หยวนชิงหลิงมองค้อนเขาด้วยความไม่พอใจ
“ข้ายืนเองได้ ไม่ต้องให้เ้าช่วย”
นางพยายามดันตัวเองออกจากอ้อมแขนของเซี่ยหวายอี แต่ไม่เป็ผลสำเร็จ แขนแข็งแรงกอดรัดนางเอาไว้นิ่งไม่มีทีท่าว่าจะขยับ หยวนชิงหลิงถลึงตากลมโตใส่ผู้ที่ตัวสูงกว่า ก่อนที่นางจะกระทืบลงไปที่เท้าของเขาจนสุดแรง จนเซี่ยหวายอีต้องรีบปล่อยนาง
“คนฉวยโอกาส ข้ายังไม่ลืมเื่ที่เ้าบังคับจูบข้าหรอกนะ ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ”
นางรีบเดินหนีไปทางที่เหล่าพ่อครัวและจ้าวหงอิงนั่งอยู่ องครักษ์ชางรุ่ยและเข่อซิงเดินออกมาจากมุมหนึ่งของรถม้า พวกเขามองล้อเลียนเ้านายของตน ก่อนที่จะรีบวิ่งหนีไปเพราะกลัวถูกลงโทษ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้