"ว่าอย่างไร" เซวียเสี่ยวหรั่นเอ่ยถามพลางทำตาปริบๆ แถบกระดาษขาวบนใบหน้าขยับขึ้นลงขณะที่นางเอ่ยวาจา
ท่านหญิงหย่งเจียอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างมีเลศนัย "นอกจากหมอเทวดาเผย ก็มีพี่เจ็ดนี่แหละที่แทบจะไม่แพ้หมากให้กับผู้ใด"
เซวียเสี่ยวหรั่นเบิกตากว้าง "ร้ายกาจขนาดนั้นเชียว แล้วเขาเล่นพิณเป็หรือไม่"
"ย่อมเล่นเป็อยู่แล้ว เพียงแต่อย่างที่ป๋ออวิ๋นว่า หากไม่ใช่เื่ที่เขาชอบ ก็จะไม่ตั้งใจศึกษาเท่าไร"
ท่านหญิงหย่งเจียหัวเราะอย่างมิอาจสะกดกลั้น ทว่าพอหลุดขำออกไปแล้วพลันรู้สึกเก้อเขินอยู่บ้าง
ผูหยางชิงหลันมองนางปราดหนึ่ง เห็นนางทำท่าประหม่า หางตาก็เลิกขึ้นน้อยๆ โดยไม่รู้ตัว
"พิณหมากอักษรภาพแต่ละอย่างล้วนเชี่ยวชาญ แค่นี้ก็สุดยอดแล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นทอดถอนใจ
"นี่เป็วิชาพื้นฐานของทุกคนอยู่แล้ว มีอันใดน่าประหลาดใจ" ผูหยางชิงหลันล้างไพ่เสร็จ ก็ให้หงโฉวไปตามอวี๋เฟิงหยาง
พูดถึงแต่เสี่ยวชีทำไมนักหนา พรุ่งนี้ก็จะได้เจอเ้าหน้าน้ำแข็งนั่นอยู่แล้ว
วิชาพื้นฐาน? เซวียเสี่ยวหรั่นมองเขา ก่อนจะหันมาหาท่านหญิงหย่งเจีย
เฮ่อ... ดูท่าคนที่พิณหมากอักษรภาพไม่ได้เื่สักอย่างคงมีแต่เธอนี่แหละ
พิณ คีย์บอร์ดไฟฟ้าเธอเล่นได้แค่เพลงสองเพลง
หมาก หมากห้าตัว [1] นับหรือไม่?
อักษร ด้วยลายมือของเธอตอนนี้ไม่รู้ว่าจะถูกผูหยางชิงหลันหัวเราะเยาะกี่รอบ
ภาพ ถ้าให้สเก็ตช์ภาพด้วยดินสอก็พอไหว แต่ถ้าภาพวาดพู่กันก็ลืมไปได้เลย
ได้รับข้อสรุปเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน ต่อไปต้องทำตัวไม่เป็จุดสนใจเข้าไว้ จะได้ไม่ถูกใครลากไปเข้าร่วมชุมนุมกวีหรือภาพเขียนให้อับอายขายหน้าผู้คน
่บ่ายมีฝนเทลงมา ขบวนรถจำต้องหยุดพักที่เมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง
"ซู่..." ฝนกระหน่ำลงมาอย่างรวดเร็ว องครักษ์ที่ขี่ม้าต่างเปียกม่อล่อกม่อแล่กเป็ไก่ตกน้ำแกง
ขบวนรถหยุดที่โรงเตี๊ยมไม่นาน ฝนที่ตกซู่ซ่าก็เบาลงมาก
ผูหยางชิงหลันเงยหน้ามองหมู่เมฆดำทะมึนที่ลอยอยู่ไกลๆ ก็ลอบสบถในใจ เมฆและฝนคือสิ่งที่น่ารำคาญที่สุด
"ฝนนี่ก็ช่างขี้เล่นนัก เพิ่งตกซู่ลงมาอยู่หยกๆ หันมาอีกทีก็หายไปแล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นเดินอยู่แถวนั้น ยื่นมือออกไปรับหยาดฝนที่ลงเม็ดประปราย
"ป๋ออวิ๋น พวกเราจะเดินทางต่อหรือพักค้างคืนที่นี่" ท่านหญิงหย่งเจียสวมหมวกม่านเดินเข้ามา
ผูหยางชิงหลันมองดูท้องฟ้าก่อนหันมามองเหล่าองครักษ์ตัวเปียกปอน "พักผ่อนที่นี่เถอะ พวกเขาเปียกหมดแล้ว พรุ่งนี้ออกเดินทางเช้าหน่อยก็น่าจะถึงเมืองหลวงก่อนฟ้ามืด"
พวกเขามีทั้งคนและรถม้ามากมาย โรงเตี๊ยมแห่งเดียวไม่พอ องครักษ์อีกส่วนหนึ่งต้องไปพักโรงเตี๊ยมอื่น
เซวียเสี่ยวหรั่นไม่รีบร้อนเข้าโรงเตี๊ยม แต่มองไปรอบๆ โรงเตี๊ยมแห่งนี้ตั้งอยู่มุมหนึ่งย่านใจกลางเมือง ฝนตกหนักทำให้ผู้คนต้องไปยืนหลบอยู่ใต้ชายคาร้านค้าสองฝั่งถนน
ยามนี้ฝนหยุดแล้ว บนถนนกลับมาครึกครื้นอีกครั้ง
ขบวนรถม้าของพวกเขาสะดุดตาเกินไป ผู้คนสัญจรไปมาบนท้องถนนต่างหันมองมาทางพวกเขา
แต่พอเห็นเหล่าองครักษ์ล้อมสถานที่ไว้ ส่วนใหญ่ก็เดินเลี่ยงผ่านไปอย่างรู้จักกาลเทศะ
"คุณหนู เลี้ยวจากหัวถนนตรงนั้นไปมีตลาดนัดคึกคักมากเลยเ้าค่ะ" อูหลันฮวาโผล่มาจากไหนก็สุดรู้ เข้ามากระซิบใกล้ๆ
เซวียเสี่ยวหรั่นดวงตาสว่างวาบ หลายวันมานี้หากไม่อยู่บนรถม้า ก็อยู่โรงเตี๊ยม ถึงที่พักก็เล่นไพ่ สนทนากัน แล้วเข้านอน วันต่อมาตื่นแต่เช้าแล้วออกเดินทางอีก แต่ละวันผ่านไปอย่างน่าเบื่อหน่าย
เธอมองผูหยางชิงหลันซึ่งยืนอยู่ในห้องโถงใหญ่ ยังมีท่านหญิงหย่งเจียยืนอยู่ข้างๆ กลอกตาหลุกหลิกไปมา
"เ้าพาเสี่ยวเหล่ยไปเดินเล่น ถูกใจสิ่งใดก็ซื้อเอาได้เลย" เซวียเสี่ยวหรั่นหยิบเงินปลีกให้นางก้อนหนึ่ง
"คุณหนูไม่ไปหรือเ้าคะ" อูหลันฮวาผิดหวังเล็กน้อย
เซวียเสี่ยวหรั่นลอบชี้คนสองคนที่ยืนอยู่ตรงรั้วระเบียง พลางกระซิบ "จะทิ้งจวิ้นจู่แล้วหนีไปเที่ยวเองไม่ได้"
อูหลันฮวาเบะปาก ตอนคุณชายยังอยู่ยังมีอิสระมากกว่านี้ แม้จะอยู่ระหว่างการเดินทาง พวกนางก็ยังมีเวลาไปเดินเล่น ได้ชิมอาหารท้องถิ่นแสนอร่อยเป็ครั้งคราว
ตอนนี้ไม่ว่าไปไหนก็ต้องอยู่แต่โรงเตี๊ยม กินอาหารที่โรงเตี๊ยมจัดให้ น่าเบื่อที่สุด
แม้เซวียเสี่ยวเหล่ยจะเรียบร้อยไม่ชอบพูดมาก แต่ก็ยังเป็เด็กคนหนึ่ง หากได้ไปเที่ยวตลาดย่อมดีใจมากเป็ธรรมดา
เซวียเสี่ยวหรั่นจูงอาเหลย อูหลันฮวาออกไปกับเซวียเสี่ยวเหล่ย แต่ผลลัพธ์กลับถูกฟางขุยขวางไว้ พอรู้ว่าพวกเขาจะไปตลาด ก็สั่งให้องครักษ์นายหนึ่งติดตาม ถึงให้พวกเขาออกจากโรงเตี๊ยม
เอาเถอะ เพื่อความปลอดภัยของพวกเขา เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกจนใจอยู่บ้าง เธอเองก็ไม่ชินกับการมีคนติดตามตลอดเวลาเหมือนกัน
เซวียเสี่ยวหรั่นพาอาเหลยเข้าไปในห้องโถง ผูหยางชิงหลันจองหมู่เรือนเล็กเอาไว้แล้ว
"เสี่ยวเหล่ยเล่า? เหตุใดอาเหลยถึงอยู่กับเ้าล่ะ" ผูหยางชิงหลันย่อตัวลงกางแขนออกให้มันปีนขึ้นมา โดยไม่สนใจภาพลักษณ์ของตนเองแม้แต่น้อย
"พวกเขาฉวยโอกาสที่ฟ้ายังไม่มืดออกไปเดินเล่นตลาด" เซวียเสี่ยวหรั่นเอ่ยประโยคหนึ่ง
นับวันอาเหลยก็คุ้นเคยกับเขา เพียงแวบเดียวก็ปีนขึ้นไปบนไหล่กว้างเสียแล้ว
ผูหยางชิงหลันหัวเราะเสียงดัง พลิกมือกลับไปลูบอาเหลย ก่อนจะรับเชือกป่านที่ผูกอาเหลยมาจากมือเซวียเสี่ยวหรั่น หลังจากนั้นก็พามันเข้าไปในลานสวน
ท่านหญิงหย่งเจียสวมหมวกม่านเห็นสีหน้าไม่ชัด แต่หงโฉวกับลวี่จิ่นซึ่งอยู่ด้านหลังของนางหน้าถอดสีเล็กน้อย
โอ้... ไม่สนใจภาพลักษณ์เกินไปหน่อยหรือไม่ ให้ลิงปีนขึ้นไปบนไหล่ได้อย่างไร?
เซวียเสี่ยวหรั่นแลบลิ้น อาเหลยรู้จักแล่นเรือไปตามทิศทางลม เธอไม่ให้มันปีนขึ้นตัว มันก็ยอมเดินตามแต่โดยดี เสี่ยวเหล่ยให้มันปีนบนไหล่ มันก็ปีนขึ้นไปบ้างเวลาว่างๆ ครานี้มีผูหยางชิงหลันมาเพิ่มอีกคน มันคงลำพองใจน่าดู
ท่านหญิงหย่งเจียไม่กล่าวอะไรทั้งสิ้น เดินตามหลังเขาไปติดๆ
เซวียเสี่ยวหรั่นย่อมจะตามไปด้วย
หลังจากห้องพักจัดเตรียมเรียบร้อย ก็จัดสัมภาระ เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นฟ้ายังสว่างอยู่ จึงเดินออกไปข้างนอก
"จวิ้นจู่ ข้าจะไปเดินเล่นที่ตลาด ท่านจะไปด้วยกันหรือไม่" เซวียเสี่ยวหรั่นมาถามท่านหญิงหย่งเจียที่ข้างหน้าต่างซึ่งเปิดไว้ครึ่งหนึ่ง
"เ้าจะไปเองหรือ" ท่านหญิงหย่งเจียออกมาจากห้อง เปลี่ยนอาภรณ์เป็เสื้อคลุมตัวยาวสีเหลืองนวลปักดิ้นทองคู่กับกระโปรงจีบม้าปักลายบุปผาขาว เรียบง่ายแต่งามสง่า แลดูสะอาดตา
"เปล่าหรอก หงกูกับฟางขุยก็ตามไปด้วย" เซวียเสี่ยวหรั่นก็อยากไปเดินเล่นเองอยู่ แต่พวกเขาจะตามไปด้วยให้ได้
"คุณหนูเซวีย พรุ่งนี้ก็จะถึงเมืองหลวงแล้ว ที่นั่นมีตลาดคึกคักกว่าสถานที่เล็กๆ อย่างที่นี่หลายเท่า เอาไว้ไปถึงเมื่อไรค่อยออกไปเที่ยวก็ยังไม่สาย" ลวี่จิ่นสอดปากเข้ามาประโยคหนึ่งอย่างอดไม่ได้ เมืองเล็กแค่นี้มีอะไรน่าเดินครึกครื้นสู้เมืองหลวงก็ไม่ได้
นางอยากไปเองก็ช่าง ยังคิดจะมาลากจวิ้นจู่ไปเดินเที่ยวตลาด คนมาจากเมืองเล็กๆ ช่างไม่รู้จักมารยาท
พอนางกล่าวจบ เซวียเสี่ยวหรั่นกับท่านหญิงหย่งเจียก็หันมามองพร้อมกัน
"เมืองใหญ่มีความเจริญรุ่งเรืองแบบเมืองใหญ่ เมืองเล็กก็มีเสน่ห์แบบเมืองเล็ก ทุกหนแห่งล้วนแต่มีความพิเศษเฉพาะตัว แม่นางลวี่จิ่นว่าจริงหรือไม่"
เซวียเสี่ยวหรั่นตอบกลับไปอย่างไม่อ่อนข้อแต่ไม่ก้าวร้าว ยังคงรักษารอยยิ้มเสมอต้นเสมอปลาย
ปรกติลวี่จิ่นคนนี้ไม่ว่าจะพูดหรือทำสิ่งใดมักแฝงไปด้วยความเย่อหยิ่งและดูแคลนผู้อื่นราวกับคนตระกูลสูงศักดิ์ เซวียเสี่ยวหรั่นคร้านจะไปคิดเล็กคิดน้อยกับนาง
อย่างไรเสียก็ไม่ใช่สาวใช้ของตนเอง ไปถึงเมืองหลวงคงไม่ได้คบค้าสมาคมด้วย
"ลวี่จิ่น มารยาทของเ้าไปไหนเสียหมด?" ท่านหญิงหย่งเจียกลับหน้าง้ำ
ลวี่จิ่นหน้าเสีย คุกเข่าเสียงดังตุ้บ "จวิ้นจู่ได้โปรดให้อภัย บ่าวแค่ปากไวจนเลยเถิดไปเ้าค่ะ"
เ้านายสนทนากัน ไหนเลยจะมีที่ให้บ่าวสอดปาก
...
[1] หมากห้าตัว หรือ โกโมกุ หรือโกบัง โดยทั่วไปแล้วเล่นกับตัวเดินหมากล้อม (ตัวดำและตัวขาว) บนกระดานหมากล้อม(19x19) อย่างไรก็ตามเพราะเดินได้ที่ละหนึ่งครั้ง และตัวเดินไม่สามารถย้ายทีหรือออกจากกระดานได้ โกโมกุอาจเล่นบนกระดาษกับปากกา เกมชนิดนี้เป็ที่รู้จักในหลายประเทศภายใต้ชื่อที่แตกต่างกัน วิธีเล่นตัวดำเดินก่อน ผู้เล่นวางตัวเดินบนตำแหน่งบนกระดานที่มีเส้นตัดกัน ผู้ที่สามารถเรียงตัวเดินได้ 5 ตัวในแนวตั้ง แนวนอน หรือแนวทแยงมุมได้ก่อนจะเป็ฝ่ายชนะ
