นางตีหน้าขรึม“ให้นางไปนั่งคุกเขาที่หลังตำหนัก อีกเดี๋ยวข้าอารมณ์ดีแล้ว บางทีอาจจะให้เข้าพบ”
คนที่มารายงานโค้งหัวคำนับแล้วก้มตัวถอยหลังกลับไป
หลังจากครั้งก่อนที่คุณหนูทำร้ายคุณชายเล็กฮูหยินใหญ่พลอยโดนร่างแหไปด้วย และเพราะคุณหนูทำเื่เช่นนี้ออกมาโดยการทำร้ายร่างกายของคุณชายน้อย จากที่ได้ยินมา ต่อไปแม้จะรักษาแล้ว แต่ไม่มีทางหายดีเื่เช่นนี้ จะไม่ให้ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธหรือ
ฝูเอ๋อร์เดินไปรายงานให้ฮูหยินใหญ่ฟัง
“อ่อก…”ผู้ใดจะรู้ ในตอนนี้ฮูหยินใหญ่กลับอาเจียนแห้งออกมา นางกุมหน้าอกของตัวเองเอาไว้“ขอ…ขอโทษนะ ข้าจะอยู่ที่นี่แล้วกัน”
ฝูเอ๋อร์มองนางอย่างไม่เข้าใจความจริงแล้วนางแปลกใจมากจริงๆ เหตุใดจู่ๆ ฮูหยินใหญ่ถึงได้มีความกล้ามาขอเข้าพบฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกว่าฮูหยินใหญ่มาหาในครั้งนี้คงได้เตรียมตัวมาแล้ว
ถูกต้องคนในเรือนนี้ มีผู้ใดบ้างไม่ใช่เ้านายที่ชาญฉลาด จากความฉลาดของฮูหยินใหญ่อย่างไรคงไม่พาตนเองมาถูกลงโทษทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าฮูหยินผู้เฒ่าอารมณ์ไม่ดี…
ฮูหยินใหญ่ที่คู้ตัวมือค่อยๆ วางลงที่ท้องของตนเอง ในแววตามีรอยยิ้มได้ใจทำให้จะดูอย่างไรนางก็ไม่เหมือนคนที่มายอมรับผิด…
ฮูหยินผู้เฒ่าพูดคุยกับฮูหยินสกุลหลินอย่างออกรสอารมณ์ของฮูหยินผู้เฒ่าดีขึ้นมามาก
ตอนนี้เองที่ฝูเอ๋อร์ค่อยๆเดินเข้ามารายงานอย่างระมัดระวัง
“ฮูหยินผู้เฒ่าเ้าคะฮูหยินใหญ่ที่อยู่ด้านหลังเรือนยังรออยู่”
“เฮอะ…สตรีที่ไม่รู้จักสั่งสอนลูกสาวเ้าพูดสิ เด็กดีๆ คนหนึ่ง เหตุใดถึงได้สั่งสอนให้มีสันดานเช่นนั้น”
ฝูเอ๋อร์ค้อมหัวลงเหงื่อแตกพลั่กเื่ครั้งก่อนถือว่าโชคดีที่ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับนาง จึงไม่ได้ตามเอาความผิดแต่คุณหนูเสี่ยวหงเอ๋อร์ กลับไม่ได้รับการให้อภัย
“ความจริงแล้วเื่ครั้งก่อนไม่แน่ว่าจะเป็ฮูหยินใหญ่สั่งสอนนะเ้าคะ”
ฝูเอ๋อร์พูดออกมาอย่างระมัดระวัง
“พอเถิดข้าเข้าใจ แต่เื่เช่นนี้หากไม่ใช่การพูดและการอบรมสั่งสอนบุตรีของนางข้าไม่มีทางเชื่อว่าเด็กตัวเล็กๆ จะกลายเป็ดุร้ายเช่นนั้น ตอนนี้เด็กคนนั้นเป็อย่างไรบ้าง”
พูดถึงเสี่ยวหงเอ๋อร์ฮูหยินผู้เฒ่าก็รู้สึกรำคาญ
พูดตามตรงแต่ก่อนคุณหนูเสี่ยวหงเอ๋อร์ยังได้รับความชอบจากฮูหยินผู้เฒ่ามาก แต่ผู้ใดจะคิดได้ว่าเด็กตัวเล็กๆ เท่านี้ จะลงมือกับน้องชายของตนเอง
“เด็กคนนั้นถูกขังอยู่ในเรือนด้านหลังตลอดเ้าค่ะ ปล่อยให้นางมีชีวิตด้วยตนเองและหายไปด้วยตนเองเ้าค่ะ…”พูดถึงเื่นี้ ฝูเอ๋อร์รู้สึกสงสารมาก
ไม่ว่าจะพูดอย่างไรนางเป็เพียงเด็กอายุสี่ปีคนหนึ่ง จะต้องพึ่งพากำลังของตนเองแล้วมีชีวิตอยู่ต่อไปมันจะลำบากมากเพียงใดกัน
“เด็กคนนี้หรือ…”ฮูหยินผู้เฒ่าที่ได้ยินถอนหายใจ ฝูเอ๋อร์ก็เข้าใจแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าเอ็นดูคุณหนูเสี่ยวหงเอ๋อร์เพียงแต่กฎของเรือนจะทำลายไม่ได้ ดังนั้นยังต้องมีการลงโทษ เพียงแต่ว่านางที่เป็คนสั่งลงโทษจะทำอย่างไร ล้วนเป็เื่ของนางแล้ว
“ฮูหยินผู้เฒ่าเมื่อครู่ฮูหยินใหญ่เหมือนจะอาเจียนแห้ง…”
เดิมทีฮูหยินผู้เฒ่ายังเหนื่อยล้ามาก้าไปพักผ่อนแล้ว จู่ๆ ได้ยินข่าวนี้เข้า จิตใจก็ดีขึ้นมาทันที
“อะไรนะเ้าบอกว่าฮูหยินใหญ่อาเจียนแห้งอย่างนั้นหรือ” นางหรี่ตาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“จริงสิ จากนิสัยเช่นนั้นของนาง หลังจากตั้งครรภ์แล้วจะอยู่นิ่งๆเช่นนั้นก็น่าขันไปแล้ว ได้ ข้าคงไม่ไปเจอนางแล้ว ยกเลิกงานซักผ้าของนางไปซะ ให้นางไปบำรุงร่างกายเถอะแต่ข้าวของที่ต้องใช้อะไรพวกนี้ ให้ลดลงจากก่อนหน้านี้”
แม้จะรู้ว่าฮูหยินใหญ่อาจจะตั้งครรภ์ ทว่ายังไม่อยากเจอหน้านางหลังจากฝูเอ๋อร์รับคำ ก็รีบไปหาฮูหยินใหญ่
ฮูหยินใหญ่ที่เต็มไปด้วยความหวังหลังจากได้ยินข่าวสีหน้าพลันเปลี่ยนไป
นางหยัดตัวยืดตรงฝืนยิ้มให้ฝูเอ๋อร์แล้วหมุนตัวเดินจากไป
ซึ่งฝูเอ๋อร์อยากจะเรียกนางไว้พูดเื่ของคุณหนูเสี่ยวหงเอ๋อร์แต่คิดไปแล้วจากนิสัยของนาง สุดท้ายจึงได้แต่ส่ายหน้า แล้วเดินไปหาแม่นมดูแลเรือนที่เรือนด้านหลัง
“แม่นมหลินอยู่หรือไม่!”
เรือนด้านหลังเงียบสนิทไม่มีแม้แต่เสียงตอบรับ
แม่นมหลินที่อยู่ไกลๆได้ยินเสียงถามของฝูเอ๋อร์ จึงใรีบวิ่งมา
“ทำความเคารพเ้าค่ะแม่นางฝูเอ๋อร์”
นางเป็แค่แม่นมที่ดูแลเื่จิปาถะของเรือนด้านหลังเทียบกับสาวใช้อย่างฝูเอ๋อร์แล้ว ลำดับต่ำกว่ากันมาก
“ในมือของเ้านั่นคือสิ่งใด”
เมื่อเห็นของที่แม่นมหลินถืออยู่ในมือฝูเอ๋อร์ก็ถามเสียงดุ
“นี่…คือของกินที่ทานไม่หมดเ้าค่ะ”
แม่นมหลินรีบปล่อยมือออกโยนก้อนอาหารลงไปที่พื้น
“คุณหนูเสี่ยวหงเอ๋อร์อยู่ข้างในเป็อย่างไรบ้าง ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่” ฝูเอ๋อร์เลิกคิ้วขึ้นไม่ได้แทงเื่ในใจของแม่นมหลิน ในตอนนี้หากบอกว่าแม่นมหลินทานอาหารพวกนี้นางไม่ค่อยจะเชื่อสักเท่าใด จะต้องรู้ว่ากฎในจวนเข้มงวดมากคนเก่าแก่อย่างแม่นมหลิน ย่อมรู้แน่นอนอยู่แล้วว่าตอนนี้คือเวลาทำงาน จะแอบทานอาหารตามใจปากได้อย่างไรเมื่อครู่หลังจากที่แม่นมหลินเดินไปที่เรือนด้านหลัง นางจะเอาอาหารไปส่งที่ใดนั้นคำตอบไม่ต้องพูดก็ชัดเจนอยู่แล้ว
“แม่นางฝูเมตตาด้วยแม่นางฝูไว้ชีวิตด้วย ต่อไปข้าไม่กล้าทำอีกแล้ว ไม่กล้าแล้ว ข้าข้าเห็นคุณหนูคนนั้นยังเด็ก ทั้งหิวแล้วก็ป่วยดังนั้น…ดังนั้นจึงอยากจะเอาอาหารไปให้ทาน ข้า ต่อไปข้าไม่กล้าทำอีกแล้ว”
แม่นมหลินคนนี้เข้าใจผิดคิดว่าฝูเอ๋อร์มาเพื่อลงโทษนางดังนั้นตอนที่พูดถึงเสี่ยวหงเอ๋อร์ ถึงได้ใจนลงไปคุกเข่าที่พื้น
“แม้เ้ายินยอมแต่การขังคุณหนูเสี่ยวหงเอ๋อร์ที่เรือนด้านหลัง อย่างไรก็คือคำสั่งของฮูหยินผู้เฒ่าทั้งๆ ที่เ้ารู้ว่าเบื้องบนได้สั่งคำสั่งลงมา แต่กลับกล้าฝ่าฝืนกฎมาที่นี่แม่นมหลิน เ้านี่กล้าไม่เบาเลยจริงๆ ” คำพูดนี้ยิ่งทำให้แม่นมหลินหวาดกลัวมากขึ้น
“แม่นางฝูวอนท่านได้โปรดเห็นใจ ปล่อยบ่าวไปสักครั้งเถิด ขอร้องท่านเถิดเ้าค่ะ ต่อไปขอให้แม่นางฝูร่ำรวยสามารถหาสามีได้ดั่งใจหวัง”
ฝูเอ๋อร์กัดฟัน“เอาล่ะ บ่าวเช่นเ้านี่ปากดีจริงๆ เื่นี้มีเพียงข้ากับเ้าสองคนที่รู้ต่อไปอย่าขัดคำสั่งเบื้องบนอีกเป็ครั้งที่สอง เ้ารู้ว่ากฎของจวนจะทำผิดไม่ได้”เมื่อเป้าหมายการกดดันอีกฝ่ายสำเร็จ ตอนนี้เองที่น้ำเสียงของฝูเอ๋อร์อ่อนลงมาเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อ “แต่ข้ายังหวังว่าแม่นมหลินจะดูแลคุณหนูเสี่ยวหงเอ๋อร์ที่อยู่เรือนด้านหลังให้มีชีวิตที่ดีเหมือนตอนนี้ไม่หิวตายก็ดีแล้ว…”
คำพูดนี้พูดได้ถึงครึ่งหนึ่งนางก็ไม่ได้พูดต่อ แม่นมหลินได้ยินก็ตะลึง สงสัยก่อนแล้วแล้วค่อยเข้าใจขึ้นมา
“แม่นางฝูหมายความว่า?”
“เฮ้อดูบ่าวเช่นเ้าสิ เมื่อครู่ยังรู้สึกว่าเ้าเป็คนที่ฉลาดอยู่เลยคิดไม่ถึงว่าพอถึงตอนนี้กลับเป็คนโง่เขลา คุณหนูไม่ว่าจะอย่างไร ก็เป็คนสกุลโจวนายในจวนของพวกเรา….ก็สกุลโจว…”
ในตอนนี้แม่นมหลินเข้าใจแล้ว
“ข้ารู้แล้วเข้าใจแล้ว คุณหนูเสี่ยวหงเอ๋อร์แม้จะทำผิดไปแล้ว แต่นางเป็คุณหนูของจวนโจวไม่ว่าอย่างไร แม้จะหักกระดูกก็ยังมีกล้ามเนื้อเชื่อมต่อกันอยู่ ไม่แน่ว่าวันใดคนเบื้องบนคิดถึงคุณหนูน้อยคนนี้ ต่อไปจะปล่อยนางออกมา…นางยังเป็ครอบครัวเดียวกัน พวกที่เป็ทาส ขอแค่พยายามให้ถึงที่สุดไม่ให้นางตายก็พอ”
ฝูเอ๋อร์ยกยิ้มพอใจ“อืม ถือว่าเ้ายังฉลาดอยู่บ้าง ตอนนี้เข้าใจแล้วใช่หรือไม่ว่าจะทำอย่างไร”
“เข้าใจเข้าใจ ข้าเข้าใจแล้ว คุณหนูเสี่ยวหงเอ๋อร์แค่ทำผิดไป แต่ในความเป็จริงคนเบื้องบนเพียง้าให้นางได้รับการสั่งสอนจนจดจำเข้ากระดูกส่วนจะเอานางให้ถึงกับตายจริงๆ หรือไม่นั้น ไม่มีทางเป็ไปได้ หากจะเอาชีวิตของนางชีวิตของคุณหนูคงจบสิ้นไปนานแล้ว”
“เอาล่ะเ้าน่ะ แม้จะเข้าใจแล้ว เื่นี้ก็ให้เ้าทำไป ข้าจะไปดูคุณหนูเสี่ยวหงเอ๋อร์แล้ว”
ตอนที่ฝูเอ๋อร์มาถึงเรือนด้านหลังที่ผุพังหลังนี้ก็ได้กลิ่นแปลกๆ ลอยเข้าจมูก
พอยกพัดขึ้นมาพัดไปแล้วกลิ่นนี้ถึงจะจืดจางไป
“เื่นี้เรือนด้านหลังนี้ เอาไว้ใช้ปลูกผักตลอด บางทีเป็ที่เก็บผลผลิตมากองไว้ตรงนี้บางครั้งก็ไม่ได้ทำความสะอาด จึงมีกลิ่นแปลกๆ พรุ่งนี้ข้าจะมาทำความสะอาด แม่นางฝูอย่าได้ใส่ใจ”
แม่นมหลินที่อยู่ด้านข้างรีบอธิบายที่แห่งนี้เป็นางกับป้าอีกคนดูแล เรือนเก่าด้านหลังนี้เองก็เป็พวกนางที่ดูแลส่วนผักสดพวกนี้และเรือนเพาะผัก ล้วนแต่เป็นางกับป้าอีกคนที่กำลังดูแลอยู่ตอนนี้เพิ่มคุณหนูเสี่ยวหงเอ๋อร์เข้าไป เื่ของพวกนางจึงเพิ่มขึ้นเยอะแล้ว
“เอาล่ะแม้งานจะมาก เ้าไปทำงานเถิดไป” ฝูเอ๋อร์โบกมือไล่แม่นมหลินไป แล้วเดินเข้าไปในเรือนหลังเล็กคนเดียวหากไม่ใช่ผ้าห่มนั้นกำลังสั่นน้อยๆฝูเอ๋อร์คงจะเข้าใจผิดคิดว่าคนบนเตียงได้ตายจากไปแล้ว…
ประตูกลับไม่มีที่ยึดปิดฝูเอ๋อร์เพียงผลักเข้าไปเบาๆ ก็เปิดเข้าไปได้ อาจเพราะไม่ค่อยได้เปิดตอนที่ผลักเข้าไปประตูก็ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด ในเรือนเงียบสงัดแห่งนี้ เมื่อมีเสียงนี้ดังขึ้นมาก็ทำให้คนใอยู่เล็กน้อย
เด็กน้อยบนเตียงไม่ขยับอีกฝูเอ๋อร์เห็นดวงตาที่เดิมทีปิดอยู่ ลืมตาขึ้นมา
“ท่านพ่อท่านพ่อมาแล้วหรือ”
ตอนที่เห็นฝูเอ๋อร์ดวงตากลมโตของเสี่ยวหงเอ๋อร์มีความสิ้นหวังปรากฏออกมา
เด็กน้อยที่เคยพูดแล้วยิ้มในตอนนี้กลับมีท่าทางใและหวาดกลัวนางแค่เบิกตากลมว่างเปล่าทั้งสองข้างมองฝูเอ๋อร์ที่ก้าวเดินเข้ามาด้วยความหวาดกลัวมือเล็กกำผ้าห่มแน่นจนสั่นไปหมด
นางกลัวมากดวงตากลมโตนั้นบอกชัดเจนมากว่าถึงความหวาดกลัวของนาง
“ท่านพ่อของท่านเขามาไม่ได้…” ฝูเอ๋อร์รู้สึกเริ่มอึดอัดในลำคอ อะไรกันที่สามารถทำให้เด็กน้อยตัวเล็กคนนี้เปลี่ยนมาเป็คนโหดร้าย
“ท่านพ่อไม่้าข้าแล้วท่านแม่ก็ไม่้าข้าแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่ายิ่งไม่้าข้าแล้ว…ทุกคนต่างไม่้าข้าแล้ว…”เสี่ยวหงเอ๋อร์พูดพึมพำเสียงเบาออกมา ดวงตากลมโตมีหยาดน้ำตาไหลออกมา แต่เพียงชั่ววินาทีนางก็เช็ดน้ำตาออกไปมองไปที่ฝูเอ๋อร์ด้วยท่าทางระมัดระวังมาก “พี่ฝูเอ๋อร์ข้าขอโทษ ข้าไม่ทันระวังถึงได้ร้องไห้ออกมาต่อไป ต่อไปจะไม่ร้องไห้อีก ข้าจะยิ้ม จะยิ้ม แม่นมหลินพูดว่า ข้าต้องยิ้มให้มากจึงจะทำให้พวกท่านชอบท่านแม่เองก็เคยพูดเอาไว้ว่าข้าจะต้องยิ้มอย่างมีความสุขให้กับทุกคนต่อไปข้าจะยิ้มให้กับพวกท่าน ข้าจะเป็เด็กดี จะไม่ร้องไห้อีกพวกท่านปล่อยข้าออกไปได้หรือไม่”
