คำพูดของม่อหลิงหานทำให้เยว่เฟิงเกออดกลอกตาไม่ได้ นางคิดว่าม่อหลิงหานไม่เพียงเป็เด็กที่ถูกบ่มมาจากไหน้ำส้มสายชู แต่ยังเป็ผีบ้าปัญญาอ่อนอีกด้วย
“ท่านอ๋อง ข้าขอร้องละ ทรงใช้สมองขบคิดหน่อยได้หรือไม่ บุรุษที่บ้านหล่อเหลาเพียงนี้ ข้าจะไม่สนใจแล้ววิ่งโร่ไปหาม่อเสวียนเช่อทำอันใด แม้เขาเองจะนับว่าหล่อเหลา แต่ก็ไม่ได้หนึ่งในสามของท่านหรอก”
เยว่เฟิงเกอพูดจบก็ถลึงตาใส่ม่อหลิงหานอย่างเคืองๆ อีกครั้ง
เมื่อม่อหลิงหานได้ยินประโยคนี้ กลับรู้สึกราวกับเป็ประโยคที่ไพเราะที่สุดในโลกใบนี้
ความไม่พอใจเพียงน้อยนิดที่เขามีต่อเยว่เฟิงเกอในตอนแรกได้มลายหายไปสิ้นก็คราวนี้เอง
สายตาที่เขาใช้มองเยว่เฟิงเกอเปลี่ยนเป็อ่อนโยนทันใด
ม่อหลิงหานคิดไม่ถึงว่าในใจของเยว่เฟิงเกอจะเห็นเขาหล่อเหลาเพียงนั้น
ที่แท้เยว่เฟิงเกอไม่เคยชอบม่อเสวียนเช่อ แต่เป็เขาเองที่คิดเป็ตุเป็ตะ
“เ้าพูดอีกรอบสิ” ม่อหลิงหานอยากได้ยินเยว่เฟิงเกอชมเขาเช่นนี้อีก
เยว่เฟิงเกอไม่เข้าใจความหมายของม่อหลิงหาน นางพูดประโยคเมื่อครู่ซ้ำอีกครั้ง แล้วกล่าวต่อไปว่า “...ท่านอ๋องข้าขอบอกท่านตรงๆ เลยก็แล้วกัน วันนี้ที่ข้าเข้าวังไปก็เพื่อถอนพิษให้ฮองเฮาเท่านั้น เพียงแต่พอข้าและฮองเฮาได้พูดคุยกันก็ราวกับได้พบสหายที่ห่างกันไปนาน จึงสนทนากันอยู่นาน ดังนั้น ตอนที่ข้าออกมาจากตำหนักคุนิแล้วอารมณ์ดีคงต้องบอกว่าเป็เพราะได้สนทนากับฮองเฮา เื่ราวทั้งหมดก็เป็เช่นนี้ ท่านจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ท่านเถอะ”
นางพูดจบก็ไม่อยากสนใจม่อหลิงหานอีก
จะอย่างไรนางก็เชื่อว่าตนไม่ได้ทำสิ่งใดผิด ถึงแม้นางจะไม่ได้บอกความจริงต่อม่อหลิงหานทั้งหมด แต่นางก็สนทนาอยู่กับฮองเฮาตลอดจริงๆ ไม่ได้สนใจกระทั่งว่าตอนนั้นยังมีม่อเสวียนเช่ออยู่ด้วย
วันนี้หากไม่ใช่เพราะม่อหลิงหานเอาแต่มาโมโหหาเื่นาง นางก็คงไม่โกรธเพียงนี้
ม่อหลิงหานฟังคำของเยว่เฟิงเกอ ในที่สุดก็ได้รู้ความจริงของเื่ทั้งหมด ที่แท้เป็เขาเองที่หาเื่ให้ตัวเองโกรธ
เมื่อนึกถึงว่าเื่ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะตัวเขาเอง สุดท้ายทำเอาคนทั้งสองรู้สึกไม่ดีต่อกัน ม่อหลิงหานก็ดึงเยว่เฟิงเกอเข้ามาในอ้อมแขน กอดนางอย่างลึกซึ้ง
เขาอยากใช้วิธีนี้ในการบอกเยว่เฟิงเกอว่า เขารู้ว่าตนผิดไปแล้ว หวังว่านางจะไม่โกรธเขา
เยว่เฟิงเกอถูกม่อหลิงหานกอดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก จึงออกแรงผลักม่อหลิงหาน “เหตุใดต้องกอดข้าแน่นเพียงนี้ด้วย ข้าหายใจไม่ออกแล้ว”
ม่อหลิงหานหัวเราะเบาๆ เขาคลายอ้อมแขนออกน้อยๆ แต่ก็ยังคงตระกองกอดนางไว้เช่นเดิม ไม่ยอมปล่อยมือ
“เป็เปิ่นหวางที่เข้าใจเ้าผิดไปเอง อย่าโกรธเปิ่นหวางอีกเลยได้หรือไม่? ” ม่อหลิงหานมองเยว่เฟิงเกอด้วยสายตารักใคร่ลึกซึ้ง
คนทั้งสองหน้าแนบชิดติดกันมาก แทบจะจุมพิตกันอยู่แล้ว
เยว่เฟิงเกอหลบเลี่ยงสายตาของม่อหลิงหานด้วยรู้สึกเขินอาย ถึงแม้ความสัมพันธ์ของนางกับม่อหลิงหานจะใกล้ชิดกันขึ้นมากแล้ว แต่เยว่เฟิงเกอก็ยังรู้สึกรับไม่ได้เล็กน้อยที่ม่อหลิงหานมองนางอย่างรักใคร่ลึกซึ้งเช่นนี้
“ท่านอ๋อง อย่าอยู่ใกล้ข้าเพียงนี้อีกเลยได้หรือไม่? ” เยว่เฟิงเกอรู้สึกว่าลมหายใจของม่อหลิงหานกำลังเป่ารดเต็มหน้านาง
ม่อหลิงหานไม่ได้ขยับหน้าออกไปตามคำขอของเยว่เฟิงเกอ เขายังคงมองเยว่เฟิงเกออย่างลึกซึ้ง “พระชายายังไม่อภัยให้เปิ่นหวางใช่หรือไม่? ”
เขาพูดพลางกระชับวงแขนที่โอบเยว่เฟิงเกอไว้
จังหวะหัวใจของเยว่เฟิงเกอเต้นเร็วขึ้นทันที ทั้งยังหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม
นางผลักม่อหลิงหานออกไปอย่างไร้เรี่ยวแรง รีบกล่าวว่า “ข้าให้อภัยท่านแล้ว”
“เปิ่นหวางไม่ได้ยิน” ม่อหลิงหานฝืนทนความรู้สึกที่อยากจุมพิตเยว่เฟิงเกอ ล้อนางเล่นอีกสักหน่อย
เพื่อให้ม่อหลิงหานยอมปล่อยเสียที ต่อให้เยว่เฟิงเกอจะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังแกล้ง นางก็ยังจำต้องย้ำประโยคเดิมซ้ำอีกครั้ง “ข้าให้อภัยท่านแล้ว ท่านรีบปล่อยข้าเถอะ”
ครั้งนี้ม่อหลิงหานไม่กล่าววาจาอีก เขาจุมพิตริมฝีปากของเยว่เฟิงเกอทันที
ผ่านไปนานจึงได้ผละออกจากริมฝีปากนางอย่างไม่เต็มใจ
เยว่เฟิงเกอถูกจุมพิตจนมึนงง วิงเวียนศีรษะตาลาย
เมื่อนางลืมตาขึ้นมาก็เห็นม่อหลิงหานกำลังใช้สายตารักใคร่ลึกซึ้งมองนางนิ่ง เป็เหตุให้นางเขินอายอีกครั้ง รีบหันหน้าหนีด้วยไม่กล้ามองหน้าม่อหลิงหาน
ท่าทางเช่นนี้ของนางทำให้ใจของม่อหลิงหานหลอมละลายอีกครั้ง
ความเข้าใจผิดของคนทั้งสองสลายหายไปในนาทีนี้เอง
ยามนี้ม่อหลิงหานอยากจะนางแล้วจริงๆ เพียงแต่เขาต้องอดทนไว้
ก่อนที่นางจะยอมรับในตัวตนของเขาทั้งหมด เขาจะยังทำเช่นนั้นไม่ได้
ม่อหลิงหานมองเยว่เฟิงเกออย่างลึกซึ้งอยู่อีกครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ปล่อยมือที่โอบนางไว้
เยว่เฟิงเกอถอนใจเบาๆ ก่อนม่อหลิงหานจะจากไป นางก็กล่าวขึ้น “ท่านอ๋อง ในเมื่อความเข้าใจผิดระหว่างเราสองถูกขจัดไปแล้ว เช่นนั้นข้าสามารถไปไหนมาไหนในจวนอ๋องได้อย่างอิสระแล้วใช่หรือไม่? ”
ม่อหลิงหานยกมือขึ้นลูบไรผมข้างหูของเยว่เฟิงเกอเบาๆ กล่าวอย่างลึกซึ้งว่า “วันหน้าชายารักมีอิสระในการเข้าออกจวนอ๋อง หากว่าชายารักชอบเที่ยวเล่นด้านนอก เปิ่นหวางก็จะไม่ขวางเ้า”
เมื่อได้ยินว่าตนสามารถเข้าออกจวนอ๋องได้อย่างอิสระ ซ้ำยังสามารถออกไปเดินเล่นด้านนอกได้ด้วย ใบหน้าเยว่เฟิงพลันเกอปรากฏรอยยิ้มกว้างทันที
นางสวมกอดม่อหลิงหานแล้วจุ๊บแก้มเขาเบาๆ ทีหนึ่ง
“ข้ารู้ว่าท่านอ๋องดีกับข้าที่สุดเลย”
ม่อหลิงหานถูกเยว่เฟิงเกอออดอ้อนจนหัวเราะออกมา เขาลูบจมูกเยว่เฟิงเกอเบาๆ ถึงได้หมุนกายไปจากเรือนแห่งนี้
เขายังมีเื่ต้องไปจัดการ จึงไม่ค้างแรมที่นี่
รอจนม่อหลิงหานจากไปแล้ว นางถึงได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี กลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง
สุดท้ายก็เข้าไปในเกมเมืองหิมะลุ่มหลงอีกครั้ง คิดจะเล่นเกมก่อนหลับ
แต่เมื่อนางเข้าไปในเกมแล้ว กลับได้ยินเสียงแก่ชราดังขึ้นในเซิร์ฟเวอร์หลัก
“น่าเสียดายยิ่ง มู่เหยียนเฉินมู่เหยียนรั่ว พวกเ้าไม่อาจผ่านด่านกลไกไร้เทียมทานได้ เนื่องจากพวกเ้าทั้งสองไปััโดนค่ายกลในด่านกลไกไร้เทียมทานเข้า จึงต้องทำการรีเซตใหม่อีกครั้ง ชั่วชีวิตนี้พวกเ้าไม่อาจออกมาจากกลไกไร้เทียมทานได้อีกแล้ว”
เมื่อเสียงเฒ่าชราพูดจบ เยว่เฟิงเกอก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
นางเคยเล่นกลไกไร้เทียมทานนั่นมาก่อน ทั้งยังเคยไม่ระวังไปถูกค่ายกลเข้า แต่นางไม่เคยเจอสถานการณ์เช่นนี้
ตอนนั้นหลังจากที่เยว่เฟิงเกอไม่ระวังไปััโดนค่ายกลในเกมเข้า หลังจากระบบรีเซตใหม่ นางก็แค่ถูกขังต่อไปอีกสองชั่วโมง
รอจนเวลาผ่านไปนางก็สามารถออกมาบุกทะลวงด่านต่างๆ ได้ใหม่อีกครั้ง
แต่ตอนนี้มู่เหยียนเฉินมู่เหยียนรั่วสองพี่น้องกลับจะถูกขังไว้ในกลไกไร้เทียมทานนั่นชั่วชีวิต
ดูท่าหากยังไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ สองพี่น้องคู่นั้นคงต้องถูกขังอยู่ในเกมเมืองหิมะลุ่มหลงนี่ไปชั่วชีวิตแน่
ถึงแม้เยว่เฟิงเกอจะไม่รู้ว่าสองพี่น้องนั่นหลุดเข้าไปในเกมได้อย่างไร แต่นางรู้สึกว่าตนจำเป็ต้องช่วยพวกเขาออกมา
เยว่เฟิงเกอกำลังจะมุ่งหน้าไปหากลไกไร้เทียมทาน แต่กลับมีอุ้งเท้าแมวมาวางพาดไปบนหน้าจอโทรศัพท์
เยว่เฟิงเกอหันศีรษะไปมอง ไม่รู้จิ๋วปิ่งมาปรากฏตัวั้แ่เมื่อใด
“จิ๋วปิ่ง เ้าไม่ได้ไปหาเสี่ยวฮัวของเ้าหรือ เหตุใดถึงกลับมาอีกแล้ว? ” เยว่เฟิงเกอพูดพลางยื่นมือไปลูบศีรษะน้อยๆ ของจิ๋วปิ่ง
จิ๋วปิ่งร้องเมี๊ยวพร้อมแย้มยิ้มจนตาหยี “เมื่อครู่ท่านเก้าไปแอบจุ๊บเสี่ยวฮัวมาทีหนึ่ง กลัวจะถูกนางไล่ตี จึงรีบวิ่งกลับมา”
เยว่เฟิงเกอขบขำยิ่ง คิดไม่ถึงว่าเขาจะยังกลัวถูกไล่ตีเสียด้วย
“พระชายา ท่านกำลังเล่นอะไรอยู่? สถานที่แห่งนี้ เหตุใดถึงได้ดูคุ้นเคย ราวกับท่านเก้าเคยไปมา” จิ๋วปิ่งพูดพลางจับจ้องหน้าจอโทรศัพท์
เยว่เฟิงเกอประหลาดใจมาก จิ๋วปิ่งบอกว่าเขาเคยไปเมืองหิมะลุ่มหลงมาก่อน? แต่มันคือเกม ส่วนจิ๋วปิ่งเป็แค่แมวตัวหนึ่ง เขาจะเข้าไปในเกมได้อย่างไร?
“เ้าแน่ใจนะว่าเคยไปที่นี่? ” เยว่เฟิงเกอมองจิ๋วปิ่งด้วยความสงสัยใคร่รู้
จิ๋วปิ่งเอียงศีรษะน้อยๆ เขาคิดอยู่นานในที่สุดก็นึกออก จึงร้องเมี๊ยวออกมา “ท่านเก้าคิดออกแล้ว ท่านเก้าเคยติดตามเ้านายไปยังสถานที่แห่งนี้ครั้นยังอยู่ที่แคว้นเสวี่ยอวี้”
เยว่เฟิงเกออึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นถามต่อ “เ้ากำลังจะบอกว่าเมืองหิมะลุ่มหลงนี้ ตั้งอยู่ในแคว้นเสวี่ยอวี้? ”
จิ๋วปิ่งพยักหน้า ตอบกลับว่า “ถูกต้อง สถานที่แห่งนี้มีชื่อว่าเมืองหิมะลุ่มหลง ตั้งอยู่ในแคว้นเสวี่ยอวี้ อีกทั้งสถานที่นี้ยังเป็สถานฝึกยุทธ์ของแคว้นเสวี่ยอวี้ คนที่สามารถออกมาจากสถานที่แห่งนี้ได้ วรยุทธ์จะอยู่ในระดับาาปีศาจเลยทีเดียว”
ครั้งนี้เยว่เฟิงเกออึ้งค้างไปแล้ว นางคิดไม่ถึงว่าเกมที่นางเล่นจะเกี่ยวข้องกับแคว้นเสวี่ยอวี้ในโลกใบนี้
และเมืองหิมะลุ่มหลงนี้ยังเป็หนึ่งในเมืองที่ตั้งอยู่ในแคว้นเสวี่ยอวี้ ซ้ำยังถูกใช้เป็สถานที่ฝึกยุทธ์สำหรับชาวยุทธ์อีกด้วย โดยคนที่ออกมาจากสถานที่แห่งนั้นได้ วรยุทธ์จะอยู่ในระดับาาปีศาจ
นี่มันเหมือนกับระดับในเกมของนางมากจริงๆ