หลังจากสิ้นเสียงัคำราม จู่ๆ หัวใจของหลงอวี้ก็เต้น
“นี่มัน ผสานใจ? ไม่สิ ข้ารู้สึกว่าหอกัปรภพเล่มนี้จะััรับรู้ความคิดของข้า!”
หลงอวี้ตาเป็ประกาย
หรือว่าระดับสายสัมพันธ์ระหว่างเขากับหอกัปรภพมันจะเพิ่มขึ้นอีกขั้นแล้ว?
ฟึ่บๆ!!!
หลงอวี้เหวี่ยงหอกในมือตัวเองไปมาสองครั้ง ััได้ทันทีว่าหอกัปรภพเล่มนี้ทำงานได้ดั่งใจมากขึ้น
หลงอวี้เพียงแค่คิด หอกัปรภพจะรับรู้ความคิดของเขาได้ทันที ทั้งการกระตุ้นพลังของลายเส้นสีดำบนหอก หรือการใช้ลมปราณปล่อยเคล็ดหอกสยบฟ้า ล้วนทำได้เร็วขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์
ก่อนหน้านี้หลงอวี้ต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งลมหายใจในการออกกระบวนท่าเงาหอกกระหน่ำแทง แต่ตอนนี้เขาออกได้ทันที
เพียงแค่คิด ก็จะมีเงาหอกมากมายกระหน่ำแทงออกไปอย่างเกรี้ยวกราด!
“สายสัมพันธ์ระหว่างยุทธภัณฑ์ หลังจากผ่านขั้นแรก ขั้นผสานใจไปแล้ว ขั้นต่อไปคือขั้นเชื่อมปัญญา”
หลงอวี้นึกถึงคำพูดที่ผู้เฒ่าขาวเคยบอกเขาก่อนหน้านี้
‘หลังจากขึ้นไปขั้นเชื่อมปัญญาได้แล้ว ความคิดของยุทธภัณฑ์และเ้านายจะเป็หนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์ ขอเพียงเ้านายมีความคิดในหัว ยุทธภัณฑ์ก็จะออกวิทยายุทธ์ได้ทันที!’
“นั่นยังไม่ใช้การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดของขั้นเชื่อมปัญญา สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ หากเ้านายและยุทธภัณฑ์เชื่อมปัญญากันแล้ว และได้ถ่ายเทลมปราณเข้าไปในยุทธภัณฑ์ไว้ล่วงหน้า จะสามารถควบคุมยุทธภัณฑ์จากระยะไกลได้ด้วย!”
พูดง่ายๆ ก็คือ ทันทีที่เชื่อมปัญญากับยุทธภัณฑ์ได้ ตามหลักการแล้วจะฆ่าคนได้แม้จะอยู่ห่างออกไปนับพันลี้!
แต่แน่นอนว่าในความเป็จริง การจะควบคุมยุทธภัณฑ์จากระยะไกลได้ต้องเผาผลาญลมปราณในปริมาณมหาศาล และหากไม่ใช่จังหวะสำคัญคงไม่มีใครยอมปล่อยให้ยุทธภัณฑ์อยู่ห่างมือด้วย
“แตะเกล็ดั แตะเกล็ดั หอกัปรภพ เ้าคิดจะบอกอะไรข้าหรือ?”
หลงอวี้รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงมาจากหอกัปรภพเป็คำว่า แตะเกล็ดั ทำให้เขาเกิดความสงสัย
เพียงแต่ว่า พอเขาลองัักับความคิดของหอกัปรภพอย่างละเอียด ดวงตาก็เป็ประกายทันที!
“ัมีเกล็ดย้อนกลับ1 ผู้ใดััจักต้องตาย! ข้าคือเกล็ดย้อนกลับของหอกัปรภพ หลังจากข้าเชื่อมปัญญากับหอกัปรภพแล้ว ก็จะออกวิทยายุทธ์วิชา แตะเกล็ดั ได้!”
[1] ตำนานจีนเล่าว่า ที่ใต้คอของัจะมีเกล็ดที่กลับหัวกลับหางงอก หากใครไปแตะต้อง ัจะพิโรธและฆ่าคนผู้นั้นทันที
ขอเพียงหอกัปรภพเปรอะเปื้อนด้วยเืของหลงอวี้ ก็จะสามารถออกวิทยายุทธ์เชื่อมปัญญาวิชานี้ได้ทันที อานุภาพของมันทรงพลังยิ่งกว่ากระบวนท่าเงาหอกกระหน่ำแทงของเคล็ดหอกสยบฟ้าที่บรรลุถึงขั้นสูงแล้วเสียอีก!
“แสดงให้ข้าดูหน่อยว่า แตะเกล็ดั นี่มีอานุภาพมากแค่ไหนกันเชียว!”
หลงอวี้ยกมือขึ้นมากัดนิ้วจนเป็แผลเล็กๆ ก่อนจะสะบัดมือให้เืกระเซ็นโดนหอกัปรภพ!
เสียงัคำรามจากหอกัปรภพราวกับดังมาจากปรภพ พริบตานั้นลวดลายปรภพบนตัวหอกก็ถูกกระตุ้น หลอมรวมเข้าไปในมหาพลังฟ้าดินของหลงอวี้ จากนั้นเขาก็ได้แทงหอกออกไป
แตะเกล็ดั!
ัมีเกล็ดย้อนกลับ ผู้ใดััจักต้องตาย!
เกิดเสียงะเิดังกึกก้อง หลงอวี้แทงหอกออกไป ทำให้หลุมลึกหนึ่งจ้างก่อนหน้านี้ถูกขุดลึกลงไปอีกสองจ้างทันที!
“พลังหนึ่งพันแปดร้อยแรงม้าพยศ!”
หลงอวี้เผยสีหน้ายินดี
แตะเกล็ดั วิทยายุทธ์ที่ได้หลังจากเชื่อมปัญญากับหอกัปรภพ ทรงพลังกว่าเงาหอกกระหน่ำแทงจริงๆ ด้วย ขนาดยังไม่ใช่อานุภาพสูงสุดของวิชาแตะเกล็ดั
หากหลงอวี้ไม่ได้จงใจสาดเืตัวเองออกไป แต่ถูกศัตรูทำร้ายจนาเ็ อย่างนั้นอานุภาพของแตะเกล็ดัก็จะสูงมากยิ่งขึ้นไปอีก!
แต่ตอนนี้เขาอยู่ที่ถ้ำนี้ต่อไม่ได้แล้ว เมื่อครู่นี้หลงอวี้สร้างเสียงดังเกินไป ไม่เหมาะที่จะพักในถ้ำนี้ต่อ
หลงอวี้ถือหอกัปรภพไว้พร้อมกับแบกร่างของอวี้สุ่ยอวิ๋น จากนั้นก็เดินทางออกจากถ้ำ มุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของหุบเขาอสรพิษเวหาด้วยความเร็วสูง
พอนึกย้อนกลับไปตอนที่หลงอวี้เพิ่งก้าวเข้าสู่วิถียุทธ์ ตอนนั้นเขาปล่อยพลังออกมาได้แค่หนึ่งถึงสองพันชั่ง หรือหนึ่งถึงสองแรงม้าพยศเท่านั้น
แต่บัดนี้ เขาเพียงแทงหนึ่งหอกก็มีพลังมากถึงหนึ่งพันแรงม้าพยศแล้ว แข็งแกร่งขึ้นกว่าตอนที่เพิ่งเข้าสู่วิถียุทธ์หลายร้อยเท่าเลยทีเดียว!
วิถียุทธ์เก้าขั้นเป็เพียงการเริ่มต้นของเส้นทางแห่งวิถียุทธ์อันแสนยาวไกลเท่านั้น!
หากก้าวสู่ขอบเขตระดับิญญาแท้ได้แล้ว เขาจะมีพลังที่ร้ายกาจมากขนาดไหน?
.........
ตอนที่หลงอวี้มุ่งหน้าเข้าไปยังส่วนลึกของหุบเขา ผู้คนภายในลัทธิสยบฟ้าต่างก็เดือดดาลกันทุกคน
เื่ที่หลงอวี้ลอบสังหารผู้าุโอวี้สุ่ยอวิ๋นก็ได้กระจายไปทั่วทั้งลัทธิเช่นกัน!
ภายในลัทธิสยบฟ้ามีแต่คนพูดถึงเื่เกี่ยวกับเขา
ในที่พักของเหล่าลูกศิษย์ระดับพิเศษ ก็ได้มีลูกศิษย์ระดับพิเศษหลายคนมารวมตัวกันถกเถียงกันเื่ของหลงอวี้
“เ้าหลงอวี้เอาชนะอี้เหยียนได้ ทำให้พวกเราได้เข้าไปฝึกในหุบเขาลัทธิ แต่เดิมข้ารู้สึกขอบคุณมันมาก คิดไม่ถึงว่ามันจะเป็คนแบบนี้!”
“นั่นสิ ถึงกับฉวยโอกาสตอนที่ผู้าุโอวี้หมดสติและหลู่กวนิออกไปกินข้าว ลอบทำร้ายผู้าุโอวี้เช่นนี้ ช่างน่าโมโหจริงๆ!”
“แต่ข้ากลับรู้สึกว่าเหตุการณ์ครั้งนี้อาจเป็การใส่ร้ายของผู้าุโอู่เจี้ยนซิน เพราะถึงอย่างไร...”
“ชู่ อย่าพูดจาส่งเดช ตอนที่เ้าหลงอวี้คิดจะปองร้ายผู้าุโอวี้ มีคนนับร้อยรู้เห็นเป็พยาน แล้วอู่เจี้ยนซินจะไปใส่ร้ายได้อย่างไร”
หลังจากพูดคุยกันได้สักพัก ความรู้สึกของผู้คนทั้งหลายที่มีต่อหลงอวี้ก็เป็แค่ความเสียดายตามด้วยความเหยียดหยาม!
เพราะผู้าุโอวี้เคยช่วยชีวิตหลงอวี้ แต่เ้าหลงอวี้กลับเนรคุณ คิดจะลงมือทำร้ายผู้าุโ การกระทำเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็ล้วนไม่ชอบใจทั้งนั้น!
ณ ยอดเขาของหุบเขาสยบฟ้า
ผู้เฒ่าขาวและผู้เฒ่าดำก็ยังคงนั่งเล่นหมากและคอยเฝ้าหุบเขาสยบฟ้าไว้เช่นเดิม
ส่วนเลี่ยวเล่อเล่อนั้นร้อนรนจนเอาแต่เดินวนไปวนมาอยู่ข้างๆ
“ผู้เฒ่าขาว หลงอวี้จะทำเื่ต่ำช้าอย่างการลอบทำร้ายผู้าุโอวี้ได้อย่างไร? ข้าว่าเื่นี้ต้องเป็การใส่ร้ายของไอ้ผู้าุโอู่นั่นแน่ๆ!”
“ผู้เฒ่าขาว ท่านลองคิดดูสิ หลงอวี้กับหลั่วไท่หลงมีหนี้แค้นติดค้างกันอยู่ แล้วเขาเพิ่งจะขับไล่อี้เหยียนออกจากหุบเขาลัทธิไปไม่นาน ทั้งสองคนที่ว่าล้วนเป็ลูกศิษย์ของไอ้อู่เจี้ยนซิน เท่ากับว่าอู่เจี้ยนซินมีแรงจูงใจที่จะเล่นงานหลงอวี้ จริงไหม?”
“อีกทั้งศิษย์พี่ปู้ยังบอกว่าวันนั้นหลงอวี้ไปถึงที่เกิดเหตุก่อนก้าวหนึ่ง ช่วยรับการโจมตีแทนผู้าุโอวี้ไว้สามครั้ง คนของลัทธิดาบสะบั้นต่างหากที่ลอบโจมตี คิดจะปองร้ายกับผู้าุโอวี้ ข้าได้ยินมาว่าความสัมพันธ์ระหว่างผู้าุโอวี้กับผู้าุโอู่ก็ไม่ค่อยดีด้วย บางที...”
ไม่ว่าเลี่ยวเล่อเล่อจะพูดอะไร ผู้เฒ่าทั้งสองก็ไม่เคลื่อนไหว!
ในฐานะที่เป็ผู้าุโระดับผู้พิทักษ์ลัทธิ ผู้เฒ่าทั้งสองนั้นย่อมผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มามากมาย จึงยากจะมีเื่ที่ทำให้พวกเขารู้สึกกังวลได้
“เล่อเล่อ เ้าสงบสติอารมณ์เถิด”
ผู้เฒ่าขาวแย้มยิ้มอย่างอ่อนโยน กล่าวด้วยเสียงเรียบ
“ตอนนี้หลงอวี้ยังไม่ตายไม่ใช่หรือ? อีกทั้งยังพาผู้าุโอวี้ออกไปแล้วด้วย เขาอาจมีวิธีการของตัวเองอยู่ก็เป็ได้ เ้าไม่ต้องกังวลหรอก!”
“แต่ว่า พวกเราจะไม่ลงมือทำอะไรเลยหรือ”
เลี่ยวเล่อเล่อกัดฟันพูด
“ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่พวกเราจะออกโรง”
ผู้เฒ่าขาวพูดอย่างนิ่งสงบ
คำพูดนี้ทำให้เลี่ยวเล่อเล่อขมวดคิ้ว
ยังไม่ถึงเวลาออกโรง?
หมายความว่าอย่างไร?
เลี่ยวเล่อเล่อไม่เข้าใจคำพูดนั้น ถึงอย่างไรเื่ที่นางรู้ก็มีน้อยเหลือเกิน!
ในตำหนักประมุขแห่งลัทธิสยบฟ้าตอนนี้ ปู้สิงในชุดรัดรูปสีดำกำลังพูดคุยอยู่กับประมุขไป๋อวิ๋นจง
“ท่านอาจารย์ เื่ราวก็เป็เช่นนี้แหละ ข้าไล่ตามพวกมันไป อีกฝ่ายเป็ลูกศิษย์ระดับพิเศษอันดับหนึ่งของสำนักดาบสะบั้น ‘ต้วนเมี่ย’”
ปู้สิงขมวดคิ้ว
“ข้าทำอะไรมันไม่ได้ แต่มันเองก็ทำอะไรข้าไม่ได้เช่นกัน ตอนนั้นข้าเป็ห่วงศิษย์น้องหลงอวี้ เลยไม่ได้ตามต่อแล้วรีบกลับไปหาศิษย์น้อง คิดไม่ถึงว่าจะช้าไปหนึ่งก้าว ศิษย์น้องหลงอวี้พาผู้าุโอวี้หนีไปแล้ว”
“เขาถูกอู่เจี้ยนซินบีบจนต้องหนีไป การที่เ้าหลงอวี้หนีออกไปได้ภายใต้สถานการณ์ที่อู่เจี้ยนซินคิดจะลงมือฆ่า นับว่าอยู่เหนือความคาดหมายข้าเหมือนกัน”
ไป๋อวิ๋นจงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง ขมวดคิ้วพร้อมกับเอามือเคาะขอบโต๊ะ
“แต่เดิมข้าคิดจะลงมือช่วยเหลือเขา แต่ตอนนั้นแม้แต่ตัวข้าเองก็ยังถูกกลิ่นอายอันลี้ลับพิสดารนั่นแช่แข็งไปด้วย ช่างน่าประหลาดใจจริงๆ”
“กลิ่นอายประหลาดนั่นเป็ความลับของศิษย์น้องหลงอวี้ คงจะเกี่ยวข้องกับบิดาของเขา”
ปู้สิงกล่าวขึ้น
“การกระทำของอู่เจี้ยนซินนับเป็การตัดสินใจโดยพลการ มันไม่เห็นหัวอาจารย์มากเกินไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่เกิดเหตุอู่เจี้ยนซินก็อยู่ละแวกนั้นด้วย ตามหลักการแล้วไม่มีทางที่จะมองไม่เห็นร่องรอยของต้วนเมี่ยแห่งสำนักดาบสะบั้นแน่!”
“ใช่แล้ว อู่เจี้ยนซินมีจุดน่าสงสัยอยู่”
ไป๋อวิ๋นจงพยักหน้าพร้อมกับลูปหนวดเล็กๆ ของเขา
“เ้าอู่เจี้ยนซินนี่ มีความแค้นกับอวี้สุ่ยอวิ๋นอยู่แล้ว สมัยที่ยังหนุ่มเคยทะเลาะต่อยตีกันไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จนเมื่อขึ้นมาเป็ผู้าุโ ถึงได้สงบลงมา คิดไม่ถึงว่าตอนนี้...”
ระหว่างที่ไป๋อวิ๋นจงพูดก็ได้เคาะโต๊ะไปด้วย
ดวงตาของเขามีประกายแห่งปัญญา
ในฐานะที่เขาเป็ประมุขของลัทธิ ย่อมต้องรู้ลักษณะนิสัยและเื่ราวในอดีตของเหล่าผู้าุโทั้งหลายเป็อย่างดีอยู่แล้ว! เื่นี้ทำให้เขาพอจะคาดเดาความจริงของเหตุการณ์ครั้งนี้ได้
สำหรับหลงอวี้นั้น ไป๋อวิ๋นจงย่อมต้องดูแลอยู่แล้ว!
เพียงแต่ตอนนี้ ไป๋อวิ๋นจงยังไม่สามารถออกหน้าแก้ไขความเข้าใจให้หลงอวี้ได้ เพราะยังไร้ซึ่งหลักฐาน ต่อให้เป็ประมุขก็ยากที่จะเกลี้ยกล่อมผู้คนในลัทธิให้เชื่อได้
แต่เขาก็ยังคอยตรวจสอบเื่ราวทั้งหมดจากหลังฉาก ขอเพียงถึงเวลาที่เหมาะสม เขาจะลงมืออย่างไม่ลังเล!
......
อู่เจี้ยนซินใช้เวลาไล่ตามหนึ่งวันเต็ม แต่ก็ยังไม่สามารถไล่ตามหลงอวี้ได้ทัน เขาจึงโมโหเดือดดาลสุดขีด
หลังจากกลับมา เขาก็ได้ประกาศภารกิจใหม่ให้กับลูกศิษย์ระดับพิเศษทุกคนในลัทธิทันที
แต่เดิมแล้วภารกิจของลูกศิษย์ระดับพิเศษในครั้งนี้คือการเข้าไปตามหาสมุนไพรสามชนิดในส่วนลึกของหุบเขาอสรพิษเวหา แต่ตอนนี้ ถูกเปลี่ยนเป็ตามหาตัวหลงอวี้และผู้าุโอวี้สุ่ยอวิ๋นแทน
เพราะอวี้สุ่ยอวิ๋นถูกหลงอวี้พาตัวไป ต่อให้หาสมุนไพรมาได้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร
สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการตามหาร่องรอยของหลงอวี้ให้เจอต่างหาก!
“ผู้ใดพบเจอตัวหลงอวี้ นับว่ามีผลงาน ได้รางวัลเป็ยุทธภัณฑ์ขั้นสูงหนึ่งชิ้น!”
“หากสังหารหลงอวี้ได้ นับว่ามีผลงานใหญ่ ได้รางวัลเป็ยุทธภัณฑ์ขั้นพิเศษหนึ่งชิ้น!”
เพื่อจะฆ่าหลงอวี้ให้ตาย อู่เจี้ยนซินถึงกับยอมทุ่มสุดกำลัง ประกาศว่าจะให้รางวัลเป็ยุทธภัณฑ์ขั้นพิเศษเลยทีเดียว!
เื่นี้ทำให้เหล่าลูกศิษย์จำนวนมากของลัทธิสยบฟ้าต่างก็แทบคลุ้มคลั่ง!
ที่ปากทางเข้าหุบเขาอสรพิษเวหา ผู้คุมกฎถานอู๋โจวในชุดสีม่วงได้พาหลัวไท่หลงในชุดสีแดงและลูกสมุนเมิ่งเช่อมา
“จากนิสัยของเ้าหลงอวี้ ตอนนี้มันน่าจะกำลังตามหาสมุนไพรทั้งสามอย่างในส่วนลึกของหุบเขาอสรพิษเวหาเพื่อช่วยเหลืออวี้สุ่ยอวิ๋น”
ถานอู๋โจวมองเข้าไปในป่ามืดทึบตรงหน้าพร้อมกับกล่าวขึ้นเสียงเรียบ
บนใบหน้าของหลัวไท่หลงพลันฉายแววอำมหิต
“ครั้งนี้ข้าต้องตามหามันให้เจอให้ได้ ข้าจะบดขยี้มันเป็หมื่นๆ ชิ้น!”
“ครั้งนี้มีผู้าุโถานอยู่ด้วย การจะฆ่าเ้าหลงอวี้ยิ่งง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเลยไม่ใช่หรือ?”
เมิ่งเช่อที่ดูสูงสง่ากำลังแย้มยิ้มอย่างประจบสอพลอข้างๆ
ั้แ่ที่ยุทธภัณฑ์ขั้นสูงของเขาถูกหลงอวี้ทำลาย เมิ่งเช่อก็สูญเสียความมั่นใจในตัวเองไปทันที เชื่อฟังคำสั่งของหลัวไท่หลงมากขึ้นกว่าเดิม!
“หยุดพูดจาไร้สาระได้แล้ว เข้าไปเถิด”
ถานอู๋โจวไม่สนใจเมิ่งเช่อเลยแม้แต่น้อย
ครั้งแรกที่เขาได้เจอหลงอวี้ก็ที่หุบเขาอสรพิษเวหา ตอนนั้นมันได้ฆ่าลูกศิษย์ของเขาฉินเทียนเชวี่ยไป
“หลงอวี้ ข้าจะยุติชีวิตเ้าที่หุบเขาอสรพิษ เพื่อเป็เครื่องเซ่นให้กับเทียนเชวี่ยที่ถูกเ้าฆ่าตาย!”
ดวงตาของถานอู๋โจวเป็ประกายอำมหิต จากนั้นเขาก็ก้าวเท้ามุ่งหน้าเข้าไปภายในส่วนลึกของหุบเขาอสรพิษเวหาเพื่อไล่ล่าหลงอวี้!
