ศาลาริมน้ำที่สายลมพัดเบา ๆ ไม่อาจคลายเปลวเพลิงที่กำลังโหมไหม้ร่างของ ฉินชิงหร่าน นางกระสับกระส่ายอย่างบ้าคลั่ง ใบหน้างดงามแดงก่ำราวถูกไฟลวก ลมหายใจถี่กระชั้นแ่กระเส่าเชิญชวนอย่างน่าอับอาย อกอิ่มกระเพื่อมแรงตามจังหวะหัวใจที่เต้นรัวระส่ำ
เงามืดรอบศาลาเริ่มขยับไหว เหล่าทาสรับใช้ชายผู้ต่ำต้อยทยอยปรากฏตัว ดวงตาแข็งกร้าวที่เคยหลบซ่อนบัดนี้ส่องประกายแปลกประหลาด ภาพหญิงสาวผู้เคยอยู่สูงส่งกลับนั่งสั่นเทาตรงหน้าอย่างไร้การป้องกัน สัญชาตญาณมืดในใจถูกปลุกขึ้นทีละน้อย
“หึหึ… พวกเราจะเอายังไงต่อดีวะ” เสียงคนเลี้ยงม้าที่เคยต้องกวาดมูลเอ่ยขึ้นต่ำหยาบ ดวงตาจ้องมองเหยื่อเบื้องหน้าเหมือนสัตว์ป่าที่อดโซ “ต่อให้เป็คุณหนูฉินเซียนหรู หรือเป็นาง ก็ไม่ต่างกันนัก” อีกคนพูดพร้อมหัวเราะเย้ยหยัน พวกเขารู้ดีว่าความตายรออยู่เบื้องหน้า แต่เมื่อถูกข่มขู่ หากไม่ทำครอบครัวก็ต้องรับเคราะห์แทน
ใครจะคิดว่าแผนต่ำช้าที่ฉินชิงหร่านวางไว้ จะย้อนกลับมาเล่นงานนางเอง ภาพตรงหน้ายิ่งทำให้เหล่าทาสที่สิ้นหวังมานานเหมือนถูกปีศาจสั่งให้ก้าวต่อ
“ไหน ๆ ชีวิตก็ต่ำต้อยเช่นนี้แล้ว… ขอข้าเสพสุขก่อนตายก็แล้วกัน” เสียงหนึ่งเอ่ยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นปนความทรมาน “อย่า… อย่าเข้ามา ได้โปรด…”
ทว่าความร้อนที่แล่นพลุ่งพล่านไปทั่วร่างกลับทรยศต่อคำพูด ริมฝีปากแม้จะเอ่ยขอร้อง แต่ดวงตาที่พร่าเลือนและร่างกายที่บิดเร่า มือขาวบางกลับลูบไล้ผิวเนียนของตนเองอย่างไม่รู้ตัว ราวกับกำลังเชื้อเชิญเงามืดที่รายล้อมให้ยิ่งเข้ามาใกล้
เหล่าทาสรับใช้ชายจ้องภาพนั้นด้วยดวงตาวาวโรจน์ รอยยิ้มบิดเบี้ยวเต็มไปด้วยความกระหาย ทั้งความโลภและความคั่งแค้นปะทุพร้อมกัน เสียงหัวเราะต่ำหยาบดังลั่นกลางความเงียบงัน
“ฮ่าฮ่า… คุณหนูปากของท่านบอกปฏิเสธ แต่กายาและแววตาของท่าน กลับตรงกันข้ามสิ้นเชิง” เสียงเย้ยหยัน ขณะที่อีกเสียงตามมาพร้อมถ้อยคำโหดร้าย “ไม่เป็ไรดอก เดี๋ยวพวกเราจะสอนให้ท่านลิ้มรสเอง ว่า์ที่แท้จริง… มันเป็เช่นไร”
ทันทีที่ มือหยาบกร้าน ของเหล่าทาสต่ำต้อยแตะต้องผิวกายอันบอบบางของฉินชิงหร่าน ราวกับประกายไฟตกลงบนกองเพลิง เปลวไฟแห่งความปรารถนาที่แผดเผาอยู่ภายในก็ ลุกโชนแรงยิ่งกว่าเดิม เสียงกระเส่าหลุดลอดจากริมฝีปากงามโดยไม่อาจห้ามได้ ลมหายใจหอบถี่แปรเปลี่ยนเป็สายหมอกอุ่น ลอยคลุ้งราวหมอกควันแห่งราคะที่บดบังสติสัมปชัญญะจนสิ้นสูญ
ความงามที่เคยเปี่ยมด้วยศักดิ์ศรี บัดนี้กลับกลายเป็เพียงภาพของสตรีที่ถูกกักขังด้วยแรงปรารถนาของตนเอง ภายใต้ชะตากรรมอันโหดร้ายที่นางเคยปูทางไว้เพื่อผู้อื่น แต่สุดท้ายกลับตกลงมากระทบกับตนเองอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง
แสงสะท้อนจากผืนน้ำไม่อาจกลบภาพที่เกิดขึ้นในศาลาริมน้ำได้ ร่างอันงดงามของฉินชิงหร่านที่ครั้งหนึ่งเคยสูงส่งดุจอัญมณีแห่งตระกูล บัดนี้กลับตกอยู่ในสภาพ เสื่อมเกียรติ สิ้นไร้ความน่าเคารพ เมื่อเงาของบุรุษต่ำต้อยหลายคนรายล้อมกาย ความงามที่ควรเป็ดั่งดอกไม้สูงค่า กลับกลายเป็เพียงสิ่งมัวหมองที่ถูกเหยียบย่ำด้วยตัณหา เสียงกระเส่าและลมหายใจอันขาดห้วงประสานกันเป็จังหวะอื้อฉาว บรรยากาศเต็มไปด้วยไอร้อนแห่งความมัวเมา ภาพนั้นโหดร้ายยิ่งกว่ามีดที่กรีดแทงศักดิ์ศรีของตระกูลฉิน
เหล่าสาวใช้ที่บังเอิญผ่านมาต่างเบิกตากว้าง ใบหน้าซีดเผือด หัวใจเต้นระรัวด้วยทั้งความใและหวาดหวั่น พวกนางไม่อาจทนมองภาพ อัปยศ นี้ต่อไปได้อีกแม้เสี้ยวลมหายใจเดียว
“ไม่นะ…คุณหนูชิงหร่าน…” เสียงหนึ่งสั่นเครือ ก่อนที่ทุกคนจะผลุนผลันหันหลังวิ่งหนีไป ฝีเท้าเร่งร้อนเต็มกำลัง ราวกับมีเพลิงไล่ล่า เป้าหมายของพวกนางมีเพียงหนึ่งเดียวคือ เร่งนำความจริงอันน่าสะพรึงนี้ไปรายงานต่อ ท่านแม่ทัพฉินเทียนหง โดยเร็วที่สุด…
ทันทีที่ข่าวร้ายถูกส่งถึงหู แม่ทัพฉินเทียนหง หัวใจอันแข็งแกร่งที่ผ่านศึกานับครั้งไม่ถ้วนกลับ สะท้านไหว เขาไม่อยากเชื่อว่าบุตรสาวที่เคยภาคภูมิใจ จะต้องมาตกอยู่ในสภาพไร้ยางอายเช่นนี้ ร่างสูง เหาะเหินทะยานผ่านสายลม ราวกับพายุที่มุ่งตรงสู่ศาลาริมน้ำ
เมื่อสายตาคมกล้ากวาดมอง ภาพตรงหน้าก็ประหนึ่ง ฟ้าผ่าลงกลางอก ร่างของฉินชิงหร่าน บุตรสาวผู้เป็ดั่งดวงดาว กลับกำลังดิ้นรนหลงใหลอยู่ท่ามกลางเพลิงราคะ สติสัมปชัญญาหายสิ้น สีหน้ามัวเมาไร้ความน่าภาคภูมิ
“ชิงหร่าน… เ้าเป็อะไรไป!” เสียงทุ้มทรงอำนาจก้องสะท้อน แต่เต็มไปด้วยความปวดร้าว แม่ทัพสาวเท้าเข้าไปประชิด พลันใช้พลังปราณแตะลงบนเส้นชีพจร ทำให้นาง สลบไปในพริบตา ร่างบางทรุดลงแนบอกเขาอย่างหมดเรี่ยวแรง
น้ำตาร้อนผ่าวเอ่อคลอในดวงตาที่ไม่เคยยอมให้น้ำตาหลั่งบนสมรภูมิ บัดนี้กลับไหลรินเพราะบุตรสาวของตนเอง มือหยาบกร้านสั่นเล็กน้อยเมื่อเขาสะบัดชายผ้าคลุม ห่อหุ้มเรือนร่างที่เต็มไปด้วยความอับอายราวกับ้าปิดบังาแแห่งศักดิ์ศรีที่แทงทะลุใจเขา
แล้วเสียง คำรามต่ำลึก ก็ดังก้องในศาลา “เ้าทาสต่ำต้อย… พวกเ้านั้นช่างกล้านัก!”
เพียงสายตาเดียวที่ตวัดมองออกไป พวกทาสเลี้ยงม้าและคนรับใช้ผู้ต่ำต้อยที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ก็ถึงกับ ทรุดฮวบลง ขาสั่นระริก ใบหน้าซีดเผือดประหนึ่งถูกปีศาจจับิญญา พวกมันรู้ดีไม่ว่าข้ออ้างใดก็ไม่อาจช่วยชีวิตได้อีกต่อไป การตายคือบทสรุปที่หลีกหนีไม่ได้ แต่สิ่งที่ทำให้พวกมันหวาดหวั่นยิ่งกว่าความตาย คือ โทสะและความเ็ป ที่อัดแน่นอยู่ในแววตาของแม่ทัพ แววตาที่ไม่ต่างอะไรจาก หายนะ ซึ่งพร้อมจะทำลายล้างทุกสิ่งตรงหน้า…
“ท่านแม่ทัพ! ท่านได้โปรดเมตตาพวกเราด้วย! พวกเราผิดไปแล้ว!” พวกมันร้องขอชีวิตทั้งที่เสื้อผ้ายังสวมใส่กันไม่เรียบร้อย เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความกลัวจนแทบควบคุมไม่ได้
แม้จะทำใจยอมรับชะตากรรมไว้ล่วงหน้าแล้ว ว่าผู้ใดก็ตามที่กล้าแตะต้องบุตรสาวของท่านแม่ทัพจะต้องพบจุดจบเช่นไร แต่เมื่อสถานการณ์จริงมาถึง ความหวาดหวั่นอันถึงที่สุด ก็เข้าครอบงำ พวกมันเพิ่งตระหนักว่าโทสะของ ฉินเทียนหง นั้นน่ากลัวกว่าความตายที่เคยจินตนาการไว้หลายเท่านัก
ฉินเทียนหงยืนตระหง่านราวกับรูปสลักน้ำแข็ง ดวงตาคู่คมจ้องมองเหล่าทาสที่กำลังคร่ำครวญด้วยแววตาที่ว่างเปล่า ทว่าภายในกลับเต็มไปด้วยไฟแค้นที่พร้อมจะเผาผลาญทุกสิ่ง
