"เสด็จพี่เพคะตอนนั้น...ควรทำลายสวนร้อยสัตว์นี่ไปั้แ่ตอนนั้น"
องค์หญิงใหญ่ชิงเหอนึกถึงความเป็ไปได้ในครั้งนั้นก็รู้สึกหมดแรงนางโซซัดโซเซ พิงจือเถาด้วยร่างกายที่แทบจะไร้เรี่ยวแรงไปทั้งตัว
ยวี่เอ๋อร์เฉลียวฉลาด ทว่าหลายสิ่งหลายอย่างในสวนร้อยสัตว์มารดานางใช้ค่ายกลมาออกแบบ ป่าพุ่มไม้นั่นเป็ค่ายกลที่เสด็จแม่เชี่ยวชาญอย่างมากเสด็จแม่ทรงออกแบบได้อย่างละเอียดลออ รูปแบบข้างในเปลี่ยนแปลงได้ร้อยแปดพันเก้ายามนั้นไว้ใช้ดักจับสัตว์ป่า และป้องกันไม่ให้สัตว์ร้ายพวกนั้นเข้ามาในสวนร้อยสัตว์ทั้งยังมีไว้เพื่อรักษาความปลอดภัยของวังหลวง ทว่าคาดไม่ถึงเลยว่า...
หากยวี่เอ๋อร์และพี่สะใภ้หลงเข้าไปในป่าพุ่มหนามเช่นนั้น...
หากเป็เช่นนี้จริงๆนางก็ไม่กล้าแม้แต่จะคิดถึงผลที่จะตามมา
องค์หญิงใหญ่ชิงเหออดไม่ได้ที่จะลูบครรภ์ที่โค้งนูนเบาๆใบหน้ามืดมนเศร้าหมอง
วงคิ้วของฮ่องเต้หยวนเต๋อขมวดเข้าหากันแน่นมองไม่ออกถึงอารมณ์ในดวงตาราวสระน้ำลึกคู่นั้น
ทันใดนั้น เสียงกลไกดังขึ้น ประตูถูกเปิดออกอีกครั้งทุกคนต่างมองไปยังบุคคลที่เปิดประตูอย่างพร้อมเพรียงกัน ฉู่ชิงสวมชุดสีดำสนิทร่างกายตั้งตรงองอาจ ย่ำฝีเท้าก้าวเข้าไปในประตูสวนร้อยสัตว์...
"ฉู่ชิง เ้าจะ..."ฮ่องเต้หยวนเต๋อััได้ถึงความตั้งใจของเขา ก้าวไปข้างหน้าทันทีเขา้าจะเข้าไปในสวนร้อยสัตว์หรือ? ทว่าในนั้นอันตรายยิ่งนัก...
ก่อนที่ฮ่องเต้หยวนเต๋อจะตรัสจบฉู่ชิงก็คำนับให้ฮ่องเต้หยวนเต๋อ "ฝ่าา กระหม่อมฉู่ชิงจะต้องพาฮองเฮา...และแม่นางยวี่กลับมาให้ได้พ่ะย่ะค่ะ"
ไม่มีใครสังเกตเห็น ยามที่คำว่า"แม่นางยวี่" สามคำนี้ออกจากปากเขามีประกายประหลาดพาดผ่านดวงตาสีเข้มราวสระน้ำลึกคู่นั้น
พากลับมางั้นหรือ?
แต่ถ้าหากว่าพวกเขาสองคนเข้าไปในเขาวงกตป่าพุ่มหนามแล้วการพาคนสองคนกลับมา ไหนเลยจะเป็เื่ง่ายดายขนาดนั้น?
ฮ่องเต้หยวนเต๋อ้าจะยั้งไว้ทว่าฉู่ชิงหันหลังกลับและหายตัวเข้าไปในประตูเรียบร้อยแล้ว
การกระทำของฉู่ชิง ราวกับจะทำให้จ้าวอี้ได้สติในทันใด
“ใช่ ไปหาพวกเขา” จ้าวอี้พึมพำเพียงครู่เดียว ก็ขจัดความตื่นตระหนกเมื่อครู่ออกไปได้ ดวงตาวาวโรจน์ ฉายแววเด็ดเดี่ยวแน่วแน่หากพวกนางอยู่ข้างในจริงๆ ด้วยความเฉลียวฉลาดของจื๋อหร่านบวกกับความเฉลียวฉลาดของเขาคู่กันละก็ แม้ข้างในจะอันตรายพวกเขาจะต้องพาพวกนางกลับมาได้อย่างแน่นอน
แต่ทันทีที่จ้าวอี้กำลังจะก้าวเข้าไปในประตูของสวนร้อยสัตว์ฮ่องเต้หยวนเต๋อที่สังเกตเห็นเจตนาของเขาล่วงหน้า ก็ก้าวเข้าไปคว้าข้อมือเขาไว้“เ้าจะทำอะไร? อย่าทำอะไรวุ่นวาย!”
"เสด็จพ่อข้าจะไปช่วยเสด็จแม่และยวี่เอ๋อร์" จ้าวอี้ขมวดคิ้ว พยายามจะสะบัดทว่าฮ่องเต้หยวนเต๋อก็เป็คนที่ฝึกฝนมาคนหนึ่ง จึงจับข้อมือเขาได้อย่างมั่นคง
“เลอะเทอะ!”ฮ่องเต้หยวนเต๋อะโออกมาอย่างรุนแรง “เ้าเป็โอรสของฮ่องเต้แห่งเป่ยฉีและจะต้องสืบต่อราชบัลลังก์ เจิ้นจะเอาชีวิตของเ้ามาล้อเล่นเช่นนี้ได้อย่างไร?ทหาร พาตัวท่านอ๋องมู่กลับไป จับตาให้ดี ไม่อนุญาตให้เขาออกจากห้องแม้เพียงครึ่งก้าว”
ฮ่องเต้หยวนเต๋อออกกระแสรับสั่ง ส่งตัวจ้าวอี้ให้อยู่ในการดูแลของทหารองครักษ์ แม้ว่าจ้าวอี้จะมีฝีมือดี ทว่าฝั่งที่น้อยกว่ามิอาจสู้ฝั่งที่มากกว่าได้ทหารองครักษ์ลากจ้าวอี้อย่างแ่า พาออกไปนอกสวนร้อยสัตว์
เสียงตวาดของจ้าวอี้ก้องไปทั่วทั้งวังหลวงเสียงคำรามนี้ดังะเืไปถึงตำหนักฉางเล่อ
ณ ปีกเรือนตะวันตก จ้าวเยี่ยนนั่งพิงหน้าต่างทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้เขาไม่สามารถสงบลงได้
เสียงร้องที่ดังมาจากข้างนอกรบกวนความคิดของจ้าวเยี่ยน
จ้าวอี้หรือ?
แม้เสียงนั้นจะดังขาดเป็ห้วงๆ ทว่าจ้าวเยี่ยนก็ยังจำได้ว่าเป็เสียงของจ้าวอี้
"เกิดเื่อะไรขึ้น?"จ้าวเยี่ยนเอ่ยปากถามชื่อฉินที่เพิ่งเข้ามา
“ทูลท่านอ๋องเพคะบ่าวเองก็ไม่ค่อยรู้ละเอียดนัก รู้เพียงว่าเหมือนจะมีเื่บางอย่างเกิดขึ้นทางนั้นที่ตำหนักชีอู๋เพคะก่อนหน้านี้นางกำนัลที่ตำหนักชีอู๋ก็มาที่ตำหนักฉางเล่อ ถามว่ามีใครเห็นฮองเฮามาที่นี่บ้างหรือไม่คนทั้งตำหนักฉางเล่อเองก็ไม่มีผู้ใดเห็นฮองเฮาเพคะ พวกนางค้นหาอยู่สักพักก็กลับไปเพคะ” ฉินชื่อเดินมาที่หน้าเตียง จัดที่นอนเรียบร้อย"ท่านอ๋องเพคะ ท้องฟ้ามืดแล้ว ท่านพักสักหน่อยเถิดเพคะ"
ทว่าจ้าวเยี่ยนกลับไม่สนใจชื่อฉิน
ฮองเฮาหายตัวไปงั้นหรือ?
ในวังหลวงแห่งนี้ได้รับการคุ้มกันอย่างแ่าคนสำคัญจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยได้อย่างไร?
จ้าวเยี่ยนครุ่นคิด ทันใดนั้นราวกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ก็รีบลุกยืนขึ้นมาทันที
“ท่านอ๋อง?” ชื่อฉินจ้องมองการกระทำที่ไม่ปกติของเขาขานเรียกขึ้นมาอย่างหยั่งเชิง
จ้าวเยี่ยนขมวดคิ้วแน่น ในหัวครุ่นคิดหลายเื่ในดวงตาที่สงบนิ่งจนเคยชินนั้น กลับมีสายลมมวลเมฆสาดซัดเข้ามา ทว่าเพียงครู่เดียวอารมณ์ผันผวนนั้นก็ค่อยๆ สงบลง สูดหายใจเข้าลึกๆ ราวกับเื่ทั้งหมดไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหันหลังเดินกลับไปที่เตียง
ณ ตำหนักฉางเล่อ ในตำหนักฉิ่นของฉางไทเฮา
ในยามที่ได้ยินเสียงร้องะโของจ้าวอี้ ดวงตาคู่นั้นที่เดิมทีปิดอยู่ก็ค่อยๆลืมตาขึ้น รอยยิ้มที่มุมปากยกยิ้มขึ้นช้าๆ ราวกับผู้ใจดีมีเมตตาทว่ากลับเผยความเย็นะเืที่ทำให้ผู้คนพูดไม่ออก
ในสวนร้อยสัตว์
ภายในป่าแห่งนี้เหนียนยวี่เดินอย่างระมัดระวังทุกย่างก้าว ระหว่างทางนางทำผิดพลาดหลายครั้งค่ายกลก็เปลี่ยนไป นางต้องเริ่มใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า สามชั่วโมงต่อมาเหนียนยวี่ก็สามารถพาฮองเฮาอวี่เหวินออกมาจากค่ายกลพุ่มหนามนี้ได้
หวนนึกป่าพุ่มหนามด้านหลังที่พวกนางหนีรอดออกมาได้เพียงแค่พวกนางออกมาชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ค่ายกลของป่าพุ่มหนามก็เปลี่ยนไปแล้ว
เหนียนยวี่สูดหายใจเข้าลึกๆเหลือบมองฮองเฮาอวี่เหวินที่สูญเสียสติปัญญาไปแล้ว
ในการออกจากสวนร้อยสัตว์จะต้องเดินผ่านป่าพุ่มหนามอีกครั้ง ยิ่งกว่านั้นในบรรดาทางออกทั้งสี่ทางของป่าพุ่มหนามแห่งนี้นั้น ล้วนไม่แน่นอน ดังนั้นราตรีนี้พวกนางสองคนคงจะยังออกไปจากสวนร้อยสัตว์แห่งนี้ไม่ได้
เช่นนั้นเหนียนยวี่ก็ถือโอกาสพาฮองเฮาอวี่เหวินเดินต่อไปข้างหน้าเสียเลย วางแผนที่จะหาที่พักสักแห่งค้างคืนก่อนสักคืนแล้วค่อยว่ากันต่อ
สวนร้อยสัตว์ตรงนี้อยู่นอกเขาวงกตป่าพุ่มหนามเป็เหมือนลานแห่งหนึ่ง แต่ด้านข้างตรงนี้ของเขาวงกตก็เป็เหมือนป่าที่เชื่อมต่อกับด้านหลังเขาจิ่งชาน และยังมีหน้าผาธรรมชาติกั้นทั้งสวนร้อยสัตว์
จากความทรงจำในชาติก่อนหนทางนอกป่าพุ่มหนามนั้นง่ายกว่ามากสำหรับเหนียนยวี่
ทั้งสองอยู่ในป่าและมองหาอยู่พักหนึ่งก่อนจะพบถ้ำภายในถ้ำย่อมปลอดภัยกว่าภายนอกเสมอ
เหนียนยวี่ให้ฮองเฮาอวี่เหวินอยู่ในถ้ำค้นหากิ่งไม้ที่แห้งแล้วและจุดไฟ ั้แ่ต้นจนจบแววตาของฮองเฮาอวี่เหวินคอยเฝ้ามองร่างกายนางตลอดความเป็ห่วงว้าวุ่นใจในดวงตานั้น ถูกม่านหมอกบดบังหนึ่งชั้น
หน้ากองไฟเหนียนยวี่กำลังคิดเกี่ยวกับการเตรียมการสำหรับวันพรุ่งนี้ ในสวนร้อยสัตว์แห่งนี้แม้ว่านางจะพบผลไม้ที่เก็บกินได้บ้าง ยังไม่ถึงขั้นต้องอดตายทว่าผู้ใดจะรู้ได้ว่าในสวนแห่งนี้จะมีสัตว์ร้ายปรากฏขึ้นมาอีกหรือไม่?
มันอันตรายเกินไป อีกอย่าง...
เมื่อนึกถึงเสียงร้องขอความช่วยเหลือประหลาดของเด็กนั่นเหนียนยวี่ก็ขมวดคิ้ว แผนการร้ายนี่ดูเหมือนจะยิ่งรุนแรงขึ้น
หากเป็แผนการร้ายขึ้นมาจริงๆแผนร้ายในครั้งนี้เห็นได้ชัดว่ามุ่งเป้าไปที่ฮองเฮาอวี่เหวิน ทว่าเป็ผู้ใดที่บงการแผนร้ายในครั้งนี้?
ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัย ในใจของเหนียนยวี่ยิ่งสงสัยใคร่รู้
"เสด็จแม่...ช่วยข้า...เสด็จแม่..."
ในขณะที่กำลังครุ่นคิดเสียงเด็กร้องขอความช่วยเหลือก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง...
ทันใดนั้นเหนียนยวี่ก็ได้สติหันมองฮองเฮาอวี่เหวินอย่างไม่รู้ตัว และในยามที่นางได้ยินเสียงร้องเรียกให้ช่วย ฮองเฮาอวี่เหวินก็รีบลุกขึ้น...
"จี้เยวี่ย..." ฮองเฮาอวี่เหวินอ้าปากพึมพำ ม่านหมอกในดวงตาของนางหนาขึ้นนางเพียงยืนขึ้นครู่หนึ่ง ในดวงตาราวกับมีประกายบางอย่างเร่งรีบไล่ตามเสียงนั้นอย่างรวดเร็ว และออกจากถ้ำไป
เหนียนยวี่ตระหนักถึงอะไรบางอย่างได้ ก็รีบพุ่งไปด้านหน้าทันทีใน่วินาทีที่ฮองเฮาอวี่เหวินกำลังจะออกจากปากถ้ำ นางก็คว้าข้อมือฮองเฮาไว้...
“ปล่อยข้า...ข้าจะไปช่วยลูกสาวข้าผู้ใดก็ห้ามขวาง...” ฮองเฮาอวี่เหวินพยายามดิ้นรนอย่างหนักทว่าเหนียนยวี่กลับคว้านางมากอดแน่น ฟังเสียงของเด็กที่กำลังร้อง ในดวงตาราวกับมีบางอย่าง...
"เสด็จแม่ จี้เยวี่ยอยู่ที่นี่"