ชาติที่แล้วมือของหลินชิงเวยถือมีดผ่าตัด นั่นเป็มีดผ่าตัดที่ใช้เพื่อช่วยชีวิตมนุษย์เวลานี้ในมือของนางคือไม้กระบอง เป็สิ่งของที่นำมาทำร้ายผู้อื่นหญิงสาวสองคนก่อนหน้านี้ที่ถูกนางตีนั้นยังมีความปรานีอยู่บ้าง ด้วยนางยังมิได้ถูกบีบบังคับให้อับจนหนทางเช่นนี้ทว่าเวลานี้นางถูกบีบคั้นจนไร้ทางเลือก อวัยวะส่วนใดบ้างในร่างกายของคนเราที่ถูกโจมตีอย่างง่ายดายเพียงครั้งเดียวนางย่อมรู้ดีที่สุด
ทว่าการทะเลาะวิวาทนี้ยังมิได้ดำเนินไปถึงขั้นต่างฝ่ายต่างลงไม้ลงมือไม่รู้ว่ามีการมาถึงของใครบางคน บรรยากาศในเหตุการณ์นั้นพลันเปลี่ยนผันหมัวมัวาุโอายุราวๆ สามสี่สิบปีนางหนึ่งปรากฏกายขึ้นที่นี่สายตาอันคมปลาบนั้นกวาดผ่านร่างของหลินชิงเวยราวกับมีดเล่มหนึ่งแล้วค่อยหันไปมองบรรดาหญิงสาวเ่าั้ หญิงสาวเ่าั้พลันอยู่ในกฎในเกณฑ์ขึ้นมาทันที
หมัวมัวาุโกล่าว “ทำอะไรกัน นี่รวมหัวกันมาทะเลาะวิวาทใช่หรือไม่?! เ้านายของพวกเ้าไม่รังเกียจที่จะต้องตีคนให้ตายเพิ่มสักคนสองคนเพื่อนำมาปรุงโอสถหรอกนะยังไม่รีบแยกย้ายกันอีก”
คนทั้งหมดแยกย้ายกระจัดกระจายไปคนละทิศละทางหมัวมัวาุโส่งสัญญาณให้หญิงสาวแรกรุ่นสองคนที่ติดตามข้างกายนางมา“นำร่างของสามคนนี้ไปทำให้เป็น้ำศพเพื่อเป็ปุ๋ยให้กับโอสถของนายท่านเถิด”
หลินชิงเวยก้าวขึ้นไปขวางหน้าร่างของเด็กน้อย หมัวมัวาุโมองนางนางกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “นางยังไม่ตาย นางยังมีโอกาสรอด”
หมัวมัวาุโใช้สายตาของผู้ที่ผ่านเื่ราวมามากมายประเมินนาง“นางได้รับาเ็สาหัสที่สุด เหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายเท่านั้น ไม่รอดหรอก”
หลินชิงเวยมองหมัวมัวาุโอย่างไม่ล้มเลิกความตั้งใจ“ข้าบอกว่านางมีโอกาสรอด นางก็ต้องมีชีวิตรอดสิ”
ต่อมาภายหลังหลินชิงเวยจึงได้รู้ว่าในส่วนที่ลึกที่สุดของตำหนักเย็นยังมีบุคคลผู้มีความสำคัญคนหนึ่งอาศัยอยู่ที่นี่อีกทั้งดูจากท่าทีกริ่งเกรงของหญิงสาวคลุ้มคลั่งเ่าั้ที่มีต่อหมัวมัวาุโท่านนี้แล้วก็รู้หลินชิงเวยรู้จากปากของหมัวมัวาุโว่าเ้านายของนางนิยมชมชอบเอาคนมาทดลองโอสถเช่นนั้นในตำหนักเย็นแห่งนี้จะต้องมีสถานที่ที่เป็แหล่งรวมของโอสถต่างๆ มากมาย
เด็กน้อยได้รับาเ็สาหัส เงื่อนไขประการแรกคือจำเป็ต้องใช้โอสถ
ดังนั้นหลินชิงเวยจึงมิอาจคิดหน้าคิดหลังอันใดมากมายได้แต่ติดตามหมัวมัวาุโไปอย่างหน้าหนา เมื่อไปถึงสถานที่ลึกที่สุดของตำหนักเย็นจึงได้พบกับสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งอุดมไปด้วยพืชสมุนไพรนานาชนิด
ราวกับว่าเ้านายของหมัวมัวาุโอยากจะดูเช่นกันว่าหลินชิงเวยจะช่วยเด็กน้อยคนนั้นให้รอดชีวิตได้อย่างไรด้วยเหตุนี้จึงอนุญาตให้นางใช้ยาสมุนไพรที่อยู่ในสวนสมุนไพรอย่างไม่ตระหนี่นางไม่ต้องอาศัยให้ผู้อื่นนำทาง ทว่ากลับเลือกเก็บยาสมุนไพรเองอย่างเชี่ยวชาญและคล่องแคล่วว่องไวเมื่อไม่มีเวลาต้มยาให้ดื่ม นางจึงฉีกเสื้อผ้าของเด็กน้อยแล้วนำยาสมุนไพรใส่เข้าไปบริเวณปากแผลของนางเพื่อเป็การห้ามเื
เมื่อแรกนั้นเด็กน้อยได้รับาเ็สาหัสจึงเข้าสู่สภาวะหลับลึกหลินชิงเวยถามขึ้นว่า “ที่นี่มีเข็มเงินหรือไม่?”
เครื่องมือทางการแพทย์ในยุคสมัยปัจจุบันนั้นไม่มีแน่นอนนางจึงได้แต่ขอเครื่องมือทางการแพทย์ในยุคสมัยโบราณ หมัวมัวาุโยังไม่ตอบคำ นางก็ชี้ไปทางหมัวมัวาุโพร้อมกับสั่งการโดยไม่ได้เงยหน้า“ยังไม่รีบไปนำออกมาอีกหรือ?”
หมัวมัวาุโได้รับสัญญาณอนุญาตจากเ้านายของตนจึงไปนำเข็มเงินมาทันทีที่เปิดกระเป๋าผ้าออก ในนั้นมีเข็มเงินวางเรียงกันอยู่อย่างเป็ระเบียบและแน่นขนัดมีั้แ่เข็มใหญ่ไปถึงเข็มเล็ก เข็มยาวไปถึงเข็มสั้น หลินชิงเวยหยิบเข็มเงินมาลนกับเปลวเทียนเพื่อทำการฆ่าเชื้อเล่มหนึ่งนางฝังเข็มลงไปบนจุดชีพจรของเด็กน้อยด้วยท่าทางทะมัดทะแมงเชี่ยวชาญรวดเร็วและแม่นยำนั้นทำให้หมัวมัวาุโถึงกับตกตะลึง
ไม่นานนักจุดชีพจรหลายแห่งบนร่างกายของเด็กน้อยล้วนมีเข็มเงินฝังอยู่หลินชิงเวยใช้วิธีการกระตุ้นสติและร่างกายของเด็กน้อยผ่านจุดชีพจรเ่าั้ทำให้นางรู้สึกเ็ป เพื่อให้นางรู้สึกตัวตื่นขึ้นช้าๆ
หลินชิงเวยเห็นั์ตาของนางกลายเป็สีเทาขาวไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจึงรู้ว่านางไม่มีความหวังที่จะมีชีวิตต่อในเวลานี้ หลินชิงเวยจึงจัดการรักษาาแภายนอกให้นางไปพร้อมกับพูดคุยกับนางไปด้วยเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
กระทั่งนางทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ข้างนอกก็ต้มยาเสร็จแล้วเช่นกัน นางป้อนยาให้เด็กน้อยดื่มแล้วให้นอนหลับพักผ่อนอย่างสงบหลังจากนั้นหลินชิงเวยเข้ามาดูอาการของนางทุกๆ หนึ่งชั่วยาม
เด็กน้อยนอนหลับใหลไม่ได้สติเป็เวลาสองวัน หลินชิงเวยดูแลนางอย่างไม่ให้คลาดสายตาโดยมิได้ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์เป็เวลาสองวันเช่นกันกระทั่งเวลาผ่านไปสองวันอาการตัวร้อนของนางจึงลดลง ร่างกายค่อยๆ กลับมาเป็ปกติอีกครั้ง