“โชคดีที่ทุกคนไม่ได้รับาเ็สาหัสนายหญิงไปพักผ่อนสักหน่อยเถิดเ้าค่ะ”
หลินเมิ้งหยาเหนื่อยที่สุด เดินไปกลับตลอดทั้งคืน แม้แต่ตอนนี้ยังเดินกลับไปกลับมาไม่หยุด
“ไม่เป็ไรหรอก เมื่อก่อนตอนที่ข้าทำวิจัยก็ต้องยืนทั้งวันทั้งคืน”
พูดติดปาก ก่อนจะรู้สึกตัวว่าตนเองได้พูดเื่ราวในอดีตออกมา
โชคดี สาวใช้ทั้งสี่ทั้งเหนื่อยและมึนงง พวกนางกำลังสะลึมสะลือดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตเห็นว่านางพูดสิ่งผิดปกติออกไป
“เอาล่ะ พวกเ้าไปพักผ่อนที่รถม้ากันก่อนเถิดหากออกเดินทางแล้วข้าจะเรียกพวกเ้า”
นักฆ่าทั้งห้าของเถาฮวาอู๋ถูกจูอ้ายจือจับกุมตัวไปหมดแล้ว
รถม้าถูกล้างจนสะอาด อันที่จริงจูอ้ายจือนับว่าเป็คนมีพร์เขาจัดการงานได้อย่างไร้ที่ติ
สาวใช้ทั้งสี่รีบกลับไปยังรถม้ากว้างขวางของตนเองแล้วงีบหลับลงไป
บริเวณสวนและด้านนอกจึงเงียบสงบลง
ไท่จื่อและเหล่าใต้เท้าที่ถูกช่วยชีวิตเอาไว้นอนอยู่บนเตียงกว้างที่อุ่นสบายทว่าวีรบุรุษที่แท้จริงกลับได้นอนบนพื้นอันแสนเย็นเฉียบ
ความแตกต่างเช่นนี้มิอาจถูกเปลี่ยนแปลงได้เพราะนางเพียงคนเดียว
ทำงานหนักจนบ่าทั้งสองข้างปวดระบม หลินเมิ้งหยากลับไปยังห้องพักของตนเอง
บนเตียง หลงชิงหานและหูเทียนเป่ยนอนอยู่ด้วยกันพวกเขากำลังหลับสนิท ตอนนี้ต่อให้ฟ้าถล่มดินทลายก็คงมิอาจปลุกพวกเขาได้
หลงเทียนอวี้นั่งอยู่บนตั่งอุ่น มิรู้ว่าเพราะเหตุใดเขาจึงนั่งหลับที่นั่น
ส่ายหน้า อดไม่ได้ที่จะส่งสายตาตำหนิไปทางชายทั้งสองบนเตียงจะต้องเป็เพราะถูกพวกเขาแย่งเตียงจึงไม่มีที่นอนอย่างแน่นอน
หลินเมิ้งหยาหยิบผ้าห่มจากตู้ออกมาหนึ่งผืน เตรียมนำไปห่มให้หลงเทียนอวี้
แต่ไม่รู้ว่าไปััโดนส่วนไหนของร่างกายเขาเข้า หลงเทียนอวี้จึงหงายหลังลงไป
ชายเสื้อถูกหลงเทียนอวี้กำเอาไว้ เหตุเพราะยังไม่ทันตั้งตัวดังนั้นหลินเมิ้งหยาจึงล้มลงในอ้อมกอดของหลงเทียนอวี้
อีกทั้งมือหนาทั้งสองข้างยังตกลงบนเอวของนางโดยบังเอิญ
หัวใจเต้นระรัว แต่อ้อมกอดของหลงเทียนอวี้กลับอบอุ่นเหลือเกิน
ทันใดนั้นคลื่นแห่งความเหนื่อยล้าพลันกระทบร่างคิดไม่ถึงเลยว่าหลินเมิ้งหยาจะนอนหลับอยู่ภายในอ้อมกอดของหลงเทียนอวี้
เอ๊ะ ทำไมเตียงถึงโยกเยกเช่นนี้?
หลินเมิ้งหยาขยับร่างกายที่กำลังปวดเมื่อยของตนเองบ่าทั้งสองข้างรู้สึกชา
หาตำแหน่งที่สบายที่สุด ก่อนจะหลับลงไปอีกครั้ง
อุ่นจัง เป็เตียงที่นุ่มอะไรอย่างนี้ ถ้าหากไม่โยกเยกก็คงดี
หลินเมิ้งหยาลืมตาขึ้นช้าๆ แต่สิ่งที่นางได้เห็นคือชุดจีนสีขาว
เฮือก....
เงยหน้าขึ้นมาช้าๆ มองเห็นใบหน้าคมเข้มหล่อเหลา เดี๋ยวก่อน! เหตุใดนางจึงนอนอยู่กับหลงเทียนอวี้ที่สวมใส่เพียงชุดจีนชุดเดียวเช่นนี้
สมองอันชาญฉลาดของหลินเมิ้งหยาเริ่มประมวลผลอัตโนมัติ
สายตาเหลือบมองชุดที่ตนเองสวมใส่ แม่จ๋า! นางเองก็สวมใส่เพียงชุดจีนเช่นเดียวกัน
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
“ตื่นแล้วหรือ?”
ััได้ว่าหญิงสาวในอ้อมกอดกำลังขยับตัว หลงเทียนอวี้ลืมตาขึ้น
มองดูท่าทางตกตะลึงของหญิงสาว หันมองดูตนเอง ก่อนจะหันไปมองนางอยู่ๆ อารมณ์ของหลงเทียนอวี้ก็ดีขึ้นอย่างน่าประหลาด
“ท่านอ๋อง พวก...พวกเรา...”
พวกเราไม่ได้ทำอะไรบัดสีใช่หรือไม่? หลินเมิ้งหยานึกถามในใจ แม้ว่าพวกนางได้ชื่อว่าเป็สามีภรรยากัน
แต่นางยังไม่ทันเตรียมตัวเตรียมใจเลยนี่นา
“ข้าเห็นว่าเ้าเหนื่อยมากก็เลยให้ป๋ายจีเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เ้าจะได้หลับสบาย ใกล้ถึงเมืองหลวงแล้วล่ะอีกเดี๋ยวค่อยให้ป๋ายจีเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เ้าแล้วกัน”
หลงเทียนอวี้อธิบายเหตุการณ์สั้นๆ ยิ่งพูดก็ยิ่งน่าขำ
ตอนที่เขาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าเขาพบว่านางขดตัวคุดคู้อยู่ในอ้อมกอดของเขาและหลับสนิท
คิดจะปลุกนางแต่เมื่อรู้ว่านางเหนื่อยตลอดทั้งคืนจึงมิอาจทำใจปลุกนางได้
แต่คนหนึ่งที่เป็ถึงองค์ชาย ส่วนอีกคนก็เป็พระชายา แต่กลับเนื้อตัวมอมแมมมิต่างอะไรจากขอทานข้างถนนไม่ว่าจะดูอย่างไรก็น่าเกลียดจนเกินไป
ดังนั้นเขาจึงตามคนมาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้
กว่าจะถึงเมืองหลวงยังต้องใช้เวลาเดินทางอีกสักระยะดังนั้นหลงเทียนอวี้และหลินเมิ้งหยาจึงแอบนอนหลับอยู่ในรถม้า
หลังจากได้ยินคำอธิบายของหลงเทียนอวี้แล้ว หลินเมิ้งหยาจึงถอนหายใจ
อย่างแรก นางยังไม่เสียตัว
อย่างที่สอง พวกเขาใกล้จะถึงเมืองหลวงแล้ว
อย่างสุดท้าย ความรู้สึกผิดหวังเล็กๆ นี่คืออะไรกัน!
หลงเทียนอวี้รีบเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้สังเกตเห็นใบหน้าที่กำลังสะท้อนอารมณ์หลากหลายอย่างปะปนกันของหลินเมิ้งหยา
จนกระทั่งเขากลับออกไปสาวใช้ของหลินเมิ้งหยาจึงแสดงสีหน้าหลากหลายแบบออกมา
“นายหญิง ความรักของท่านกับท่านอ๋องหวานซึ้งยิ่งนัก”
ในบรรดาสาวใช้ทั้งหมด ป๋ายจื่อดูจะมีความกล้ามากที่สุดนางส่งเสียงล้อเลียนออกมา
“ยัยเด็กบ้า เ้าพูดอะไรกันเนี่ย”
หลินเมิ้งหยาหันหน้ากลับมา ก่อนจะได้เห็นใบหน้าแดงก่ำของสาวใช้ตนเองและรอยยิ้มมีเลศั์
เดี๋ยวก่อน! หรือว่า...พวกนางจะคิดว่าตนเองกับหลงเทียนอวี้ “โจ๊ะพรึมๆ”กันเมื่อคืน
์โปรด! จะบ้าหรือ! ซวยชะมัด! หักกระดูกเลยดีมั้ย!
“พวกข้าเหนื่อยกันมากก็เลยหลับไปเท่านั้น”
“......”
“นี่ สายตาของพวกเ้าหมายความว่ากระไร?”
“......”
“ข้าพูดความจริงนะ พวกเ้าอย่าคิดเพ้อเจ้อ”
“......”
หลินเมิ้งหยาทำอะไรไม่ถูกตอนนี้ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ดูคลุมเครือไปเสียหมด
แต่นางกับหลงเทียนอวี้ที่ใส่เพียงชุดจีนตัวเดียวก็มากเพียงพอที่จะทำให้พวกนางคิดฟุ้งซ่านไปไกล
สะกดกลั้นความรู้สึกที่อยากจะฉีกทำลายจินตนาการของพวกนางเอาไว้หลินเมิ้งหยาทำได้เพียงเลิกสนใจสายตาของพวกนาง
ฮึ ทำเป็มองไม่เห็นก็พอ!
สาวใช้ทั้งสี่เลิกกลั่นแกล้งนายหญิงของตนเองแต่ว่า...นายหญิงที่มักจะเงียบขรึมเสมอ เมื่อมีเื่ที่เกี่ยวข้องกับท่านอ๋องนางมักจะแสดงอารมณ์ออกมามากมาย
ถึงอย่างไรอาการปากแข็งของหลินเมิ้งหยาก็มิได้เกิดขึ้นเพียงวันสองวัน
แต่งหน้าแต่งตัวให้หลินเมิ้งหยาแม้จะไม่ได้อาบน้ำมาหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็ม จนสาวงามกลายเป็หญิงสาวน่ารังเกียจ ทว่าหลินเมิ้งหยากลับไม่ใส่ใจ
ทันทีที่สวมใส่เสื้อผ้าจนเสร็จนางรีบถามถึงคนที่ได้รับาเ็ทันที
“จะว่าไปแล้วไท่จื่อไร้ยางอายยิ่งนัก”
ป๋ายจื่อระบายความโกรธออกมา ป๋าวซ่าวรีบปิดปากของนางเอาไว้ก่อนจะกระซิบ
“ยัยเด็กน้อย ลดเสียงของเ้าลงหน่อยเถิด หากไท่จื่อได้ยินเข้าพวกเราคงได้เดินทางไปโลกหน้า”
ป๋ายจื่อเบะปาก แม้จะไม่ยินยอมที่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก
สุดท้าย ป๋ายจีจึงเป็ผู้เล่าเหตุการณ์ในตอนเช้าให้ฟัง
หลังจากเป็ห่วงและยุ่งวุ่นวายตลอดคืนเพราะเรี่ยวแรงที่ถูกใช้ออกไปจนหมด หลินเมิ้งหยาจึงนอนอยู่ในอ้อมกอดของหลงเทียนอวี้
แต่หลงเทียนอวี้ตื่นแต่เช้าเขาและหลงชิงหานเข้าไปดูแลผู้ที่ได้รับาเ็
หูเทียนเป่ยกลับไปหาพรรคพวกของตนเอง ก่อนจะตามพวกทหารของซีฟานออกมา
หลังจากผ่านการรักษามาหนึ่งคืน ผู้ได้รับาเ็อาการดีขึ้นตอนนี้เอง ไท่จื่อที่มิเคยใส่ใจอะไรปรากฏตัวขึ้น กิริยาวาจามีเมตตาสั่งให้คนนำเนื้อสัตว์ไปทำเป็โจ๊กและแจกจ่ายให้กับพวกทหาร
แต่เพราหลินเมิ้งหยาสั่งเอาไว้ว่าให้ตระกูลที่มีสัมพันธไมตรีอันดีกับจวนอวี้ส่งสาวใช้ของตนเองมาช่วยทำหมั่นโถวโจ๊กผักและอาหารธรรมดา
ดังนั้นอาหารเช้าสองอย่างที่แตกต่างกันจึงถูกวางลงตรงหน้าของพวกทหาร
ตอนแรกไท่จื่อคิดว่าทหารจะเลือกอาหารที่มีทั้งเนื้อสัตว์และไข่ของตนเอง
แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าทหารที่ได้รับบากเจ็บจะเดินไปหยิบโจ๊กข้าวหอมมะลิของหลินเมิ้งหยาและไม่แตะต้องโจ๊กของเขา
ไท่จื่อโกรธมาก เขาคิดจะนำอาหารเ่าั้ไปให้ทหารที่อยู่ด้านนอก
แต่หลินเมิ้งหยาสั่งเอาไว้ก่อนแล้วว่าให้นำธัญพืชไปมอบให้ทหารทำอาหาร
ดังนั้น ที่ด้านนอกจึงมีน้ำแกงกลิ่นหอมฟุ้ง
ทหารทุกคนล้วนสำนึกในบุญคุณของหลินเมิ้งหยา
“นายหญิง ท่านคงนึกไม่ออกว่าสีหน้าของไท่จื่อเป็เช่นไร”
ป๋ายจื่อเข้ามากระซิบข้างหูของหลินเมิ้งหยาสาวใช้ทั้งสี่แสดงสีหน้าล้อเลียน
“การปกป้องดูแลประชาชนคือสิ่งที่สำคัญที่สุด”
ราชวงศ์จะยังหยัดยืนอยู่ได้ หากได้รับความจริงใจจากทุกคน
การกุมหัวใจของพวกเขาเอาไว้นั้นยาก แต่การได้รับมานั้นง่ายดาย
หลงเทียนอวี้เสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องทุกคนส่วนนางพาสาวใช้ของตนเองออกไปรักษาผู้ที่ได้รับาเ็
นี่คือสิ่งที่ไท่จื่อไม่มีวันทำได้
เขาเสียโอกาสไปแล้ว ต่อให้พยายามทำความดีในภายหลังเกรงว่าก็คงจะมิเป็ผล
ยิ่งไปกว่านั้น นางเตรียมตัวที่จะซ้ำเติมเสมือนคนที่ได้ทีขี่แพะไล่ เพื่อทำให้ไท่จื่อพ่ายแพ้ราบคาบ
ขบวนรถม้ามุ่งหน้ากลับไปยังเมืองหลวง ทหารอารักขามีมากขึ้นกว่าเดิม
กองทัพที่ทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองอยู่ที่เส้นแบ่งเขตแดนเองก็กำลังเดินทางกลับเช่นเดียวกัน
หลินเมิ้งหยานั่งอยู่ในรถม้า ไม่นานก็กลับมาถึงจวนอวี้ที่คุ้นเคย
คนที่กลับมาด้วยกันคือสองพี่น้องสกุลเยว่
พวกนางไม่อยากกลับไปเหยียบจวนสกุลเยว่อีก
“หนู่ปี้ถวายคำนับท่านอ๋องและพระชายา”
สายตาทอดมองก่อนจะได้เห็นพ่อบ้านเติ้งและน้าจิ่นเยว่ที่พาคนรับใช้ตั้งเป็แถวสองฝากฝั่งกำลังรอต้อนรับพวกเขาอยู่
“ทุกคนลุกขึ้นเถิด”
ป๋ายซูพยุงร่างหลินเมิ้งหยาลงจากรถม้า เมื่อร่างบางของนางปรากฏขึ้นคนรับใช้ทั้งหมดล้วนรู้สึกอบอุ่นใจ
แม้จะอาศัยอยู่ด้วยกันเพียงไม่กี่เดือน แต่จวนที่ไร้ซึ่งพระชายาช่างเย็นะเืยิ่งนัก
ยิ่งไปกว่านั้นยังถูกญาติผู้น้องกลั่นแกล้งอยู่เนืองนิตย์
ก็ใครใช้ใครเ้าบ้านไม่อยู่กันเล่า?
“ท่านพี่ ท่านกลับมาแล้ว ฉินเอ๋อร์เป็ห่วงแทบขาดใจเลยเ้าค่ะ”
ทั้งที่ไม่เจอกันเพียงไม่กี่วันทว่าความกล้าของเจียงหรู๋ฉินเพิ่มขึ้นกว่าเดิม
หลินเมิ้งหยาส่งสายตาเ็าไปทางนางเพื่อตั้งใจแสดงให้เห็นถึงการมีตัวตนของตนเอง
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าครู่ต่อมาเจียงหรู๋ฉินจะเข้ามากอดแขนของตนเอง
“พี่สะใภ้ข้าได้ยินมาว่าองค์หญิงิเยว่แห่งซีฟานจะเข้ามาอยู่ที่จวนของเขาท่านป้าเองก็ตอบตกลงแล้วด้วย”
องค์หญิงิเยว่ก็คิดจะเข้ามาร่วมวงด้วย? กว่านางจะไล่หลินเมิ้งหวู่ไปได้นั้นไม่ง่ายเลยแต่นี่ิเยว่จะเข้ามาสร้างความรำคาญให้อีกแล้ว
แต่ก็นะ ถ้าไม่มีเื่ตื่นเต้นเลย จะเรียกว่าชีวิตได้หรือ?
