เด็กหนุ่มทั้งสองคนเดินเข้าไปในเขตูเาตามเส้นทางการเดินเขา ระหว่างสองข้างทางนั้นมีพุ่มไม้และต้นไม้ขนาดเล็กขึ้นอยู่หนาทึบ หลังจากเดินลึกเข้าไปกว่าสิบลี้ พวกเขาก็พบว่าบนูเาแห่งนี้มีต้นไม้เก่าแก่ที่ทั้งสูงทั้งใหญ่อยู่อีกหลายต้น และยิ่งพวกเขาเดินลึกเข้าไปมากเท่าไรก็เหมือนกับว่าต้นไม้เหล่านี้จะยิ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
บนเทือกเขาอันหนานมีพืชพรรณขึ้นอยู่นานาชนิดพวกมันล้วนเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ แต่พืชพรรณที่มีมากกว่าพืชพรรณชนิดอื่นๆ นั้นก็คือต้นสนโบราณ
ในระหว่างทางกว่าสิบลี้ที่ผ่านมา สิ่งมีชีวิตที่เด็กหนุ่มได้พบส่วนใหญ่มักจะเป็พวกกระต่ายป่า และหมูป่าตัวน้อยอะไรเทือกนั้น พวกเขาไม่พบเห็นร่องรอยของสัตว์อสูรเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นยิ่งไม่จำเป็ต้องกล่าวถึงอสูรร้าย
นอกจากนี้ยังมีกลิ่นอับชื้นลอยเจือจางอยู่ในอากาศ
“พี่เฟิง เราเดินเข้ามาในนี้กว่ายี่สิบนาทีแล้ว เหตุใดจึงไม่พบอะไรเลยเล่า?”
ในมือของมู่ขวงนั้นกำลังถือดาบความยาวสี่ฟุต ด้านหลังของมันเป็สันดาบหนา ส่วนด้านหน้าเป็ใบมีดอันคมกริบ ขอเพียงข้อมือหนาของเขาตวัดดาบออกไป พุ่มไม้เบื้องหน้าย่อมขาดออกเป็สองส่วน
แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็เพียงแค่ดาบธรรมดาที่ใช้ในกองทัพเท่านั้น สำหรับอาวุธบนโลกใบนี้ ในความจริงแล้วยังมีอาวุธพิเศษสำหรับผู้ฝึกยุทธ์โดยเฉพาะอยู่ มันถูกเรียกว่าอาวุธปราณและเครื่องมือปราณ
เครื่องมือปราณนั้นถูกสร้างขึ้นโดยช่างตีเหล็กมากฝีมือ ถือเป็ของที่มีความล้ำค่าเป็อย่างยิ่ง บนตัวของมันจะมีรอยขีดซึ่งสัมพันธ์กับพลังปราณและพลังชีวิตที่บรรจุอยู่ภายใน เป็ตัวที่ใช้บ่งบอกถึงอานุภาพของสิ่งนั้น นอกจากนี้มันยังถูกแบ่งออกเป็สามระดับคือ ระดับสูง ระดับกลาง และระดับต่ำตามลำดับ ส่วนสิ่งที่เหนือกว่าเครื่องมือปราณก็คือเครื่องมือิญญา
ดาบของมู่ขวงนั้นเป็เพียงดาบทั่วไปที่ใช้กันในกองทัพ ส่วนของมู่เฟิงก็เป็เพียงดาบที่ถูกหลอมขึ้นมาจากเหล็กกล้าธรรมดาเท่านั้น แม้มันจะแข็งแรงทนทานและคมกริบ แต่ก็ไม่ได้มีความสามารถพิเศษอื่นใดอยู่อีก
“ไม่ต้องรีบร้อน เราเพิ่งเข้ามาได้ไม่นาน บริเวณรอบนอกเป็บริเวณที่มีคนเข้ามาเก็บสมุนไพรเป็ประจำ ดังนั้นแถวนี้จึงมีสัตว์อสูรอยู่ไม่มาก”
มู่เฟิงหัวเราะก่อนจะใช้ดาบในมือเดินสับพุ่มไม้ที่ขวางอยู่ข้างหน้าเพื่อเปิดทาง
“ช้าก่อน!”
มู่เฟิงขมวดคิ้วมุ่น พร้อมสั่งหยุดทันที!
มู่ขวงชะงักฝีเท้าอย่างรวดเร็ว
“เ้าลองฟังดูสิ เหมือนว่าข้างหน้าจะมีการเคลื่อนไหว”
มู่เฟิงกล่าวเสียงเบา มู่ขวงจึงตั้งใจฟังเสียง ปรากฏว่าข้างหน้าของพวกเขามีเสียงกรอบแกรบดังขึ้น
“เ้ารออยู่ข้างล่าง ข้าจะขึ้นไปบนต้นไม้เพื่อดูลาดเลา”
ด้านข้างของพวกเขามีต้นสนขนาดใหญ่สูงราวยี่สิบถึงสามสิบเมตร มู่เฟิงโยนดาบเข้าไปเก็บในแหวนเฉียนคุนระดับต่ำ ก่อนจะใช้มือและเท้าปีนขึ้นไปบนต้นไม้อย่างว่องไวราวกับลิงลม
หลังปีนต้นไม้ขึ้นมาได้ประมาณสิบเมตร สภาพแวดล้อมโดยรอบในรัศมีหลายสิบเมตรก็ปรากฏเข้ามาในคลองสายตาของเด็กหนุ่มอย่างชัดเจน
มู่เฟิงพบว่าห่างออกไปจากตำแหน่งของเขายี่สิบเมตร มีหมูป่าขนาดใหญ่ตัวหนึ่งซึ่งมีความยาวกว่าสองเมตรกำลังวิ่งชนต้นไม้ใหญ่ที่ดูหนาทึบต้นหนึ่ง
หมูป่าตัวนี้มีสีน้ำตาลตลอดทั้งตัว ทั้งยังมีเขี้ยวโค้งยาวหนึ่งคู่ยื่นออกมาจากปากของมัน ขนตามตัวตั้งชันราวกับเข็มเหล็ก ดวงตามีสีแดงเข้ม เวลานี้มันกำลังพุ่งชนต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นอย่างต่อเนื่อง เป็ผลให้ลูกแอปเปิ้ลสีแดงสดร่วงหล่นลงมา และกลายเป็อาหารของมันในที่สุด
หมูป่าั์ สัตร์อสูรขั้นแปด!
มู่เฟิงสามารถจดจำมันได้อย่างรวดเร็ว หมูป่าั์เป็สัตว์อสูรที่กินไม่เลือก โดยปกติแล้วมันมักจะลงมาจากูเาเพื่อมากินพวกพืชผลเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรมันก็จัดเป็สัตว์อสูรที่ทำให้ผู้คนรู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้า
เนื้อของหมูป่าั์นั้นถือเป็สินค้าขายดีสำหรับโรงเตี๊ยมภายในเมือง หมูป่าั์ตัวหนึ่งจึงมีมูลค่าสูงกว่ายี่สิบเหรียญตำลึงทอง ดังนั้นนอกจากกลุ่มคนเก็บสมุนไพรแล้ว ยังมีกลุ่มคนล่าสัตว์อสูรเพื่อนำเนื้อมาเป็อาหารอีกด้วย
แต่หมู่ป่าั์นั้นมีพละกำลังพุ่งชนที่น่ากลัวมาก มันสามารถส่งแรงกระแทกได้เกือบสองพันจิน* ต่อให้เป็ผู้ฝึกยุทธ์ระดับทงม่ายขั้นแปดก็ไม่กล้าเผชิญหน้ากับมันตามลำพัง
(*หนึ่งพันกิโลกรัม)
รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากของมู่เฟิง ก่อนที่เขาจะลงจากต้นไม้อย่างนุ่มนวล
“พี่เฟิง มีอะไรงั้นหรือ?”
มู่ขวงเอ่ยถามขึ้นทันที
“เป็หมูป่าั์ เราสามารถรับมือกับมันได้ ไปกันเถอะ เราต้องแอบเข้าไปใกล้ๆ มัน”
มู่เฟิงกล่าว
เด็กหนุ่มทั้งสองคนลอบเข้าไปใกล้ๆ หมูป่าั์ตัวนั้นอย่างรวดเร็ว ด้านหมูป่าั์ตัวนั้นมันกำลังกัดกินผลแอปเปิ้ลที่ร่วงหล่นอยู่บนพื้น โดยค่อยๆ กินเข้าไปทีละผลอย่างเอร็ดอร่อย
ตอนนี้มู่เฟิงและมู่ขวงกำลังอยู่ห่างจากหมูป่าั์ราวเจ็ดแปดเมตร ในเวลาเดียวกันนั้น จมูกของหมูป่าั์ก็พลันััได้ถึงกลิ่นที่ผิดแผกไปจากปกติ ฉับพลันนั้นมันได้หันขวับไปมองยังทิศทางของมู่เฟิงและมู่ขวงในทันใด
“มันเจอเราแล้ว ลุยเลย!”
มู่เฟิงสั่งการด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด เด็กหนุ่มทั้งสองพลันกระชับดาบพร้อมพุ่งทะยานตัวเข้าหาหมูป่าั์ราวกับติดสปริง
มู่ขวงตวัดดาบในมือไปยังหัวของหมูป่าั์ แต่คาดไม่ถึงว่าไม่เพียงมันจะไม่หลบเท่านั้น แต่ยังโต้ตอบกลับในทันทีอีกด้วย กีบเท้าทั้งสี่ของมันส่งแรงทะยานออกมา เป็ผลให้ร่างของหมูป่าั์พุ่งเข้าชนร่างของมู่ขวงราวกับกระทิงคลั่ง
เปรี้ยง!
ร่างของหมูป่าั์กระแทกเข้าที่ท้องของมู่ขวงอย่างรุนแรง เด็กหนุ่มกระอักเืออกมา ก่อนจะกระเด็นออกไปไกลราวเจ็ดแปดเมตร
แต่ทันใดนั้น ดาบของมู่เฟิงก็ได้ฟันลงที่กลางหลังของหมูป่าั์อย่างดุดันทันที
ฉัวะ!
เมื่อดาบกรีดลงบนแผ่นหลังของหมูป่าั์ เืของมันก็ไหลทะลักออกมาตามรอยแผล หมูป่าั์ร้องคำรามอย่างเ็ป มันก้าวถอยหลังออกไปขณะที่จ้องมองมู่เฟิงด้วยดวงตาสีแดงวาวโรจน์
“เสี่ยวขวง เ้าเป็อะไรหรือไม่?”
มู่เฟิงะโถามขณะที่ยังชี้ดาบไปทางสัตว์อสูร
“แค่กๆ ไม่เป็ไร ข้าเพียงนึกไม่ถึงว่ามันจะโต้กลับ”
มู่ขวงหยัดกายลุกขึ้น ความจริงแล้วเขาไม่ได้เป็อะไรมากนัก แต่หากเปลี่ยนเป็คนธรรมดาเกรงว่าอาจจะต้องตายเพราะแรงปะทะเมื่อครู่
“เ้าอย่าได้ประมาทสัตว์อสูร โลกที่พวกมันดำรงอยู่นั้นอันตรายกว่าโลกที่เราดำรงอยู่มาก ฉะนั้นสัตว์อสูรทุกตัวย่อมมือฝีมือในการต่อสู้”
มู่เฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม แน่นอนว่าเขาไม่ได้รู้สึกหวั่นเกรงเลยแม้แต่น้อย
“โฮก โฮก!”
หมูป่าั์ส่งเสียงคำรามออกมาสองครั้ง ความเ็ปที่หลังได้กระตุ้นความดุร้ายของมันออกมาทันที ฉับพลันนั้นกีบเท้าทั้งสี่ก็พลันส่งแรงออกมาอีกครั้ง ก่อนที่ตัวมันจะพุ่งทะยานเข้าหามู่เฟิงอย่างรวดเร็ว เขี้ยวอันแหลมคมตรงมุมปากของมันดูราวกับกริชสั้นขึ้นมาทันที
ในตอนแรกมู่เฟิงยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง แต่เมื่อถึงเวลาที่มันพุ่งเข้ามา ร่างของเขาก็พลันเคลื่อนตัวหายไปอย่างรวดเร็ว เป็ผลให้หมูป่าั์ตัวนั้นชนได้เพียงความว่างเปล่า เมื่อไม่เป็ไปตามที่คาด หมูป่าั์พลันหยุดชะงักลงในทันที แต่เมื่อเหลือบไปเห็นว่ามู่เฟิงนั้นอยู่ไม่ไกล มันก็พุ่งตัวหมายจะชนเด็กหนุ่มอีกครั้ง แต่ว่าผลลัพธ์กลับยังคงเหมือนเดิม
แน่นอนว่าหมูป่าั์ตัวนี้ไม่มีทางตามการเคลื่อนไหวที่ว่องไวของมู่เฟิงได้ทัน
มู่ขวงที่อยู่บนต้นไม้ด้านข้างกำลังมองดูด้วยความสนใจ เ้าสัตว์เดรัจฉานนั่น ไม่มีทางทำอันตรายพี่เฟิงของเขาได้หรอก
ในขณะที่หมูป่าั์กำลังจะพุ่งชนมู่เฟิงอีกครั้ง คราวนี้เด็กหนุ่มได้กระแทกฝ่าเท้าข้างหนึ่งลงบนพื้น ก่อนจะทะยานร่างขึ้นสูงกว่าสามเมตร และใช้ดาบฟันออกมาอย่างดุดัน
ฉัวะ!
ดาบเล่มนี้ราวกับกระบี่เล่มหนึ่ง มันได้แทงทะลุผ่านลำคอของหมูป่าั์ตัวนั้นอย่างรวดเร็ว เป็ผลให้ร่างของมันล้มตึงลงบนพื้นอย่างรุนแรง
"โฮก โฮก...!"
หมูป่าั์ใช้แรงเฮือกสุดท้ายกรีดร้องออกมา ในขณะที่ขาทั้งสี่ข้างของมันยังคงดีดดิ้นอย่างทุรนทุราย พร้อมกับเืที่ไหลทะลักจากาแจนพื้นถูกย้อมไปด้วยของเหลวสีแดงฉาน หลังจากร่างของมันกระตุกได้เพียงไม่นาน ในที่สุดมันก็หยุดนิ่งลงพร้อมกับชีวิตที่ถูกพรากไป
มู่ขวงะโลงมาจากต้นไม้พร้อมกล่าวว่า “พี่เฟิง การที่เราสังหารสัตว์อสูรแบบนี้ดูไม่ค่อยท้าทายเลย”
“ไม่ค่อยท้าทาย? เมื่อครู่เ้าเพิ่งถูกมันชนมาไม่ใช่รึ การเคลื่อนไหวร่างกายของเ้ายังแย่เกินไป ดูเหมือนว่าข้าคงต้องฝึกการเคลื่อนไหวร่างกายให้เ้าเสียหน่อย”
“แฮะๆ ถึงอย่างไรทักษะร่างกายของข้าก็อยู่แค่ระดับไต่เต้า ส่วนของท่านนั้นบรรลุระดับสัมฤทธิ์แล้ว ข้าจะสามารถเทียบกับท่านได้อย่างไรเล่า”
มู่ขวงยิ้มแห้ง พร้อมเกาหัวด้วยความเก้อเขิน
“ข้ามาล่าพวกสัตว์อสูรที่นี่ทั้งหมดก็เพื่อบ่มเพาะวรยุทธ์ในแบบวิธีของตัวเอง เ้าคอยดูให้ดีล่ะ และอย่าได้ใไป”
หลังจากกล่าวจบ มู่เฟิงก็เก็บดาบของตัวเอง ก่อนจะนั่งขัดสมาธิลงด้านข้างร่างไร้ิญญาของหมูป่า จากนั้นเด็กหนุ่มได้วางมือลงบนร่างของมันและส่งพลังปราณเข้าไป ฉับพลันนั้นเืในร่างของหมูป่าก็พลันเดือดพล่านขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
มู่ขวงกำลังเฝ้ามองจากด้านข้างด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หลังจากนั้นพลังงานสีโรหิตจากร่างของหมูป่าได้หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของมู่เฟิงในทันที มันไหลซึมเข้าสู่เส้นลมปราณของเด็กหนุ่มอย่างรวดเร็ว และหมุนเวียนเข้าไปหล่อเลี้ยงเส้นลมปราณในจุดที่เจ็ดจนเส้นลมปราณในจุดนั้นได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาทันใด
“นี่ นี่คือ!”
มู่ขวงถึงขั้นเบิกตากว้าง หลังจากนั้นไม่นาน ร่างไร้ิญญาของหมูป่าั์ก็พลันแห้งเหี่ยวจนหนังหุ้มติดกระดูก ดูน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
ภายในร่างกายของมู่เฟิง เส้นลมปราณในจุดที่เจ็ดของเขาได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาหนึ่งในห้าส่วนแล้ว
มู่เฟิงลืมตาขึ้น ในขณะที่มู่ขวงกำลังมองเขาด้วยสายตาตกตะลึง “เห็นแล้วใช่หรือไม่ นี่คือวิธีการบ่มเพาะวรยุทธ์ที่ข้าจะถ่ายทอดให้กับเ้า!”
มู่ขวงตื่นตะลึงจนถึงขั้นทรุดตัวลงบนพื้น