ทันทีที่ลืมตาตื่น เพดานนี้มันไม่ใช่ห้องของเขานิ แล้วที่นี่คือที่ไหน ตินพยายามมองไปรอบๆห้องเพื่อความแน่ใจว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนกันแน่ จากที่สังเกตน่าจะเป็โรงแรมห้าดาวที่ไหนสักแห่งของกรุงเทพ ภายในห้องมีสิ่งของอำนวยความสะดวกครบครัน ห้องนี้กว้างมากน่าจะเป็ห้องสวีท เพราะมีห้องนั่งเล่น และห้องครัว ระเบียงก็กว้าง ทันทีที่เขาขยับตัวแค่นิดเดียวคือรู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัวั้แ่ช่องทางด้านหลัง สะโพก ลามไปถึงแนวกระดูกสันหลัง ทำเอาน้ำตาซึม เจ็บที่สุดในชีวิตที่เคยเจอมาเลยก็ว่าได้ ตินพยายามขยับตัวอย่างเชื่องช้าเพื่อลดความเ็ปที่เกิดขึ้น ทันทีที่เขาลุงจากเตียงคือขาทรุดดีที่จับหัวเตียงไว้ได้ทันไม่อย่างนั้นคงเจ็บหนักแน่ๆ ค่อยๆฝืนยันตัวเองขึ้นอีกครั้งจากนั้นก้าวขาช้าๆไปยังห้องน้ำ ่ล่างเขาเหมือนเป็อัมพาตไปชั่วขณะ
“เจ็บสัส !!” ตินได้แต่สบถอย่างขัดใจ เขาไม่ชอบเวลาตัวเองไม่สบายมันเหมือนตัวเองอ่อนแอยังไงไม่รู้
“แล้วเมื่อคืนทำไม เขามาอยู่ที่นี่ได้ไง ?”
ในขณะที่เขากำลังแช่น้ำอุ่นในอ่างจากุชชี่ ภายในหัวกลับคิดวกวนถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ที่จำได้คือเขาไปดื่มเพื่อลืมความเ็ปที่เกิดขึ้นจากเื่ราวในอดีต ดื่มไปกี่แก้วไม่รู้เพราะไม่คิดจะนับ ดื่มหนักมากด้วย เป็การดื่มมากที่สุดเท่าที่เขาเคยดื่ม บ่อยครั้งที่เขาเมา แต่ไม่เคยเมาหนักถึงขั้นจำอะไรไม่ได้ ภาพตัดไปตอนไหนก็ไม่รู้ แต่ก่อนภาพจะตัดจำได้ว่า เขานอนครวญครางใต้ร่างของใครบางคนครั้งแล้วครั้งเล่า บทรักสุดแสนเร่าร้อนที่เขาไม่เคยได้ััมันมาก่อน ทุกครั้งที่แก่นกายใหญ่ยาวนั้นแทงลึกเข้ามาในช่องทางด้านหลังเขารู้สึกได้ถึงตัวตนของคนๆนั้นที่แทรกผ่านเข้ามาทุกอะนู ในคืนนั้นเราเป็ของกันและกันซ้ำๆ ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เสียงหวีดครางอย่างน่าอายยามเมื่อตัวเขาสุขสม ไม่รู้ต้องขอบคุณหรือรู้สึกอย่างไรดี เพราะเพียงค่ำคืนเดียวแทบทำให้เขาลืมความเ็ปที่ผ่านมานั้นได้อย่างง่ายดาย ทิ้งไว้เพียงความเสียวซ่านที่เขาได้รับ
หลังจากที่ได้แช่น้ำอุ่นรู้สึกว่าดีขึ้นจากเดิมมาก แต่ความปวดร้าวยังไม่จางหาย สวมเพียงชุดคลุมอาบน้ำของทางโรงแรมเท่านั้น ตินหอบสังขารพาตัวเองออกจากห้องน้ำอย่างอ่อนล้า โทรลงไปหาฟร้อนด้านล่างเพื่อจองห้องพักต่ออีกหนึ่งคืน เนื่องจากเขายัง้าพักผ่อนแต่กลายเป็ว่าเขาคนนั้นจองห้องและชำระเงินเอาไว้ให้แล้ว ซึ่งค่อนข้างน่าแปลกใจไม่น้อย ถึงแม้จะจำไม่ได้อะไรไม่ได้แต่มั่นใจว่าแค่วันไนท์ อีกฝ่ายไม่จำเป็ต้องรับผิดชอบก็ได้ และเหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจนอนที่นี่อีกคืนก็เพราะว่าร่างกายไม่พร้อม ลำพังเดินไปขึ้นรถยังยากเลยอย่าว่าแต่ให้เขาขับรถ ตอนนี้มันไม่มีเรี่ยวแรงจะทำอะไรทั้งนั้น ก่อนวางสายไม่ลืมแจ้งพนักงานให้ขึ้นมาทำความสะอาด ทั้งยังสั่งอาหารและยาให้ทางโรงแรมนำมาเสิร์ฟที่ห้อง ในระหว่างนั้นตินฝืนนั่งรอที่โซฟารับรองให้พนักงานเปลี่ยนชุดเครื่องนอนและทำความสะอาดห้องจนเสร็จ พอพนักงานออกไปแล้วตินก็ทิ้งตัวลงบนที่นอนอีกครั้ง ส่วนอาหารตั้งเอาไว้อย่างนั้น เดี๋ยวตื่นมาค่อยว่ากันอีกที
หลังจากที่นอนพักโรงแรมอีกหนึ่งคืน พอตอนเช้าตินรู้สึกว่าตัวเองดีขึ้นมากก็เลยเลือกขับรถมานอนที่ออฟฟิศแทนที่จะกลับไปนอนพักที่คอนโด พอถึงออฟฟิศก็ตรงขึ้นเตียงนอนทันที ปวดหัวตุบๆ ตัวร้อนเหมือนไฟเผา นอนซมเป็ผักอยู่บนที่เตียงตลอด ขยับตัวไปไหนไม่ได้ปวดร้าวเหมือนจะตาย ไม่ต้องพูดถึงตอนเข้าห้องน้ำ น้ำตาไหลอัตโนมัติ เจ็บช่องทางด้านหลังแบบเกินบรรยาย แสบถึงใจ ยังดีที่มีลูกน้องคอยส่งข้าวส่งน้ำให้ ไม่อย่างนั้นเขาคงได้แต่นอนเน่าอยู่บนเตียง ไม่เคยคิดเลยว่าการมีอะไรกับผู้ชายครั้งแรกจะเป็อะไรที่เจ็บขนาดนี้ เสียวถึงใจแต่โคตรเจ็บ เขานอนพักรักษาตัวเกือบสี่วันเต็มๆกว่าจะกลับมาเดินได้ตามปกติถึงแม้จะยังรู้สึกขัดๆช่องทางด้านหลังอยู่บ้างก็ตามผ่านมาสองสัปดาห์แล้วแต่ลบความรู้สึกนั้นออกจากสมองไม่ได้เลย
ทั้งที่มันเป็เพียงวันไนท์สแตนด์ และเขาควรลืมๆมันไป
แต่ทุกััในค่ำคืนนั้นยังตราตรึงใจ วนเวียนอยู่ซ้ำๆเพื่อตอกย้ำ
“นี่เมาหนักขนาดนั้นเลย ทำไมกูจำอะไรไม่ได้เลยว่ะ ” ตินบ่นกับตัวเองรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่แน่ใจ อาจเป็เพราะความเ็ปที่ได้รับหรือประสบการณ์เสียวแปลกใหม่ที่เขาไม่เคยได้รับทำให้ลืมไม่ลง
“ไอ้เวรเอ้ย !!” ตินสบถ เขาพยายามนึกแต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกจำไม่ได้สักที พอพยายามลืมแต่กลับจำัันั่นได้ดี แล้วเขาต้องทำยังไงต่อ
“ออกไปจากหัวกูสักทีสิว่ะ !!” ตินทึ้งหัวตัวเองอย่างอารมณ์เสีย
“ลูกพี่เป็ไรอ่ะ ?” ก้างลูกน้องคนสนิทเอ่ยถามอย่างเป็ห่วง เพราะั้แ่เ้านายของเขาไม่สบายก็มีท่าทีที่เปลี่ยนไป เหมือนมีเื่ให้คิดตลอดเวลาทั้งที่ตอนนี้อู่ก็ไม่มีปัญหาอะไร ลูกค้าก็มีจำนวนเยอะขึ้นทุกวัน
“เปล่า” ตินถอนหายใจเบาๆ ก้มหน้าหาไขควงไซส์ที่้าในกล่องเครื่องมือ
“ก็เห็นเหม่ออยู่ ยังจะโกหกกันอีก” ก้างบ่น เขาเห็นเ้านายเหม่อสักพักแล้ว พอหายเหม่อก็ทะเลาะกับตัวเองต่อ
“เื่ของกูเถอะ” ตินตอบอย่างไม่ใส่ใจ เลื่อนตัวเข้าใต้ท้องรถอีกครั้ง
“ว่าแต่ลูกพี่จะเอาตัวมาให้เปื้อนคราบน้ำมันทำไม ทำไมไม่นั่งในออฟฟิศนู้น บริษัทก็มี แอร์เย็นๆนั่งสบายๆไม่ชอบ ชอบที่ร้อนๆแปลกคน” ก้างอดบ่นไม่ได้ ตัวเขาพยายามแทบตาย ไม่ว่าจะกินอาหารเสริมหรือใช้ครีมทาผิวก็ไม่ขาวสักที เลยเสียดายผิวขาวๆนั่นจริงๆ ถึงแม้เ้านายเขาจะชอบลงมาช่วยงานลูกน้องบ่อยๆ แต่เขาก็อดเป็ห่วงไม่ได้
“เสือก” ตินด่าอย่างไม่ใส่ใจ ลงมือซ่อมรถต่อ
“ก็ผมเป็ห่วงผิวขาวๆ” ก้างที่นั่งยองๆมองหน้าเ้านายยิ้มๆ ก่อนจะปรายตามองผิวขาวๆเต็มไปด้วยมัดกล้ามที่ตัดกับเสื้อกล้ามสีดำตัวบางกางเกงยีนส์ขาดๆเท่ๆสีสนิม ทำให้ดูเท่มีเสน่ห์และนี่อาจเป็อีกเหตุผลหนึ่งที่มีลูกค้าคอยเข้ามาใช้บริการจำนวนมากไม่ว่าหญิงหรือชาย เพราะหลายๆคนที่มาต่างอยากเจอเ้าของอู่ซ่อมรถกันทั้งนั้น
“เออๆ ไปก็ได้ว่ะ” ตินสไลด์ตัวออกจากใต้ท้องรถอย่างรำคาญ ขืนถ้ายังทำต่อไอ้ก้างมันก็ยังพูดต่อ ตินถอดเสื้อกล้ามโชว์ผิวขาวๆเนียนๆที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเรียงตัวสวยดูสมส่วนลงตัว มือหนายกขึ้นเสยผมเปียกลวกๆ ใบหน้าหล่อชื้นไปด้วยเหงื่อ เดินเข้าออฟฟิศโดยไม่สนใจสายตาของลูกค้าที่มองกันเป็ตาเดียว
ตินเข้ามาในออฟฟิศก็เอาบัญชีออกมาตรวจสอบ อู่ซ่อมรถของเขาเป็อู่ครบวงจรที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่จัดตั้งเป็บริษัท จดทะเบียนถูกต้องตามที่กฏหมายกำหนดทุกประการ ทั้งซ่อม เปลี่ยนล้อแม็ค เปลี่ยนยาง ติดฟิล์ม ทำสี แต่งรถแข่งสำหรับลงแข่ง สามารถทำได้ทุกอย่างตามที่ลูกค้า้าคือร้านเดียวจบ ไม่ต้องไปทำที่อื่นต่อให้วุ่นวาย ส่วนเื่คุณภาพคือไร้ที่ติ การบริการเป็เลิศ พนักงานทุกคนยิ้มแย้มเป็มิตรต่อลูกค้า หลังจากตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายเรียบร้อยก็มาเช็คสต็อกสินค้าที่ลูกน้องสรุปยอดและจดบันทึกเอาไว้จากนั้นก็จัดการสั่งออร์เดอร์สินค้าเข้าอู่เพิ่มทันที ทุกการสั่งซื้อต้องผ่านเขาเท่านั้น เวลาล่วงเลยจนถึง่เย็นตินบิดี้เีไล่ความเมื่อยขบแล้วเดินออกจากออฟฟิศ เห็นไอ้ก้างกับลูกน้องอีกสี่ห้าคนคนที่เป็หัวหน้าช่างและนายช่างช่วยกันยกเบียร์มาสามสี่ลังตั้งที่โต๊ะม้าหินใต้ต้นไม้ใหญ่อยู่ข้างออฟฟิศ เห็นทีพวกมันคงไม่ใช่แค่ดื่มแต่น่าจะเอามาอาบมากกว่า
“ลูกพี่ ดื่มกับพวกเรามั้ยค้าบ ?” ก้างถามด้วยรอยยิ้มทะเล้นกวนตีนอย่างที่ชอบทำ พร้อมแกะเบียร์ออกจากลังมาเปิด จากนั้นหยิบแก้วที่เตรียมไว้ใส่น้ำแข็งรินเบียร์ยื่นให้เ้านาย
“สักหน่อยก็ดี” ตอนแรกก็ตั้งใจจะโทรหามาร์คเพื่อนรักเพื่อไปดื่มข้างนอก แต่พอโดนชวนก็ี้เีปฏิเสธ รับแก้วเบียร์มานั่งดื่มกับพวกมัน
“พวกมึงจะกินไรมั้ย ? กับแกล้ม กูเลี้ยง” ในเมื่อลูกน้องออกค่าเบียร์ไปแล้วดังนั้นเขาก็ควรช่วยออกค่ากับแกล้มให้พวกมัน
“จะดีหรอลูกพี่ ?” ก้างถามอย่างเกรงใจ ส่วนพวกที่เหลือนี่ลุ้นกันตัวโก่ง แต่ถ้าเื่นี้รู้ถึงหูคนในที่ทำงานคงโดนเขม่นอีกแน่ ไม่ว่าที่ไหนก็ตามมีคนรักย่อมมีคนเกลียด
“โทรไปสั่ง อยากกินอะไรก็สั่ง ไม่ต้องเกรงใจ ส่วนในอู่เดี๋ยวกูค่อยเลี้ยงพวกมันย้อนหลัง พวกมึงไม่ต้องคิดมาก” ทันทีที่ตินบอก พวกลูกน้องที่เหลือพากันยิ้มกว้าง
“ค้าบๆ พวกมึงกินไร ?” จากนั้นไอ้ก้างก็โทรหาร้านอาหารที่พวกเราใช้บริการกันบ่อยๆทันที รายการอาหารยาวเหยียดแต่เขาก็ไม่คิดจะห้ามอะไร ปล่อยให้พวกมันกินกันให้เต็มที่เวลาทำงานให้เขาจะได้มีประสิทธิภาพ ในระหว่างที่นั่งรออาหารตินก็นั่งดื่มเงียบๆ คิดอะไรเรื่อยเปื่อย
“่นี้ลูกพี่เป็อะไรรึเปล่าผมเห็นเครียดๆ” ก้างถามอย่างเป็ห่วง นอกจากเป็ลูกน้องคนสนิทแล้วก้างยังเปรียบเสมือนน้องชายของเขาคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ และตำแหน่งของมันจริงๆแล้วไม่ใช่ช่างแต่เป็ผู้จัดการ แต่มันชอบทำงาน ไม่ชอบอยู่นิ่งๆเหมือนกับเขา
“เื่คนอื่นล่ะอยากรู้อยากเห็นเก่ง” ตินว่ายิ้มๆ ไม่ได้จริงจังนัก
“ถ้าจะพูดแบบนี้ลูกพี่ด่าว่าผมเสือกเลยก็ได้ค้าบ” ก้างพูดอย่างขำขัน ยักคิ้วลิ่วตาให้ด้วยหนึ่งสเต็บ ถ้าโดนยำตีนนี่คือไม่แปลกใจเลย เพราะมันโคตรกวนตีน
“เออ เสือกเก่ง” ตินส่ายหน้า
“โอ้ย ! เจ็บกระดองใจ พวกมึงลูกพี่ด่ากูอ่ะ กูเศร้า” ก้างทำท่าเอามือจับที่หัวใจตัวเอง พร้อมแสดงสีหน้าที่เ็ปแสนสาหัสชักดิ้นชักงอ ก่อนจะเลิกคิ้วกวนตีนใส่เพื่อนๆที่นั่งอยู่ด้วยกัน คือแอดติ้งไม่มีใครเกิน พาให้พวกที่เหลือกลั้นขำกันจนท้องแข็ง
“ให้มันน้อยๆหน่อย กูด่าอะไร กูยังไม่ได้ด่าเลย มึงใช้ให้กูพูด กูก็แค่พูดตามที่มึงแนะนำ” ตินยิ้มขำ
“ชั่งเื่นั้นเถอะ ว่าแต่ลูกพี่มีเื่อะไรรึเปล่า ถ้าพวกเราช่วยได้ ก็อยากจะช่วย” ก้างพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไม่มีไร” ตินรู้ว่าพฤติกรรมของเขาใน่นี้ทำให้ลูกน้องต่างก็เป็ห่วงกันไม่น้อย แต่เื่ที่เขากลุ้มใจใช่ว่าจะเล่าให้ใครฟังกันได้ง่ายๆ
“อ่าห๊ะ จะยอมเชื่อก็ได้เน้อะพวกมึง” ก้างพยักหน้าอย่างยอมแพ้ แล้วพยักพเยิดหน้ากับเพื่อนๆ ถามยังไงถ้าลูกพี่ไม่พูดคือไม่พูด
“อาหารมาส่งแล้วครับ ทั้งหมด 2,890฿ ครับ” ในระหว่างนั่งคุยและดื่มเบียร์พนักงานก็ขับรถมาส่งอาหารตามที่สั่งเอาไว้ พวกลูกน้องก็รีบรับของมาเปิดฝาออกทันที กลิ่นนี่หอมฟุ้งลอยตลบอบอวลทั่วบริเวณ
“นี่ครับ ไม่ต้องทอน” ตินควักตังในกระเป๋าจ่ายแบงค์พันไปสามใบให้พักพนักงานส่งของ
“ขอบคุณครับ” พนักงานยิ้มกว้าง แล้วรีบขับรถถกกลับไปทำงานต่อ
“โคตรป๋าเลยค้าบลูกพี่” ก้างพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม ไม่ว่าเมื่อไหล่ตินก็คือไอดอลของเขาเสมอ
“ขอบคุณมากๆค้าบบบคุณติน / ขอบคุณครับ” พวกที่เหลือก็แย่งกันพูดขอบคุณกันไม่ขาดปาก
“กินๆ พูดมาก” ตินบอก
พวกมันก็เริ่มลงมือกินกันทันที พูดคุยเื่ทั่วๆไปมีบ้างที่คุยกันเื่งานในร้านแต่ส่วนใหญ่ เขาจะนั่งฟังพวกลูกน้องที่เล่านั่นเล่านี่เสียมากกว่า แล้วพวกมันก็ชอบพลัดกันยิงมุกตลกขบขันเพ้อเจ้อไปเรื่อย ยิ่งดึกยิ่งครึกครื้น หลังๆเริ่มแย่งกันเล่าปัญหาชีวิต ลิ้นพันเป็ระวิง
ดื่มกันเรื่อยๆพอเบียร์หมดพวกมันก็เดินไปซื้อที่ร้านสะดวกซื้อที่อยู่ห่างจากอู่ไปแค่สอง่ตึก ขนมาเพิ่มอีกสองลัง นั่งกินนั่งดื่มกันยาวๆ กว่าจะดื่มกันหมดนั่นก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืน ช่วยกันเก็บขวดและเศษอาหารลงถังขยะหน้าอู่ จะได้ไม่ต้องลำบากแม่บ้านต้องมาตามเก็บตามกวาดในตอนเช้า
“กลับกันดีๆ หรือพวกมึงจะนอนออฟฟิศก็ได้” ตินบอก เขาไม่อยากให้พวกมันขับรถกลับ กลัวจะไปเกิดอุบัติเหตุ อาจจะทำให้คนอื่นเดือดร้อน ออฟฟิศมีห้องสำหรับไว้ให้พนักงานได้พัก ถึงไม่ใหญ่มากแต่ก็จุได้เกือบสิบคน ที่นอนหมอน แอร์มีครบ ส่วนตินเองนอนที่ห้องพักชั้นบนสุดของออฟฟิศซึ่งเป็ห้องส่วนตัวของติน หลังจากเกิดเื่ก็ไม่มีใครได้ย่างกรายเข้ามานอกจากแม่บ้านที่คอยเข้าไปทำความสะอาดในแต่ละวัน
“ค้าบลูกพี่ / ครับคุณติน / ครับ / ค้าบบบ” เสียงแต่ละคนเริ่มยานไปตามปริมาณแอลกอฮอล์ที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย และอีกสองคนที่นอนหลับคาโต๊ะไปแล้ว
“กูไปนอนก่อน พรุ่งนี้ใครสายกูหักเงินเดือน ส่วนค่าเบียร์เดี๋ยวมาเบิกเอาแล้วกัน ” ตินบอกเสียงเรียบ เื่ดื่มเื่กินกับลูกน้องเขาเต็มที่เสมอ แต่เื่ทำงานก็ต้องเป็ระเบียบและตรงต่อเวลาเช่นกัน อู่ของเขาหยุดแค่วันอาทิตย์วันเดียว แล้วพรุ่งนี้คือวันเสาร์ แทนที่พวกมันจะดื่มกันพรุ่งนี้จะได้นอนยาววันหยุด แต่เสือกดื่มกันวันนี้ เขาไม่เข้าใจพวกมันจริงๆ
“รับทราบครับผม” ไอ้พวกลูกน้องก็ชั่งกวนตีน พวกมันยืนตัวตรงทำท่าตะเบ๊ะด้วยตอบรับคำสั่งอย่างพร้อมเพรียงด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม จากนั้นพวกมันก็ช่วยกันหิ้วปีกไอ้คนที่หลับอยู่เข้าไปนอนในออฟฟิศ
ตื่นเช้ามาก็เห็นพวกลูกน้องทำงานกันอย่างแข็งขันไม่มีใครเมาค้างสักคน ส่วนพวกลูกน้องที่ไม่ได้นั่งดื่มกับพวกเขาเมื่อคืนก็ทำงานกันตามปกติ ตินอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาช่วยลูกน้องซ่อมรถอย่างที่ชอบทำ
เคลียร์รถส่งรถให้ลูกค้าเสร็จ ก็เกือบห้าโมงเย็นพอดีลูกน้องก็ช่วยกันปิดอู่ พอเสร็จเรียบร้อยต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน ส่วนตินเองก็ขึ้นออฟฟิศไปอาบน้ำล้างตัวเพื่อออกไปหาอะไรดื่มแก้เซ็ง หลังจากที่เกิดเื่คืนนั้นเขาก็พยายามนอนกับผู้หญิงเรื่อยๆอย่างที่ชอบทำ แต่กลับรู้สึกตัวเองแปลกๆไป แต่คิดว่าคืนนี้เขาควรออกล่าอีกครั้ง แต่ก่อนจะไปเที่ยวคงต้องทำอะไรสักอย่าง อาบน้ำแต่งตัวเสร็จท้องฟ้าก็มืดค่ำพอดี
หลังจากที่ลังเลอยู่หลายวัน คิดซ้ำวกวนไปมา สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะตามหาความจริงว่าในคืนนั้นเขานอนกับใคร ตินก็ขับรถมายังโรงแรมห้าดาวที่ตั้งอยู่ในกลางกรุงเทพ
“สวัสดีค่ะ ติดต่อห้องพักใช่มั้ยค่ะ ?” พนักงานสาวพนมมือไหวอย่างสวยงาม พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพอ่อนหวาน
“เปล่าครับ คือผมลืมนาฬิกาเอาไว้ในห้องพัก” ตินบอกเสียงนุ่มทุ้มน่าฟัง
“ไม่ทราบว่าลูกค้าเข้าพักห้องไหน วันที่เท่าไหร่ค่ะ ?”
“ห้อง 1010 เมื่อสองสัปดาห์ก่อน คือผมอยากขอดูกล้องวงจรปิดครับ”
“คงให้คุณดูไม่ได้ค่ะ หาก้าดูกล้องวงจรปิดคุณต้องทำเื่ขออนุญาตจากผู้จัดการก่อนนะคะ ถึงจะดูได้ค่ะ” พนักงานสาวรีบบอก หากให้ดูกล้องโดยไม่ได้รับอนุญาตผู้จัดการก่อนมีหวังเธอคงโดนไล่ออกแน่
“งั้นผมคงต้องแจ้งความดำเนินคดี ผมเป็ผู้เสียหาย นาฬิกาเรือนนั้นราคาเกือบล้าน ผมแค่้าของผมคืนครับ และหากถ้าคุณยังไม่ให้ความช่วยเหลือผมคงต้องคอมเพลนโรงแรมของพวกคุณที่มีไร้มาตรฐานในการดูแลทรัพย์สินและความปลอดภัยของลูกค้า” ตินพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพเหมือนเดิม
“เอ่อ ก็ได้ค่ะ งั้นตามมาค่ะ” พนักงานสาวมีสีหน้าลำบากใจเริ่มทำตัวไม่ถูกเมื่อลูกค้าที่ล็อบบี้เริ่มหันมาให้ความสนใจในสิ่งที่ชายหนุ่มพูด เธอเลยแก้สถานการณ์ด้วยการพาลูกค้าเ้าปัญหาไปยังห้องควบคุมระบบ
“พี่ค่ะ เขาขอดูกล้องวงจรปิดค่ะ” พนักงานสาวบอกพนักงานที่คอยเฝ้าดูกล้องวงจรปิด พูดเสร็จเธอก็เดินออกไปทันที
“ครับ”
“ผมขอดูกล้องชั้น 10 หน้าห้อง 1010 ั้แ่กลางคืนของวัน XX เดือน XX ปี XX ได้มั้ยครับพอดีของผมหายและคาดว่าน่าจะลืมไว้ที่นั่น” ตินหาเหตุผลมาอ้าง
“โอ้ยคุณ มันผ่านมาหลายวันแล้วผมว่าของคุณคงไม่ได้คืนหรอก”
“น่ะครับ ขอผมดูหน่อย ของชิ้นนั้นสำคัญกับกับผมมากจริงๆ น่ะครับ ผมไหว้ มันเป็ของขวัญวันเกิดที่คุณแม่ให้ผมก่อนที่ท่านจะเสีย เพราะงั้นขอร้องเถอะครับพี่ ” ตินพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าปนอ้อนวอนแลดูน่าสงสารไม่ได้ข่มขู่หรือตำหนิติเตียนเหมือนที่พูดกับพนักงานสาว
“ครับๆ ก็ได้” เขาถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะคลิกเข้าไฟล์กล้องย้อนหลังเมื่อสองสัปดาห์ก่อนไล่ย้อนั้แ่ก่อนที่ตินเข้าพักจนถึงวันที่เช็คเอ้าท์
ผู้ชายคนนั้นที่ประคองเขาเข้าโรงแรมใน่กลางดึก ถึงแม้ว่าเห็นหน้าไม่ชัดแต่ดูก็รู้ว่าหล่อ ดูดี และรวย ดูจากเสื้อผ้าที่สวม หลังจากที่คนนั้นหายไปในห้องกับเขาจนรุ่งสรางถึงจะออกมา นี่เขาอยู่กับผู้ชายคนนั้นทั้งคืนเลยสิน่ะ หน้าห้องมีลูกน้องยืนเฝ้าสองคน พอคนๆนั้นเดินออกจากห้องทั้งสามคนพูดคุยกันเล็กน้อยแล้วเดินออกไปด้วยกัน
“ผมว่าของๆคุณคงไม่ได้คืนแล้วจริงๆ ให้ผมถามแม่บ้านให้มั้ย ?” พี่พนักงานถามอย่างเห็นใจ เมื่อเห็นว่าของที่ชายหนุ่มตามหานั้นเป็ของแทนใจ
“ไม่เป็ไรครับ ส่วนนี่ค่าเสียเวลา ” ตินพูดพร้อมหยิบเงินออกจากกระเป๋าแล้วยื่นให้
“ไม่เป็ไรครับ”
“พี่รับไว้เถอะ ถือว่าเป็คำขอบคุณจากผม” ตินพูดจบยัดเงินใส่มือพี่ชายที่ดูน่าจะอายุมากกว่าเขาเกือบสิบปี แล้วเดินออกมาขึ้นรถขับออกไปเลยไม่ได้สนใจพี่พนักงานที่ยืนอึ้งมองเงินในมือ
พอเสร็จธุระจากที่โรงแรมตินก็โทรชวนมาร์คมานั่งดื่มเป็เพื่อนที่คลับประจำที่พวกเขาชอบมานั่งดื่มด้วยกันบ่อยๆ คลับนี้เป็คลับหรู เทสดี เป็ส่วนตัว ความปลอดภัยสูง โดยเฉพาะสำหรับมาร์คเพื่อนรักของเขา เพราะมันเป็นายแบบที่มีชื่อเสียงจะทำอะไรก็มักจะต้องระวังตัวอยู่เสมอ นอกจากนี้ทางคลับยังเก็บข้อมูลลูกค้าไว้อย่างดีเยี่ยม คืนนี้เลือกนั่งดื่มที่ชั้น VVIP เหมือนอย่างเช่นทุกครั้งที่มีเื่ให้คิด
มาถึงตินก็เอาแต่ดื่มไม่พูดไม่จาจนมาร์คมองอย่างแปลกใจและอดเป็ห่วงไม่ได้
“งานที่อู่ มึงมีปัญหา ?” มาร์ค
“ก็ไม่เชิงว่ามีปัญหาแค่่นี้ลูกค้าเยอะ รถเข้าวันนึงเกือบร้อยคัน แต่กูจ้างลูกน้องเพิ่มแล้ว ตอนนี้ไม่มีปัญหาอะไร” ตินตอบยิ้มๆ เื่งานคือเื่เล็กไปเลยเมื่อเทียบกับสิ่งที่กำลังติดค้างในใจ
“มึงไม่สนองเจ๊เอวี่แกสักที เจ๊จีบมึงมานานเกินไปล่ะ” มาร์คหัวเราะเมื่อพูดถึงผู้จัดการส่วนตัว ทั้งส่วนสูง รูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณคือไอ้ตินมันเหมาะที่จะเป็นายแบบมากแต่เพื่อนเขากลับไม่สนใจสักนิด เจ๊เอวี่ตามตื้อตามจีบเป็ปีๆ แต่ก็ไม่สำเร็จสักที ทำได้แค่มองและลวนลามบ้างในบางครั้ง
“มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบ” ตินตอบอย่างไม่จริงจังนัก อาชีพนายแบบคงเป็อาชีพสุดท้ายจริงๆที่เขาจะเลือกทำ จะว่าอินโทรเวิร์ต ก็คงใช่ ชีวิตนี้เขามีเพื่อนแค่มาร์คคนเดียวที่เขาอนุญาตให้เข้ามายุ่งวุ่นวายในเื่ส่วนตัว ที่เหลือก็รู้จักผิวเผินแต่ก็มีระดับที่ต่างกันออกไป ไม่เว้นแม้แต่ก้างหรือเจ๊เอวี่
“กูก็พูดไปงั้น แค่ไม่อยากเห็นมึงทำหน้าอมทุกข์แบบนี้ ” มาร์ค
“แล้วมึงกับธารา ?” ตินถามกลับ ก่อนหน้านี้มันเวิ้นเว้ออยู่พักใหญ่เื่ธาราไปทำงานต่างประเทศแล้วไม่มีเวลาติดต่อมา แต่สุดท้ายก็เข้าใจกัน ล่าสุดมาร์คย้ายไปพักที่คอนโดธารา ตอนนี้ดูเหมือนจะรักกัน ไม่มีปัญหาอะไร
“ก็ดี ธาราดีกับกูมาก” มาร์คยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อพูดถึงคนรัก ตินยิ้มบางๆ เขาดีใจที่เพื่อนรักเจอคนที่ใช่
“แกร่ง ! ” ตินยกแก้วเหล้าชนกับมาร์คแล้วดื่มจนหมดแก้ว
“หรือว่ามึงยังเสียใจเื่เคทอยู่ ?” มาร์คถาม คงมีไม่กี่เื่ที่ทำให้เพื่อนเขาเครียดได้แบบนี้
“เปล่า กูไม่มีอะไรติดค้างกับผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว” ตินตอบเพื่อนไปตามตรง สบตากับอีกฝ่ายอย่างจริงจัง ไร้ความลังเล ไร้ซึ่งความเ็ปหรือห่วงหาอาวรณ์สักนิด
“ถามจริงไอ้ติน มึงเป็ไร ?” เพื่อนเขาไม่หลงเหลืออะไรเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นแล้วจริงๆ แต่มาร์คกลับรู้สึกว่าเพื่อนเขาไม่เป็ตัวของตัวเอง นั่นคือสิ่งที่เขาอดเป็ห่วงไม่ได้
“เปล่า” ตินตอบเสียงแ่เบา
“ถ้ามึงพร้อมเมื่อไหล่บอกกูได้เสมอ กูพร้อมรับฟังมึงทุกเื่” มาร์คตบไฟล่เพื่อนเบาๆ
“เออๆ” ตินพยักหน้ารับ คุณชายสุดแฟชั่นที่ไม่ว่าจะไปไหนก็จัดเต็มตลอด และแน่นอนว่าเป็ฝีมือของเจ๊เอวี่คนสวย
“แยกเลยน่ะ กูว่าคืนนี้กูได้คนคลายเหงาแล้ว” ตินยกเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแล้วแล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องลงไปชั้นล่างทันที เมื่อสายตาดันเห็นคนที่ตรงสเป็กเืในกายก็พรุ่งพล่านสูบฉีด
“ไอ้สัสตีน” มาร์คที่ถูกทิ้งก็ได้แต่ด่าตามหลังเท่านั้น นั่งดื่มเงียบๆดูไอ้ตินไปด้วย พอเห็นว่าตินพาสาวคนนั้นออกไปแล้ว มาร์คก็เช็คบิลแล้วกลับคอนโด เพราะคืนนี้บอกธาราว่าออกมาไม่นาน
“อ๊ะ !”
เธอสะดุ้งเมื่อถูกรุกเร้าอารมณ์อย่างเร่าร้อนและรุนแรง มือหนาบีบเค้นไปที่เนินอกอย่างเมามันส์ ส่วนมืออีกข้างสอดเข้าไปใต้จีสตริง
“หยุดทำไมค่ะ ?”
เธอถามอย่างงุนงงเมื่อกำลังเคลิบเคลิ้มไปกับรสััที่เล้าโลมหยุดกระทันหันก่อนที่เธอจะถึงได้ถึงจุดหมาย
…………………………………………………
ไรท์มาแล้วค้าบ ߙﰟﻰ弄
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้