หลิวหรูเยียนมองตระกูลหลิวที่กำลังช่วยหลิวซินไห่ ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น ก่อนแสดงสายตาที่ไม่อยากเชื่อออกมา
ทั้งที่เป็ระดับวงแหวนใหญ่ขั้นห้าเช่นเดียวกัน แต่เซียวหานกลับทรงพลังกว่ามาก! หยาดน้ำแข็งทะลวงปราณที่นางแสดงออกมานั้น เกรงว่าแม้แต่นักยุทธ์ระดับดาราขั้นหกก็ยังต้องหลบ!
เดิมทีคิดว่าระยะเวลาสามปีนี้พวกเขาคงทิ้งห่างอนุชนรุ่นหลังของเมืองลั่วฝานแล้ว นึกไม่ถึงว่าสุดท้ายก็ยังคงเป็เหมือนสามปีที่แล้ว!
“ฮาฮา ออมมือแล้ว ออมมือแล้ว!” เซียวจั้นโค้งคำนับให้แก่ฝ่ายเมืองเทียนอวิ่นที่มีสีหน้าแค้นเคือง ก่อนจะยิ้มอย่างมีเลศนัย ผลการประลองเช่นนี้เป็อย่างที่เขาคาดเดาไว้อยู่แล้ว เพิ่มผลประโยชน์ เปลี่ยนแปลงกฎ ทั้งหมดนี้เป็ไปตามที่เขาวางแผนไว้
หลิววั่นซานหน้าถอดสี ใบหน้าซีดเซียวราวกับไม่มีเื เขานึกไม่ถึงว่าหลิวซินไห่จะพ่ายแพ้ให้แก่เซียวหานง่ายดายเช่นนี้
ความได้เปรียบนี้ทำให้เซียวจั้นมิได้กังวลอีกต่อไป เขาเอ่ยพลางยิ้มว่า “คนที่สามคือผู้ใด? มู่เฟิงแห่งตระกูลมู่หรือ?”
สายตาจับจ้องไปยังมู่เฟิงที่อยู่ภายใต้เสื้อคลุมยุทธ์ลายใบเฟิง แม้เซียวจั้นกำลังยิ้ม แต่ก็ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา
“ขอบคุณผู้นำเซียวที่เมตตา ตัวแทนคนที่สามของเมืองเทียนอวิ่นมิใช่ข้า” มู่เฟิงยิ้มเจื่อนและรีบโค้งคำนับให้เซียวจั้น
“เอ๋? ถ้ามิใช่เ้า แล้วในเมืองเทียนอวิ่นของพวกเ้ายังมีผู้ใดที่มีคุณสมบัติในการประลองได้อีกเล่า? เจียงเฮ่อแห่งตระกูลเจียงหรือ? ฮาฮา” เซียวจั้นพูดพลางลูบเคราที่คาง
เมื่อเห็นนักยุทธ์เมืองลั่วฝานเฉลิมฉลองอย่างไม่เป็ทางการ หลิวหรูเยียนจึงเดินตรงไปหาหยวนจุนแล้วกล่าวว่า “ตอนนี้เ้าต้องชนะให้ได้ แล้วความปรารถนาของเ้าจะเป็จริง”
“อีกอย่าง หากเ้าชนะในครั้งนี้ ข้าจะรับปากเงื่อนไขของเ้าข้อหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็สิ่งใดก็ตาม!”
หยวนจุนจ้องเซียวหานอย่างไม่ละสายตา แม้แต่หลิวซินไห่ที่กำลังถูกอุ้มลงมาเขาก็ยังไม่มอง
หยวนจุนพยักหน้าแล้วตอบอย่างหนักแน่นว่า “ข้าจะทำให้ดีที่สุด!”
เมื่อเขาก้าวขึ้นบันไดเวทีประลองทีละขั้น ทั้งสนามประลองก็เงียบลงทันที แต่ไม่นานความเงียบนี้ก็ถูกแทนที่ด้วยเสียงหัวเราะและเสียงพูดคุย
“เมืองเทียนอวิ่นไม่มีคนแล้วจริงๆ หรือนี่ ฮาฮา นึกไม่ถึงว่าจะส่งระดับวงแหวนใหญ่ขั้นสี่เข้าประลอง!”
“ข้าว่าหลิววั่นซานคงรู้ผลนี้นานแล้ว จึงตั้งใจส่งระดับวงแหวนใหญ่ขั้นสี่เข้าประลอง ถึงจะแพ้ เขาก็ยังหาข้ออ้างไปอธิบายให้คนในเมืองเทียนอวิ่นฟังได้ ใช่หรือไม่? ฮาฮา!”
เมื่อมู่เฟิงได้ยินเสียงวิจารณ์จากฝ่ายเดียวกัน เขาจึงมองหยวนจุนอย่างท้อใจแล้วกล่าวว่า “แม้จะชื่นชมความกล้าหาญในการลงประลอง แต่ผลการประลองนั้นเป็ที่ประจักษ์อยู่แล้ว ตระกูลเซียวชนะตระกูลหลิวอย่างแน่นอน และเมืองลั่วฝานก็จะมีอำนาจเหนือเมืองเทียนอวิ่นเช่นกัน”
บนแท่นที่นั่งฝั่งตรงข้าม เซียวหานนำมือเท้าคางพลางมองบุรุษวัยเยาว์ด้านล่างที่กำลังจ้องนาง ก่อนจะพึมพำด้วยรอยยิ้มว่า “ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้แต่ยังนิ่งสงบได้ ผู้นี้คงเป็คนโง่เขลา หรือไม่ก็เป็ผู้ที่มีทักษะพิเศษ”
“แต่ไม่ว่าจะเป็คนแบบใด เขาก็ไม่มีทางกู้ชัยชนะให้เมืองเทียนอวิ่นได้หรอก”
แน่นอนว่านักยุทธ์แบบหยวนจุนนี้ เซียวหานไม่จำเป็ต้องลงมือเอง อีกทั้งกระดูกไหปลาร้าที่ได้รับาเ็จากหลิวซินไห่ก่อนหน้านี้ก็ยังเจ็บอยู่ นางจึงต้องพักฟื้นอีกสักหน่อย
“เ้าจะลงเวทีไปเอง หรือจะให้ข้าส่งเ้าลงไป?” ต้วนเชียนที่อยู่ตรงหน้าหยวนจุนหรี่ตาเรียวยาวและถามอย่างไม่ไยดี
“หากเ้ามีความสามารถมากพอ ก็ส่งข้าลงไปสิ?”
หยวนจุนส่งเสียงเบาๆ แล้วเริ่มรวมปราณดาราภายใน จากนั้นทั่วทั้งร่างก็ถูกปกคลุมด้วยพลังปราณที่มีเปลวไฟห่อหุ้ม
แม้เป็เพียงพลังยุทธ์ของวงแหวนใหญ่ขั้นสี่ แต่ก็มีไอพลังรุนแรงเทียบเท่าพลังยุทธ์ของวงแหวนเล็กขั้นห้า
ต้วนเชียนหรี่ตา สายตาบ่งบอกถึงความโเี้
“ฟ่อ”
งูพิษสีเขียวเข้มพุ่งออกมาจากแขนเสื้อของต้วนเชียนโดยไม่เปิดโอกาสให้หยวนจุนได้ตอบโต้ เห็นได้ชัดว่าเขา้าจบการประลองนี้ให้เร็วที่สุด
“ผ่าง”
หยวนจุนรวมพลังปราณโต้กลับ ลมไร้รูปร่างที่ก่อขึ้นจากฝ่ามือพุ่งตรงไปยังงูพิษ
“เคลื่อนท่าเก้าสยบ!”
เมื่อได้เรียนรู้ทักษะจากหลิวหรูเยียน หยวนจุนจึงะโออกมา เขาแสดงท่าทางเก้าแบบที่แตกต่างกันต่อหน้าอีกฝ่าย ขณะเดียวกันเสียงก็ดังออกมาจากเก้าทิศทาง
งูพิษสีเขียวเข้มถูกพลังลับฉีกออกเป็เก้าส่วน แต่ละส่วนบิดเบี้ยวไปตามอากาศโดยรอบ ก่อนจะแตกออกเป็เสี่ยงๆ
ต้วนเชียนถูกพลังลับที่เหลือจู่โจม ทำให้เขาต้องถอยไปหลายก้าว เมื่อขาของเขายืนได้อย่างมั่นคงอีกครั้ง ดวงตาคู่นั้นแสดงความใออกมา
หลิวหรูเยียนที่เห็นเหตุการณ์นี้อดยิ้มออกมาไม่ได้ สองมือนางประสานกันอยู่ด้านหน้าแล้วกล่าวว่า “เคลื่อนท่าเก้าสยบเป็วิชาของตระกูลหลิวที่สืบทอดต่อกันมา!”
“แม้จะมิใช่วิชายุทธ์แต่ก็ควบคุมได้ยาก อนุชนรุ่นหลังของตระกูลหลิว มีเพียงข้ากับพี่ใหญ่เท่านั้นที่ฝึกเคลื่อนท่าเก้าสยบได้สำเร็จ!”
“หยวนจุนเห็นเพียงไม่กี่ครั้งก็สามารถทำได้ อีกทั้งพลังที่เขาแสดงออกมาก็ล้ำเลิศ ลงลึกถึงแก่นแท้!”
แต่สิ่งที่ทำให้หลิวหรูเยียนใยิ่งกว่า คือเขาที่อยู่ในระดับวงแหวนใหญ่ขั้นสี่แสดงพลังที่ไม่ใช่วิชายุทธ์ กลับสามารถทำให้ต้วนเชียนที่อยู่วงแหวนใหญ่ขั้นห้าถอยได้!
“ด้วยความสามารถเล็กน้อยเช่นนี้ มิน่าตระกูลหลิวถึงให้ความสำคัญ” เซียวหานที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามจิบชา ริมฝีปากชมพูยกยิ้มเล็กน้อย
เดิมทีนางคิดว่าหยวนจุนถูกตระกูลหลิวดึงเข้ามาเพื่อให้ครบจำนวนคนเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าแค่การประลองครั้งแรกก็ทำให้ต้วนเชียนถอยได้แล้ว
ต้วนเชียนเงยหน้ามองผู้ชมฝั่งเมืองลั่วฝาน สายตาของนักยุทธ์พวกนั้นแสดงความผิดหวังเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่านักยุทธ์ที่ระดับต่ำกว่าเขาขั้นหนึ่งนั้นเหนือชั้นกว่าเขาที่เป็วงแหวนใหญ่ขั้นห้าได้อย่างไร
“ฟ่อ”
ต้วนเชียนรวบรวมสมาธิอีกครั้ง งูพิษสีเขียวเข้มโผล่ออกมาจากแขนเสื้อด้านซ้ายและขวาของเขา เมื่อเทียบกับครั้งก่อน มันแข็งแรงและทนกว่ามาก
“งูคู่รัดใจ!”
งูพิษสองตัวออกมาจากข้อมืออันบอบบางของต้วนเชียนอย่างรวดเร็ว กลางอากาศมีัอยู่คู่กัน ก่อนจะกลายเป็ปราณดาราสีเขียวเข้ม
และหากตั้งใจฟังจะได้ยินเสียงแปลกๆ ซึ่งเป็เพราะงูคู่นั้นม้วนและหมุนรอบตัวจนทำให้เกิดเสียงเสียดสีในอากาศ
ทำให้เห็นว่าวิชายุทธ์นั้นมีความรวดเร็วมากเพียงใด
“ปางมือมรณาเก้าท่า ปางมืออจละ!”
หยวนจุนแสดงปางมืออย่างไม่รีรอ กลุ่มเปลวไฟใหญ่ของปางมือมรณาปรากฏขึ้นทันที ้ามีเปลวไฟเล็กๆ ที่ไม่โอนอ่อนตามลม ราวกับกำลังสงบนิ่ง
ครั้งนี้เป็ปางมือมรณาที่ดูแล้วสงบ แต่กลับแฝงไปด้วยพลังมหาศาลไม่มีสิ้นสุด ความร้อนสูงทำให้อากาศเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ไม่นานอากาศในสนามประลองก็แปรเปลี่ยนเป็พลังความร้อน
“ฟู่”
ขณะที่พลังปางมือมรณาท่าที่หนึ่งกำลังปะทะกับงูคู่รัดใจ มืออีกข้างของหยวนจุนก็มีพลังรางๆ เป็ปางมือมรณาท่าที่สองที่กำลังค่อยๆ ก่อตัวขึ้นต่อหน้าเขา
ตอนนี้ร่างกายของเขาเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว จับทางมิได้ ไร้กฎเกณฑ์ ทำให้ต้วนเชียนที่กำลังรับมือกับปางมือมรณาท่าที่หนึ่งไม่สามารถเดาทิศทางได้
ในที่สุดเมื่อเขาเข้าใกล้ด้านหลังทางซ้ายของต้วนเชียนได้ เขาจึงส่งพลังปางมือมรณาท่าที่สองออกไป
“ปางมือวัชระ!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้