เมื่อเห็นหลินเฟิงทำลายหมัดสุริยันของอู๋กงไปอย่างง่ายดาย ทำให้หยุนซีต้องตาเป็ประกาย ชายหนุ่มคนนี้ช่างร้ายกาจยิ่งนัก
“เ้าเป็ใครกันแน่?” อู๋กงกล่าวขณะจ้องมองหลินเฟิงอย่างชั่วร้าย ซึ่งฝ่ามือของอู๋กงยังคงมีเืไหลออกมา คนคนนี้เป็ใครมาจากไหน? ทำไมเขาถึงไม่เคยได้ยินชื่อเสียงมาก่อน?
แม้เมื่อครู่เขาจะบอกว่า นอกจากแปดคุณชายแห่งเสวี่ยเยว่แล้ว ก็ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา นั่นเป็คำพูดที่หยิ่งผยองของเขา แต่มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถเอาชนะเขาได้ แต่เขาก็รู้ว่าหลินเฟิงนั้นแตกต่างจากคนอื่นที่เขาเคยเจอ
“ท่านคือหลินเฟิง?” ท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียดนั้นหยุนซีได้ถามเสียงแ่
ชื่อเสียงของหลินเฟิงในเมืองเทียนลั้วนั้นมีชื่อเสียงมาก เขาเป็คนกล้าหาญและไร้ความปรานี ทั้งที่อายุเพียง 18 ปีเท่านั้นแต่เขาสามารถเอาชนะปิงหยวนและเหลิ่งเยว่ได้ แม้กระทั่งผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตลี้ลับทั้งสี่คนก็ตาม ที่นิกายหลั่วเซียนั้นศิษย์หลายคนต่างพูดถึงหลินเฟิง เช่นเดียวกับหยุนซีที่เฝ้าปรารถนาอยากเห็นหน้าหลินเฟิงสักครั้ง
นางจินตนาการว่าหลินเฟิงต้องเป็คนที่โเี้ แต่ชายหนุ่มตรงหน้ากลับดูหล่อเหลาและอ่อนโยน อย่างไรก็ตาม อารมณ์อันเยือกเย็นของเขาทำให้นางนึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับหลินเฟิง
หลินเฟิงมองไปที่หยุนซีและยิ้มให้ เขาพยักหน้าให้นางเล็กน้อย รอยยิ้มของหลินเฟิงทำให้หัวใจของหยุนซียิ่งเต้นเร็วขึ้น
“เขาพยักหน้าตอบ เขาคือหลินเฟิงจริงๆ”
ั้แ่สมัยโบราณ หญิงงามมักชมชอบบุรุษกล้าหาญ ในนิกายหลั่วเซียมีหญิงสาวมากมายที่อยากพบและรู้จักหลินเฟิง ตอนนี้หยุนซีได้เจอเขาแล้ว รอยยิ้มของหลินเฟิงทำให้ผู้พบเห็นต้องรู้สึกราวกับเป็สายลมในฤดูใบไม้ผลิที่อ่อนโยน
เมื่อเทียบระหว่างหลินเฟิงกับอู๋กังแล้ว อู๋กังดูน่าเกลียดไปเลย เพราะแม้แต่คุณสมบัติก็ไม่อาจเทียบหลินเฟิงได้แม้เพียงเสี้ยวเดียว
“หลินเฟิง!” อู๋กังดูประหลาดใจเมื่อได้ยินชื่อดังกล่าว จู่ๆ ท่าทางของเขาก็กลายเป็หวาดผวาไปทันใด
หลินเฟิงสามารถสังหารผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ขอบเขตลี้ลับได้ นอกจากนี้ยังสังหารปิงหยวนจากหมู่บ้านเสวี่ยอิงซานได้ หากเป็เช่นนั้นหลินเฟิงจะสังหารเขาโดยไม่มีความลังเลใดๆ เเม้เขาจะอยู่นิกายหลั่วเซียก็ตาม
“หลินเฟิง เื่นี้เป็เพียงการเข้าใจผิดเท่านั้น” อู๋กังกล่าวด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว จู่ๆ เขาก็ลืมความคิดที่จะสังหารหลินเฟิงไป แต่มือของเขายังคงมีเืไหลออกมาจากาแ
“เข้าใจผิดงั้นหรือ?” หลินเฟิงคลี่ยิ้มเ็าออกมาคราหนึ่ง “ป้าเตา นี่เป็เื่เข้าใจผิดเหรอ?”
“เขาและหญิงสาวพวกนี้เป็ศิษย์ของนิกายหลั่วเซีย แต่มีผู้หญิงสองคนถูกม่อชั่งหลันสังหารไปแล้ว ซึ่งเขาก็รู้ดี แต่เพราะเขาไม่สามารถจัดการกับม่อชั่งหลันได้ จึงพยายามทำให้ข้าเป็แพะรับบาป แล้วเขายังวางแผนข่มขื่นและสังหารหญิงสาวผู้นี้ นี่มันไม่ใช่เื่เข้าใจผิดแต่อย่างใด”
ป้าเตากล่าวอย่างเยือกเย็น ทำให้อู๋กังถึงกับหน้าถอดสี
“เื่นี้เป็ความเข้าใจผิดจริงๆ ข้าไม่รู้ว่าเ้าเป็สหายของหลินเฟิง” อู๋กังกล่าวต่อทั้งรอยยิ้มเกร็งบนใบหน้า
“แล้วยังไงล่ะ เพื่อชื่อเสียงของเ้าแล้ว ถึงขนาดต้องฆ่าผู้บริสุทธิ์เชียวหรือ งั้นตอนนี้ข้าอยากจะสังหารเ้า เ้าเองก็อยากสังหารข้าเช่นกันไม่ใช่หรือ” หลินเฟิงกล่าวขณะยิ้มอย่างเ็า จากนั้นเขาก็เริ่มเดินเข้าไปหาอู๋กังช้าๆ ซึ่งทำให้รอยยิ้มของเขาต้องแข็งทื่อ
“หลินเฟิง สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกนี้มักเป็เพียงลมปาก เ้าสามารถเสนอเงื่อนไขได้ และอีกอย่างศิษย์น้องหยุนซีของข้าก็ยังอ่อนต่อโลก หากเ้าชอบล่ะก็เชิญตามสบาย เ้าคิดว่าไง?”
อู๋กงก้าวถอยหลังเล็กน้อย เขาไม่คิดสู้กลับ ในใจมีแต่ความขลาดเขลา เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินเฟิงแล้ว อู๋กังก็เป็แค่มดปลวก
“เ้ามันช่างไร้ยางอายเสียจริง” เมื่อหยุนซีได้ยินคำพูดของอู๋กัง สีหน้าของนางจึงแข็งทื่อทันที อู๋กังคนนี้จะหน้าหนาเกินไปแล้ว
“ไอ้เศษขยะ” ขณะนั้นร่างของหลินเฟิงราวกับภาพมายา แต่ในขณะเดียวกันอู๋กังก็ปลดปล่อยลมปราณที่ร้ายกาจออกมา ทำให้หลินเฟิงประหลาดใจเล็กน้อย อู๋กังยกมือขึ้นและกระจายปราณพิษออกไปทันที แต่ในขณะนั้นอู๋กังรีบเข้าไปคว้าตัวหยุนซีและจ้องเขม็งไปทางหลินเฟิง
“หลินเฟิง เ้าดูสิ ศิษย์น้องของข้าบริสุทธิ์ขนาดนี้ แล้วยังชื่นชอบเ้ามาโดยตลอด หากนางตายไปก็คงน่าเสียดาย เ้าว่าอย่างนั้นมั้ย?”
หลินเฟิงประหลาดใจไปทันที คาดไม่ถึงว่าเขาจะทำเช่นนี้ อู๋กังใช้หยุนซีมาขู่เขา นี่มันอะไรกัน? หยุนซีเป็ศิษย์น้องของเขา อีกทั้งนางก็ไม่ใช่คนรู้จักของหลินเฟิงเสียด้วยซ้ำ แต่เขาอู๋กังกลับทำเื่เช่นนี้ ช่างน่าแปลกเสียจริง
หยุนซีเองก็ไม่คิดว่าอู๋กังจะทำถึงขนาดนี้ การกระทำของอู๋กังนั้นไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง อย่างไรก็ตามเมื่อหยุนซีมองหลินเฟิง นางกลับเกิดความคาดหวังขึ้นในดวงตา หลังจากม่อชั่งหลันกลืนกินศิษย์พี่ทั้งสองของนางจนกลายเป็ซากศพ นางก็รู้สึกสิ้นหวังอย่างมาก นางปรารถนาเพียงใครสักคนแสดงความเห็นอกเห็นใจ
จู่ๆ คนที่นางเฝ้าฝันถึงก็ปรากฏกาย และยังเป็ชายหนุ่มที่หล่อเหลาอีกด้วย ทำให้นางที่กำลังท้อแท้รู้สึกมีความหวัง นี่คงเป็เหตุผลที่ว่า ่เวลาที่ผู้หญิงโศกเศร้า มันเป็เวลาที่จิตใจอ่อนแอและสามารถเข้าหาได้ง่าย
“ทำไมเ้าถึงไร้ยางอายขนาดนี้!” หลินเฟิงกล่าวอย่างเ็าขณะจ้องมองอู๋กัง
“แล้วมันยังไงล่ะ หลินเฟิง เ้าทำใจได้เหรอที่หญิงสาวบริสุทธิ์และงดงามราวกับดอกไม้เช่นนี้ ต้องตายไปต่อหน้าต่อตา? เ้าดูผิวของนางสิมันช่างละเอียดอ่อนนัก นางเพิ่งจะอายุแค่ 17 ปีเท่านั้น” อู๋กังกล่าวโดยไม่สนใจคำพูดของหลินเฟิงอีกต่อไป ขณะที่กำลังจะพูดต่อ ตอนนี้เองได้มีกระแสมีดอันเยือกเย็นมากดดันบรรยากาศตรงหน้าหยุนซีทันที
เมื่อหลินเฟิงเห็นดวงตาคู่งามและไร้เดียงสาของหยุนซี เขาจึงรู้สึกว่าตนไม่สามารถปล่อยนางได้ แม้ว่าจะไม่รู้จักนางก็ตาม
“ฮ่าฮ่าฮ่า เสน่ห์ของหญิงสาวนี่ช่างน่าประทับใจเสียจริง ศิษย์น้อง ไม่ใช่ว่าเ้ามักพูดถึงหลินเฟิงอยู่เสมอหรือ? ตอนนี้ดูเหมือนว่าหลินเฟิงจะสนใจเ้า ดูสิว่าเขาดีกับเ้าแค่ไหน เ้าทั้งสองดูราวกับคู่รักที่สมบูรณ์แบบ” อู๋กังกล่าวขณะดึงตัวของหยุนซีกลับมาช้าๆ
ในใจของหยุนซีกำลังสับสน ทำไมอู๋กังที่เป็ศิษย์พี่ของนางถึงชั่วร้ายและไร้ยางอายขนาดนี้ เขาใช้ชีวิตของนางข่มขู่คนแปลกหน้า แต่หลินเฟิงกลับช่วยนางทั้งที่ไม่ได้รู้จักกัน เป็เพราะนางแท้ๆ หลินเฟิงจึงไม่อาจสังหารอู๋กังลงได้
จากที่ไกลออกไปมีใครบางคนกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ เมื่อเห็นคนที่มุ่งมา หลินเฟิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ทว่าใบหน้าของอู๋กังกลับปรากฏรอยยิ้มแห่งความสุข
จู่ๆ กริชที่อยู่ในมือพลันหายไป อู๋กังก้าวถอยหลังอย่างต่อเนื่องพร้อมกับหยุนซี และะโเสียงดังว่า “ท่านผู้าุโช่างมาถูกเวลาเสียจริง! มีใครบางคนพยายามจะสังหารข้า!”
คนเหล่านี้ที่เพิ่งมาใหม่เป็คนของนิกายหลั่วเซีย เพียงพริบตาพวกเขาก็มาอยู่ข้างกายอู๋กัง
“อู๋กัง เกิดอะไรขึ้น?”
คนของนิกายหลั่วเซียคนหนึ่งถามเสียงเย็น ขณะเหลือบมองซากศพที่นอนเกลื่อนพื้น
“ท่านผู้าุโ หลินเฟิงผู้นี้ได้ซุ่มโจมตีข้าและสังหารคนของนิกายหลั่วเซีย เขายังพยายามจะทำร้ายศิษย์น้องหยุนซีอีกด้วย โชคดีที่ข้าเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องนางจากการโจมตีของหลินเฟิง และโชคดีจริงๆ ที่พวกท่านมาถึงใน่เวลาสำคัญเช่นนี้”
อู๋กังกล่าว ซึ่งทำให้ผู้คนจากนิกายหลั่วเซียจ้องเขม็งมาที่หลินเฟิงอย่างเ็า
“ท่านผู้าุโ อู๋กังเป็คนไร้ยางอาย ผู้สังหารศิษย์พี่ทั้งสองเป็คนอื่น นอกจากนี้คนที่พยายามจะทำร้ายข้าก็คืออู๋กัง เขาเพิ่งใช้กริชจ่อคอข้าและข่มขู่หลินเฟิง” หยุนซีกล่าวอย่างร้อนใจ
“ศิษย์น้อง ข้าใช้เ้าข่มขู่หลินเฟิง? แล้วเ้ากับหลินเฟิงเกี่ยวข้องกันยังไง? ข้ารู้ว่าเ้ากำลังสับสนกับคำพูดของหลินเฟิง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้าุโ เ้าไม่จำเป็ต้องพูดโกหกเช่นนั้น” อู๋กังกล่าวอย่างเ็า ทำให้ใบหน้าของหยุนซีกลายเป็ซีดขาวและพูดไม่ออก
“หยุนซีหยุดได้แล้ว!” ผู้าุโใหญ่กล่าวอย่างเ็า ทำให้หยุนซีประหลาดใจ ขณะมองไปที่ชายคนนั้น นางกล่าวว่า “แม้แต่ท่านก็ไม่เชื่อข้า! คนที่ทำเป็อู๋กังจริงๆ!”
“หุบปากซะ!” ผู้าุโใหญ่ะโออกมาอีกครั้ง ทำให้หยุนซีถึงกับปากสั่น แต่อู๋กังกลับยิ้มอย่างเริงร่า
ช่างเป็หญิงสาวที่ไร้เดียงสาและโง่เขลาอะไรขนาดนี้! อู๋กังเป็ใคร เขาเป็ถึงอัจฉริยะของนิกายหลั่วเซีย ที่ถูกนิกายอบรมสั่งสอนมาอย่างดี แม้ผู้าุโจะรู้ว่าแท้จริงแล้วมันเป็เช่นไร แต่พวกเขากลับทำเป็ตาบอดเพื่อเมินความจริง นอกจากนี้นางไม่มีความสำคัญต่อนิกายเลยเมื่อเทียบกับอู๋กังแล้ว
ผู้าุโเป็คนอย่างไรกัน พวกเขาก็เป็แค่ชายชราเท่านั้น ไม่คิดหน้าคิดหลังว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ตราบใดที่รู้ว่าเขาคืออู๋กัง คนที่ผิดก็ต้องเป็หยุนซี หาใช่อู๋กังไม่
ผู้าุโของนิกายหลั่วเซียมองหลินเฟิงด้วยสายตาเยือกเย็น
“หลินเฟิง เ้ากล้าดียังไงถึงกล้าสังหารคนของนิกายหลั่วเซีย!”
ผู้าุโอีกคนหนึ่งกล่าวอย่างเ็า จากนั้นผู้คนของนิกายหลั่วเซียก็หายวาบและมาล้อมตัวหลินเฟิงไว้
หลินเฟิงกำลังกวาดสายตามองกลุ่มคนเหล่านี้ด้วยแววตาเยือกเย็น เมื่อครู่นี้อู๋กังได้ใช้ป้าเตาเป็แพะรับบาป แล้วตอนนี้พอคนของนิกายหลั่วเซียมา เขาก็เลยทำให้หลินเฟิงกลายเป็แพะรับบาปแทนอย่างนั้นหรือ?
หลินเฟิงเข้าใจสถานการณ์ดีกว่าหยุนซี เขาจะไม่เข้าใจการกระทำของผู้คนเหล่านี้ได้อย่างไร
แต่การทำให้หลินเฟิงกลายเป็แพะรับบาป มันจะง่ายดายขนาดนั้นเชียวหรือ?!