หลินฟู่อินค่อยๆ คลี่ยิ้มช้าๆ “ท่านทำภัตตาคาร และภัตตาคารมิได้ขายเพียงอาหาร แต่ขายมากกว่านั้น!”
ได้ยินที่หลินฟู่อินกล่าว หลิวฉินก็ประหลาดใจไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า แล้วโน้มตัวเข้าหาฟู่อินอย่างมิอาจอดกลั้นความตื่นเต้นได้ไหว “น่าสนใจยิ่ง ว่ามาเลย ฟู่อิน!”
หลินฟู่อินเหลือบมองเขา “ข้ามีความคิดดีๆ อยู่ แต่จะบอกไปง่ายๆ ก็คงไม่ดีนัก หากข้าเสนอเงื่อนไขไปแล้ว ท่านจะตอบรับแทนภัตตาคารหลิวจี้ได้หรือไม่?”
ทันทีที่เห็นสีหน้าของหลินฟู่อินเปลี่ยนไปเช่นนี้ หลิวฉินก็รู้ได้ทันทีว่าในโลกนี้มันไม่มีการจับเสือมือเปล่า เช่นนั้นเขาก็คงตอบรับเลยไม่ได้ เพราะตอนนี้เ้าของภัตตาคารคือบิดาของเขา ไม่ใช่เขา
เขาส่ายหน้า แล้วยอมเก็บความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้ก่อน “ข้าต้องกลับไปเล่าให้ท่านพ่อของข้าฟังก่อน แล้วให้เขาตัดสินใจอีกที”
หลินฟู่อินพยักหน้า นางรู้อยู่แล้วว่ามันต้องเป็เช่นนั้น
ผู้เฒ่าหลิวที่เป็เ้าของภัตตาคารหลิวจี้นั้นเป็คนจริงจังและซื่อสัตย์กับการค้า ทว่ากลับขาดวิสัยทัศน์ เป็ผลให้เขายึดติดแต่กับวิธีการเดิมๆ หากปล่อยเื่นี้ให้ผู้เฒ่าเป็คนตัดสินใจ ก็มีโอกาสที่จะถูกปฏิเสธเอาได้
และคนที่นางถูกใจคือตัวหลิวฉิน
นางกะพริบตา แล้วจึงคิด หากวิธีนี้ไม่ได้ผล แค่หาวิธีอื่นให้หลิวฉินมาลงเรือด้วยกันก็พอ
“จะว่าไป ฟู่อิน ตอนที่ข้ามาบ้านเ้า ข้าเห็นเ้าตากถั่วไว้ในสวนด้วย เ้าปลูกทั้งหมดนั่นเองหรือ?” หลิวฉินถามพลางนึกถึงถั่วที่เขาเห็น
เขาสนใจมากจนเคยส่งคนมาสืบดู แล้วก็ได้รู้ว่านางมีที่เพียงไม่มากเท่านั้น หรือนางจะใช้ที่ทั้งหมดปลูกแต่ถั่วกัน?
ถั่วเองก็ใช่ว่าจะให้ผลผลิตน้อย ใช้ที่เพียงไม่กี่ไร่ก็ได้กลับมาสองสามร้อยจินแล้ว แต่ในสวนมันดูมีมากกว่านั้น
เมื่อหลินฟู่อินเห็นเขาถามเช่นนี้ จึงมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจ
หากใช้ธุรกิจเื่ถั่วคงพอจะดึงตัวหลิวฉินเข้ามาร่วมด้วยได้ อย่างไรเสียตระกูลของเขาก็ทำภัตตาคาร ดังนั้นแล้วถั่วปากอ้า ถั่วเหลือง ถั่วงอก และถั่วเขียวต่างก็เป็ของที่ภัตตาคารหลิวจี้สามารถนำไปเป็รายการอาหารได้ หากขายได้ดี นางก็จะเป็คนขายสินค้าให้พวกเขา
อีกทั้งนี่ยังเป็แผนที่ไม่ต้องห่วงเื่การเสียเงินมากนักแม้จะขายได้ไม่ดี
หลินฟู่อินพิจารณาเพิ่มแล้วก็ชื่นใจขึ้นมา รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้า จนหลิวฉินตะลึงเมื่อเห็นสายตาราวกับกำลังมองเหยื่อของนาง
“ฟู่อิน… นี่เ้า คิดอะไรดีๆ ได้อีกแล้วหรือ?” เขาถามออกมาโดยไม่รู้ตัว
หลินฟู่อินปรับสีหน้าใหม่ มองเขาพลางดื่มชาช้าๆ เมื่อหลิวฉินทนไม่ไหว นางจึงเปิดปาก “พวกนี้เป็ถั่วที่ข้าหามาเพื่อนำไปใช้ทำกิจการ”
กิจการค้าขายถั่วหรือ?
หลิวฉินผิดหวังในใจ การขายถั่วนั้นมิใช่กิจการที่ดีนัก เขาจึงไม่สนใจมันเท่าไร
เมื่อเห็นสีหน้าหมดความสนใจของเขา หลินฟู่อินก็คลี่ยิ้มบาง “กิจการขายถั่วที่ข้าพูดถึงนั้นต่างจากที่ท่านคิด”
หลิวฉินเป็คนฉลาด นางกล่าวแค่นี้ก็น่าจะมากพอที่จะทำให้เขาเข้าใจได้แล้ว
และหลิวฉินก็อึ้งจริงๆ เขาโน้มร่างเข้ามาเล็กน้อย แล้วถามอย่างซื่อตรง “เช่นเดียวกับที่เปลี่ยนไข่ไก่ไข่เป็ดให้เป็ไข่ดอกสนและไข่เยี่ยวม้าหรือไม่?”
การคุยกับคนฉลาดนี่มันง่ายจริงๆ
หลินฟู่อินยิ้มออกมา “ไม่เหมือนกัน มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ”
“เช่นนั้นแล้ว… ฟู่อิน เ้ามีอันที่ทำแล้วให้ข้าดูหรือไม่?” ท่าทีของหลิวฉินเช่นนี้นับว่าเป็เื่ธรรมดา เมื่ออยู่ต่อหน้าแิอันน่าสนใจของหลินฟู่อินแล้ว เขาก็อยากเข้าไปมีส่วนร่วมในทันที
และนี่เองคือสิ่งที่หลินฟู่อิน้า
แต่นางไม่แสดงออกทางสีหน้า เพียงกล่าวเรียบๆ “ถึงข้าจะคิดว่ามันน่าสนใจ แต่มันก็เป็เพียงกิจการเล็กๆ คนร่ำรวยเช่นคุณชายคงไม่สนใจนัก”
“อยากเห็นสิ ข้าอยากเห็น!” หลิวฉินกล่าวพลางกลืนน้ำลาย “จากที่เ้าว่ามา ข้าพอจะเดาได้แล้ว เ้าหาทางทำเงินจากแินี้ของเ้าไม่ได้ใช่หรือไม่? เช่นนั้นแล้วเรามาทำธุรกิจกัน ต่อให้เป็กิจการเล็กๆ แต่มันก็มีช่องทางให้ทำเงินได้เสมอ ขอข้าดู ให้ข้าได้ดูเถอะ!”
หลิวฉินย้ำซ้ำๆ ว่าเขาอยากมีส่วนร่วม หลินฟู่อินจึงกล่าวอย่างอิดออด “ท่านใช้วิธีลงหุ้นก็ได้ ท่านไม่จำเป็ต้องลงเป็เงินสด แค่ท่านหาช่องทางขายให้ข้าก็พอ” จากนั้นก็มองเขา “ข้าได้ราคาที่ข้าพอใจ ส่วนท่านได้ของจากข้าไปจำหน่าย ราคาเท่าไรก็ไม่เกี่ยวกับข้า”
เื่ดีๆ เช่นนี้มีอยู่จริงหรือ?
หลิวฉินไม่อยากเชื่อ
หลินฟู่อินเห็นสีหน้าของเขาก็เดาได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ นางจึงโบกมือให้เขา หลิวฉินรีบลุกจากที่นั่งแล้วเดินเข้ามาหานางทันที หลินฟู่อินจึงกระซิบ “ข้าคงไม่ต้องกลัวที่จะบอกท่านเื่นี้ ข้ามีผัก ผักที่จะขายได้ดีในฤดูหนาวที่ผักขาดแคลน ท่านนำมันไปขาย แล้วข้าค่อยรอรับส่วนแบ่งหลังจากที่ท่านขายเสร็จ วิธีนี้ท่านจะไม่ต้องกังวลเื่เงิน แต่ข้าเองก็มีข้อแม้ ในฐานะที่เป็สหายเก่าแก่ ข้าทำงานนี้กับท่าน ไม่ใช่กับพ่อของท่าน”
กล่าวจบหลินฟู่อินก็ลุกขึ้นอีกครั้ง แล้วจิบชาด้วยท่าทีจริงจัง
หลิวฉินคิดว่าความสามารถในการควบคุมบทสนทนาด้วยความเยือกเย็นเช่นนี้ ไม่น่าใช่สิ่งที่เด็กสาวคนหนึ่งจะมีได้ แต่เด็กสาวตรงหน้ากลับมีมันอยู่
ไม่เกี่ยวอะไรกับพ่อของข้า…
หรือก็คือ หากเขาอยากจับมือกับนางในธุรกิจนี้ ข้าก็ต้องหาวิธีของตัวเอง และการค้าขายนี้ก็เป็สิ่งที่พวกเขาต้องจัดการกันเอง
หลิวฉินมองหลินฟู่อินด้วยความรู้สึกซับซ้อน เด็กนี่จงใจอย่างนั้นหรือ?
แต่หลิวฉินก็เข้าใจดีว่าเด็กสาวตรงหน้าไม่ได้อยากทำให้เขาขายหน้า นี่นางพยายามผลักดันเขาอยู่หรือ?
เมื่อพิจารณาดูแล้ว ในใจเขาก็ขำออกมา เขาอายุมากกว่าเด็กสาวตรงหน้านี้มาก ทั้งพื้นฐานตระกูลก็ยังดีกว่า แต่นางกลับคิดจะมาผลักดันเขาอย่างนั้นหรือ…
“หากไม่ได้ผลก็ไม่เป็ไรเ้าค่ะ” หลินฟู่อินจิบชาด้วยมือหนึ่ง กล่าวออกมาด้วยท่าทีเหมือนไม่ใส่ใจ “ยังไงซะ ถ้าทำมาแล้วข้าก็ต้องขาย แม้ไม่มากก็ไม่เป็ไร ข้ามิได้โลภ ขอแค่ได้คืนมาบ้างก็พอแล้ว”
ทำได้น้อยก็ไม่เป็ไร ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน ค่าของเงินก็ไม่เคยลดอยู่แล้ว
นางไม่รีบ ไม่จำเป็ต้องรีบ
นางพูดความจริง แต่หลิวฉินยังคงกังวล ในใจคิดไปว่าหลินฟู่อินมิได้อยากร่วมงานกับเขาเลย ดังที่นางกล่าวว่านี่เป็เพียงการเห็นแก่หน้าเพื่อนเก่าเท่านั้น ใจจริงมิได้อยากให้เขามีส่วนร่วมด้วย
“ข้าต้องทำอะไรบ้าง มันล่อตาล่อใจนัก!” หลิวฉินตบเข่าดังฉาดแล้วตกลงทันที อย่างไรเสียเขาก็ไม่ต้องลงทุน เขาเพียงแค่ต้องขาย ขายอย่างที่เขาทำมาตลอด!
มีคนมากมายที่มีความสัมพันธ์กว้างขวางราวแม่น้ำเก้าสาย พวกตัวเล็กตัวน้อยก็มีความสามารถของพวกตัวเล็กตัวน้อย หากเป็สิ่งที่หลินฟู่อินสร้าง มันต้องขายได้ดีแน่ มีแต่ได้กับได้เลยมิใช่หรือ?
ไม่แน่ว่าเมื่อเขาทำเื่นี้แล้ว อาจารย์ของเขาก็อาจจะไม่ดุเขาอีกแล้วก็ได้!
ยิ่งหลิวฉินคิดก็ยิ่งตกบ่วง แต่เขาก็ไม่เคยคิดมาก่อน ว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะเป็ผลให้ตระกูลหลิวของเขากลายเป็หนึ่งในสมาคมการค้าที่ยิ่งใหญ่และทรงอำนาจที่สุดสมาคมหนึ่งของแคว้นต้าเว่ย
“แต่ตอนนี้เอาเื่นี้ก่อน ให้ข้าไปเตรียมสัญญาก่อนสักสองสามวัน” หลินฟู่อินหยิบเอากระดาษขึ้นมาแล้วเช็ดปาก จากนั้นจึงเงยหน้ามองฟ้า “นี่ก็ได้เวลาแล้ว เราไปนับไข่กันก่อนดีกว่า”
หลิวฉินลุกขึ้นแล้วตามหลินฟู่อินไปทันที
หลังจากที่นับไข่กันเสร็จแล้ว หลิวฉินก็หยิบเอาก้อนเงินออกมาสองร้อยตำลึงเงินอย่างรวดเร็ว ก่อนจะส่งให้หลินฟู่อิน แล้วยิ้มออกมา “ส่วนของวันนี้ รับไปเสีย”
หลินฟู่อินรับมาด้วยรอยยิ้มเปื้อนใบหน้า กล่าวขอบคุณ
แต่หลิวฉินยังกล่าวต่อ “จากที่ข้าดู ไข่ชุดนี้มีคุณภาพสูงยิ่งกว่าชุดที่แล้วเสียอีก”
หลินฟู่อินคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย เก็บรายละเอียดได้ดีจริงๆ
แต่นางก็ไม่กล่าวอะไร
“จริงด้วย พ่อของข้าได้ยินมาแล้วว่าเ้าซื้อร้านใหญ่ที่ถนนทางตะวันออกเฉียงใต้มา ขอถามสักหน่อย เ้าสนใจจะขายร้านนั้นหรือไม่?” ก่อนหลิวฉินจะจากไป อยู่ๆ เขาก็นึกถึงคำพูดของบิดาขึ้นมาได้ จึงหันมาถามหลินฟู่อิน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้