บทที่ 3: กายาธุลีดิน
ยาถอนพิษสูตรสามัญไหลผ่านลำคอที่แห้งผากลงสู่กระเพาะ ความอุ่นร้อนจากรากขิงแก่ช่วยขับไล่ความเย็นะเืที่เกาะกุมอยู่ภายใน ขณะที่ฤทธิ์เย็นจากหญ้าลิ้นงูเริ่มทำหน้าที่ขับไล่พลังงานพิษที่ตกค้างอยู่ในเส้นเื อย่างเชื่องช้า
เหลียนฮวานั่งพิงเสาไม้อย่างอ่อนแรง นางหลับตาลงเพื่อรวบรวมสมาธิและสำรวจ "บ้าน" หลังใหม่ของนางอย่างละเอียดเป็ครั้งแรก
ทว่าทันทีที่จิตของนางดำดิ่งลงสู่ความเงียบกระแสความทรงจำของเ้าของร่างเดิมที่เคยถูกกดไว้ด้วยอาการาเ็สาหัส ก็ถาโถมเข้ามาอีกครั้งราวกับเขื่อนที่พังทลาย
ครั้งนี้...มันไม่ใช่เพียงภาพเลือนราง แต่เป็ภาพเหตุการณ์ที่ชัดเจนราวกับนางได้ไปอยู่ในที่แห่งนั้นด้วยตนเอง
ภาพที่หนึ่ง...
ห้องเช่าแคบ ๆ ผนังดินเปียกชื้นและมีรอยด่างดำจากเชื้อรา มีเพียงเตียงไม้เก่า ๆ ตัวหนึ่งกับโต๊ะที่ขาโยกเยก อากาศภายในห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นยาต้มจาง ๆ และกลิ่นอับของความยากจน
บนเตียงนั้น ร่างของสตรีวัยกลางคนผู้หนึ่งนอนหลับตาพริ้ม ใบหน้าของนางเคยงดงาม แต่บัดนี้กลับซูบตอบซีดเซียว ริมฝีปากแห้งแตกเป็ขุย ทุกครั้งที่หายใจเข้าออก หน้าอกของนางจะกระเพื่อมขึ้นลงอย่างยากลำบาก
นี่คือ เหลียนซู... มารดาของนาง
เด็กหญิงเหลียนฮัวตัวน้อยในความทรงจำกำลังใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าให้มารดาอย่างแ่ เบา ข้างๆ กันนั้น เด็กหญิงตัวเล็กกว่า ผมเผ้ากระเซิงในชุดเก่าๆ กำลังนั่งกอดเข่ามองด้วยแววตาละห้อย
"ท่านแม่...จะหายเมื่อไหร่หรือเ้าคะพี่ใหญ่" เหลียนซิง น้องสาวตัวน้อยเอ่ยถามเสียงอ่อย
"อีกไม่นานหรอก... เดี๋ยวพี่ใหญ่หาเงินซื้อยาดี ๆ มาให้ ท่านแม่ก็จะหายแล้ว" เหลียนฮัวในความทรงจำตอบกลับไป แม้น้ำเสียงจะพยายามให้ดูเข้มแข็ง แต่ในใจกลับรู้ดีว่ามันเป็เพียงคำโกหก ยาที่ได้จากร้านโอสถเป็เพียงยาบำรุงราคาถูกที่ช่วยประทังอาการไม่ให้ทรุดลงไปมากกว่านี้เท่านั้น
ภาพนั้นจางหายไป...
ภาพที่สอง...
หน้าบ่อนพนันที่อึกทึกครึกโครม เหลียนฮัวในวัยสิบสองหนาวกำลังคุกเข่าอ้อนวอนอยู่กับพื้น ดึงชายเสื้อของบิดาที่กำลังจะเดินเข้าไปด้านใน น้ำตาไหลอาบสองแก้ม
"ท่านพ่อ! อย่าเข้าไปเลยนะเ้าคะ! เงินก้อนนี้...เป็เงินค่าข้าวสารของเรานะเ้าคะ!"
"ปล่อยข้า!" เหลียนต้าหู่ในยามนั้นสะบัดมือนางออกอย่างไม่ไยดี ดวงตาของเขาแดงก่ำเต็มไปด้วยความโลภ "ข้าจะเอาไปต่อทุน! คราวนี้ข้าต้องชนะแน่! ถ้าได้เงินมา พวกเราก็จะไม่ต้องลำบากอีกต่อไป!"
เขาผลักร่างเล็ก ๆ ของนางจนล้มกลิ้งกับพื้น แล้วเดินหายเข้าไปในบ่อนพนันอย่างไร้เยื่อใย ทิ้งให้เด็กหญิงตัวน้อยนั่งร้องไห้มองตามแผ่นหลังของผู้เป็พ่อด้วยหัวใจที่แหลก สลาย...
ภาพที่สาม...
ที่ลานซักล้างของร้านโอสถหมื่นพฤกษา ท่ามกลางอากาศที่หนาวจัดจนน้ำในถังจับตัวเป็ฝ้าน้ำแข็ง เด็กสาวเหลียนฮวากำลังใช้สองมือที่แดงก่ำและแตกเพราะความเย็นขัดล้างรากโสมดินที่เปื้อนโคลนจนสะอาด แขนเสื้อของนางเปียกชุ่มและเย็นเฉียบจนแทบไร้ความรู้สึก
"เร็ว ๆ เข้าสิ! ชักช้าอยู่นั่นแหละ!" เสียงแหลมสูงของซูเม่ยดังมาจากด้านหลัง นางยืนกอดอกในชุดคลุมขนสัตว์อุ่นสบาย มองมาที่เหลียนฮวาด้วยสายตารังเกียจ "สมุนไพรพวกนี้ต้องรีบส่งให้จวนเ้าเมือง ถ้าเสียหายขึ้นมา เ้าชดใช้ไหวรึ!"
เหลียนฮวาก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป ไม่กล้าแม้แต่จะปริปากเถียง ในหัวใจของนางภาวนาเพียงให้งานนี้เสร็จเร็ว ๆ เพื่อที่นางจะได้กลับบ้านไปดูอาการของท่านแม่...
ภาพแล้วภาพเล่า... ความทรงจำที่เต็มไปด้วยความหิวโหย ความหนาวเหน็บ คำดูถูกเหยียดหยามและความสิ้นหวังอันไม่รู้จบถาโถมเข้าสู่จิติญญาของเซียน โอสถเยว่ซินหลันอย่างไม่หยุดยั้ง
ิญญาที่เคยสูงส่งและบริสุทธิ์ดุจหิมะบนยอดเขาเทวะ บัดนี้กำลังถูกฉาบย้อมด้วยความทุกข์ระทมของมนุษย์เดินดิน ความรู้สึกเ็ปรวดร้าวที่ไม่เคยได้ััมาก่อนกัดกินหัวใจของนางอย่างช้า ๆ มันไม่ใช่ความเ็ปทางกาย แต่เป็ความหนักอึ้งในจิติญญา ความสงสารต่อชะตากรรมของเด็กสาวผู้เป็เ้าของร่างคนเดิม... และความโกรธแค้นต่อโลกใบนี้ที่ช่างโหดร้ายต่อนางเหลือเกิน
"อึ่ก..."
เหลียนฮวาลืมตาขึ้นจากภวังค์ความทรงจำที่ไหลบ่าเข้ามาทำให้นางรู้สึกปวดหนึบที่ ขมับ นางยกมือขึ้นกุมศีรษะ เหงื่อกาฬผุดซึมขึ้นมาบนหน้าผาก ทั้งที่อากาศยังคงเย็นเยียบ
นางค่อย ๆ หายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ ในฐานะเซียนโอสถผู้ฝึกจิตมานับพันปี นางสามารถแยกแยะ "อารมณ์ของตน" ออกจาก "อารมณ์ตกค้างของเ้าของร่าง" ได้อย่างรวดเร็ว แม้ความเ็ปเ่าั้จะยังคงอยู่ แต่มันก็ไม่สามารถครอบงำจิตใจของนางได้อีกต่อไป
เมื่อจิตใจเริ่มสงบ นางจึงหันกลับมาสำรวจสิ่งที่สำคัญที่สุด... ร่างกายนี้
นางหลับตาลงอีกครั้ง แต่ครานี้ไม่ได้เพื่อดูความทรงจำ แต่เพื่อ "มอง" เข้าไปภายใน นางโคจรพลังิญญาอันน้อยนิดที่เหลืออยู่ให้ไหลเวียนไปทั่วร่างอย่างเชื่องช้า ภาพโครงสร้างภายในปรากฏขึ้นในมโนสำนึกอย่างชัดเจน
เส้นชีพจร... อุดตันและตีบแคบในหลายตำแหน่ง ไม่ต่างจากลำธารที่เต็มไปด้วยกิ่งไม้และตะกอนขวางกั้น การไหลเวียนของโลหิตและลมปราณจึงเชื่องช้าและติดขัด นี่คือผลจากการขาดสารอาหารและการทำงานหนักเกินวัยมาเป็เวลานาน
อวัยวะภายใน... ตับและไตมีสีคล้ำบ่งบอกถึงการสะสมของพิษอ่อน ๆ จากสภาพแวดล้อมและการกินอาหารที่ไม่สะอาด หัวใจเต้นแ่เบาและอ่อนล้า ม้ามและกระเพาะอาหารหดตัวเล็กลงอย่างน่าใจหาย
กระดูกและกล้ามเนื้อ... เปราะบางและขาดการบำรุง ไม่มีความยืดหยุ่นหรือพละกำลังแฝงเร้นอยู่เลยแม้แต่น้อย เป็โครงสร้างที่พร้อมจะแตกหักได้ทุกเมื่อ
และที่เลวร้ายที่สุด... จุดตันเถียน ซึ่งเป็ศูนย์รวมพลังลมปราณของร่างกายนั้น... ว่างเปล่าและแห้งผากราวกับผืนดินที่แตกระแหงมานับร้อยปี ไม่มีแม้แต่เงาของพลังลมปราณพื้นฐานที่เด็กธรรมดาควรจะมีอยู่เลยแม้แต่น้อย!
นี่ไม่ใช่แค่ร่างกายที่อ่อนแอ... แต่มันคือ "กายาธุลีดิน" โดยแท้จริง!
เป็ร่างที่ไร้ซึ่งพร์ในการบำเพ็ญเพียรโดยสิ้นเชิง ต่อให้มีตำรับยาเทวะอยู่ในมือ ก็ไม่สามารถปรุงยาที่ต้องใช้ลมปราณในการควบคุมไฟได้ ต่อให้มีสุดยอดคัมภีร์วรยุทธ์วางอยู่ตรงหน้า ก็ไม่สามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาใด ๆ ให้สำเร็จได้แม้แต่ก้าวเดียว
"ช่าง...น่าขันสิ้นดี"
เหลียนฮวาพึมพำกับตัวเอง ใบหน้าของนางปรากฏรอยยิ้มหยันที่ขมขื่นยิ่งกว่าการร้องไห้
เซียนโอสถผู้เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดสามารถเด็ดบุปผา์มาปรุงเป็ยาอายุวัฒนะ ได้ตามใจนึก บัดนี้กลับต้องมาติดอยู่ในร่างที่เปราะบางและไร้ค่าเช่นนี้ มันคือการลงทัณฑ์ที่โหดร้ายที่สุดยิ่งกว่าการถูกทำลายิญญาให้แตกสลายเสียอีก
นางกำหมัดแน่นจนข้อนิ้วซีดขาว ความรู้สึกท้อแท้และสิ้นหวังที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาตลอดชีวิตนับพันปี บัดนี้กำลังกัดกินหัวใจของนางอย่างช้า ๆ
หรือเราควรจะปล่อยวาง... แล้วจบชีวิตนี้ไปเสีย? ความคิดชั่ววูบผุดขึ้นมาในหัว
แต่แล้ว...ใบหน้าซูบตอบของเหลียนซู และดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยความหวังของเหลียนซิงก็กฎขึ้นมาในมโนสำนึก อีกครั้ง มันคือภาพความทรงจำสุดท้ายที่เ้าของร่างเดิมยึดเหนี่ยวไว้
ท่านแม่... ต้องดูแลตัวเองให้ดีนะเ้าคะ...
ขอโทษนะ...ซิงเอ๋อร์...
เสียงสุดท้ายของเหลียนฮวาคนเดิมยังคงก้องอยู่ในหัว
ไม่! นางจะยอมแพ้ไม่ได้!
ในเมื่อนางได้รับชีวิตนี้มาแล้ว ก็เท่ากับนางได้รับ "ภาระ" ของเ้าของร่างมาด้วย ...นางได้รับความรักความผูกพันที่นางโหยหามาตลอดชีวิตอันโดดเดี่ยวบนแดน ์ แม้จะเป็เพียงความทรงจำของผู้อื่น แต่มันก็อบอุ่นและเป็จริงยิ่งกว่าสิ่งใด
เหลียนฮวาค่อย ๆ คลายหมัดที่กำแน่นออก ลมหายใจของนางกลับมาสม่ำเสมออีกครั้ง แววตาที่เคยขมขื่นและท้อแท้ถูกแทนที่ด้วยประกายแสงอันแน่วแน่และเยือกเย็น
"กายาธุลีดิน...แล้วอย่างไร?" นางข้นเสียงหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ "ในเมื่อ์ไม่ให้พร์ข้า... ข้าก็จะสร้างมันขึ้นมาเอง!"
นางไม่ใช่เซียนโอสถธรรมดา นางคือปรมาจารย์ผู้รอบรู้โครงสร้างของร่างกายมนุษย์และสรรพสิ่งทะลุปรุโปร่งยิ่ง กว่าใคร ในเมื่อร่างกายนี้เปรียบเสมือนผืนดินที่แห้งแล้ง นางก็จะพรวนดินมันขึ้นมาใหม่!
"เส้นชีพจรที่อุดตัน... ก็ใช้ยาขับสิ่งสกปรกทะลวงมันออกไป"
"อวัยวะภายในที่อ่อนแอ... ก็ใช้สมุนไพรล้างพิษและบำรุงมันขึ้นมาใหม่"
"กระดูกและกล้ามเนื้อที่เปราะบาง... ก็ใช้ตำรับยาเสริมสร้างกระดูกและเส้นเอ็นที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่โลกใบนี้เคยมีมา!"
แม้จะต้องเริ่มจากศูนย์แม้จะต้องใช้เวลาและความพยายามมากกว่าคนอื่นนับร้อยนับ พันเท่า... แต่นางก็ไม่หวาดหวั่น!
นางมีอาวุธที่ทรงพลังที่สุดที่ไม่มีใครในโลกนี้มี นั่นคือ "ความรู้" ความรู้แห่งโอสถเทวะที่สามารถพลิกชะตาจากดินสู่ดาวได้!
เหลียนฮวาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงอีกครั้ง แผ่นหลังเล็ก ๆ นั้นดูราวกับจะสูงใหญ่ขึ้นในบัดดล แววตาของนางกวาดมองไปรอบ ๆ ร้านโอสถหมื่นพฤกษาแห่งนี้... ที่ที่เคยเป็คุกขังอิสรภาพของเหลียนฮวาคนเดิม
แต่นับจากนี้ไป... ที่นี่จะไม่ใช่คุกอีกต่อไป
มันคือ "คลังสมบัติ" แห่งแรกของนาง คือบันไดก้าวแรกที่จะนำนางไปสู่จุดหมาย
นางเหลือบมองกองสมุนไพรสดที่ยังคงรอการชำระล้างอยู่หน้าประตูห้องเก็บฟืน มุมปากของนางยกขึ้นเป็รอยยิ้มที่แท้จริงครั้งแรก... เป็รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความท้าทายและความมุ่งมั่นอันแรงกล้า
"เอาล่ะ... มาเริ่มกันเลย" นางพึมพำกับตัวเอง
"การปฏิรูปกายาธุลีดิน...ขั้นที่หนึ่ง"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้