กลุ่มที่บุกโจมตีขึ้นไปก่อนเป็นักรบของเมืองัและนักรบไม่กลัวตายของเหล่าตระกูลใหญ่ทั้งหลาย พวกเขาต่างรู้ดีว่าศึกในวันนี้พวกเขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย จึงไม่ได้เศร้า ไม่ได้โกรธแค้น และไม่ได้เ็ปเสียใจใดๆ แต่ในทางตรงกันข้ามกลับพูดฝากฝังทุกอย่างด้วยจิตใจที่ผ่อนคลาย เผยรอยยิ้มออกมาในขณะที่บุกโจมตีขึ้นไปบนเขา แม้หลงไซ้หนานและพวกนายน้อยคุณหนูจะรับปากว่าจะดูแลคนทางบ้านของเขาอย่างดี แต่คนเมื่อใกล้ตายก็ย่อมอยากที่จะพูดอะไรออกมาบ้างเป็เื่ธรรมดา แม้จะฟังดูตลกงี่เง่าน่ารำคาญเหมือนเด็ก แต่พวกเขาไม่ได้สนใจอีกต่อไปแล้ว...
.................................
เผชิญกับการบุกโจมตีที่ไม่กลัวตายของนักรบเขตปกครองเทพาระลอกแล้วระลอกเล่า สีหน้าที่ราบเรียบมาหลายวันของเยาขาข่าและหมันก้านในที่สุดก็เปลี่ยนแปลงขึ้น การบุกโจมตีอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ย่อมทำให้พลังคนเถื่อนของนักรบระดับขอบเขตราชันย์คนเถื่อนสิบกว่าคนถูกใช้หมดไปอย่างรวดเร็วราวกับสายน้ำไหล ถ้าหากเป็เช่นนี้ต่อไปละก็ยังไม่ทันที่ทัพเสริมจะมาถึงพวกเขาทั้งสิบคงจะถูกผลาญพลังจนแห้งตายกันพอดี ถึงเวลานั้นคงไม่มีใครที่จะสามารถต้านทานหลงไซ้หนานและผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบอีกสิบกว่าคนได้แน่
พวกเขาสั่งการโยกย้ายนักรบเผ่าคนเถื่อนทั้งสิบกว่าคนให้ถอยร่นกลับมายังเขตแนวป้องกันด่านที่สอง ส่วนเขตแนวป้องกันด่านแรกให้นักรบระดับหัวกะทิที่เหลือพันกว่าคนเข้าไปรับมือแทน ทั้งสองฝ่ายจึงเริ่มเข้าสู่การสู้รบแบบตะลุมบอนกันเกิดขึ้น
ถ้าหากทางฝ่ายเขตปกครองเทพาส่งผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบออกไปบุกโจมตี ทางฝั่งเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนก็จะส่งนักรบคนเถื่อนระดับขอบเขตราชันย์คนเถื่อนออกมาสกัดกั้น หลงไซ้หนานไม่มีทางเลือกทำได้เพียงส่งนักรบระดับหัวกะทิบุกโจมตีออกไปอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างออกมาเป็ทาง นอกจากจะต้องบุกโจมตีเพื่อสร้างให้เป็ทางออกมาแล้วพวกเขาไม่มีทางอื่นให้เลือก...
เนื่องจากเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนเป็ฝ่ายตั้งรับ ประกอบทั้งลักษณะภูมิประเทศที่ได้เปรียบเป็อย่างมาก กองกำลังของทั้งสองฝ่ายแม้จะาเ็ล้มตายกันอย่างนับไม่ถ้วน แต่เห็นได้ชัดว่าทางฝ่ายเขตปกครองเทพาเสียหายหนักยิ่งกว่า
ถนนทางเดินเล็กๆ บนยอดเขาที่คดเคี้ยวไปมาถูกเืสีแดงสดละเลงจนแดงฉาน คนเจ็บนับไม่ถ้วนถูกคนหามลงมา ศพนับไม่ถ้วนถูกโยนขว้างลงมา แขนขาเืเนื้อที่ขาดหลุดออกมากระจัดกระจายอยู่เต็มเอวเขา
ฉากการสู้รบในครั้งนี้ลากยาวต่อเนื่องจาก่เช้ามาจนกระทั่งถึงเวลาดึกสงัด นักรบที่ตายไปของทั้งสองฝ่ายรวมกันแล้วมีจำนวนมากกว่าพันคน รอบๆ บริเวณยอดเขาขาดทั้งสี่ทิศตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเืที่แรงจนแสบจมูก ซากศพมากมายที่เน่าเปื่อยหลังจากถูกแสงแดดแผดเผาส่งกลิ่นเน่าเหม็นออกมาไม่ขาด ทั้งมนุษย์ ปีศาจ และคนเถื่อนต่างสู้รบฆ่าฟันกันจนเืขึ้นหน้า ฆ่าจนไร้ความรู้สึก ฆ่าจนหอกดาบหักขาดบิดงอ
ตึง! ตึง! ตึง!
สัญญาณเสียงกลองศึกหยุดการบุกโจมตีของเขตปกครองเทพาดังขึ้นท่ามกลางค่ำคืนที่ดึกสงัด ยอดเขาขาดยังคงตั้งเด่นอยู่ท่ามกลางความมืดมิดเช่นเดิม เผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนไม่ได้ออกมาโห่ร้องหัวเราะเยาะเช่นเคย ทั้งสามเผ่าราวกับว่าเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการสู้รบอย่างที่สุด ล้วนถอยกลับค่ายที่พักของตนเองด้วยความเงียบสงบ ทำการเก็บศพผู้ที่ตายมาเผารวมกัน
แม้จะเป็คืนที่ดึกสงัด แต่กลับไม่มีใครรู้สึกอยากที่จะหลับ กระทั่งผู้ได้รับาเ็ที่นอนอยู่ก็ยังดิ้นรนลุกขึ้นมายืนมองดูร่างของสหายร่วมรบที่อยู่ในกองไฟอยู่เงียบๆ ตอนกลางวันยังมีชีวิตพูดคุยกันอยู่ดีๆ แต่ตอนนี้กลับนอนหลับใหลไปชั่วนิรันดร์... เปลวไฟที่ร้อนแรงส่องสว่างดวงตาของทุกคน ส่องสว่างความเศร้าโศกที่อยู่ภายในดวงตาจนปรากฏขึ้นมา ส่องสว่างความเคียดแค้นที่อยู่ภายในส่วนลึกของั์ตา! คืนนี้เป็คืนที่หลายคนยากที่จะข่มตาหลับลงได้!
ความมืดมิดของค่ำคืนเพิ่งจะผ่านพ้นไปไม่นาน นักรบของเขตปกครองเทพาต่างพากันตื่นขึ้นมาั้แ่เช้าตรู่ หรืออาจจะไม่ได้นอนกันเลยก็ว่าได้ สายตาของพวกเขาจดจ้องไปที่ยอดเขาขาดที่ตั้งเด่นอยู่เบื้องหน้า จากนั้นหยิบอาวุธขึ้นมาไว้ในมืออีกครั้ง ลงมือกระทำในสิ่งที่พวกเขายังทำไม่สำเร็จต่อ และไม่รู้ว่าจะสามารถกระทำได้สำเร็จหรือไม่!
.................................
“ทุกคนหยุดอยู่ตรงนี้แหละ ข้างหน้าไม่สามารถที่จะไปต่อได้แล้ว!”
พวกเย่ชิงหานทั้งสามถูกเย่สือชีที่ออกสำรวจเส้นทางล่วงหน้าย้อนกลับมาบอก สีหน้าอาการแสดงออกถึงความตื่นตระหนกใถึงขีดสุดอย่างเห็นได้ชัด ทั้งร้องทั้งโบกมือมาทางพวกเย่ชิงหานทั้งสาม ดูลักษณะราวกับว่าพบเจอเื่ราวใหญ่อะไรเข้าสักอย่าง
“หืม?”
ทั้งสามต่างพร้อมใจกันหยุดฝีเท้าลงไปทันที แม้เวลาปกติเย่สือชีจะชอบพูดจาแปลกๆ และเล่นพิเรนทร์ แต่เื่ราวสำคัญและใหญ่โตเช่นนี้เชื่อว่าเขาคงไม่เอามาล้อเล่นเป็แน่ ดังนั้นภายในใจของทุกคนรู้สึกเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้น คล้ายกับว่าจะมีเื่ใหญ่อะไรสักอย่างเกิดขึ้น ต่างมองไปยังเย่สือชีกันเป็ตาเดียว รอฟังสิ่งที่เขาจะอธิบายออกมาอย่างจริงจัง
“เส้นทางยี่สิบกิโลเมตรเบื้องหน้าปรากฏนักรบเผ่าคนเถื่อนจำนวนมาก จากการคาดคะเนคร่าวๆ น่าจะสักประมาณหนึ่งหรือสองพันคนเห็นจะได้!” เย่สือชีหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหอบ พูดออกมาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าหวาดหวั่น
“อ๊าาา...!”
ถูกโอบล้อมอีกแล้วอย่างนั้นรึ? ทั้งสามมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ความคิดแรกที่ปรากฏขึ้นมาในหัวคือถูกเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนโอบล้อมอีกแล้ว! เพียงแต่ไม่กี่วินาทีต่อมาพวกเขาก็สลัดความคิดนี้ทิ้งไป เพราะพวกเขาเพียงไม่กี่คนเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนไม่จำเป็ขนาดที่ต้องใช้คนจำนวนมากมายเช่นนี้มาไล่ล่าสังหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเย่สือซานและเย่สือชีต่างเป็ผู้มีพลังฝีมือระดับสูง หากนำนักรบระดับธรรมดามาโอบล้อมฆ่า ต่อให้นำมาอีกเท่าตัวก็ไม่มีประโยชน์
“ด้านซ้ายและขวาเ้าสำรวจแล้วหรือยัง? มีพวกเผ่าคนเถื่อนและเผ่าปีศาจโผล่มาให้เห็นบ้างไหม?” เย่สือซานตกตะลึงนิ่งเงียบไปชั่วครู่ แต่หลังจากจิตใจกลับมาสงบเยือกเย็นเป็ปกติดังเดิมแล้วจึงเอ่ยถามสถานการณ์โดยรอบอย่างละเอียดขึ้น
“อืม! ยังไม่ทันได้ไปสำรวจ เมื่อข้าพบเจอกองกำลังของพวกมันที่อยู่ด้านหน้าสิ่งแรกที่คิดได้คือต้องรีบกลับมาบอกพวกท่านทั้งสามก่อน จะเอาเวลาที่ไหนไปสำรวจสถานการณ์โดยรอบกัน?” เย่สือชีเอามือเกาหัวพร้อมกับพูดออกมา
“เ้ารีบออกไปสำรวจสถานการณ์โดยรอบของทั้งสามด้าน พวกข้าจะรอเ้าอยู่ที่นี่ ให้เวลาเ้ายี่สิบนาที!” ดวงตาเย่สือซานทอประกายแสงวาบผ่านหลายครา จากนั้นสั่งการออกมาอย่างเด็ดขาดแก่เย่สือชี
“หืม?” เย่สือชีแม้จะรู้สึกสงสัย แต่สำหรับคำสั่งของเย่สือซานเขาปฏิบัติตามอย่างจริงจังมาโดยตลอด ไม่ได้ถามอะไรมาก พุ่งออกไปเป็เงาเลือนรางเลือนหายลับไปจากสายตาของทั้งสามคน
“แล้วพวกเราไม่หนีรึ?” หลังจากที่เย่สือชีจากไป เย่สือซานไม่ได้แสดงอาการตื่นเต้นอะไรมาก แค่บอกให้เย่ชิงหานนั่งขัดสมาธิฝึกฝนอยู่กับที่ต่อไป ส่วนตนเองกวาดตามองทิวทัศน์รอบด้านอย่างสบายใจ แต่เย่ชิงอู่เอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ถ้าหากข้าคาดเดาไม่ผิดละก็คงไม่ได้มีเื่อะไร คุณหนูพักสักครู่เถอะรอให้สือชีกลับมาเดี๋ยวก็รู้เอง!” เย่สือซานยิ้มออกมาเล็กน้อย บอกเย่ชิงอู่ไม่ต้องเป็กังวลมีเขาอยู่ทั้งคน
“หนทางอีกทั้งสามด้านล้วนปลอดภัย!” สิบนาทีให้หลังเย่สือชีก็กลับมาพร้อมกับข่าวสารที่อยู่ในการคาดเดาของเย่สือซาน
“อืม เมื่อสักครู่เ้าได้สังเกตทิศทางกองทัพขนาดใหญ่ของเผ่าคนเถื่อนไหมว่าพวกมันจะเคลื่อนพลไปยังทิศทางใด?” เย่สือซานพยักหน้าตอบรับแล้วเอ่ยปากถามออกมาอีกครั้ง
เย่สือชีหยุดครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพูดออกมาด้วยสีหน้าคิ้วขมวด “เอ่อ? ข้าไม่ทันได้สังเกต คนเยอะเกินไปและชุลมุนวุ่นวาย ข้าก็ไม่กล้าเข้าใกล้มากเกินไป แต่คล้ายกับว่าพวกมันส่วนใหญ่จะเดินไปทางด้านซ้ายมือของพวกเรา ใช่แล้วด้านซ้ายมือของพวกเรา ข้าเห็นคนเถื่อนระดับขอบเขตราชันย์คนเถื่อนสองคนเดินนำหน้าไปทางด้านซ้าย!”
“ทางด้านซ้าย? ทางด้านซ้ายคือเขตพื้นที่ใจกลางสนามรบตะลุมบอนมิใช่รึ? แล้วพวกมันจะรวมตัวกันไปยังที่นั่นทำไมกัน?” เย่สือซานบ่นอุบอิบออกมากับตนเอง นิ่งเงียบลงครุ่นคิดและคาดการณ์อย่างละเอียดในสิ่งที่พอจะเป็ไปได้ แต่หลังจากใช้ความคิดอยู่สักพักคิดหาสายสนกลในของเื่ราวไม่ได้จึงเลิกล้มแล้วพูดขึ้น
“พวกเราค่อยๆ ติดตามพวกมันไป ข้าคิดว่าจะต้องมีเื่ใหญ่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นเผ่าคนเถื่อนคงไม่รวบรวมกำลังพลเป็ทัพใหญ่เช่นนี้แน่ สือชีคงต้องลำบากเ้าหลายวันหน่อยแล้ว เ้าจับตาดูสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของทัพเผ่าคนเถื่อนไว้อย่างใกล้ชิด รวมไปถึงสถานการณ์โดยรอบทั้งสี่ทิศด้วย พวกเราตามพวกมันจากไกลๆ ข้างหลัง อยากจะรู้เหมือนกันว่าพวกมันจะไปทำอะไรกัน!”
“ตกลง!” เย่สือชีพยักหน้าตอบรับ ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมาแล้วก็พุ่งทะยานหายออกไปอย่างรวดเร็ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้