ตามคำเชิญของผู้ใหญ่บ้าน พอรุ่งเช้า จางเจิ้นอันก็ตื่นแต่ไก่โห่ หลังทานอาหารเช้าเสร็จ เขาก็ไม่ได้ออกไปจับปลาอย่างเคย แต่นั่งอยู่หน้าประตู โกนหนวดเคราจนเกลี้ยงเกลา จากนั้นก็เดินเข้าบ้าน ทำท่าทางเหมือนกำลังค้นหาอะไรบางอย่างอยู่
อันซิ่วเอ๋อร์เห็นท่าทางของสามีก็อดขำในใจไม่ได้ คิดว่าไปเป็อาจารย์วันแรกก็คงจะประหม่าเป็ธรรมดา นางจึงเดินเข้าไปช่วยเปิดตู้เสื้อผ้าหาชุดให้ แต่หาเท่าไรก็ไม่เจอชุดดีๆ สักชุด ทำให้นางรู้สึกละอายใจอยู่บ้าง พลางพูดขึ้นว่า "ท่านพี่ ข้าผิดเองที่ไม่ใส่ใจ มัวแต่ยุ่งเื่อื่น เลยไม่ได้ตัดชุดใหม่ให้ท่านเลย"
"ไม่เป็ไรหรอก ชุดนี้ก็ดีอยู่แล้ว" จางเจิ้นอันตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก
"พวกบัณฑิตเขาก็ต้องใส่เสื้อคลุมยาวกันทั้งนั้น ท่านใส่ชุดสั้นแบบนี้ไป ประเดี๋ยวคนเขาจะหัวเราะเอาได้" อันซิ่วเอ๋อร์ถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดต่อ "ท่านผู้ใหญ่บ้านก็เหมือนกัน พอพูดปุ๊บก็เร่งให้ท่านไปปั๊บ ข้าเลยเตรียมชุดใหม่ให้ท่านไม่ทันเลย"
แม้จะพูดเหมือนโยนความผิดให้ผู้ใหญ่บ้าน แต่อันซิ่วเอ๋อร์ก็ยังอดโทษตัวเองไม่ได้ เพราะเอาเข้าจริง ขนาดหลานสาวสองคนนางยังอุตส่าห์ตัดชุดให้ แต่กลับลืมตัดชุดให้สามีซึ่งเป็คนใกล้ตัวที่สุด คิดๆ ดูแล้ว เขาคงต้องน้อยใจอยู่บ้างแน่ๆ
"ขอโทษเ้าค่ะ เป็ข้าที่ไม่ใส่ใจเอง"
อันซิ่วเอ๋อร์จัดเสื้อผ้าบนตัวเขาให้เข้าที่พลางพูด "เช่นนี้ดีหรือไม่ วันนี้ข้าจะเข้าเมืองไปซื้อผ้า กลับมาจะรีบตัดเย็บให้ พรุ่งนี้ท่านจะได้ใส่ชุดใหม่"
"อย่าเลยน่า ข้าไม่ชอบใส่ผ้าเนื้อดีพวกนั้นหรอก อีกไม่กี่วันก็เทศกาลตวนอู่แล้ว อากาศก็ร้อนขึ้นทุกวัน ไว้ข้าไปตลาดนัดเป็เพื่อนเ้า จะได้ซื้อของขวัญเทศกาลให้เ้าด้วย" จางเจิ้นอันวางมือข้างหนึ่งบนไหล่ภรรยา อีกมือก็ยื่นไปเช็ดน้ำตาที่คลอเบ้าให้นาง
"วันนี้หรงเหอก็ต้องไปเรียนหนังสือ ที่บ้านไม่มีใครอยู่เป็เพื่อนเ้า เ้าก็อยู่บ้านดีๆ ถ้าเบื่อก็เรียกหลานสาวสองคนมาอยู่เป็เพื่อนก็ได้ เด็กสองคนนั่น ครอบครัวเราพอเลี้ยงดูไหวอยู่"
"ท่านวางใจเถอะ ข้าอยู่บ้านจนชินแล้ว ไม่เป็ไรหรอกเ้าค่ะ ท่านนั่นแหละ ไปสำนักศึกษาครั้งแรก อย่าตื่นเต้นเล่า ประเดี๋ยวตอนเที่ยงข้าจะไปหา" อันซิ่วเอ๋อร์กลับเป็ฝ่ายกำชับสามี
"เห็นข้าเป็เด็กไปได้ ข้าจะตื่นเต้นอะไร มีแต่พวกเด็กๆ นั่นแหละที่ต้องตื่นเต้นเมื่อเห็นข้า" จางเจิ้นอันพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
อันซิ่วเอ๋อร์เม้มปากยิ้ม ดูท่าว่าจะเป็อย่างนั้นจริงๆ เพราะเขาคือพญายมแห่งหมู่บ้าน เด็กพวกนั้นคงกลัวจนหัวหด
"ถ้าอย่างนั้น ท่านก็รักษามาดน่าเกรงขามไว้ อย่าให้พวกเขารู้ว่าท่านเป็แค่เสือกระดาษ" อันซิ่วเอ๋อร์กำชับอีกครั้ง โดยไม่รู้ตัวว่าเผลอพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา
"มิน่าล่ะ ถึงได้กล้ากับข้านัก ที่แท้ในใจเ้า ข้าก็เป็แค่เสือกระดาษสินะ?"
เขาพูดพลางสอดมือไปจั๊กจี้ใต้รักแร้นาง อันซิ่วเอ๋อร์ทั้งจั๊กจี้ทั้งอึดอัด รีบขอโทษ "ท่านพี่ ข้าผิดไปแล้ว ข้าหมายความว่าท่านเป็คนดีต่างหาก"
"รู้สำนึกผิดจริงๆ หรือ?" เขายกคิ้วถาม
"จริงเ้าค่ะ" นางยกมือไหว้ ทำท่าสำนึกผิด
"ค่อยยังชั่วหน่อย" จางเจิ้นอันปล่อยนาง แล้วพูดว่า "งั้นข้าไปก่อน เ้าอยู่บ้านคนเดียวก็ระวังตัวด้วย"
"ไปเถอะน่า ข้าอยู่บ้านจะมีอะไรน่ากลัว" อันซิ่วเอ๋อร์พูดพลางเดินมาส่งเขา "ข้าเดินไปส่งท่านนะเ้าคะ"
ทั้งสองเดินคลอเคลียกันมาถึงนอกรั้ว อันซิ่วเอ๋อร์กำลังจะบอกลาสามี ก็เห็นผู้ใหญ่บ้านเดินตรงมาพอดี นางรีบปล่อยแขนจางเจิ้นอันแล้วทักทายผู้ใหญ่บ้าน
"ท่านผู้ใหญ่บ้าน มีธุระอะไรหรือเ้าคะ?"
"ข้ามารับเสี่ยวจาง จะพาเขาไปสำนักศึกษาน่ะ" ผู้ใหญ่บ้านหัวเราะแหะๆ "ซิ่วเอ๋อร์ เ้ากลับเข้าบ้านไปเถอะ วางใจได้ ข้าจะพาสามีเ้าไปเอง ข้ายืมชาวประมงของเ้าไป ประเดี๋ยวจะคืนท่านอาจารย์จางให้"
"ท่านผู้ใหญ่บ้านก็ช่างพูดหยอกเล่น" อันซิ่วเอ๋อร์หัวเราะเบาๆ พลางย่อตัวคำนับ แล้วจึงถอยกลับไปรอที่หน้าประตู จางเจิ้นอันหันมาส่งสัญญาณให้ภรรยาวางใจ แล้วเดินจากไปพร้อมกับผู้ใหญ่บ้าน
อันซิ่วเอ๋อร์มองตามคนทั้งสองจนลับตาแล้วจึงปิดประตู นางกำลังหยิบไม้กวาดมากวาดห้อง ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมเสียงใสๆ ของเด็กผู้หญิงดังมาจากข้างนอก
"ท่านอา อยู่หรือไม่เ้าคะ?"
"ต้ายากับเอ้อร์ยาหรือ?" อันซิ่วเอ๋อร์ได้ยินเสียงก็วางไม้กวาด เดินไปเปิดประตู ก็เห็นต้ายากับเอ้อร์ยาสองพี่น้องยืนอยู่หน้าประตูจริงๆ
"วันนี้ไม่มีอะไร ท่านย่าเลยให้พวกเรามาอยู่เป็เพื่อนท่านอาเ้าค่ะ" ต้ายาบอกพร้อมรอยยิ้ม
"อาอยู่คนเดียวสบายมาก ท่านย่ากลัวอาจะโดนเสือกัดรึไง" อันซิ่วเอ๋อร์ยิ้มพลางจูงเด็กหญิงทั้งสองเข้าบ้าน
วันนี้สองพี่น้องใส่ชุดกระโปรงลายดอกไม้ที่อันซิ่วเอ๋อร์ตัดให้ เวลาเดินเหมือนผีเสื้อตัวน้อยสองตัว น่ารักน่าเอ็นดู ทำให้อันซิ่วเอ๋อร์มองแล้วมีความสุข
เอ้อร์ยาพูดขึ้น "เมื่อวานน้องชายกลับไปเล่าให้ฟังว่าท่านอาเขยจะได้เป็อาจารย์ ที่บ้านเราดีใจกันใหญ่เลย ท่านอาเขยเก่งจังเลยเ้าค่ะ"
"ใช่เ้าค่ะ ท่านปู่ท่านย่าก็บอกว่าท่านอาเขยเป็คนดี" ต้ายาเสริม
"แน่นอนอยู่แล้ว" อันซิ่วเอ๋อร์ได้ยินหลานสาวทั้งสองชมสามีก็อดยิ้มปลื้มไม่ได้
"พวกเ้าสองคนยังไม่ได้กินข้าวเช้าใช่ไหม พอดีมีโจ๊กเมื่อเช้าเหลืออยู่ เดี๋ยวอาไปอุ่นให้" อันซิ่วเอ๋อร์พูดพลางทำท่าจะเดินเข้าครัว
"ไม่ต้องลำบากหรอกเ้าค่ะ" เด็กหญิงทั้งสองเกรงใจ แต่อันซิ่วเอ๋อร์ลูบหัวพวกนางเบาๆ พวกนางจึงไม่ปฏิเสธอีก โจ๊กฝีมือท่านอาอร่อยมาก แค่นึกถึงก็น้ำลายสอแล้ว
แต่เด็กทั้งสองก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ ตอนอันซิ่วเอ๋อร์ไปอุ่นโจ๊ก พวกนางก็หาไม้กวาดมาช่วยกวาดบ้านคนหนึ่ง กวาดลานบ้านอีกคนหนึ่ง พอกวาดเสร็จ อันซิ่วเอ๋อร์ก็ยกโจ๊กออกมาพอดี
"มาๆ มากินโจ๊กกันเถอะ" อันซิ่วเอ๋อร์เรียก เด็กหญิงทั้งสองก็รีบวิ่งมา พวกนางเชื่อฟังไปล้างมือที่หลังลานบ้านก่อน แล้วจึงมานั่งที่โต๊ะ
กลิ่นหอมของโจ๊กปลาโชยฟุ้ง เด็กหญิงทั้งสองได้กลิ่นก็กินกันอย่างเอร็ดอร่อย
"แล้วท่านอาล่ะเ้าคะ?" ต้ายาถาม
"อากินนานแล้ว พวกเ้ารีบกินเถอะ" อันซิ่วเอ๋อร์ตอบ
เด็กหญิงทั้งสองจึงไม่ถามต่อ ตั้งหน้าตั้งตากินโจ๊กร้อนๆ อันซิ่วเอ๋อร์เตือนด้วยความเป็ห่วง "ค่อยๆ กินนะลูก ระวังร้อน"
เด็กหญิงทั้งสองจึงกินช้าลง ใช้ช้อนคนโจ๊กในชาม รอให้เย็นลงหน่อย แล้วค่อยๆ ซด
"ในนี้มีเนื้อด้วย!" พอได้กินเนื้อปลา เด็กหญิงทั้งสองก็ตื่นเต้นเหมือนเจอของวิเศษ
"ฮ่าๆ นี่โจ๊กปลาที่อาทำั้แ่เช้ามืด อาเลาะก้างออกหมดแล้ว แต่ก็อาจจะมีหลงเหลืออยู่บ้าง ค่อยๆ กินนะ ประเดี๋ยวติดคอ" อันซิ่วเอ๋อร์เห็นเด็กๆ ชอบโจ๊กฝีมือตัวเองก็มีความสุข
"อื้อๆ" เด็กหญิงทั้งสองพยักหน้ารับคำ อันซิ่วเอ๋อร์ปล่อยให้พวกนางนั่งกินโจ๊กไป ส่วนตัวเองก็ไปซักเสื้อผ้าที่เปลี่ยนเมื่อวาน
พอนางซักผ้าเสร็จ เด็กหญิงทั้งสองไม่เพียงกินโจ๊กจนหมดเกลี้ยง แต่ยังล้างถ้วยชามสะอาดเอี่ยม เอาไปเก็บในตู้กับข้าวเรียบร้อย
"ท่านอา มีอะไรให้พวกเราช่วยอีกไหมเ้าคะ?" ต้ายาและเอ้อร์ยาวิ่งตามอันซิ่วเอ๋อร์มาถาม
"มีเื่ให้ช่วยจริงๆ นั่นแหละ"
อันซิ่วเอ๋อร์พูดพลางหยิบด้ายหลากสีออกมาจากห้องนอน
"ใกล้เทศกาลตวนอู่แล้ว อาว่าจะทำสร้อยข้อมือเชือกห้าสีไว้เยอะๆ ถึงวันนั้นเราจะได้เอาไปขายที่ตลาดนัดด้วยกัน ได้เงินมาจะซื้อขนมให้พวกเ้ากิน"
เด็กหญิงทั้งสองไม่มีปัญหาอยู่แล้ว สร้อยข้อมือพวกนี้อันซิ่วเอ๋อร์ก็ทำเก็บไว้บ้างแล้ว่นี้ แต่ตั้งใจจะทำเพิ่มเยอะๆ เวลาเอาไปวางขาย คนจะได้มีให้เลือกเยอะๆ
สามคนช่วยกันทำ งานก็เสร็จเร็วขึ้นมาก เอ้อร์ยาช่วยอันซิ่วเอ๋อร์ดึงด้าย ต้ายาช่วยร้อยลูกปัด ส่วนอันซิ่วเอ๋อร์ก็ถักอย่างคล่องแคล่วว่องไวราวกับผีเสื้อโบยบิน เด็กหญิงทั้งสองมองตามแทบไม่ทัน ไม่นาน บนโต๊ะก็มีสร้อยข้อมือกองอยู่เต็มไปหมด
บิดี้เีเล็กน้อย เวลาก็ผ่านไปนานพอสมควร อันซิ่วเอ๋อร์เก็บของ รินน้ำหวานให้เด็กหญิงทั้งสองดื่ม ส่วนตัวเองก็เข้าครัวไปทำอาหารกลางวัน
"พวกเ้าสองคนอย่าเพิ่งไปไหน อยู่กินข้าวเที่ยงด้วยกันก่อน" อันซิ่วเอ๋อร์พูดพลางตักปลาในอ่าง
"ไม่ได้เ้าค่ะ ท่านย่าให้กลับไปกินที่บ้าน" เด็กหญิงทั้งสองวิ่งไปที่ประตูหลังห้องโถง มองอันซิ่วเอ๋อร์แล้วบอก "ท่านย่าสั่งให้กลับไปกินข้าว มิเช่นนั้นกลับไปจะโดนดุเ้าค่ะ"
"ไม่เป็ไรหรอกน่า แค่ข้าวเที่ยงมื้อเดียวเอง" อันซิ่วเอ๋อร์บอก "พวกเ้าบอกท่านย่าว่าเป็คำสั่งอา ท่านย่าไม่ดุพวกเ้าหรอก"
"ไม่ได้จริงๆ เ้าค่ะ พวกเราต้องกลับแล้ว ท่านอาไม่ต้องทำเผื่อนะเ้าคะ" เด็กหญิงทั้งสองดื่มน้ำหวานหมดแก้ว กลัวว่าอันซิ่วเอ๋อร์จะรั้งไว้ เลยรีบบอกลาแล้ววิ่งออกไปทันที อันซิ่วเอ๋อร์เดินออกมาดูก็ไม่เห็นใครแล้ว ได้แต่ส่ายหน้า เก็บถ้วยเปล่าที่พวกนางทิ้งไว้
"เ้าเด็กพวกนี้นี่"
อันซิ่วเอ๋อร์ทำอาหารเสร็จ ก็เตรียมจะเอาไปส่งให้จางเจิ้นอัน นางอยากจะหาปิ่นโตสวยๆ แต่ที่บ้านไม่มี เลยต้องใช้ตะกร้าไม้ไผ่ทรงสูงแทน ใส่ข้าวสวยพูนชาม ปลานึ่งหนึ่งชาม แตงกวาผัดน้ำมันหนึ่งชาม แล้ววางถ้วยเล็กๆ สองใบเบียดๆ กันไว้ข้างๆ เอาผ้าคลุม้า แล้วหิ้วไปยังสำนักศึกษา
สำนักศึกษานี้ นางมาบ่อย แต่มาส่งข้าวให้จางเจิ้นอันที่นี่เป็ครั้งแรก พอเดินมาถึงหน้าประตูสำนักศึกษา ในใจก็รู้สึกประหม่าแปลกๆ ไม่รู้ว่าวันนี้จางเจิ้นอันสอนหนังสือวันแรกจะเป็อย่างไรบ้าง?
ก้าวข้ามธรณีประตูหินเข้าไป ในลานบ้านกลับเงียบสงัดผิดปกติ ทำให้อันซิ่วเอ๋อร์ใจคอไม่ดี ห้องเรียนอยู่ใกล้กับลานด้านหน้ามาก ปกติแค่เดินเข้ามาใกล้ๆ ก็จะได้ยินเสียงเด็กๆ อ่านหนังสือดังลั่น แต่วันนี้กลับเงียบผิดปกติ
อันซิ่วเอ๋อร์ค่อยๆ เดินย่องไปยังห้องเรียน นางไปหยุดอยู่ตรงนอกหน้าต่าง ชะโงกหน้าเข้าไปดูครึ่งหนึ่ง ก็เห็นจางเจิ้นอันนั่งอยู่บนแท่นสอนหนังสืออย่างสง่าผ่าเผย ด้านล่างนักเรียนทุกคนกำลังก้มหน้าก้มตาคัดอักษรกันอย่างตั้งใจ
นางกวาดตามองไปรอบๆ ห้องเรียน นักเรียนส่วนใหญ่ดูเรียบร้อยเป็พิเศษ เหมือนเกรงกลัวจนแทบไม่กล้าหายใจ แม้แต่ศิษย์ที่นั่งอยู่แถวหลังสุด ซึ่งดูเหมือนจะเหนื่อยๆ ก็แค่ถือพู่กันเหม่อมองจักจั่นนอกหน้าต่างอยู่พักหนึ่ง
เด็กคนนั้นคงอยากรู้ว่าจางเจิ้นอันกำลังทำอะไรอยู่ เลยแอบเงยหน้าขึ้นมองแวบหนึ่ง แต่กลับสบเข้ากับสายตาคมกริบของจางเจิ้นอันพอดี เขาใจนรีบก้มหน้าลงทันที
อันซิ่วเอ๋อร์เห็นภาพนั้นก็เกือบจะหลุดขำออกมา ซวยจริงๆ เ้าหนูเอ๊ย เพิ่งจะเหม่อแวบเดียวก็โดนอาจารย์จับได้ซะแล้ว
