“เ้ากล้าด่าว่าข้าไม่มีสมองหรือ?” ชิงอีตั้งท่าจะลงไม้ลงมือ แต่ก็ถูกเซียวเจวี๋ยคว้ามือเอาไว้ก่อน
เมื่อดวงตาของทั้งคู่สบกัน ราวกับมีไฟฟ้าสถิต พวกเขาปล่อยมือกันทันที
ชิงอีถึงกับขมวดคิ้ว วันนี้เป็อะไรเนี่ย
เซียวเจวี๋ยอึดอัดนิดน้อย เขากระเถิบออกห่างจากนาง แล้วยืดหลังตรงพร้อมพูดว่า “มนุษย์โลกพูดกันด้วยเหตุผล ไม่ใช่พูดถึงผลกรรม ทว่า เจตนาของฮูหยินโหวแต่เริ่มนั้นคือปรารถนาจะให้ความช่วยเหลือ หากมองในมุมนี้แล้ว นางก็เป็ผู้บริสุทธิ์”
“ช่วยแล้วไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมา สู้ไม่ช่วยเสียยังจะดีกว่า” ชิงอีพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ปรโลกดูที่กรรม ไม่ได้ดูที่เจตนา บนโลกมีหลายคนที่ทำสิ่งเลวร้ายด้วยความปรารถนาดี แล้วใช่ว่าผลของการกระทำทั้งหมดนั่นจะได้รับการอโหสิ ถึงแม้ว่าฮูหยินโหวจะเป็กรณีพิเศษก็ตาม
แต่ชิงอียังคงยึดมั่นในความคิดของตน บางทีเ้าแมวป่าตัวนั้นอาจจะไม่ต้องตาย แต่เพราะความปรารถนาดีของนาง มันถึงได้ตายก่อนเวลาอันควร มันเกี่ยวพันถึงผลที่ตามมา ที่สำคัญคือ...
บางทีอาจจะไม่ใช่แค่แมวป่าที่ตายไป
ชิงอีหลับตาลง
เซียวเจวี๋ยมองนางอยู่ครู่หนึ่งแล้วถอนหายใจ ก่อนถามว่า “เ้าคงรู้วิธีรักษาแล้วสินะ?”
ชิงอีพยักหน้า ก่อนจะส่ายหน้าอีกครั้ง
โรคนี้รักษาได้ไม่ยาก ทว่า มีเื่บางอย่างที่นางต้องทำความเข้าใจให้ถ่องแท้เสียก่อน
“พรุ่งนี้ข้าจะไปที่จวนรองเสนาบดีกรมพิธีการอีกครั้ง”
“อืม” เซียวเจวี๋ยพยักหน้า เมื่อเงยหน้ามองท้องฟ้า พระจันทร์ก็ตั้งฉากกับขอบฟ้าแล้ว เกรงว่ายามนี้ประตูวังคงจะปิดแล้ว
“เฮ้อ ดึกขนาดนี้แล้วหรือเนี่ย” ชิงอีเองก็มองออกไปนอกหน้าต่างเช่นกัน นางกวาดตามองไปรอบๆ “ประตูวังปิดแล้วกลับไปไม่ได้ ดูเหมือนว่าคืนนี้คงต้องค้างคืนที่จวนเซ่อเจิ้งอ๋องแล้วละ”
เซียวเจวี๋ยมองนางเงียบๆ เขาต้องยอมให้นางพักค้างคืนใช่หรือไม่?
เมื่อเห็นความเฉลียวฉลาดแกมโกงของนางแล้ว ใจของเซียวเจวี๋ยก็สั่นไหวเล็กน้อย
“ข้ายอมให้แค่คืนนี้คืนเดียว”
“เหอะ เป็เกียรติแก่ข้าเหลือเกินที่ได้พักที่จวนแห่งนี้”
ขนาดนี้แล้วยังไม่ละอายใจอีก
เซียวเจวี๋ยนวดหว่างหัวคิ้ว พลางยิ้มขื่น หลุบตาลงเล็กน้อย เพื่อปิดบังอารมณ์อันซับซ้อน
เซียวเจวี๋ยนะ เซียวเจวี๋ย เ้ากำลังลังเลอะไรอยู่กันแน่?
...
องค์หญิงจะมาค้างคืนที่จวนอ๋อง!
หลังทราบข่าวทุกคนในจวนอ๋องต่างตาโต จุ๊ๆ นี่มันร้อนแรงเกินไปแล้ว! ยังไม่ได้แต่งงานเลยนะ จะมาอยู่ที่นี่แล้วหรือ?
กระนั้น ไม่มีใครกล้าแพร่งพรายเื่นี้ เพราะไม่มีใครต้านทานความโกรธของท่านอ๋องได้ ยิ่งไม่ต้องไปพูดถึงการลงโทษอันรุนแรงขององค์หญิงใหญ่เลย
เกรงว่าคงจะมีเพียงฉู่สือคนเดียวที่ยิ้มไม่ออก ผู้หญิงคนนั้นไม่ว่าจะเป็คนหรือผีก็ช่างไร้ยางอายเสียเหลือเกิน นางหยุดรังควานาาไม่ได้เลยหรือไร?
“เหล่าฉู่ เหตุใดเ้าถึงมีสีหน้าแย่ขนาดนี้ล่ะ ท่านอ๋องกับองค์หญิงทรงรักใคร่กัน มันเป็เื่ดีไม่ใช่หรือไร?” หลิงเฟิงที่อยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะถาม
ฉู่สือมองมาที่เขาอย่างเ็า “ข้าว่าเ้าคงอยากจะไปฝึกทหารที่ชายแดนอีกรอบสินะ?”
ชายคนนี้ถูกไล่ออกจากจวนอ๋องมาระยะหนึ่ง จึงรีบกลับไปอยู่ข้างกายชิงอี แต่กลายเป็ว่าเขาถูกชิงอีไล่กลับมา จนเขาต้องเทียวคุกเข่าไป เทียวคุกเข่ามาระหว่างจวนอ๋องกับตำหนักเชียนชิวอยู่นาน กระทั่ง เซียวเจวี๋ยจะไปยมโลกถึงได้เอ่ยปากอนุญาตให้เขาอยู่ที่นี่ ทำตัวดีได้ไม่กี่วันก็กลับมาเป็เหมือนเดิมอีกแล้ว
หลิงเฟิงถึงกับตัวสั่นเทาเมื่อได้ยินคำพูดนั้น และพูดอย่างน่าสงสารว่า “ข้าไม่ได้พูดอะไรเลย เหล่าฉู่เ้านี่มัน...ฮึ่ย! ใช้ชีวิตอยู่มาตั้งหลายปีขนาดนี้ ยังไม่มีหญิงสาวคนไหนมาชอบเ้าเลยสักคน!”
“พูดเหมือนมีคนชอบเ้าอย่างนั้นแหละ”
“แน่นอน! เ้าไม่เห็นเสี่ยวชุ่ยกับเสี่ยวหลานที่เอาแต่แวะเวียนมาหาข้าทุกวันหรือไร?”
“คนที่รักเ้ามากที่สุดคือแม่ใหญ่หลิวของห้องเครื่องที่ไม่สามารถแต่งงานได้ใช่ไหม”
“นั่น...ไม่ใช่เสียหน่อย ถุย ถุย ถุย!”
ทั้งสองกำลังปะทะฝีปากกัน เมื่อมองจากระยะไกลก็เห็นว่ามีร่างอันทรงเสน่ห์พุ่งเข้ามา
องค์หญิงใหญ่!
นางมารร้าย!
ทั้งสองคนต่างใ ฉู่สือก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยุดนาง
“ตอนนี้ก็ดึกแล้ว ท่านอ๋องก็เข้าบรรทมแล้ว องค์หญิงทรงมีเื่อันใด พรุ่งนี้เช้าค่อยเสด็จมาใหม่เถิดพ่ะย่ะค่ะ”
“ยังมีหน้ามานอนอยู่หรือ?” ดวงตาสวยของชิงอีจ้องเขม็งและผลักฉู่สือออกไป นางเดินไปดุไป “เตียงในจวนอ๋องแข็งอย่างกับหิน ข้านอนไม่สบายตัว นี่เขากล้านอนก่อนได้อย่างไรกัน?”
จากสายตาของฉู่สือแล้ว เขาคงไม่สามารถหยุดนางได้ จึงทำได้เพียงรีบเดินตามไปเท่านั้น
ทันทีที่ชิงอีเดินขึ้นบันได ประตูก็เปิดออก
เซียวเจวี๋ยในสวมชุดนอนยืนอยู่ที่ประตูทางเข้าห้องจับจ้องนางด้วยสายตาเ็า
“ท่านอ๋องโปรดอภัยให้กระหม่อม กระหม่อม...”
ยังไม่ทันที่ฉู่สือจะพูดจบ เซียวเจวี๋ยก็พูดว่า “ถอยไป”
ฉู่สือไม่มีทางเลือก นอกจากถอยออกไป เมื่อเขาหันไปมองก็เห็นว่านางมารร้ายผลักาาของเขา และเดินกรีดกรายเข้าไปในห้อง าาถอนหายใจ ทว่า แทนที่จะไล่นางออกมากลับทรงปิดประตู
ฉู่สือสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อยู่หลายครั้ง เขากัดฟันเดินกลับไปเฝ้าที่ประตูลาน พอหันกลับไปก็พบว่าหลิงเฟิง เ้าโง่นั่นกำลังจ้องมองเขาอย่างท้าทายและหยอกล้อ
“ข้าบอกเ้าแล้วไม่ใช่หรือไรว่าอย่ายุ่งวุ่นวายให้มากนัก? ข้าไม่เคยเห็นใครโง่เง่าเท่าเ้ามาก่อนเลย พวกเขาสองคนอยากพูดคุยกัน เ้าก็ยังเข้าไปยุ่มย่ามอีก”
ฉู่สือโกรธจัดจนควันแทบออกหู
อา ใครก็ได้เอาเ้าโง่นี่ไปเก็บที!
าา ชาติหน้าขอให้เ้าโง่นี่เกิดเป็สุนัขเถอะ เสี่ยวไป๋ที่พวกเราเลี้ยงยังฉลาดกว่าเขาอีก!
...
หลังจากชิงอีเดินเข้ามา ก็วิ่งตรงไปที่เตียงใหญ่ แล้วทิ้งตัวลงนอนราวกับคนไร้ประโยชน์
อา สบายจริงๆ
ทว่า ในนี้ยังคงมีพลังิญญาชั่วร้ายอยู่มากที่สุด
อือ สบายเหลือเกิน
เซียวเจวี๋ยยืนพิงเสากอดอก มองดูนาง ใบหน้าหล่อเหลามีรอยย่นคิ้วเล็กน้อย ส่วนในดวงตาฉายแววเยาะเย้ย
เ้าตัวปัญหานี่ ดึกดื่นขนาดนี้วิ่งมาเพื่อครองเตียงของเขางั้นหรือ?
“องค์หญิงละเมออยู่หรือไร?”
“เตียงของห้องรับแขกในจวนของท่าน มันแข็งเกินไป ไม่สบายเหมือนที่นี่ นี่แหละคือเตียงที่ข้า้า” นางพูดอย่างจริงจัง
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ ข้าจะสั่งให้คนย้ายเตียงนี่ไปให้เ้า”
“เช่นนั้นก็ต้องย้ายไปย้ายมาน่ะสิ?” ชิงอีมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ เตียงน่ะสำคัญที่ไหนกัน? ที่สำคัญคือิญญาร้ายในตัวเขาต่างหาก!
“เช่นนั้นข้าจะไปนอนที่ห้องหนังสือ ส่วนองค์หญิงก็นอนที่นี่”
“ไม่ให้ไป!” ชิงอีรีบขัด
ถ้าเขาไป ิญญาชั่วก็ไม่ตามเขาไปน่ะสิ
เซียวเจวี๋ยหยุดฝีเท้า มองนางด้วยความสงสัย แล้วรอฟังคำอธิบาย
ชิงอีกัดฟัน พลางคิดว่าจะหาข้อแก้ตัวอย่างไรดี คิ้วที่ขมวดเข้าหากันนั้น ดูน่ารักไร้เดียงสาอย่างอธิบายไม่ได้
ตอนนี้นางสวมชุดนอนสีแดงฉูดฉาดตัวโคร่ง ซึ่งเมื่ออยู่บนตัวนางแล้วกลับเข้ากันดี แม้ว่าการแต่งหน้า เพื่อปลอมตัวจะถูกลบออกไปแล้ว ทว่า เซียวเจวี๋ยยังเห็นรูปลักษณ์เดิมของนางได้
แววตาของเขาสั่นไหวเล็กน้อย
เซียวเจวี๋ยขมวดคิ้ว และจู่ๆ ก็รู้ตัวขึ้นมาได้ว่า ตอนนี้ตัวเองกำลังหยอกเย้ากับเด็กน้อยอยู่หรือไม่?
ไม่ใช่ว่าเขาไม่สาเหตุที่นางวิ่งมาหากลางดึกเช่นนี้ มันคงหนีไม่พ้นเหล่าิญญาชั่วร้ายที่อยู่รอบตัวเขาเป็แน่
นางกับเย่เหยียนเกิดในอเวจี ซึ่งที่มาของพลังระหว่าง์กับโลกมนุษย์ เซียวเจวี๋ยอยู่มาั้แ่ก่อนโลกนี้จะมียมโลก พอเห็นการเกิดของผู้คน จึงสถาปนา
หลังจากมียมโลก ปรโลกจึงตามมา
พลังในกายเขา จึงดึงดูดนางไปโดยปริยาย
เช่นเดียวกับที่ผีในโลกจะยอมจำนนแทบเท้าของนางโดยธรรมชาติ
“อย่างไรก็ตาม เ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ไป ถ้าในห้องไม่มีใคร ข้านอนไม่หลับหรอกนะ” ชิงอีไม่อาจหาข้อแก้ตัวได้ นางจึงใช้อุบายที่ไม่สมเหตุสมผลตามปกติ
เซียวเจวี๋ยมองนางด้วยสายตาลึกล้ำ เมื่อเขาเดินมาถึงเตียง เขาก็ก้มตัวลง
ชิงอีมองดูเขาอย่างระแวดระวังพร้อมสู้ทุกเมื่อ หากคนผู้นี้กล้าที่จะโยนนางออกไปละก็ นางจะทุบตีเ้าหนุ่มน้อยคนนี้จนสลบสักรอบ ต่อให้จะไม่มีพลังก็ตาม!
แขนยาวของเซียวเจวี๋ยที่ผ่านหูของนางไปหยิบหนังสือตรงข้างหมอนขึ้นมา และกระซิบเบาๆ ว่า “ข้าจะอ่านหนังสืออยู่ข้างนอก องค์หญิงนอนหลับให้สบายเถิด”
พูดจบ เขาก็เดินออกไปอยู่หลังม่าน
ปลายผมที่ไล้ใบหน้าของชิงอี ราวกับว่าประทับลงในหัวใจ อาการคันเล็กน้อยนั่นทำให้นางขมวดคิ้วอย่างไม่สบายใจ
กลิ่นผมของเขายังคงติดจมูก มันเป็กลิ่นไม้จันทน์จางๆ
กลิ่นไม่ได้เหม็นฉุน มันออกจะหอมพอตัว
ตะเกียงส่องแสงโดดเดี่ยวอยู่นอกม่าน เงาของชายคนนั้นปรากฏภายใต้แสงตะเกียง ดูแล้วเหมือนม้วนภาพ
ชิงอีหลับตาลงโดยไม่รู้ตัว และผล็อยหลับไป
เมื่อเสียงลมหายใจดังขึ้น เซียวเจวี๋ยก็ค่อยๆ เงยหน้าลืมตาขึ้น มองดูคนร่างเล็กที่หลับใหลผ่านม่าน ดวงตาของเขาตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะ
“หากท่านไม่ใช่น้องสาวของเย่เหยียน...”
เซียวเจวี๋ยรีบหยุดพูดทันที เมื่อตระหนักได้ว่าตนเองกำลังคิดอะไรอยู่ เขาขมวดคิ้วแน่น และรู้สึกขอบคุณแขกที่ไม่ได้รับเชิญที่แอบเข้ามา
เ้าแมวอ้วนค่อยๆ เดินออกจากมุมห้อง จ้องมาที่เขา
ชื่อของเย่เหยียนเมื่อครู่ ออกมาจากปากของหนุ่มน้อยผู้นี้ใช่หรือไม่?!
