สถานการณ์คร่าวๆ ของจวนตระกูลเหยียน เว่ยซูหานเข้าใจดี ไม่ว่าอย่างไรตระกูลเว่ยและตระกูลเหยียนก็มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ตอนเขายังเด็กเขาเคยมาที่นี่หลายครั้ง แน่นอนว่าตอนนั้นเขายังเด็กเกินไป ถ้าอาศัยความทรงจำในวัยเด็กย่อมจำไม่ได้ ต้องขอบคุณสิ่งที่ชาติที่แล้วมอบให้ ดังนั้นจึงไม่จำเป็ต้องให้ใครนำทาง ไม่นานเขาก็เจอกับหอชิงเฟิงของเหยียนชิงที่อยู่ทางตะวันออกของจวนตระกูลเหยียน
หอชิงเฟิงเป็สถานที่ที่งดงามและเรียบง่าย ส่วนใหญ่เป็พืชสีเขียวเช่น ต้นไผ่เขียวขจี ทำให้ทั่วทั้งลานบ้านให้ความรู้สึกเงียบสงบ
เมื่อก้าวเข้าไปในลานบ้านก็เห็นสาวใช้ที่อายุพอๆ กับเขาถือกล่องอาหารเดินออกมาจากระเบียงทางเดิน ชุดผ้าโปร่งสีเขียวมรกต ดวงตาสดใสและฟันขาว ผมดำขลับเหยียดตรง ดูอารมณ์ดี คนผู้นี้คือเฉินเซียงสาวใช้ของเหยียนชิง
ชาติที่แล้วเขาเคยพูดคุยกับเฉินเซียงอยู่บ้าง ครั้งหนึ่งเขาถูกทรมานจนได้รับาเ็และลุกออกจากเตียงไม่ได้ เหยียนชิงสงสารเขา จึงไหว้วานเฉินเซียงให้นำยารักษาแผลที่ได้ผลดีมาให้เขาในกลางดึก ในเวลานั้นเขารู้ว่าเฉินเซียงมีศิลปะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาตัวเบาที่ยอดเยี่ยม หลังจากนั้นคนที่ออกหน้าหลายต่อหลายครั้งจึงเป็เฉินเซียง ด้วยเหตุนี้เขาจึงรู้สึกซาบซึ้งนางเป็ยิ่งนัก
น่าเสียดาย ชาติที่แล้วจนกระทั่งเขาตาย เฉินเซียงและบ่าวรับใช้คนอื่นๆ ไม่เคยยอมรับสัญญาไถ่ตัวทาสจากเหยียนชิง เรียกได้ว่าเป็มิตรภาพที่ลึกซึ้ง
“บ่าวนามว่าเฉินเซียงคารวะนายหญิงน้อยเ้าค่ะ”
ขณะที่เว่ยซูหานกำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง เฉินเซียงก็เดินมาตรงหน้าเขาแล้วโค้งคำนับอย่างนอบน้อม
จะว่าไปแล้ว เฉินเซียง หลินชวนและอีกหลายๆ คนล้วนเหมาะสมแล้วที่คอยปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้างกายเหยียนชิง ต่อให้ตัวตนของเขาจะเป็เช่นนี้ บ่าวรับใช้เหล่านี้ก็ไม่เคยแสดงท่าทีแปลกประหลาดใส่เขาเลย
“ไม่ต้องมากพิธี ข้ามาหาคุณชาย” เว่ยซูหานเอ่ยอย่างสุภาพ และถามอีกว่า “คุณชายอยู่หรือไม่?”
“อยู่เ้าค่ะ ตอนนี้คุณชายอยู่ที่ห้องหนังสือ” เฉินเซียงตอบ จากนั้นก็กล่าวด้วยรอยยิ้มบาง “คุณชายเองก็กำชับไว้ หากนายหญิงน้อยมา ก็ให้ไปหาเขาที่ห้องหนังสือได้เลยเ้าค่ะ”
“ดี”
จากนั้นก็เดินระเบียงทางเดินอ้อมไปยังลานหลังเรือน ไม่ไกลนั้นก็มีต้นไผ่ยืนต้นเรียงรายอยู่สองฝั่ง เมื่อถึงห้องหนังสือที่เงียบสงบหลังูเาจำลองของเหยียนชิงแล้ว เวลานี้ ในที่ไกลๆ เขาเห็นเหยียนชิงกำลังฝึกคัดตัวอักษรอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือริมหน้าต่าง สีหน้านิ่งเฉยในชุดสีขาวพระจันทร์
เว่ยซูหานชะงักฝีเท้าลงอย่างอดไม่ได้ เพื่อชมดูให้เต็มตา เฉินเซียงที่อยู่เบื้องหน้าก็หยุดลงเช่นกัน “ฮูหยินน้อย?”
ซูเว่ยหานได้สติกลับมา “เฉินเซียง เอากล่องอาหารมาให้ข้าเถิด ข้าจะเอาเข้าไปให้เอง ข้ามีเื่จะเจรจากับคุณชาย”
“เ้าค่ะ” เฉินเซียงไม่ได้ถามอะไรมาก มอบกล่องอาหารให้เขาและขอตัวลา
ห้องหนังสือของเหยียนชิงทั้งภายในและภายนอกแบ่งออกเป็สองห้อง ตอนกลางวัน เหยียนชิงจะอยู่ที่ห้องด้านนอกเป็ส่วนใหญ่ เปิดหน้าต่างออกเพื่ออ่านหนังสือและฝึกเขียนอักษร
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก แม้จะแยกแยะไม่ออกว่าผู้มาเยือนเป็ใคร แต่เขายกมุมปากขึ้นโดยไม่เงยหน้าและอธิบาย
“เฉินเซียง เอาของวางไว้ก็พอแล้ว เ้าไปเรือนเซียวเหยาหน่อยสิ พวกหลินชวนไปตั้งนานแล้วแต่ไม่เห็นกลับมารายงาน ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่...”
เมื่อพูดจบก็เขียนตัวอักษรตัวหนึ่งเสร็จพอดี หลังจากมองอย่างละเอียดหนึ่งรอบ เมื่อพอใจแล้วถึงได้ยกขึ้นมา ก่อนจะเห็นว่าเว่ยซูหานยืนอยู่หน้าประตู ชั่วขณะนั้นก็อึ้งไปเล็กน้อย วางพู่กันขนหมาป่าในมือลง
“เอ่อ เ้ามาเองเลยหรือ...”
“รบกวนเ้าหรือ?”
เว่ยซูหานยิ้ม วางของว่างไว้บนโต๊ะเตี้ย คำพูดเมื่อครู่นี้ทำให้หัวใจเขาอบอุ่น คนผู้นี้ยังคงคิดถึงเขาเสมอ
“เปล่า วันนี้อารมณ์ไม่ค่อยดี เลยฝึกได้ไม่ดีเท่าไร”
เหยียนชิงนั่งลงที่โต๊ะเตี้ย กล่าวด้วยรอยยิ้มผ่อนคลาย
“ข้านึกว่าเ้าอยากสนทนากับท่านแม่นานๆ”
เว่ยซูหานนั่งลงตรงข้ามเขา เลิกคิ้วและจงใจกล่าว
“ท่านแม่กลัวว่าเ้าจะเป็ห่วงข้าก็เลยให้ข้ากลับมาเร็วหน่อย”
“เอ่อ จะเป็แบบนั้นได้อย่างไร…” ใบหน้าเหยียนชิงร้อนผ่าว “ท่านแม่เป็คนใจดี เ้าเองก็เคยเห็นแล้ว ข้าจะห่วงได้อย่างไร?”
พูดจบก็หันกลับมาถามอย่างไม่วางใจ “จริงสิ นางไม่ได้พูดอะไรที่ทำให้เ้าลำบากใจใช่หรือไม่?”
ทำไมรู้สึกแปลกๆ ในใจ
“ไม่มี” เว่ยซูหานส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม “เพียงแต่บอกกับข้าว่าเื่ในจวนให้ข้าช่วยนางจัดการทั้งภายในและภายนอกจวนก่อนที่พี่ใหญ่จะกลับมา”
“งั้นก็ดีแล้ว” เหยียนชิงผ่อนคลายลง “เช่นนั้น ต่อไปหากเ้ารับมืออะไรไม่ได้ก็บอกข้า ข้าจะไปบอกท่านแม่ว่าอย่าทำให้เ้าต้องลำบากใจ”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ในใจมักจะรู้สึกผิดต่อความอัปยศอดสูที่เว่ยซูหานเคยประสบมาในชาติที่แล้ว เขาอยากจะชดเชยให้อีกฝ่าย มันเป็บาปที่ลูกหลานของตระกูลเหยียนสร้างขึ้นมา
เว่ยซูหานมองความห่วงใยที่จริงใจในแววตาของเขา หัวใจพลันอ่อนยวบ เขามองสบกลับไปที่ดวงตาของเหยียนชิงก่อนเอ่ยตอบ
“ข้ารู้ ขอบคุณท่านพี่ที่เป็ห่วง”
“...เ้า...” เหยียนชิงหน้าแดงทันที “เวลาเ้ากับข้าอยู่ด้วยกันตามลำพัง ไม่มีคนนอกก็ไม่จำเป็ต้องเรียกเช่นนี้ก็ได้ เ้าเรียกชื่อข้าก็พอแล้ว”
“อื้ม เช่นนั้นก็ขอบคุณชิงเอ๋อร์ที่เป็ห่วง...”
“ไม่ใช่ชื่อนี้...” เหยียนชิงขัดจังหวะเขา แล้วตอบกลับอย่างจริงจัง “ชื่อเล่นข้าคือเฉิงอัน...”
เว่ยซูหานส่ายหน้า “เรียกเช่นนี้สนิทสนมดี เ้ากับข้าเป็สามีภรรยากัน เรียกกันหวานๆ ก็ถือเป็เื่ปกติ”
“เ้า...” เหยียนชิงขมวดคิ้ว จ้องเขาอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะถอนหายใจ
“เอาเถอะ แล้วแต่เ้า... ละครเื่นี้ ไม่จำเป็ต้องเล่นมากเกินไป ท่านแม่เองก็เข้าใจแล้ว”
การแต่งงานนี้ บิดาพยายามเจรจากับเซียนตี้[1]อย่างสุดความสามารถเพื่อรักษาสายเืของสหายรัก ทุกคนล้วนเข้าใจดี แค่รักษาหน้ากันบ้างก็พอแล้ว ไยต้องจริงจังเกินไปด้วยเล่า
เว่ยซูหานก้มหน้าไม่พูดจบ คีบขนมวางในจานเล็กๆ ที่อยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย ตนไม่ได้เล่นละคร ั้แ่ที่รู้ว่าคนที่ตนแต่งงานด้วยคือเขา ทุกๆ คำพูด ทุกๆ การกระทำล้วนทำอย่างจริงใจ และจะทำเช่นนี้ไปตลอดชีวิต
เชิงอรรถ
[1] เซียนตี้ หมายถึง อดีตฮ่องเต้