เฉินเซ่าป๋ายไม่เคยรู้สึกว่าชีวิตของตนเองน่าเบื่อขนาดนี้มาก่อนแม้ว่าเขาจะอายุเพียงสิบปีแต่เขารู้ดีว่าชีวิตของเขาเองก็มีสีสันและมีความโลดโผนมากกว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกันอย่างไรก็ตามเมื่อเขาได้เห็นอันเจิงเอาหยกแห่งิญญาให้เ้าแมวกินหลังจากนั้นเขาก็รู้สึกว่า ความมีสีสันในชีวิตของเขานั้นได้กลับมาอีกครั้ง เขาไม่คิดเลยว่าเ้าเด็กที่ไร้ความหวังนั่นจะเอาหยกแห่งิญญาไปใส่ในปากของเ้าแมว จนทำให้ทุกคนต้องตกตะลึงกันแบบนี้
“นั่นมัน...หยกแห่งิญญาเชียวนะ” เฉินเซ่าป๋ายพูดขึ้น
อันเจิงพยักหน้า “ก็ใช่น่ะสิ หยกแห่งิญญาแต่ว่ามันมีตำหนิ ดังนั้นจึงใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว แต่ว่าหยกแห่งิญญาชนิดนี้มันนิ่มมากนิ่มจนเหมือนน้ำตาลที่อ่อนนุ่ม เ้าแมวน้อยจึงชอบกินมัน”
“แต่ว่านั่นมันเป็หยกแห่งิญญา มีค่าถึงหนึ่งหมื่นตำลึงหากว่าหินนี้ไปตกอยู่กับผู้มีฝีมือคงจะสามารถเพิ่มพูนพลังิญญาให้สูงขึ้นและคงเอามาทำยาเม็ดสีแดงได้ (ยาสมุนไพรจีนที่สกัดมาจากแร่สีแดง) ถ้าคิดว่าการทำยาเม็ดสีแดงนี่ภายในหนึ่งวันอย่างน้อย ๆ ต้องใช้เงินถึงสามหมื่นตำลึง ก็คงพูดได้ว่าเ้าเอาเงินสามหมื่นตำลึงไปให้แมวกิน”
อันเจิงลูบหลังเ้าแมวน้อยเบา ๆ “มันเป็แมวของข้าชื่อเสี่ยวช่าน ไม่ว่ามันจะกินอะไรก็ไม่เห็นจะแปลกประหลาดตรงไหนเพราะมันเป็แมวของข้า”
เฉินเซ่าป๋ายไม่เข้าใจความหมายในสิ่งที่อันเจิง้าสื่อเพียงครู่หนึ่งเขาก็รู้สึกว่าตัวเองช่างโง่เขลา แต่หลังจากนั้นก็กลับรู้สึกประหลาดใจเพราะเห็นได้ชัดว่าอันเจิงต่างหากที่ดูโง่เง่า ทำไมเขาจะต้องรู้สึกว่าตัวเองโง่ด้วย?ก็แค่คนโง่คนหนึ่งที่เลี้ยงแมว ทำไมถึงได้ดูมีความสุขอิ่มอกอิ่มใจขนาดนั้น?แค่เด็กยากจนคนหนึ่งที่เลี้ยงแมวด้วยหยกแห่งิญญาที่มีมูลค่าถึงสามหมื่นตำลึง!
นี่คงเป็นิสัยของเขา
เฉินเซ่าป๋ายเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า จริง ๆแล้วบิดาของเขาเองก็ใช้วิธีการแบบนี้ในการเลี้ยงดูเขามาเป็เวลาสิบปีแล้วและอันเจิงก็เป็คนแบบนั้นเช่นกัน ซึ่งอันเจิงเองก็มีความเก่งกาจกว่าเขามาก
แม้ว่าเขาจะเป็แค่คนที่ใส่เสื้อผ้าขาดวิ่น แม้ว่าเขาจะเป็แค่เด็กจน ๆ
ขณะที่เฉินเซ่าป๋ายกำลังแปลกใจอยู่นั้นคนที่อยู่ชั้นหนึ่งกำลังมองดูลูกค้าคนนั้นด้วยความดูแคลน เื่เด็กที่ใส่เสื้อผ้าขาดวิ่นคนนั้นเอาหยกแห่งิญญาไปให้กับแมวอาจจะมีคนจำนวนมากนำเื่นี้ไปกระจายต่อในย่านหนานชาน หรือแม้กระทั่งย่านอื่นในโลกมายาด้วยแต่คงมีคนไม่มากนักที่เข้าใจการกระทำเช่นนั้นของอันเจิง
ชายชราหนวดขาวกลับมีท่าทีที่เงียบสงบถึงแม้ว่าเขาจะเป็ใหญ่ในโรงจวี้ฉ่างแต่กลับไม่เคยพบเจอเื่ราวแปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน
“โอ้!...ความโชคดีหรือความโชคร้าย ฟัง ๆดูอาจจะเหมือนชะตาที่์ลิขิตไว้ แต่หินหยกนี้มีความจริงที่คาดไม่ถึงอยู่”
ชายชราหนวดขาวกระแอมออกมาเบา ๆ “คนที่ประมูลหินหยกนี้ได้ออกจากที่นี่ไปแล้วแต่ว่าโรงจวี้ฉ่างก็มีของกำนัลเล็ก ๆ น้อย ๆ โดยการมอบยาอายุวัฒนะแก่เขา”
ยาอายุวัฒนะชนิดนี้มีที่โรงจวี้ฉ่างแห่งเดียวเท่านั้น ยานี่อาจจะไม่มีประโยชน์สำหรับผู้ฝึกตนแต่ว่ามันช่วยทำให้หญิงสาวกลับมาเยาว์วัยอีกครั้ง เม็ดยาสีขาวละมุนดุจผ้าขาวที่บริสุทธิ์ยาชนิดนี้มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง ดังนั้นโรงจวี้ฉ่างนอกจากจะทำการค้าแล้วยังใส่ใจกับผู้คนอีกด้วย
ยาอายุวัฒนะนี้มีมูลค่ามากถึงห้าพันตำลึง
ชายชราหนวดขาวพูดต่อไปอีกว่า“เมื่อสักครู่ข้าได้พูดไปแล้วว่า หินหยกแตงกวาก้อนนั้นเป็เพียงแค่อาหารเรียกน้ำย่อยเท่านั้นของที่นำมาประมูลชิ้นต่อไปเป็ของที่ชายทั้งสามสิบหกคนนำมาจากหุบเขาลึกในเทือกเขาชางหมานเพื่อนำมันมาต้องแลกด้วยสิบหกชีวิตที่ตายไปดังนั้นลองคิดดูว่ามูลค่าของของชิ้นนี้จะมากขนาดไหน ทุกท่านคงคิดไว้ในใจกันแล้ว”
เขาโบกมือหนึ่งครั้งหลังจากนั้นก็มีหญิงสาวสวมชุดกระโปรงสีขาวยาวกรุยกรายค่อย ๆ ขึ้นมาบนเวทีประมูล นางดูแตกต่างจากหญิงสาวที่ถือหินหยกแตงกวาหญิงสาวนางนั้นสวมกระโปรงสั้น แขนขาเรียวยาว แต่งกายเย้ายวนใจ แต่หญิงสาวที่ปรากฏอยู่ตอนนี้กลับดูใสสะอาดบริสุทธิ์ผุดผ่องกระโปรงที่ยาวจนแทบติดพื้นทำให้รู้สึกราวกับต้นหลิวที่พลิ้วไหวไปตามลม อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าหญิงสาวแต่ละคนจะมีความแตกต่างกันอย่างไร แต่พวกนางก็ล้วนสามารถกระตุ้นความคึกคักของชายหนุ่มได้ทั้งสิ้น
หญิงสาวกระโปรงยาวชุดขาวถือถาดอยู่ในมือบนถาดใบนั้นมีเพียงผลึกสีขาวรูปร่างคล้ายไข่มุกก้อนหนึ่ง ดูผิวเผินแล้วไม่มีอะไรโดดเด่นมากนัก
“ผลึกก้อนนี้คือผลึกแกนอสูร มันบรรจุหัวของสัตว์ร้ายอยู่ในนั้นแต่สัตว์ร้ายที่ว่านั้นคืออะไร ข้าก็ไม่อาจรู้ได้ พวกนักล่าพูดกันว่าของสิ่งนี้ไม่ใช่ของที่พบเจอกันง่าย ๆ ถึงแม้ว่ามันกำลังาเ็แต่มันก็ยังแข็งแกร่งมาก สามสิบหกคนนั้นต้องสูญเสียชีวิตกันถึงสิบหกคนสิบหกคนที่ต้องตายเพื่อมัน” ชายชราหนวดขาวบรรยายสรรพคุณ
ด้านล่างมีคนะโขึ้นมา “ใคร ๆ ก็รู้ของดีที่มาจากธรรมชาตินั้นมีอยู่ห้าชนิด คือของที่มีสีเขียว ขาว แดง ทองและม่วงเช่นหยกแห่งิญญาหรือผลึกแกนอสูรอะไรนั่นก็ดี แต่ข้าว่าเ้าพูดเกินความจริงไปสักหน่อยสิ่งที่เห็นอยู่ตอนนี้มันก็เป็เพียงผลึกสีขาวธรรมดา ราคาผลึกแกนอสูรที่เ้าว่ามามันก็ไม่ได้สูงมากทั้งยังใช้กับคนไม่ได้อีก อย่างมากก็ใช้เพิ่มกำลังให้สัตว์เลี้ยงเท่านั้น”
“ท่านพูดได้ไม่ผิด ดูจากภายนอกแล้วมันก็เป็แค่ผลึกแกนอสูรเท่านั้นแต่พวกท่านััได้ถึงพลังแห่งน้ำที่อยู่ในของสิ่งนี้หรือไม่”
คนที่แย้งเมื่อครู่ถามขึ้นอีกครั้ง“ใช้กับคนได้หรือไม่?”
ชายชราหนวดขาวตอบทันที “ไม่ได้”
ทันทีที่ได้ยินคำตอบเขาก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ
ขณะนั้น ชายคนหนึ่งสวมใส่เสื้อสีครามกับรองเท้าหุ้มส้นทรงสูงเดินออกมาจากห้องส่วนตัวชั้นสองมองดูของสิ่งนั้นราวกับเป็หญิงสาวงดงามนางหนึ่ง
“คุณชายของข้า้าผลึกนี้ไปเพิ่มพลังให้กับหมาป่าเมฆาวารีดังนั้นข้าจึงขอถาม ผลึกนี้ราคาเท่าไหร่?”
“หนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึง”
คนจากด้านล่างเมื่อได้ยินราคาถึงกับะโขึ้น“ใช้กับคนยังไม่ได้ เทียบไม่ได้เลยกับหินหยกแตงกวาอันเมื่อครู่ มีแต่คนโง่เท่านั้นล่ะที่จะยอมเสียเงินหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงเพื่อซื้อสิ่งนี้”
“ใช่! แค่สามหมื่นห้าพันตำลึงก็มากเกินไปแล้วแม้เ้าตั้งราคาแค่หนึ่งหมื่นห้าพันตำลึงข้ายังว่าเ้าได้เงินของพวกข้ามากเกินไปเสียด้วยซ้ำ”
เด็กรับใช้คนนั้นเดินกลับไปที่ห้องส่วนตัวของเ้านายตนเพื่อไปแจ้งราคาให้ทราบ แต่หลังจากนั้นเขาก็ไม่ออกมาอีกเลย อาจจะเป็ไปได้ว่าราคาหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงอาจจะไม่เป็ที่น่าพึงพอใจ
ชายชราหนวดขาวจึงพูดต่อว่า“ของในโรงจวี้ฉ่างนี้ ไม่สามารถเปลี่ยนราคาเริ่มต้นได้ เพราะหากพวกเราขายไปต่ำกว่าราคาเดิมพวกเราคงไม่สามารถจ่ายค่าส่วนต่างได้ ถ้าพวกท่านซื้อของได้ไม่คุ้มราคาพวกเราก็ไม่สามารถคืนเงินให้ท่านได้เช่นกัน ดังนั้นของสิ่งนี้ราคาเริ่มต้นหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงถ้ามีคน้าก็ขานประมูลมา ถ้าไม่มี ข้าจะให้คนนำมันไปเก็บไว้”
อันเจิงที่อยู่บนชั้นสองมองลงมาด้วยตาเป็ประกายเขาลุกขึ้นยืนแล้วพูดกับตัวเองเบา ๆ “ของสิ่งนั้น...ข้าต้องได้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเฉินเซ่าป๋ายถึงกับใ“เ้าจะเอาของสิ่งนั้นไปทำอะไรกัน?”
“ให้อาหารแมว” อันเจิงตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบเพียงสามคำ
หลังจากนั้นเขาก็ะโลงมาจากชั้นสองอย่างรวดเร็วการเคลื่อนไหวของเขาทำให้ผู้คนทั้งหมดตกตะลึงโรงจวี้ฉ่างเป็สถานที่ที่ไม่เคยมีใครกล้าทำตัวไร้มารยาทแบบนี้มาก่อนไม่ว่าจะมาจากตระกูลยิ่งใหญ่เพียงใด ถ้าอยู่ที่นี่ทุกคนล้วนต้องทำตามกฎอันเจิงเป็คนแรกที่ทำแบบนี้ ด้วยการะโลงมาจากชั้นที่สอง
ผู้มีวรยุทธ์ห้าหกคนที่ซ่อนตัวอยู่ออกมาจับตัวอันเจิงเอาไว้ทันทีกลุ่มคนเหล่านี้มีพลังยุทธ์อยู่ในขอบเขตจุติ์ ถึงแม้ว่าจะเป็เพียงขั้นเริ่มต้นของผู้ฝึกวิชาแต่สำหรับอันเจิงก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้รู้สึกกลัวขึ้นมาเพราะถึงอย่างไรด้วยกายเนื้อของเขาตอนนี้ คงไม่อาจสู้กับบรรดาผู้ฝึกวิชาเหล่านี้ได้
“เ้าคิดจะทำอะไร?” คนที่จับตัวอันเจิงถามด้วยเสียงกระโชกโฮกฮาก
“ข้าแค่จะไปดูใกล้ ๆ เท่านั้น”
อันเจิงชี้ไปที่ผลึกนั่นแล้วพูดต่อ“ทำไมหรือ ข้า้าซื้อของนั่น ทำไมข้าจะเข้าไปดูใกล้ ๆ ไม่ได้?”
“ถ้าเ้าอยากจะดูใกล้ ๆ ก็ต้องบอกล่วงหน้าเสียก่อนถึงจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปได้ เ้าทำแบบนี้จะโดนพวกข้ารุมจนตาย ดังนั้นกลับไปนั่งที่เดิมของเ้าหรือไม่ก็ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้”
อันเจิงหันหน้าไปเอ่ยกับชายชราหนวดขาว“ผู้คนล้วนพูดกันว่าโรงจวี้ฉ่างแห่งนี้รังแกแขกที่เข้ามาพวกเ้าทำการค้าแบบนี้น่ะหรือคนทั้งหมดในที่แห่งนี้มีข้าเพียงคนเดียวที่รู้ว่าของสิ่งนี้คืออะไร คนอื่นไม่มีทางรู้แน่”
ชายชราหนวดขาวชะงักไปเล็กน้อยกับสิ่งที่ได้ยิน เขาโบกมือให้พวกที่คอยคุ้มกันออกไปก่อนเสื้อผ้าที่อันเจิงสวมใส่อยู่นั้นค่อนข้างสะดุดตาทุกคนแถมกลิ่นที่ติดอยู่นั่นก็ทิ่มแทงเข้าไปในรูจมูกนั่นเป็เพราะก่อนหน้านั้นเขาได้ฟาดฟันคนมานับสิบคนจนเสื้อโชกไปด้วยเื ก่อนหน้านั้นอีกเขาก็มีเื่กับคนอีกสิบกว่าคนที่หน้าร้านเหล้าและในตอนนี้เขาก็ยังใส่เสื้อผ้าชุดนั้นอยู่ แม้ว่าเืนั้นจะแห้งไปแล้วแต่กลิ่นของเืยังไม่หายไป อันเจิงจึงดูเด่นสะดุดตาจนทำให้ผู้คนตระหนกใ
“เ้าเด็กน้อยถ้าเ้ารู้ว่าสิ่งของนี่คืออะไรละก็ข้าก็จะไม่ถือสากับเื่ที่เ้าทำตัววุ่นวายในโรงจวี้ฉ่างแห่งนี้” ชายชราหนวดขาวตอบกลับ
อันเจิงถอยหลังไปหนึ่งก้าว เขาอุ้มแมวขึ้นมาพลางกล่าว“ผลึกไข่มุกก้อนนี้สามารถกระจายกลิ่นและแสงได้ ในครั้งแรกที่เห็นอย่างไร ๆ ก็เป็ผลึกแกนอสูรระดับต่ำของสิ่งนี้ใช้เพิ่มพลังให้กับสัตว์อสูรชั้นต่ำไม่ได้ รวมไปถึงสัตว์อสูรระดับกลางหรือระดับสูงก็ยังใช้ไม่ได้ถ้ากินสิ่งนี้เข้าไปกินถั่วลิสงยังจะดีเสียกว่า สำหรับผู้ฝึกวิชานั้นของสิ่งนี้ถือว่าไร้ค่าเป็อย่างมากแต่อย่างน้อยที่สุดกลิ่นมันก็หอม”
“ข้าได้ยินมาว่ายาอายุวัฒนะของโรงจวี้ฉ่างราคาห้าพันตำลึง สามารถทำให้ผิวของหญิงสาวดูนุ่มนวลขาวใสถ้าผิวสามารถกลับมาเปล่งปลั่งเหมือนหนุ่มสาววัยแรกแย้มได้แล้วละก็ราคานี้ก็ถือว่าถูกยิ่งนัก แต่ว่าของสิ่งนี้ ในสายตาของข้าช่างไร้ค่าสำหรับคนที่จะฝึกวิชาเป็อย่างยิ่ง”
อันเจิงชี้ไปที่ถาดในมือของหญิงสาวกระโปรงยาวสีขาว “ดูจากระยะไกลก็รู้ว่ามันสามารถกระจายควันและเรืองแสงได้ดังนั้นธรรมชาติของมันก็คือผลึกแกนอสูรระดับต่ำ ถ้าพวกเ้าเข้าไปดูใกล้ ๆก็จะพบว่าข้างในผลึกก้อนนี้มีสีที่ผสมปนเปกันไป เหมือนกับลวดลายเส้นผมอย่างไรอย่างนั้นแต่การกระจายควันทำให้ผลึกมีความเลือนรางส่วนการเรืองแสงนั้นก็ทำให้ผลึกมีความละลานตา ดังนั้นถ้าพวกเ้าไม่สังเกตรอยตำหนิเ่าั้อย่างละเอียดอย่างไรก็มองไม่ออก”
ขณะที่อันเจิงพูดออกมานั้นบรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบงัน“ใจกลางของผลึกเม็ดนั้น น่าจะมีจุดสีดำขนาดเล็ก ๆ อยู่มาก ถึงมองอย่างละเอียดก็ไม่แน่ว่าจะมองเห็นแต่ว่าพวกเ้าจ้องกันมานานขนาดนี้ คงจะเห็นแล้วกระมัง”
คนที่อยู่ด้านล่างเก็บอาการใไว้ไม่มิดไม่มีใครรู้ว่าเด็กคนนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร แต่พูดจาอะไรก็ดูน่าเชื่อถือ ถูกต้องไปเสียทุกอย่างพวกเขาจึงรออย่างใจจดใจจ่อกับคำตอบของอันเจิง
“ของสิ่งนี้แต่เดิมไม่ใช่ผลึกแกนอสูรระดับต่ำแต่มันคือเนื้องอกของงูเขียวั์”
อันเจิงอธิบายต่อไปอีกว่า “ของสิ่งนี้จะพบได้บ่อยในตัวของงูเขียวั์ที่มีอายุสามสิบปีขึ้นไปงูเขียวั์นี้ถึงแม้จะมีความดุร้าย แต่ก็ไม่ใช่สัตว์ร้ายขนาดที่ใหญ่ที่สุดของมันมีความยาวลำตัวเกินยี่สิบเมตร งูเขียวั์ชอบอาศัยอยู่ใจกลางหนองน้ำบางครั้งจะขึ้นมาบนบก ดังนั้นไอความชื้นของมันจึงใหญ่มากถ้ามันอยู่ในที่สกปรกเป็เวลานาน ตัวมันก็จะเกิดความเปลี่ยนแปลงเกิดเนื้องอกนี้ขึ้นมาซึ่งเนื้องอกนี้เป็เพียงโรคชนิดหนึ่งของงูเขียวั์เท่านั้น สิ่งที่พวกเ้าเห็นเป็ไอสีขาวนั้นที่จริงแล้วเป็เพียงไอน้ำ แสงที่พวกเ้าเห็นก็คือพิษของมันที่ทำให้เกิดภาพลวงตาขึ้นมาได้ของสิ่งนี้ไม่สามารถกินได้ หรือถ้าััมันเป็เวลานานมือของพวกเ้าอาจจะมลายหายไปเลยก็ได้”
หลังจากที่อันเจิงพูดประโยคนี้จบลงสีหน้าของหญิงสาวที่ถือถาดนั้นก็เริ่มเปลี่ยนไป ในใจของนางเริ่มอยากจะเอาถาดนี้ออกไปให้ไกลแต่ด้วยความหวาดกลัวชายชราหนวดขาวจึงได้แต่ทนถือต่อไป
“ของสิ่งนี้เป็สิ่งไร้ค่าสำหรับคนฝึกวิชาแม้แต่เอาไปทำเป็ยาก็ยังไม่มีประโยชน์” อันเจิงยักไหล่แล้วเดินกลับไป
ชายชราหนวดขาวรีบเดินไปตรงหน้าของหญิงสาวกระโปรงยาวสีขาวเขาเพ่งมองผลึกนั้นอยู่นาน แล้วพบว่าสิ่งที่อันเจิงพูดนั้นตรงกับผลึกที่อยู่ตรงหน้าทุกอย่างเขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็โบกไม้โบกมือแล้วสั่งการ “เอาไปทิ้งซะหักเงินคนที่ตรวจสอบสินค้านี้เป็เวลาหนึ่งปี”
“อย่า!”
อันเจิงร้องห้าม “ถ้าเอาไปทิ้งก็น่าเสียดายของสิ่งนี้อาจจะไม่มีค่าสำหรับคนฝึกวิชา แต่ถ้าเอาไปขายสักสิบตำลึงก็น่าจะพอขายได้อยู่นำไปวางไว้ที่สูง ๆ ของบ้าน อย่างน้อยก็เอาไว้กำจัดแมลง”
ชายชราหนวดขาวมองอันเจิงตาขวาง แทบจะกินเืกินเนื้อ
คำพูดของอันเจิงทำให้เขาสูญเสียเงินไปหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงถ้าไม่มีคำพูดเ่าั้ ของสิ่งนี้คงจะมีคนซื้อไปนานแล้ว
อันเจิงมีสีหน้าเสียดายของ “แต่ว่าทุกท่านที่นี่ล้วนเป็คนที่มีเงินกันทั้งนั้นผิดกับบ้านของข้าที่ทั้งซอมซ่อและยังเต็มไปด้วยหนูและแมลง เช่นนั้นท่านจะขายให้ข้าได้หรือไม่?”
ชายชราหนวดขาวได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินกลับไปที่เวทีประมูล
อันเจิงควักเงินที่มีอยู่ออกมา“จะขายให้ข้าหรือไม่?”