เสี่ยวเอ้อร์ที่อยู่ไม่ห่างหน้าซีดขึ้นมาโดยพลันก่อนจะผลุนผลันออกจากห้องไป มิกล้าฟังต่อแม้แต่คำเดียว
ยิ่งสามัญชนทราบความลับของราชวงศ์มากเท่าใด ยิ่งเป็อันตรายมากขึ้นเท่านั้น เลวร้ายที่สุดอาจถึงรักษาชีวิตไว้ไม่ได้
ท้ายที่สุดสาวใช้คนหนึ่งขององค์หญิงฮุ่ยหลิงก็คิดเข้าไปห้ามอีกครั้ง ทว่าฮวาชีเยว่ไม่ยินยอมให้โอกาสนั้น นางปล่อยเส้นสายอากาศที่มองไม่เห็นจากนิ้วไปยังองค์หญิงฮุ่ยหลิง กระซิบในใจ “มาเถิด ความเกลียดชัง ความโกรธแค้น! ระบายความเกรี้ยวกราดทั้งหมดออกมา ทำทุกสิ่งที่เ้า้า! ”
ศาสตร์บงการิญญา!
เมื่อถูกเส้นสายอากาศนั้นัั องค์หญิงฮุ่ยหลิงก็กรีดร้องออกมา ทันใดนั้นนางก็ดึงเอามีดแหลมคมออกมาจากแขนเสื้อ แทงไปยังองค์หญิงฮุ่ยเจิน!
ก่อนหน้านั้นพวกนางเคยแต่โต้เถียงกันด้วยคารม จี้เฟิงอยากจะหยุดเื่ราวเหล่านี้เสียที อย่างไรการให้ผู้อื่นหิวรอก็นับว่าเสียมารยาท
ทว่าเขากลับต้องใขึ้นมา เมื่อจู่ๆ องค์หญิงฮุ่ยหลิงพุ่งเข้าจู่โจมพระเชษฐภคินีของตน ตอนนี้แม้้าจะหยุดก็มิอาจห้ามไว้ได้แล้ว
ทุกคนหน้าซีดเผือด อย่างไรทั้งฮุ่ยหลิงและฮุ่ยเจินต่างฝ่ายต่างก็ยืนอยู่ทั้งคู่ ทั้งยังอยู่ใกล้กันมาก
หากมีดนั้นแทงโดนองค์หญิงฮุ่ยเจินเข้าจริงๆ แล้วนั้น...
“อ๊าย!”
องค์หญิงฮุ่ยเจินกรีดร้อง มีดแทงโดนแขนนาง แผลไม่ถึงชีวิตทว่านางกลับดูบ้าคลั่ง ทันใดนั้นนางหยิบเอาจานปลาขึ้นมาแล้วฟาดมันใส่องค์หญิงฮุ่ยหลิง!
จี้เฟิงเร่งร้อนเข้าไปพยายามหยุดฮุ่ยเจินทว่าล้มเหลว องค์หญิงฮุ่ยหลิงยังคงเจ็บศีรษะ เืไหลซึมออกมาเป็แนว องครักษ์ที่มาด้วยต่างก็รีบเข้ามาแยกคนบ้าทั้งสองออกจากกัน!
สององค์หญิงล้วนแต่กำลังเกรี้ยวกราดมิอาจควบคุม แม้จะถูกองครักษ์จับแยกแล้วทว่ายังคงกรีดเสียงก่นด่าสาปแช่งใส่กัน
เกิดเื่ใหญ่โตเช่นนี้ โจวจื่อเฉิงไม่กล้าอยู่ต่อแล้ว เขารีบจากไปเช่นเดียวกับองค์หญิงฮุ่ยหยาและท่านหญิงิจู
ไม่ถึงครึ่งเค่อ เื่ราวขององค์หญิงทั้งสองก็แพร่ไปทั่วเมืองหลวง
ในห้องนั้น ฮวาชีเยว่และคนอื่นๆ ปล่อยให้เสี่ยวเอ้อร์เข้ามาทำความสะอาดแล้วจึงทานอาหารต่อ
เทียนซีใเสียจนหน้าซีดขาว ฮวาชีเยว่ลูบหัวเขาอย่างนิ่มนวล กระซิบบอก “เทียนซี โลกนี้โหดร้ายทั้งยังเกิดเื่ขึ้นได้มากมาย หากเ้าเจอใครข่มขู่เอาชีวิตเ้า เ้าฆ่าคนแม่ย่อมไม่โทษเ้า”
นางกระซิบถ้อยคำเ่าั้ให้เทียนซีฟังเพราะนาง้าให้เขาเข้าใจว่า ใน่เวลาความเป็ความตายที่มีผู้้าสังหารเขา เขาจำต้องสังหารอีกฝ่ายก่อน มิเช่นนั้นเขาเองจะเป็ฝ่ายตาย
เทียนซีเข้าใจ เด็กชายพยักหน้าอย่างหนักแน่น
“เอาล่ะ ทุกคนทานต่อเถอะ ไม่ต้องสนใจเื่ที่เกิดขึ้นหรอก พวกเ้าก็รู้จักองค์หญิงทั้งสองดี ทั้งยังไม่ใช่เื่ของพวกเรา เทียนซีอยากกินทอดมันหรือไม่? ที่นี่ทำทอดมันจากกุ้ง เนื้อและผักโขม อร่อยยิ่งนัก!” จี้เฟิงยิ้ม คีบทอดมันใส่ลงในถ้วยของเทียนซี
ดวงตาเทียนซีลุกโชน ตะกละนัก! ทันทีที่ได้ยินเื่อาหาร เด็กน้อยก็โยนปัญหาที่เพิ่งเจอทิ้งไปจนหมดสิ้น
เมื่อมีฮวาชีเยว่อยู่ด้วย เขาก็ไม่ต้องกลัวจะถูกทิ้งหรือถูกผู้อื่นรังแกอีกแล้ว
เด็กชายกัดทอดมันแล้วพยักหน้าทันที แสดงว่าอร่อยมาก
“มิคาดว่าองค์หญิงฮุ่ยหลิงและองค์หญิงฮุ่ยเจินสองคนนั้นจะมีปัญหากัน เช่นนี้ฮ่องเต้ย่อมต้องไม่พอใจเป็แน่ นับว่าเป็ความอับอายของราชวงศ์แล้ว” จี้จิงส่ายหน้า แค่นเสียงหยัน “ข้าไม่ชอบสตรีสองคนนั้น แต่กลับโชคร้ายพบพวกนางที่นี่เสียได้!”
“จิงเอ๋อร์อย่าพูดไร้สาระต่อหน้าผู้อื่น พูดที่นี่...” จี้เฟิงจ้องมองจี้จิงด้วยสายตาตำหนิ เตือนเสียงต่ำ
อวิ๋นสือโม่ตวัดตามองประตูที่มิได้ลงกลอน “เหมือนองค์หญิงฮุ่ยหลิงจะสนใจท่าน พี่จี้”
สีหน้าจี้เฟิงเ็าขึ้นมา “นางกับข้าเป็คนคนละประเภท ข้าไม่มีวันรักนาง”
ด้วยเกรงว่าฮวาชีเยว่จะเข้าใจผิด จี้เฟิงจึงรีบอธิบายทันที
อวิ๋นสือโม่ยิ้มเย็น กล่าวต่อ “ท่านย่อมมิอาจขัดพระบัญชา”
พิศไปแล้วอวิ๋นสือโม่ดูคล้าย้าหาเื่จี้เฟิง ฮวาชีเยว่ได้แต่มองเขาอย่างสงสัยว่าอีกฝ่ายเกลียดนางไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นนางยิ่งไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาจึงมาอยู่ที่นี่ด้วยได้ เพื่อกินดื่มหรือ? เอ่อ...จวนหนานอ๋องคงมิได้สิ้นไร้ไม้ตอกปานนั้นกระมัง?
“ฮ่องเต้ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการแต่งงานของคนสกุลจี้” จี้เฟิงไม่กังวลแม้แต่น้อย “ยิ่งกว่านั้น เพิ่งเกิดเื่เช่นนี้ขึ้น คิดว่าพระองค์จะยังยอมให้นางแต่งกับข้าอีกหรือ?”
จี้เฟิงเอ่ยได้ถูกต้องแล้ว อวิ๋นสือโม่สำลัก จากนั้นจึงยิ้ม “ท่านเอ่ยได้ถูกต้องแล้ว เทียนซี เ้าอยากดื่มน้ำแกงหรือไม่ สิ่งนี้มีประโยชน์ยิ่งนัก ทำให้เ้าฉลาดและเรียนเก่งขึ้น”
อวิ๋นสือโม่เคยเ็าประหนึ่งูเาน้ำแข็ง ทว่ายามนี้กลับออกปากพูดคำที่ทำให้ทุกคนตกตะลึง กระทั่งปิงอี่ที่ติดตามมาด้วยก็ยังอดมิได้ให้ประหลาดใจ
เทียนซีมองถ้วยน้ำแกงที่อวิ๋นสือโม่ส่งมาให้อย่างยินดี
บุรุษทั้งสองต่างก็เอาอกเอาใจเทียนซีเสียจนท้องของเด็กน้อยกลมป่องราวกับลูกหนัง
ฮวาชีเยว่มองภาพเบื้องหน้าแล้วก็อดมิได้ให้ยิ้มออกมา
ที่จริงนางไม่อยากใช้วิชาิญญาบัญชา แต่อีกฝ่ายเคยทำร้ายเทียนซี ทั้งยังทรมานนางจนตาย นางย่อมมิอาจกดข่มความเกลียดชังเอาไว้ได้
คนทั่วไปยังมิทราบวรยุทธ์ของนาง ทว่าหากเป็ปรมาจารย์ยุทธ์ พลังปราณที่นางส่งออกไปย่อมต้องถูกััได้
“ปล่อยสตรีบ้าสองคนนั้นทุบตีกันเองก็ดีแล้ว ฮ่องเต้ย่อมไม่ปล่อยให้พวกนางออกมาจากวังง่ายๆ อีกเป็แน่”
จี้จิงยิ้มกล่าว แต่ฮวาชีเยว่กลับไม่คิดเช่นนั้น จึงได้ส่ายหน้าน้อยๆ
“ชีเยว่ เ้าคิดอย่างไร?” เห็นฮวาชีเยว่ส่ายหน้า จี้เฟิงจึงถามขึ้นมาอย่างสงสัย
“องค์หญิงทั้งสองล้วนแต่เป็พระธิดาในฮองเฮา แม้เื่ที่เกิดขึ้นวันนี้จะดูน่าผิดหวังอยู่บ้าง ทว่าพรุ่งนี้อย่างไรก็ต้องปรากฏตัว ทำเื่ดีๆ รักษาหน้าตาเกียรติยศเอาไว้” ฮวาชีเยว่พูดอย่างเยือกเย็นพร้อมรอยยิ้ม “กักบริเวณเอาไว้ในวังย่อมไม่อาจรักษาหน้า”
“ใช่ เ้าพูดได้ถูกต้อง!” จี้เฟิงแสดงความชื่นชมฮวาชีเยว่ออกมา จี้จิงเองก็ยิ้มอย่างยินดี
“พี่ชีเยว่ฉลาดนัก หากข้าฉลาดได้สักครึ่งของท่านก็คงยินดีแล้ว” จี้จิงยังลูบหัวเทียนซีอยู่เป็ระยะ เทียนซีเองก็ตอบรับด้วยการจับแขนเสื้ออีกฝ่ายเอาไว้
ฮวาชีเยว่ยิ้มบาง พรุ่งนี้ วันพรุ่งนี้นางจำเป็ต้องพบองค์หญิงฮุ่ยหลิงแล้วจริงๆ
ดังที่ฮวาชีเยว่กล่าวไว้ วันต่อมาองค์หญิงฮุ่ยหลิงและองค์หญิงฮุ่ยเจินล้วนแต่เสด็จมายังลานประลองเพื่อดูการประลองรอบเช้า จากนั้นจึงเดินเล่นตามทางด้วยกัน ทั้งคู่ต่างมีนางกำนัลชุดดำสองคนที่ดูมีวรยุทธ์ติดตาม
เพื่อมิให้ทั้งสองทะเลาะกันอีก ฮองเฮาจึงจัดแต่จอมยุทธ์ให้ติดตามทั้งสองคน หากทั้งคู่คิดจะต่อสู้กัน ผู้มีวรยุทธ์ทั้งสองจะเข้าห้ามทันทีโดยไม่ลังเล
ถึงอย่างไรผู้มีวรยุทธ์ทั้งสองต่างก็เป็คนของฮองเฮา ฟังแต่ฮองเฮามิใช่องค์หญิง
เมื่อเดินไปได้สักพัก องค์หญิงฮุ่ยหลิงก็พบเด็กขอทานคนหนึ่ง คนจึงเผยความเมตตาในสายตา จากนั้นจึงมอบแท่งเงินให้เด็กผู้นั้น
ทว่าหนึ่งในจอมยุทธ์กลับห้ามนางเอาไว้ “องค์หญิง มอบเงินให้มีแต่จะดึงดูดคนร้ายเข้าหาเด็ก เขายังเล็ก เหตุใดไม่คิดหาหนทางอื่นล่ะเพคะ? ”
“หนทางใดเล่า?” องค์หญิงฮุ่ยหลิงรู้สึกโมโหขึ้นมาเล็กน้อย แต่เมื่อคิดถึงสีหน้ากริ้วโกรธของเสด็จแม่ก็อดรู้สึกเย็นเยือกขึ้นมาไม่ได้
“เช่นซื้อบ้านสักหลัง ให้เด็กจรจัดเหล่านี้ได้พักอาศัย มอบอาหารและเสื้อผ้าให้พวกเขาเป็อย่างไรเพคะ?”
ฮองเฮามอบจอมยุทธ์สองคนให้องค์หญิงทั้งสองตามลำดับ ทั้งยังมีข้อกำหนดให้แก่จอมยุทธ์ทั้งหมด กล่าวว่าผู้ใดออกความคิดให้องค์หญิงกู้หน้าคืนได้เร็วที่สุดจะได้รับรางวัลหนึ่งหมื่นตำลึงทอง
“ใช่ ใช่ ดี! จัดการได้เลย รีบไปนำตัวเด็กจรจัดไปที่ร้านอาหาร ให้กินให้อิ่ม จากนั้นซื้อบ้าน จัดพวกเขาเข้าไปอยู่เสีย ข้าจะจ่ายเงินทั้งหมดเอง”
องค์หญิงฮุ่ยหลิงยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี
องครักษ์ของนางรีบรับคำสั่ง จากนั้นนางจึงก้าวเข้าร้านอาหารเพื่อทานอาหาร เมื่อรู้สึกว่าเด็กๆ กำลังมองนางด้วยสายตาซาบซึ้ง ความรู้สึกภาคภูมิใจพลันลอยออกมา
ดูสิ นางทำเื่ดีๆ แล้ว กับเด็กๆ เหล่านี้นางเป็ดังเทพ เพราะนางเด็กพวกนี้จึงไม่ต้องห่วงเื่อาหารและเสื้อผ้าอีกแล้ว!
“ได้ยินเื่วันนี้หรือไม่ มียายแก่คนหนึ่งเกือบถูกรถม้าชนที่ถนนถงซี เห็นว่ารถม้าคันนั้นเป็ของคหบดีร่ำรวยผู้หนึ่ง ตอนเกิดเื่ลูกชายเขานั่งอยู่ด้านใน คนผู้นี้ทั้งหยิ่งผยองทั้งวางอำนาจมักรังแกชาวบ้าน คนไม่เคยสนใจคนเดินถนน แต่กลับมีคนเสี่ยงชีวิตเข้ามาช่วยผลักยายแก่ออกไป!”
“อะไรกัน! ไม่มีทาง! เหตุใดจึงป่าเถื่อนเช่นนี้ ใครเป็ผู้ช่วยยายแก่คนนั้นเอาไว้เล่า?!”
“เป็องค์หญิงฮุ่ยเจินที่เพิ่งก่อเื่ทะเลาะกันที่ร้านวั่งเยว่ เห็นว่านางถูกรถม้าชนจนสลบ โชคดีมีจอมยุทธ์เข้ามาช่วยไว้ได้ทันเวลา ์ ช่างอันตรายโดยแท้!”
“เื่จริงหรือ? องค์หญิงน่ะหรือจะช่วยชาวบ้าน? ”
“เื่จริงแท้ ข้าเห็นมากับตา!”
“ใช่แล้ว ข้าเป็พยานได้ มิคาดองค์หญิงฮุ่ยเจินจะทั้งงดงามทั้งใจกว้าง ไม่รู้ป่านนี้เป็อย่างไรบ้างแล้ว”
ผู้คนในร้านล้วนแต่พูดคุยกันหลายเื่ ทำให้องค์หญิงฮุ่ยหลิงหงุดหงิดนัก!
จอมยุทธ์ทั้งสองมองหน้ากันแล้วส่ายหน้าอย่างไร้หนทาง พวกนางมิคาดองค์หญิงฮุ่ยเจินจะลงมือทำเื่อันตรายเช่นนี้ แย่งชิงความนิยมไปต่อหน้าต่อตา
แต่วิธีของพวกนางจะได้รับผลอย่างช้า
อย่างไรองค์หญิงฮุ่ยเจินก็ใช้ชีวิตตนเอง หากไม่ระมัดระวังให้ดีย่อมต้องสละชีวิตตนเองแล้ว
องค์หญิงฮุ่ยหลิงไม่พอใจ นางผุดลุกขึ้น คิดอยากเลิกทานอาหารมื้อนี้แล้ว ทันเวลาพอดีหรือ? ตดสุนัขเถอะ! มองอย่างไรก็เป็งิ้วฉากหนึ่ง! อีกฝ่ายจงใจให้ตนเองาเ็!
แต่ผู้ติดตามทั้งสองกลับหยุดองค์หญิงฮุ่ยหลิงเอาไว้ “องค์หญิงอย่าได้ทรงกริ้วไปเพคะ ท่านไม่เห็นผู้อื่นกำลังมองท่านอยู่หรือเพคะ? อย่างไรท่านก็นำเด็กกำพร้ามาเยอะเพียงนี้...”
องค์หญิงฮุ่ยหลิงหันไปมองอย่างแปลกใจ พบว่ามีบุรุษหลายคนกำลังมองนางพร้อมรอยยิ้มเป็มิตร นางรีบข่มความโมโหลง หยิบตะเกียบขึ้นมาอีกครั้ง
เห็นรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้าองค์หญิงฮุ่ยหลิง สายตาอ่อนโยนที่นางใช้มองเด็กกำพร้า สองผู้ติดตามก็โล่งใจ
แม้การรับใช้ราชวงศ์จะทำให้ลำบากไปบ้างทว่าโดยรวมก็นับว่าดียิ่ง ถึงอย่างไรเงินที่ได้รับก็นับว่าดีมาก มิเช่นนั้นนางคงไม่ทำงานให้องค์หญิงเ้าอารมณ์ผู้นี้มาอย่างยาวนาน
ในภาพรวม องค์หญิงฮุ่ยเจินเป็ผู้ชนะในการแข่งขันครั้งนี้
องค์หญิงฮุ่ยหลิงรู้สึกเพียงรู้สึกเพียงว่าอาหารนี้รสชาติย่ำแย่นัก นางไม่ทราบว่าตนกำลังทานอะไรอยู่ ทานเข้าไปเพียงคำเล็กๆ เท่านั้น ทว่าด้วยเกรงจะถูกผู้คนครหาว่าทานทิ้งขว้าง นางจึงได้ฝืนตัวเองให้ทานมากขึ้นอีก