ในห้องโถงชั้นล่าง มีเสียงร้องขึ้นด้วยความตื่นเต้น
ทว่าสองฝ่ายที่กำลังห้ำหั่นกันอย่างดุเดือดนั้นแทบจะไม่พูดอะไรเลย แต่กลับััได้ถึงกลิ่นอายของการสังหารอันเข้มข้น
ในวังหลวง บรรดาขุนนางต่างตื่นเต้นไปด้วย พวกเขาชมการเดินหมากล้อมอย่างสนุกสนาน
“กับดักนี้ของหมากขาว ทำได้เยี่ยมมาก!”
“แตกแล้ว หมากดำโจมตีแล้ว เร็วเหลือเกิน!”
“หมากขาวสร้างกับดักอีกแล้ว!”
“หมากดำทำลายได้อีก!”
“สังหารกันอย่างดุเดือดเหลือเกิน!”
“ฝีมือแทบจะสูสีกัน!”
สีหน้าของเซวียนหยวนเช่อไม่เปลี่ยนสักนิด ทว่ามือที่ถือจอกสุรากลับออกแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เส้นเืบริเวณหลังมือแทบจะะโออกมา กระทั่งหมากขาวและหมากดำห้ำหั่นกันจนถึงก้าวที่สิบ เขาพลันออกแรงบีบจอกสุราแล้วพูดเสียงดังว่า “แตกแล้ว! ค่ายกลหน้าผาสูงชันพันหน้าถูกทำลายลงแล้ว!”
คราวนี้ ทำให้ทุกคนใจนสะดุ้งแล้วหันมามองเขาโดยพร้อมเพรียงกัน
เซวียนหยวนเช่อกระแอมกระไอปกปิดอาการ จากนั้นยกจอกสุราขึ้นพร้อมกับพูดเรียบๆ “ทุกคนอย่าเอาแต่ชมการเดินหมาก มาๆ มาดื่มสุราด้วยกันสักจอก อวยพรให้นักเดินหมากของแคว้นเป่ยเยียนของเราเป็ผู้กำชัยชนะ!”
ขุนนางทั้งหลายรีบยกจอกสุราขึ้นน้อมคำนับพร้อมกับกล่าวว่า “ขอให้นักเดินหมากของแคว้นเป่ยเยียนของพวกเราเป็ผู้กำชัยชนะ!”
เฟิ่งชังะโเสียงดังกว่าคนอื่นๆ “ขอให้นักเดินหมากของแคว้นเป่ยเยียนของพวกเราเป็ผู้กำชัยชนะ!”
ไท่จื่อน้อยร้องเสียงดังอย่างตื่นเต้น “หมากขาวจงเจริญ หมากขาวจงเจริญ!”
หลี่หรงเต๋อลอบมองเฟิ่งชัง ไท่จื่อน้อยและฮ่องเต้ เขารู้สึกได้ว่าไม่ถูกต้อง เขาพลันรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง แม้ฝ่าาจะกล่าวว่าไม่ร่วมวางเดิมพัน แต่ชัดเจนเหลือเกินว่าฝ่าาเอนเอียงมาทางหมากขาว เขาควรจะยืนอยู่ข้างเดียวกับฝ่าาจึงจะถูกต้อง ทันทีที่ถูกเฟิ่งชังยั่วยุ เขาเปลี่ยนข้าง ตอนนี้เขาเสียใจที่สุด!
ณ ห้องพิเศษ เทียน มือที่ถือหมากของซือคงเซิ่งเจี๋ยพลันหยุดชะงัก สายตาจับจ้องอยู่บนกระดานหมาก จิตใจของเขายากจะสงบลงได้
ซือคงจวินเย่เดินเข้ามาถามใกล้ๆ “เป็อะไรไป”
ซือคงเซิ่งเจี๋ยพลันหัวเราะเสียงดังขึ้นมา เขาพูดอย่างอารมณ์ดี “แตกแล้ว! ค่ายกลหน้าผาสูงชันพันหน้าของข้าถูกนางทำลายลงแล้ว!”
คนธรรมดาทั่วไปหากถูกคนอื่นทำลายค่ายกล ปฏิกิริยาแรกคือต้องเป็กังวลและตื่นเต้น เขากลับไม่เป็เช่นนั้น ปฏิกิริยาแรกของเขาคือตื่นเต้น!
ใช่แล้ว มีคนทำลายค่ายกลของเขาได้ เขาไม่เพียงแต่ไม่หงุดหงิด แต่กลับดีใจ
เพราะมีเพียงเช่นนี้จึงทำให้เขาเดินหมากอย่างสนุกสนาน เขาไม่ชอบความรู้สึกที่หาคู่ต่อสู้มาประมือไม่ได้ ความรู้สึกเช่นนั้นมันโดดเดี่ยวเกินไป!
“อะไรนะ แตกแล้วหรือ” ปฏิกิริยาของซือคงจวินเย่ตรงข้ามกับเขา เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ค่ายกลที่น้องชายคิดค้นออกมาด้วยความภาคภูมิใจ ถึงกับถูกคนทำลายลงได้ อีกทั้งอีกฝ่ายยังเป็ถึงฮองเฮาของแคว้นเป่ยเยียน
ซือคงเซิ่งเจี๋ยหัวเราะเบาๆ และเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาคู่นั้นระยิบระยับดึงดูดสายตาคนยิ่งนัก “นางไม่เพียงแต่ทำลายค่ายกลของข้า นางยังเปิดสนามรบแห่งใหม่และสร้างอุปสรรคให้กับข้า! หมากก้าวนี้เดินได้เยี่ยมยอดจริงๆ! ถึงขั้นเรียกได้ว่ามือชั้นเทพ!”
“มือชั้นเทพหรือ” ซือคงจวินเย่ตกตะลึง ได้ยินวาจาชื่นชมเช่นนี้จากปากน้องชาย เขาถึงกับตื่นตะลึง!
มีเสียงร้องดังขึ้นมาจากห้องโถงชั้นล่าง “แตกแล้ว! ค่ายกลแตกแล้ว!”
เห็นเพียงฟางเสียลุกขึ้นด้วยความตื่นเต้น เขาถูมือไปมา “เยี่ยม หมากก้าวนี้เยี่ยมมาก! ช่างเป็มือชั้นเทพโดยแท้!”
“ฟางเสีย เหตุใดจึงเป็มือชั้นเทพเล่า อธิบายให้พวกเราฟังสักหน่อยสิ!” มีคนถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ
ในฐานะที่เป็ที่ยอมรับของคนในชุมนุมหมากล้อมของแคว้นเป่ยเยียนว่าเป็นักเดินหมากอันดับหนึ่ง คำพูดของฟางเสียยังพอมีอิทธิพลต่อส่วนรวมอยู่ เขาถึงกับกล่าวว่าหมากก้าวนี้เป็มือชั้นเทพ เช่นนั้นย่อมต้องเป็มือชั้นเทพแน่นอน!
คนทั้งหมดล้วนมองมาทางเขาอย่างแปลกใจ และรอคำอธิบายจากเขา
ฟางเสียชี้ไปที่กระดานหมากและอธิบายอย่างตื่นเต้น “ทุกคนดูสิ ที่จริงตรงนี้มีมุมสามเหลี่ยมขนาดใหญ่ คล้ายคลึงลักษณะของหน้าผาขาด แต่ตอนนี้ หน้าผานี้ได้ถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ไม่ใช่หน้าผาขาดอีกต่อไป! หน้าผาไม่เป็หน้าผา จะขาดก็ไม่ขาด! ไม่เรียกว่าถูกทำลายแล้วจะเรียกว่าอะไร”
ทุกคนกระจ่างแจ้ง
“ใช่แล้ว! ที่แท้เป็ลักษณะของค่ายกล สุดท้ายถูกโจมตีจนอลหม่าน!”
“ค่ายกลถูกทำลายลงแล้วจริงๆ หรือ!”
“ร้ายกาจ!”
ฟางเสียพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้นอีก “หมากก้าวนี้ของแม่นางเฟิง ไม่เพียงแต่ทำลายค่ายกลของอีกฝ่าย ซ้ำยังเปิดพื้นที่สำหรับทำศึกใหม่ สร้างความตื่นกลัวให้กับหมากขาว! ดังนั้น เรียกว่ามือชั้นเทพก็ไม่เกินไปนัก!”
ทุกคนต่างตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง
“แม่นางเฟิงเก่งกาจจริงๆ!”
“แม่นางเฟิงสุดยอด!”
“แม่นางเฟิงร้ายกาจ!”
“แม่นางเฟิงร้ายกาจ!”
“...”
ผู้ชมหมากล้อมของแคว้นหนานเยียนไม่พอใจ
“มีอะไรเก่งกาจตรงไหน”
“แพ้ชนะยังไม่แน่นอน!”
“องค์ชายสามยังไม่ได้แสดงฝีมือเลย พวกเ้ารอดูไปก่อนเถิด!”
“องค์ชายสามเก่งกาจ!”
“องค์ชายสามเก่งกาจ!”
“...”
กองเชียร์ของแต่ละฝ่ายต่างลุกขึ้นมายกยอฝ่ายของตนเอง
ณ ห้องพิเศษ เทียน ซือคงจวินเย่ถามน้องชายด้วยความเป็ห่วง “อาเซิ่ง เ้าจะพ่ายแพ้ให้กับนางหรือไม่”
หากเปลี่ยนเป็เมื่อสักครู่ คำพูดเช่นนี้ไม่มีทางหลุดออกจากปากของเขา เพราะในสายตาของเขา น้องชายนั้นไร้ศัตรูเทียบได้
แต่ตอนนี้จิตใจของเขาเริ่มหวั่นไหว
ซือคงเซิ่งเจี๋ยส่ายหน้าพูดด้วยน้ำเสียงถือตัว “แม้นางจะทำลายค่ายกลของข้าได้ แต่หากคิดจะเอาชนะข้า ยังห่างชั้นอีกไกล!”
ซือคงจวินเย่ได้ยินเช่นนั้นจึงวางใจลงได้ทันที “เช่นนั้นก็ดี!”
ซือคงเซิ่งเจี๋ยจ้องกระดานหมากเขม็ง แววตาของเขามีความตื่นเต้นพาดผ่าน “ค่ายกลหน้าผาสูงชันพันหน้าของข้า เป็เพียงอาหารจานแรกเพื่ออุ่นกระเพาะเท่านั้น อาหารจานหลักนั้นรออยู่ข้างหลัง ต้องดูว่าเ้าจะกินลงไปหรือไม่”
พูดแล้ว เขาก็วางหมากลงไปตัวหนึ่งดัง แปะ!
บนกระดานหมากใหญ่ หมากขาวเข้าสู่ภวังค์ความคิดอันลึกล้ำอีกครั้ง!
ฟางเสียตกตะลึง “นี่คือ...”
จ้าวฉีงงงันเช่นกัน “ไม่ใช่กระมัง...”
หานไท่ฟู่กุมหน้าอก “เกิดอะไรขึ้นอีก หัวใจดวงน้อยๆ ของข้า!”
ริมฝีปากสีชมพูของซือคงเซิ่งเจี๋ยแย้มยิ้มบางๆ เขาดื่มน้ำชาคำหนึ่ง ราวกับทุกอย่างอยู่ในการคาดคะเนของเขา
หัวใจที่ตุ้มๆ ต่อมๆ ของซือคงจวินเย่จึงวางลงเสียที เขารู้ว่าน้องชายไม่มีทางแพ้ ต่อให้อีกฝ่ายมีฝีไม้ลายมือดีเยี่ยม ทำลายค่ายกลใหม่ของน้องชายได้ แต่ก็ไม่อาจเอาชนะน้องชายได้เด็ดขาด!
“อาเซิ่ง นี่เป็ค่ายกลใหม่ของเ้าอีกหรือ”
ซือคงเซิ่งเจี๋ยวางถ้วยน้ำชาในมือลงด้วยท่วงท่าสง่างาม เขาพยักหน้านิดๆ “ถูกต้อง นี่เป็หนึ่งในสามค่ายกลใหม่ที่ข้าเพิ่งคิดค้นได้ ข้าตั้งชื่อให้มันว่า ‘ค่ายกลดาบโลหิตพญามัจจุราช’ ข้าไม่เคยใช้ค่ายกลนี้ต่อหน้าธารกำนัลมาก่อน จนถึงตอนนี้นอกจากศิษย์พี่ของข้าแล้ว ยังไม่มีใครคู่ควรให้ข้าต้องนำค่ายกลใหม่นี้ออกมาใช้ ฮองเฮาแห่งแคว้นเป่ยเยียนท่านนี้ เป็ข้อยกเว้น!”
ซือคงจวินเย่ถามอย่างประหลาดใจ “ค่ายกลดาบโลหิตพญามัจจุราชหรือ หากเปรียบเทียบกับค่ายกลหน้าผาสูงชันพันหน้าล่ะ”
นิ้วเรียวยาวของซือคงเซิ่งเจี๋ยเคาะโต๊ะเป็จังหวะ เขาพูดช้าๆ “ค่ายกลดาบโลหิตพญามัจจุราชนั้นพัฒนามาจากค่ายกลอีกชนิดหนึ่ง เมื่อเปรียบเทียบกับค่ายกลหน้าผาสูงชันพันหน้าแล้วมันมีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงได้มากยิ่งกว่า ไม่เดินตามกฎ ถึงขั้นเรียกได้ว่าไม่มีตรรกะเหตุผลใดๆ มารองรับทั้งสิ้น มันเหมือนดาบที่ดื่มโลหิตของพญามัจจุราชเล่มหนึ่ง ที่รอคอยอยู่เหนือกระดานหมาก ทันทีที่อีกฝ่ายไม่ทันระวังก็จะถูกปลิดชีพทันที!”
“ร้ายกาจถึงเพียงนี้เชียวหรือ” ซือคงจวินเย่ตื่นตระหนก คิ้วตาเต็มไปด้วยความยินดี “ดีเหลือเกิน! เมื่อเป็เช่นนี้ เฟิ่งเฉี่ยนจะต้องทำลายค่ายกลใหม่ของเ้าไม่สำเร็จ!”
ซือคงเซิ่งเจี๋ยกลับส่ายหน้า “นั่นยังไม่แน่! สตรีคนนี้ไม่ปกติจริงๆ ไม่เพียงแต่ตัวนางที่ผิดปกติ พฤติกรรมของนางก็ผิดปกติเช่นกัน วิธีการเดินหมากของนางยิ่งผิดปกติเข้าไปอีก! คนอื่นทำลายไม่ได้ แต่นางนั้นไม่แน่!”
ั์ตางดงามนั้นพลันนิ่งลึกราวกับถูกปกคลุมด้วยหมอกควันบางๆ “นี่เป็บททดสอบที่สามที่ข้าทดสอบนาง ข้ากลับปรารถนาให้นางทำลายได้...”
ซือคงจวินเย่ตื่นตะลึง เขาขมวดคิ้วแน่น ความคิดของน้องชายยังคงทำให้คนคาดเดาไม่ได้ตลอดกาล แต่เขาแน่ใจเหลือเกินว่าหมากกระดานนี้จะให้เฟิ่งเฉี่ยนชนะไม่ได้เด็ดขาด!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้