ด้วยความพยายามของชายทั้งสี่คนห้องที่คนแทบไม่กล้าเหยียบเข้าไปก็ถูกแปลงโฉมใหม่ ฝุ่นหนาเตอะถูกปัดกวาดเช็ดถูจนสะอาดเอี่ยม ผนังและฝ้าเพดานถูกปูด้วยวอลเปเปอร์หรูหราใหม่ทั้งหมด พื้นห้องก็ถูกปูด้วยพรมสีเหลืองอ่อน มันคือพรมที่เคยปูไว้ในห้องนอนของซูเฟยเฟยก่อนหน้านี้และถูกนำมาที่นี่ภายใต้ความ้าของเธอ ที่บังเอิญมากๆอีกอย่างก็คือพรมของเธอมีขนาดพอดีกับห้องนี้เป๊ะ เมื่อปูไปแล้วก็เข้ากันกับห้องได้เป็อย่างดี เื่นี้ทำให้ดวงตาของซูเฟยเฟยเป็ประกายจนอดคิดไม่ได้ว่ามันเป็พรมลิขิตระหว่างตัวของเธอเองกับห้องนี้ เมื่อบอดี้การ์ดทั้งสี่คนได้ฟังก็รู้สึกใจสั่นขึ้นมา
ที่นอน ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเขียนหนังสือ โต๊ะเครื่องแป้ง กระจก........ทั้งหมดถูกจัดอยู่ในตำแหน่งที่สมบูรณ์ บอดี้การ์ดสี่คนที่สวมชุดสูทและรองเท้าหนังเปรอะเปื้อนฝุ่นไปทั้งตัวราวกับเพิ่งปีนออกมาจากกองฝุ่นเลยทีเดียว แต่เมื่อมองห้องที่ถูกปรับโฉมใหม่แล้วพวกเขาก็ถึงกับต้องถอนหายใจยาว ั้แ่เล็กซูเฟยเฟยก็เติบโตขึ้นมาด้วยชีวิตที่หรูหรา ถ้าให้เธออาศัยอยู่ในห้องที่แสนจะสกปรกโสโครกก่อนหน้านี้ล่ะก็ ไม่ต้องพูดถึงคุณหนูเลย แม้เป็พวกเขาทั้งสี่คนก็คงรับไม่ได้เหมือนกัน
เก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว...... นั่นก็หมายความว่าต่อไปเธอจะมาอยู่ที่นี่จริงๆแล้ว
“คุณหนู เก็บกวาดเรียบร้อยแล้วครับ”
อ่าฮะ......ซูเฟยเฟยหยิบการดาษรายการที่เธอเพิ่งเขียนเสร็จได้ไม่นานออกมาจากกระเป๋าแล้วคลี่ออกต่อหน้าบอดี้การ์ดทั้งสี่ “นี่เป็สิ่งที่ฉัน้าซื้อ ต้องซื้อมาให้ฉันทั้งหมดภายในเวลาหนึ่งชั่วโมง!”
เมื่อมองเห็นรายการที่ยาวเหยียดเกือบหนึ่งเมตรบอดี้การ์ดทั้งสี่คนก็แทบจะหลั่งน้ำตาออกมา
เย่เทียนเซี่ยที่ดูทีวีอยู่ตลอดเวลาในที่สุดก็หันมองมา ทว่าสิ่งที่เขามองไม่ใช่ซูเฟยเฟย หากแต่เป็ประตูบ้านของเขาต่างหาก
เสียงฝีเท้าที่กำลังเดินอย่างรีบร้อนใกล้เข้ามาตามมาด้วยเสียงความเคลื่อนไหวบางอย่าง ประตูที่ไม่ได้ล็อกถูกผลักให้เปิดออกชายคนหนึ่งที่สวมชุดสูทสากลเดินนำเข้ามาก่อน สายตาของเขากวาดมองไปโดยรอบอย่างรวดเร็วแล้วคิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดลงอย่างไม่ชอบใจ เขาเป็ชายวัยกลางคนอายุราวๆสี่สิบกว่า ส่วนสูงปานกลาง หน้าตาจัดว่าธรรมดาเป็ใบหน้ามาตรฐานของประเทศ แต่ทว่าสายตาเฉียบคมของเขากลับทำให้คนมองสั่นสะท้าน และอารมณ์ที่ไม่ค่อยแสดงออกมาเท่าไรนักก็ยิ่งส่งผลต่อจิตใจของคนมอง ทำให้พวกเขารู้สึกมืดมนเมื่ออยู่ต่อหน้าชายคนนี้ ราวกับว่าชายคนนั้นกำลังยืนอยู่บนที่สูงและมองต่ำลงมายังพวกเขา ด้านหลังของเขามีชายอีกสองคนที่อายุพอๆกับเขายืนอยู่ด้วย ชายทั้งสองคนทิ้งระยะห่างจากเขาประมาณหนึ่งก้าวอย่างพอเหมาะ พวกเขามีใบหน้าที่ดูธรรมดาเหมือนกัน แต่ถ้าถูกสายตาคู่นั้นของพวกเขาจ้องมองหรือเข้าไปใกล้สายตานั่นก็จะรู้สึกได้ถึงแรงกดดันลึกลับบางอย่างที่ทำให้คนมองหายใจติดขัด
สายตาคมกริบเหมือนสายฟ้านั้นมองสำรวจไปรอบๆ แล้วในที่สุดมันก็หันกลับมาโฟกัสที่ร่างของซูเฟยเฟย แล้วเย่เทียนเซี่ยก็รับรู้ได้ถึงตัวตนของชายคนนี้ทันที
ซูเฟยเฟยและบอดี้การ์ดทั้งหมดสี่คนมองไปยังชายที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหันอย่างอึ้งๆ ซูเฟยเฟยเดินไปด้านหน้าสองก้าวแล้วหยุดลงตรงนั้น เธอพูดออกมาอย่างระแวดระวัง “คุณพ่อ..... กลับมาแล้วเหรอคะ?”
“เหอะ!” ชายวันกลางคนส่งเสียงออกมาสั้นๆ คิ้วของเขายังคงขมวดเป็ปมเข้าหากัน “เหลวไหล! แกมันเหลวไหลจริงๆ! ถ้าฉันยังไม่กลับมาอีกแกก็จะย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่จริงๆงั้นสิ........ ย้ายมาอยู่บ้านของผู้ชายเนี่ยนะ!” พูดจบสายตาของเขาก็ตวัดมาทางเย่เทียนเซี่ยวูบหนึ่ง เมื่อสบเข้ากับสายตาของเย่เทียนเซี่ยหัวใจของเขาก็ถึงกับกระตุก เด็กหนุ่มคนนั้นมีใบหน้าที่สมบูรณ์แบบ มีเสน่ห์ดึงดูดใจของเด็กสาวให้สั่นไหวได้โดยง่าย....... แต่ทว่าที่ทำให้เขาต้องสะดุดก็คือสายตาและสีหน้าของเด็กหนุ่มคนนั้น ในขณะนี้เด็กหนุ่มคนนั้นไม่ได้ใเลยสักนิด ไม่มีความกังวลและยิ่งไม่มีท่าทางหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย ภายใต้ท่าทางสงบนิ่งนั้นยังมีรอยยิ้มคลุมเครือที่แปลความหมายไม่ได้ฉาบอยู่ และสายตาที่มองมาทางเขายิ่งเหมือนกับสายตาที่มองมาอย่างสำรวจด้วยความสนใจ
ซูลั่ว....... พ่อของซูเฟยเฟย..... มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของประเทศหัวเซี่ยผู้โด่งดัง และขณะเดียวกันก็เป็ผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชียด้วย ทรัพย์สินของเขานั่นมีมากมายมหาศาล เขาต่อสู้ดิ้นรนมากว่าครึ่งชีวิต ไม่ว่าจะเป็คนต่ำต้อยจนถึงคนใหญ่คนโตก็ล้วนเจอมาหมดแล้ว อีกทั้งเขายังผ่านร้อนผ่านหนาวมานับไม่ถ้วน....... แต่การปรากฏตัวของเย่เทียนเซี่ยในตอนนี้ทำให้เขาเหมือนพบกับบางอย่างที่ยากจะเข้าใจ
“นายท่าน” บอดี้การ์ดสี่คนที่ยืนอยู่กับซูเฟยเฟยเอ่ยทักทายออกมาทันทีพร้อมกับก้มหัวทำความเคารพเขาคนนั้น และแสดงท่าทางที่เหมือนกำลังทำผิดที่สุดในชีวิตออกมา ซูลั่วมองสำรวจชายทั้งสี่คนก่อนจะตะคอกออกมา “เื่แบบนี้พวกแกยังตามใจเธอแบบไม่ลืมหูลืมตาอีกเหรอ ทำไมไม่รีบรายงานฉันซะั้แ่แรก ไม่ได้เื่!”
ชายทั้งสี่คนไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว พวกเขาต่างก็มีท่าทางยอบรับความผิดแต่โดยดีเหมือนกัน แน่นอนว่าไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เคยคิดที่จะรายงานเื่ทั้งหมดกับคุณซูลั่ว แต่ว่า.......คุณหนูที่อาละวาดขึ้นมาน่ากลัวกว่านายท่านมากจริงๆ
“คุณพ่อ!” ซูเฟยเฟยกัดริมฝีปากเบาๆ สายตาที่เธอมองไปยังผู้เป็พ่อเต็มไปด้วยความดื้อรั้น “เื่นี้คุณพ่อไม่ต้องมายุ่งหรอก หนูตัดสินใจแล้ว! ก่อนที่หนูจะไปจากที่นี่หนูอยากจะอยู่ที่บ้านหลังนี้!”
“ไม่ได้! ไม่ได้เด็ดขาด! เฟยเฟย ลูกไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ ลูกรู้ไหมว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่!” ซูลั่วขมวดคิ้วพูดออกไป แต่สายตาของซูเฟยเฟยทำให้คิ้วของเขายิ่งขมวดแน่นขึ้น เป็อีกครั้งที่เธอแสดงสายตาดื้อรั้นออกมาแม้จะรู้ตัวว่าผิดแต่ก็ไม่คิดกลับตัว อีกทั้ง......ห้องของเธอที่อยู่ที่บ้านก็ว่างเปล่าไปแล้ว ของทั้งหมดของเธอ แม้แต่ของที่มีค่าที่สุด ของที่ต้องเก็บรักษาให้ดีห้ามหายเด็ดขาดพวกนั้นก็หายไปทั้งหมด........ ทุกอย่างถูกย้ายมาที่นี่ นั่นหมายความว่าเธอเธอตั้งใจแน่วแน่ที่จะย้ายเข้ามาอยู่ในสถานที่ซึ่งเรียกได้ว่าเป็บ้านของผู้ชายแปลกหน้า
จริงๆแล้วอะไรกันแน่ที่ดึงดูดให้เธอตัดสินใจมาถึงที่นี่
“ใช่! หนูไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ ดังนั้นหนูรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่! หนูอยากจะอยู่ที่นี่!” ซูเฟยเฟยส่ายหน้าอย่างแรง เธอมองไปยังเย่เทียนเซี่ยครั้งหนึ่งและหวังว่าเขาจะช่วยเธอพูดอะไรสักอย่าง
ทีวีถูกเย่เทียนเซี่ยปิดลงเขาหันมาครึ่งตัวและมองไปยังพวกเขาด้วยสีหน้าที่เหมือนกำลังมองละครฉากหนึ่ง ท่าทางแบบนั้นทำให้ชายสองคนที่ยืนนิ่งเป็หินอยู่ด้านหลังของซูลั่วแทบจะพุ่งเข้าไปซัดเขาให้ร่วงไปกับโซฟา
ซูลั่วเงียบไปพักหนึ่ง เขาแปลกใจกับลูกสาวที่ดูเหมือนจะไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย เขาเป็พ่อของเธอ ในโลกนี้ไม่น่าจะมีใครเข้าใจลูกสาวของเขามากไปกว่าเขาอีกแล้ว...... แต่เวลานี้เขาเองก็คิดไม่ออกว่าลูกสาวของเขา้าจะทำอะไรกันแน่ หรือจะเป็เพราะเธอถูกล่อลวงหรือสติแตกไปแล้ว?
ใบหน้าของเขาอ่อยโยนลง น้ำเสียงของเขาก็พยายามปรับให้อ่อนโยนก่อนจะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เฟยเฟย พ่อรู้ว่าลูกกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ว่าลูกรู้จักเขาจริงๆเหรอ?” สายตาของเขาเบนไปทางเย่เทียนเซี่ย “ลูกรู้เหรอว่าเขาเป็ใครมาจากไหน? รู้จักนิสัยของเขาหรือเปล่า? รู้จักการกระทำและอารมณ์ของเขาหรือเปล่า? ลูกกับเขาไม่เคยอยู่ร่วมกันมาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเื่รู้จักกันเลย หรือแค่เพียงเพราะเขาช่วยชีวิตลูกไว้ ลูกก็เลย...... อีกอย่างที่นี่ก็สกปรกขนาดนี้ ลูกจะอยู่มันเข้าไปได้ยังไง! ห๊ะ! เฟยเฟย ลูกไม่ใช่เด็กแล้วจริงๆ ควรจะรู้ได้แล้วว่าอะไรควรทำและอะไรไม่ควรทำ”
ซูเฟยเฟยยังคงกัดริมฝีปากแน่น คำเตือนของพ่อไม่ได้สั่นคลอนความรู้สึกนึกคิดของเธอเลยแม้แต่น้อย เธอยังคงส่ายหน้าอีกครั้ง “พ่อคะ เื่นี้หนูตัดสินใจแล้ว หนูอยากจะอยู่ที่นี่ ใครจะว่ายังไง.....หนูก็ไม่ฟังทั้งนั้น!”
ซูลั่วถอนหายใจหนักหน่วง คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน เขาก้าวเท้าหนักๆตรงไปหาซูเฟยเฟย ซูเฟยเฟยไม่ได้ถอยหนี เธอเงยหน้าขึ้นจ้องมองไปที่เขาด้วยสายตาดื้อรั้นและเด็ดเดี่ยว
“กลับไปกับพ่อ มีอะไรจะพูดก็ค่อยกลับไปพูดกันที่บ้าน” ซูลั่วคว้าแขนซูเฟยเฟยไว้ ซูเฟยเฟยพยายามหลบไปด้านหลังแล้วส่ายหน้าอย่างแรง “หนูไม่กลับ หนูอยากจะอยู่ที่นี่ พ่อคะ หนูไม่ได้เล่นอะไรไร้สาระนะ หนูอยากจะอยู่ที่นี่จริงๆ พ่อไม่ต้องมายุ่งจะได้ไหม!”
คิ้วของซูลั่วยิ่งขมวดเข้าหากันมากขึ้น เขาก้าวไปด้านหน้าอีกก้าวแล้วพูดออกมาเสียงดัง “กลับไปกับพ่อ!”
“หนูไม่กลับ!!!!!”
เสียงที่ดังขึ้นจนเกือบจะเป็เสียงะโนั้นทำให้ท่าทางของซูลั่วเปลี่ยนเป็แข็งกร้าวในทันที แม้แต่เย่เทียนเซี่ยและคนอีกหกคนที่อยู่ที่นี่ก็ยังใ