“เหอะๆ ไม่ต้องมากพิธี ตระกูลเยว่บุญวาสนาดีจริงๆ หลังจากเยว่โห้วก็ปรากฏผู้มีพลังฝีมือระดับเทพออกมาอีกคน น่ายินดีเป็อย่างยิ่ง เ้าหนูผี่ฟูครั้งนี้เ้าถูกนางหนูคนหนึ่งแซงหน้าไปแล้วละ” ผู้มีพลังฝีมือระดับเทพคนหนึ่งหัวเราะเหอะๆ ออกมาพร้อมกับพูดหยอกล้อหลงผี่ฟูขึ้น
เย่รั่วสุ่ยสังเกตพิจารณาหลงผี่ฟูอยู่สักพักแล้วจึงพูดขึ้น “เหอะๆ... เ้าหนูคนนี้ก็ไม่เลว ภายในสิบปีมีโอกาสกลายเป็เทพเช่นกัน! พี่ใหญ่ทั้งสามสั่งสอนได้เป็อย่างดี ส่วนเ้าพวกเด็กโง่ทั้งหลายตระกูลข้าล้วนไม่ได้เื่สักคน!”
“อย่ามาแกล้งตีเนียนกลบเกลื่อนหน่อยเลยเ้าหนูเย่ นางหนูน้อยที่อยูู่เาด้านหลังตระกูลเ้าคิดว่าพวกข้าไม่รู้รึอย่างไร? จุ๊ๆๆ...ถึงกับได้รับผลึกเทวะ จะพูดก็พูดเถอะข้าอยากจะถามเ้าอยู่เหมือนกันว่าของสิ่งนี้เ้าได้มาอย่างไร? รู้สึกว่าของสิ่งนี้มีเพียงนครแห่งเทพและท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่แห่งป่าดำมืดเท่านั้นที่มี? นครแห่งเทพเป็ไปไม่ได้ที่จะมอบให้เ้า! หรือว่าจะเป็ท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่มอบให้เ้า?”
หนึ่งในเทพาถามคำถามที่พวกเขาสงสัยภายในใจมานาน เนื่องจากเมืองัและตระกูลเย่อยู่ไม่ห่างไกลกันมาก อาศัยระดับพลังิญญาของพวกเขาย่อมสามารถตรวจสอบพบเจอได้ไม่ยากถึงสภาพของเย่ชิงอวี่ เพียงแต่ไม่ได้เอ่ยปากถามเย่รั่วสุ่ยเพียงเท่านั้นเอง
“แหะๆ!”
เย่รั่วสุ่ยไม่ได้ตอบทำเพียงหัวเราะแหะๆ ออกมาซึ่งถือว่าเป็การยอมรับไปในตัว ความภาคภูมิใจบนใบหน้าแสดงออกอย่างชัดเจน ความจริงแล้วในสายตาของเขาผลึกเทวะแม้จะสำคัญล้ำค่า ตระกูลเย่มีผู้ฝึกยุทธ์ระดับเทพปรากฏออกมาอีกคนแน่นอนว่าย่อมทำให้เขารู้สึกภาคภูมิใจ
แต่ความสัมพันธ์ของเย่ชิงหานและท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่กลับทำให้เขาปีติยินดีและภาคภูมิใจมากกว่า เพราะท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่เป็ถึงาาที่แท้จริงของทวีปัเพลิง
เป็ดั่งที่คิดเอาไว้ เมื่อเห็นเย่รั่วสุ่ยนิ่งเงียบยอมรับในเื่นี้เทพาทั้งสามท่านสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาในทันที สายตาที่มองมายังเย่รั่วสุ่ยเริ่มเปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนเดิม
ผู้าุโสูงสุดทั้งสามท่านของตระกูลเยว่ไม่เข้าใจความในที่แฝงอยู่ แต่หลงผี่ฟูที่เป็ถึงจ้าวเขตปกครองนั้นรู้ได้เป็อย่างดี ท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ถ้าหากมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลเย่สักนิดละก็ สำหรับตระกูลเย่และเขตปกครองเทพาล้วนจะได้รับประโยชน์ไปด้วย แม้เขาจะเป็จ้าวแห่งเขตปกครองแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเย่รั่วสุ่ยและเทพาทั้งสามท่านกลับไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา ทำเพียงยืนนิ่งๆ อยู่เช่นนั้น
หึ่ง...
ในเวลานี้เอง อากาศเกิดการกระเพื่อมขึ้นมาอีกครั้ง ้าลานกว้างพลันปรากฏผู้เฒ่าผมขาวในมือถือคันเบ็ด พอมองเห็นพวกเย่รั่วสุ่ยเขาแสดงรอยยิ้มออกมาบนใบหน้า จากนั้นสะบัดคันเบ็ดขึ้นครั้งหนึ่งคันเบ็ดพลันกลายเป็เล็กเรียวขึ้นจนสุดท้ายลดขนาดความยาวลงเท่านิ้วมือ เขาจึงได้เก็บเข้าไว้ที่หน้าอกแล้วหัวเราะฮ่าๆ ขึ้นมา “ทุกท่าน ข้ามาช้าไปนิด ช่วยไม่ได้ระยะทางค่อนข้างไกลไปหน่อย!”
“คำนับผู้าุโจ้าวเกาะ” หลงผี่ฟูและผู้าุโสูงสุดทั้งสามของตระกูลเยว่เคยเห็นคนผู้นี้มาก่อน รีบทำการคำนับขึ้นในทันที
“ท่านจ้าวเกาะถ่อมตัวจนเกินไปแล้ว ระยะทางไกลถึงเพียงนี้แต่ท่านกลับมาได้รวดเร็วเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าพลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่ของท่านคงพัฒนาขึ้นมาอีกขั้นแล้ว!” เย่รั่วสุ่ยยิ้มออกมารีบโบกไม้โบกมือขึ้น
“ถูกต้อง! เ้าหนูอิ่นเป็คนอย่าทำแสแสร้งตีเนียนให้มากนัก นั่งตกปลาบนเกาะเร้นลับจนพลังฝีมือพัฒนาขึ้นมามากถึงเพียงนี้ ดูท่าว่าวันใดเบื่อๆ พวกเราไม่มีอะไรทำก็ต้องลองไปนั่งตกปลาที่เกาะเร้นลับกันดูบ้างแล้วละ!” เทพาทั้งสามท่านแสดงออกว่าคุ้นเคยกับจ้าวเกาะเร้นลับเป็อย่างดีจึงต่างพูดหยอกล้อกันขึ้น
“ขอละๆ นานๆ ทีกว่าจะได้มาสักหน ข้าไม่ได้มาให้พวกท่านพูดหยอกล้อเล่นนะ กินแต่ปลาที่ทะเลจนเบื่อแล้วจะมากินผลไม้วิเศษที่ตระกูลเยว่บ้าง เอ๊ะ! หัวหน้าตระกูลเยว่ฝึกฝนยังไม่เสร็จอีกรึ?” จ้าวเกาะเร้นลับหัวเราะฮ่าๆ นั่งลงข้างๆ เย่รั่วสุ่ยโดยทันที มือคว้าจับผลไม้ที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมากินอย่างเอร็ดอร่อยคำโตไม่ได้หลงเหลือบุคลิกลักษณะของสุดยอดฝีมือแห่งยุคไว้แม้แต่น้อย
“น่าจะใกล้แล้วละ ผสานผลึกเทวะค่อนข้างเร็ว เรียนรู้การเคลื่อนย้ายในพริบตาต้องใช้เวลาสักหน่อย ไม่เป็ไร! พวกเราพูดคุยสนทนารอกันเถอะ ไม่ว่าอย่างไรตระกูลเยว่ก็รวยอยู่แล้ว ผลไม้วิเศษพวกนี้ทุกท่านกินกันให้เต็มที่!” เย่รั่วสุ่ยคิ้วกระตุกขึ้นคราหนึ่ง จากนั้นพูดบอกให้ทุกคนนั่งลงคุยสนทนารอกันไปพลางๆ เื่เวลาสำหรับพวกเขาแล้วถือว่าไม่สำคัญแต่อย่างใด ผู้ฝึกยุทธ์ระดับเทพมีมากที่สุดก็คือเวลา
ฟิ้ว
ในเวลานี้เอง ท้องฟ้า้าลานกว้างปรากฏผู้เฒ่าเสื้อเทาอีกคนหนึ่งขึ้น ผมเผ้ายุ่งเหยิงรุงรัง เสื้อผ้าขาดหลุดรุ่ยดูสกปรกมอมแมม ลักษณะดูไม่ต่างกับขอทานที่ร่อนเร่ไปตามตรอกซอกซอยฉะนั้น
“ตาแก่โรคจิตของตระกูลเสว่ก็มาแล้ว!” จ้าวเกาะเร้นลับหัวเราะเหอะๆ ออกมา พยักหน้ามองไปยังชายแก่เสื้อสีเทาพร้อมกับพูดขึ้น ส่วนเทพาทั้งสามต่างก็พยักหน้าให้เสว่ซีเหวิน มีเพียงเย่รั่วสุ่ยเท่านั้นที่พยักหน้าให้อย่างเ็า
“ตัวข้าไม่ได้เป็คนของตระกูลเสว่มานานแล้ว เป็แค่คนที่ถูกทิ้งเพียงเท่านั้น! อืม...มีของดีให้กินด้วย ถ้าเช่นนั้นกินก่อนค่อยคุย” เสว่ซีเหวินประสานมือมาทางทุกคน จากนั้นยื่นมือออกไปหยิบเอาเนื้อย่างขึ้นมาเริ่มกัดกินลงไปคำโต บวกกับชุดของเขาที่สวมใส่ดูแล้วช่างไม่ต่างจากตาแก่ขอทานข้างถนนอย่างไม่ผิดเพี้ยน
“ฮ่าๆ...” ทุกคนต่างส่ายหัวออกมาพร้อมๆ กัน เสว่ซีเหวินใจเด็ดจริงๆ ถึงกับเอ่ยปากตัดขาดจากความเกี่ยวข้องกับตระกูลเสว่เพื่อไม่ให้ทุกคนรู้สึกไม่ดีไม่พอใจต่อเขา เนื่องจากเื่ราวของตระกูลเสว่ที่เกิดขึ้น
.................................
เยว่ชิงเฉิงวันนี้ไม่ได้ไปดีดพิณเพราะนางถูกหัวหน้าตระกูลเยว่เรียกให้เข้ามาภายในหอสราญรมย์
แรกเริ่มนางรู้สึกสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมท่านหัวหน้าตระกูลรู้ทั้งรู้ว่านางกำลังพยายามตั้งใจฝึกฝนอยู่ แต่ได้ไม่มีเื่อะไรสำคัญกลับเรียกนางให้มานั่งอยู่ภายในหอสราญรมย์เป็เวลาครึ่งค่อนคืน จนกระทั่งกลางดึก...เมื่อนางมองเห็นก้อนเมฆเจ็ดสีรวมไปถึงแสงอสุนีบาตสีม่วงที่ผ่าลงมา นางถึงได้เข้าใจถึงจุดประสงค์และความใส่ใจเป็พิเศษของท่านหัวหน้าตระกูลที่มีต่อนาง
แสงอสุนีบาตสีม่วงสายนั้นผ่าลงมากลางศีรษะของเยว่ซีสุ่ยแล้วมุดหายเข้าไปภายใน ในเวลาเดียวกันก็นำมาซึ่งพลังฟ้าดินปริมาณเข้มข้นมหาศาลพร้อมกับพลังบางอย่างที่ทำให้รู้สึกสุขสบายจนอยากจะนอนหลับลงไปสักตื่น เพียงแต่เยว่ซีสุ่ยบอกกับนางว่าห้ามหลับเด็ดขาด สั่งกำชับให้นางทำการฝึกฝนอยู่ตรงนี้จนกว่าเยว่ซีสุ่ยจะเรียกให้นางตื่น
เยว่ชิงเฉิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่นางก็ไม่ได้ซักถามอะไรมาก ทำเพียงนั่งหลับตาลงเข้าสมาธิแล้วจึงเริ่มััได้ถึงพลังที่ทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มนี้ขึ้นอยู่เงียบๆ
ข้างๆ เยว่ชิงเฉิงไม่ห่างออกไปนักมีหญิงสาวชุดขาวผ้าคลุมปิดหน้าคนหนึ่งกำลังนั่งหลับตาลอยอยู่กลางอากาศ ทั่วทั้งร่างของนางแผ่พุ่งแสงพลังสีม่วงออกมาอยู่ไม่ขาด ไอพลังบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์สายหนึ่งไหลเวียนไปมาบนร่างของนางอย่างช้าๆ
หลังจากผ่านไปชั่วครู่!
ผ้าที่ปิดอยู่บนใบหน้าของนางเริ่มค่อยๆ เลื่อนตกลงมา ปรากฏใบหน้าที่งดงามเย้ายวนออกมาให้เห็น ในขณะเดียวกันเปลือกตาทั้งสองข้างของนางพลันเปิดขึ้น จากนั้นปรากฏให้เห็นดวงตาที่สดใสพร่างพราวราวลานตาราวกับดวงดาราในค่ำคืนที่มืดมิดออกมา
มุมปากของเยว่ซีสุ่ยโค้งงอขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้มที่สามารถทำให้จิตใจของบุรุษสั่นสะท้านออกมา นางมองดูเยว่ชิงเฉิงที่อยู่ข้างๆ แล้วยิ้มขึ้นอีกครั้งพร้อมกับโบกสะบัดมือขึ้นเบาๆ จากนั้นม่านพลังครอบโปร่งแสงชนิดหนึ่งปรากฏขึ้นมาครอบทั้งหอเอาไว้ ต่อมาร่างของนางจึงเลือนหายไปจากภายในหอทันที
.................................
“คำนับท่านหัวหน้าตระกูล!”
เยว่ซีสุ่ยปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งภายในบริเวณสวนที่พักทางด้านทิศเหนือ ผู้าุโสูงสุดทั้งสามเมื่อเห็นรีบโค้งตัวคำนับลงอย่างยินดีพร้อมกับน้ำตาแห่งความสุขที่ไหลอาบเต็มใบหน้า
“เหอะๆ พวกเ้าพากันหลบออกไปก่อนเดี๋ยวข้ามีเื่จะพูดคุยกับท่านผู้าุโทั้งหลายสักหน่อย!” เยว่ซีสุ่ยยิ้มออกมาอย่างราบเรียบ พูดปลอบขวัญพวกนางเสร็จจึงหันกลับมาพูดเสียงอ่อนโยนขึ้นต่อพวกเย่รั่วสุ่ยและทำการคารวะลง “เยว่ซีสุ่ยคารวะท่านผู้าุโทั้งหกท่าน พวกท่านให้เกียรติมาถึงที่นี่ซีสุ่ยรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้ง สวัสดีท่านหลงจ้าวเขตปกครอง!”
“เหอะๆ น้องซีสุ่ยเกรงใจเกินไปแล้ว ไม่ต้องเรียกว่าท่านผู้าุโแล้ว เมื่อกลายเป็ผู้ฝึกยุทธ์ระดับเทพแล้วพวกเราต่างอยู่ในรุ่นระดับเดียวกัน เ้าเรียกพวกข้าทั้งหลายว่าพี่ใหญ่ก็พอแล้ว! เ้าหนูผี่ฟูด้วยเ้าก็ไม่ต้องเรียกท่านผู้าุโแล้ว เรียกเหมือนกันกับนางนั่นแหละเพราะไม่ว่าอย่างไรเดี๋ยวเ้าก็จะกลายเป็เทพในอีกไม่ช้าเช่นกัน!” ทั้งเจ็ดคนรีบลุกขึ้นยืนในทันที เทพาคนหนึ่งเห็นหลงผี่ฟูไม่รู้ว่าจะเรียกเยว่ซีสุ่ยอย่างไรดี สีหน้ากระอักกระอ่วนจึงได้รีบช่วยพูดแก้เขินให้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้