ตอนนี้กู้เจิงไม่อยากคิดอะไรมากกับจ้าวหยวนเช่อ เื่ในอดีตก็ผ่านไปแล้ว ั้แ่วันนั้นที่เขาตอบรับคำขอของนาง ก็ถือว่าเขาตอบรับในสิ่งที่นาง้าแล้ว เมื่อเห็นตวนอ๋องมีท่าทางเ็าและเมินเฉยต่อนางเหมือนแต่ก่อน นางก็โล่งอก
“พี่ใหญ่กับพี่เขยใหญ่ทำไมถึงเพิ่งมาล่ะ” กู้เหยาเดินมาหากู้เจิง “ข้ากับพี่รองเข้ามาในวังั้แ่เช้าแล้วเ้าค่ะ”
“ใช่ น้องสี่เอาแต่บ่นว่าเหตุใดพี่ใหญ่ถึงยังไม่มาอีก” กู้เจิ้งชินเองก็ท้วงเช่นกัน
“ข้าเพิ่งรู้ว่าจะต้องมางานน่ะ” กู้เจิงชี้แจง
กู้อิ๋งยิ้มพลางเอ่ย “งานเลี้ยงคืนนี้คนส่วนมากจะมาร่วมงานกันตอนบ่าย ดังนั้นพี่ใหญ่ถึงเพิ่งทราบเ้าค่ะ” ตอนพระชายารัชทายาทบอกนางว่าจะเพิ่มรายชื่อของพี่ใหญ่เข้าไปด้วย นางก็แอบประหลาดใจอยู่บ้าง
“ตวนอ๋อง พระชายาตวน ใต้เท้าเสิ่น ฮูหยินน้อยเสิ่น หากยังคุยกันนานกว่านี้ เกรงว่าองค์รัชทายาทจะรอนานเอาได้” กงกงที่นำทางเร่งเร้าให้พวกนางรีบเข้าไปในตำหนัก
ทุกคนจึงรีบพากันเข้าไปใน ‘ตำหนักเจี่ยงตู๋’ ตำหนักเจี่ยงตู๋เปรียบได้กับห้องทรงพระอักษรที่องค์รัชทายาทใช้เรียนหนังสือ ในตำหนักเต็มไปด้วยนางกำนัลที่มาคอยต้อนรับ เมื่อเข้าไปในตำหนักชั้นในก็พบกับห้องหนึ่งที่ประดับตกแต่งห้องด้วยสีเหลืองอร่าม
ในนั้นวางเตาถ่านไว้หลายเตา ทำให้อากาศในห้องอบอุ่นสบายต่างจากข้างนอก
องค์รัชทายาทกำลังนั่งเขียนหนังสืออยู่ที่ข้างโต๊ะั พอทุกคนเดินเข้ามา เขาก็วางพู่กันลง ก่อนเงยหน้ามองทุกคนด้วยรอยยิ้ม
ทุกคนต่างย่อกายทำความเคารพ
กู้เจิงนึกภาพองค์รัชทายาทไว้ว่า น่าจะเป็ชายหนุ่มวัยเยาว์ ที่แฝงไว้ด้วยบารมีอันน่าเกรงขาม แต่ในความจริงนั้นช่างตรงกันข้าม องค์รัชทายาทน่าจะมีอายุไม่เกินยี่สิบสามปี องคาพยพบนใบหน้างดงาม ยามมองผู้คน มุมปากจะยกยิ้มเล็กน้อย
“เชิญนั่ง” องค์รัชทายาทหันไปสั่งการนางกำนัล สายตาของเขาชำเลืองไปที่เสิ่นเยี่ยนและกู้เจิง โดยเฉพาะกู้เจิง และนางเองก็ไม่ได้หลบเลี่ยงสายตาเขา “เ้าคือกู้เจิง ฮูหยินของใต้เท้าเสิ่น หรือก็คือคุณหนูใหญ่แห่งจวนกู้หรือ?”
เมื่อถูกถาม กู้เจิงก็รีบลุกขึ้นตอบ “เป็หม่อมฉันเองเพคะ”
กู้เหยาและกู้เจิ้งชินต่างรู้สึกแปลกใจ องค์รัชทายาทดูเหมือนจะปฏิบัติต่อพี่ใหญ่ต่างออกไปเล็กน้อย แต่เมื่อพวกเขาเห็นตวนอ๋องกับพี่เขยใหญ่ รวมถึงกู้อิ๋งล้วนไม่ได้แปลกใจ ทั้งสองคนจึงไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา
“นั่งลงเถอะ” องค์รัชทายาทยิ้ม เขาหันไปพูดกับเสิ่นเยี่ยน “ใต้เท้าเสิ่นกับฮูหยินน้อยเหมาะสมกันเหมือนกิ่งทองใบหยก ช่างเป็คู่ที่์สร้างขึ้นมาจริงๆ”
ทั้งสองคนรีบลุกขึ้นกล่าวขอบคุณ ตอนที่นั่งลง กู้เจิงเหลือบไปเห็นสีหน้าแปลกประหลาดของจ้าวหยวนเช่อ คล้ายจะสนใจ แต่ก็เหมือนจะไม่ใช่ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
หลังจากนั้นองค์รัชทายาทก็หันไปพูดคุยกับตวนอ๋อง พวกเขาคุยกันเื่เล็กๆ น้อยๆ จะมีถามเสิ่นเยี่ยนขึ้นบ้างเป็บางครั้ง
กู้เจิงฟังสิ่งที่พวกเขาคุยกันไม่เข้าใจ นางจึงกวาดตามองกู้เหยาที่นั่งอยู่ข้างๆ นาง กู้เจิงแอบประหลาดใจกับความนิ่งเงียบของกู้เหยา น้องสี่คนนี้ไม่ใช่คนที่จะอยู่นิ่งได้นานๆ กู้เหยาในเวลานี้ไม่เพียงแต่นั่งนิ่ง นางนั่งหลังตรง แต่มือเล็กที่บิดไปมาไม่หยุดบนหัวเข่าเผยให้เห็นถึงความหงุดหงิดในใจของนาง
องค์รัชทายาทหยุดพูด ก่อนจะยิ้มพลางมองกู้อิ๋งและคนอื่นๆ “พวกเ้าคงฟังเราคุยกันจนเหนื่อยแล้วกระมัง งานเลี้ยงกลางคืนของตำหนักเป่าเหอน่าจะพร้อมแล้ว น้องสะใภ้ห้าพาพวกเขาไปเถิด”
กู้อิ๋งพากู้เจิงและกู้เหยาลุกขึ้นทำความเคารพแล้วขอตัวออกไป
ทันทีที่ออกมาจากตำหนักเจี่ยงตู๋ กู้เหยาก็ะโว่า “ข้าอึดอัดจะตายอยู่แล้ว” นางมองกู้เจิงพลางพูดขึ้นอีกว่า “พี่ใหญ่เ้าคะ คิดไม่ถึงว่าพี่เขยใหญ่จะได้รับความโปรดปรานจากองค์รัชทายาทขนาดนี้”
กู้เจิงมองกู้เหยาด้วยสายตาเป็ประกาย “ตวนอ๋องดูแลพี่เขยใหญ่ของเ้ามาแต่ไหนแต่ไร ต่อหน้ารัชทายาทก็ต้องพูดอะไรดีๆ ออกมามากมายแน่”
กู้เหยาคล้องแขนกู้อิ๋งไว้ “ตอนนี้พี่สามของข้าร้ายกาจที่สุดแล้ว ทั้งครอบครัวล้วนต้องพึ่งพานาง”
“ไหนเลยจะร้ายกาจอย่างที่เ้าว่าได้” กู้อิ๋งจิ้มหน้าผากของกู้เหยาอย่างรักใคร่ นางพูดกับกู้เจิงว่า “ท่านคือพี่ใหญ่ของข้า และเดิมทีท่านอ๋องก็ชอบพี่เขยใหญ่มากอยู่แล้ว พวกเราก็ย่อมต้องช่วยเป็ธรรมดา”
กู้เหยามองไปทางพี่ใหญ่ที มองไปทางพี่สามที ความรู้สึกที่เป็เหมือนพี่น้องกันแท้ๆ แบบนี้นับว่าไม่เลวเลย
สามพี่น้องพูดคุยกันมาตลอดทาง โดยมีนางกำนัลตามหลังอยู่ไกลๆ
ท้องฟ้ามืดลงแล้ว นางกำนัลเริ่มจุดตะเกียงที่ถืออยู่ในมือ
“พี่สะใภ้ห้า” เสียงทักทายดังขึ้น
ทั้งสามคนหยุดหันมอง เป็องค์หญิงสิบเอ็ดเอ่ยทักขึ้น วันนี้นางสวมเสื้อคลุมผ้าไหมปักลายดอกเหมย ในมือถือเตาอุ่นมือ นางเดินตรงเข้ามาหาพวกกู้เจิง ข้างกายนางยังมีฟู่ผิงเซียงกับหนิงซิ่วอิงอยู่ด้วย
“ทำไมถึงเจอนางอีกแล้ว?” กู้เหยาพึมพำ ตอนนี้นางเกลียดฟู่ผิงเซียงมาก
เมื่อกู้อิ๋งเห็นหนิงซิ่วอิงอยู่กับฟู่ผิงเซียง นางก็คิดได้ว่ามิตรภาพระหว่างนางกับหนิงซิ่วอิงคงจะจบสิ้นกันแล้ว
กู้เจิงกับกู้เหยาเดินเข้าไปทำความเคารพ “คารวะองค์หญิงสิบเอ็ด”
องค์หญิงสิบเอ็ดทำเหมือนไม่สนใจ และไม่ยอมกล่าวเพื่อให้พวกนางลุกขึ้น
ฟู่ผิงเซียงและหนิงซิ่วอิงเห็นพระชายาตวนก็ต้องทำความเคารพเช่นกัน หากกู้อิ๋งร้ายกาจกว่านี้หน่อย ก็อาจทำเป็เมินเฉยเหมือนองค์หญิงสิบเอ็ดได้ แต่นางเองยังคงต้องไว้หน้าองค์หญิงสิบเอ็ดอยู่บ้าง สุดท้ายจึงเอ่ยขึ้นว่า “ลุกขึ้นเถอะ”
กู้เหยาและกู้เจิงใช้จังหวะนี้ยืดตัวขึ้นด้วยเหมือนกัน
“พี่สะใภ้ห้าจะไปตำหนักเป่าเหอกระมัง ข้าจะไปกับท่านด้วย” องค์หญิงสิบเอ็ดเข้ามาคล้องแขนของกู้อิ๋ง พลางแย้มยิ้มสดใส แต่ดวงตาของนางกลับไม่ได้ยิ้มไปด้วย
“ข้าได้ยินมาว่าวันนี้องค์หญิงไปที่จวนของพี่สะใภ้รอง นี่คงเพิ่งกลับวังมากระมัง? เหตุใดถึงไม่เห็นพี่สะใภ้รองมาด้วยกันเล่า?” ในใจกู้อิ๋งรู้สึกเอือมระอายิ่งนัก ทว่าใบหน้าต้องทำเป็ปกติอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ข้าไปหาพี่ผิงเซียงั้แ่ตอนเที่ยงแล้ว เลยเรียกพี่ซิ่วอิงออกมาด้วย อย่างไรเสียคืนนี้พวกนางก็ต้องเข้าวังมาอวยพรวันเกิดอยู่แล้ว ข้าจึงให้เข้าวังมาด้วยกัน” องค์หญิงสิบเอ็ดจับตามองกู้อิ๋งและหนิงซิ่วอิงเป็พิเศษ ก่อนจะยิ้มหวาน “พี่สะใภ้ห้ากับพี่ซิ่วอิงไม่ใช่สหายกันหรอกหรือ? ทำไมวันนี้ถึงดูมึนตึงใส่กันล่ะ”
กู้เจิงรู้สึกว่าองค์หญิงสิบเอ็ดผู้นี้ช่างมีความสามารถในการยุแยงเป็เลิศจริงๆ กู้อิ๋งซึ่งได้รับการสั่งสอนจากนายหญิงเว่ยซื่ออยู่เป็นิตย์ นางตีหน้าสงบนิ่งจนมองอะไรไม่ออก ส่วนหนิงซิ่วอิงหน้าซีดเผือด
กู้เหยาโกรธจนทนแทบไม่ไหว ถ้าไม่ใช่เพราะกู้เจิงเอาแต่ส่งสายตาปรามนาง ป่านนี้นางคงได้ถากถางกลับไปแล้ว
นับั้แ่ฟู่ผิงเซียงปรากฏตัวขึ้น กู้เจิงก็เอาแต่คอยจับสังเกตนางอยู่ตลอด แต่ฟู่ผิงเซียงไม่ได้มีท่าทีผิดแปลกใด ๆ นางมีเพียงเหลือบมองกู้เจิงเป็บางครั้งด้วยั์ตาเยือกเย็น
“อีกเดี๋ยวเจอท่านพี่รัชทายาทและพี่สะใภ้ ข้าคงต้องเตือนพวกเขาว่า อย่าได้ทำอะไรให้วุ่นวาย ด้วยการเชิญบุตรีอนุผู้ไร้ศีลธรรมเข้าวังมา” องค์หญิงสิบเอ็ดพลันมองมาทางกู้เจิง นางเอ่ยอย่างดูแคลนว่า “จะได้ไม่เที่ยวสั่งสอนคนรอบข้างจนเสียงาน”
กู้เจิงปั้นหน้ายิ้มอ่อนโยนกลับไป เ้าเล่นละครฉายเดี่ยว* ไปเถอะ
(*อุปมาถึงคนที่ทำอะไรคนเดียว)
องค์หญิงสิบเอ็ดหน้าบึ้ง กู้เจิงไม่มีท่าทีจะใส่ใจถ้อยคำของนางเลย ขนาดนางพูดถึงบุตรีอนุเช่นนี้แล้ว อีกฝ่ายกลับกลับยังยิ้มแย้มอยู่อีก?
ไม่นานทั้งหมดก็เดินมาถึงตำหนักเป่าเหอ มีเสียงดนตรีดังแว่วมาจากด้านใน
“องค์หญิงสิบเอ็ด” สตรีสูงศักดิ์คนหนึ่งทักทายขึ้น สตรีคนนี้ดูแล้วยังอายุไม่มาก หางตาของนางมีริ้วรอยอยู่บ้าง แต่สายตานั้นกลับดูเ็า แม้จะกำลังยิ้มอยู่ นางเข้ามาพร้อมเด็กสาวคนหนึ่ง
“ฮูหยินเซี่ย” องค์หญิงสิบเอ็ดวิ่งเข้าไปหาอย่างดีใจ
กู้เจิงสังเกตเห็นว่าฮูหยินเซี่ยผู้นี้ไม่ได้ทำความเคารพองค์หญิงสิบเอ็ด แต่เด็กสาวทที่นางพามาด้วยกลับทำความเคารพ และถูกองค์หญิงสิบเอ็ดดึงตัวไปทันที สองดรุณีน้อยะโโลดเต้นอย่างเบิกบานใจ
การแสดงออกขององค์หญิงสิบเอ็ดทำเอาฟู่ผิงเซียงแค่นเสียงเย็น เมื่อก่อน องค์หญิงสิบเอ็ดเห็นนางก็เป็เช่นนี้
ฮูหยินเซี่ย? หรือจะเป็ภรรยาของเซี่ยกงเจวี๋ย เทพาแห่งต้าเยว่เซี่ยอวิ้น? คนที่มีฐานะเช่นนี้ถึงได้ไม่จำเป็ต้องมากพิธี
“ข้าได้ยินมาว่าเซี่ยิ่หรูป่วยแล้วไปรักษาตัวที่นอกเมืองไม่ใช่หรอกหรือ? นางกลับมาเร็วขนาดนี้เชียว?” กู้เหยาถามถึงเด็กสาวที่มากับฮูหยินเซี่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน