เมื่อได้ยินราคาจากเถ้าแก่ จุนห่าวถึงกับลิ้นจุกปาก คิดในใจ ราคาแพงพอตัว ไม่แปลกใจเลยที่อาจารย์ดังเป็คนตัดเย็บเองกับมือ แต่ใครให้เขาชอบมันล่ะ ต่อให้แพงกว่านี้เขาก็จะซื้อ
จุนห่าวยังไม่ทันตอบ จุนหรูก็เปล่งเสียงสูงอย่างตกตะลึง เอ่ยขึ้น “10 ล้านตำลึงเงินต่อหนึ่งชุด?” จากนั้น เอ่ยกับจุนห่าวอย่างเหยียดหยามว่า “เ้าซื้อ? เ้ามีปัญญาซื้อรึ?” จากนั้น เอ่ยกับเถ้าแก่อีกว่า “เถ้าแก่ ท่านถูกหลอกแล้ว ท่านก็เห็นเขาแต่งตัวซอมซ่ออย่างนั้น ไม่เหมือนคนมีเงินสักนิด ไม่รู้ว่ามันเข้าเมืองมาได้ยังไง ข้าคิดว่าอีกไม่กี่วัน มันคงถูกทหารองครักษ์ไล่ล่าแน่ ข้าขอเตือนท่านอย่าหลงกลไปกับรูปร่างหน้าตาของมัน ท่านดูสิมันแกล้งทำเป็คนสง่างาม แท้ที่จริงแล้วเป็แค่คนจน เถ้าแก่ ข้าแนะนำท่านด้วยใจจริง ท่านโปรดฟังด้วย”
“ลูกค้าท่านนี้ ใช่คนจนหรือไม่นั้น ข้าเข้าใจแจ่มชัดกว่าท่านอีก รู้ไหมว่าเสื้อผ้าบนตัวเขาที่ท่านบอกว่าซอมซ่อนั้นมีราคาเท่าไหร่” เถ้าแก่พูดจบ ก็ผายมือไปทางจุนหรู เถ้าแก่เพิกเฉยต่อความคับข้องใจของพวกเขา ทว่าใครขัดขวางการทำเงินของเขา คนนั้นก็ถือเป็ศัตรู
“สองตำลึงเงิน? นี่คือเงินเดือนทั้งเดือนของมันก่อนหน้านี้เลยล่ะ? บัดนี้ถูกขับไล่ออกจากตระกูล แม้แต่เงินรายเดือนสองตำลึงก็ไม่มี” จุนหรูพูดพลางมองมือของเถ้าแก่ เขาไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดเถ้าแก่ถึงรับรองไอ้สวะจุนห่าว แต่ไม่รับรองพวกเขา จุนหรูมองหญิงสาวรูปงามที่อยู่ข้างกายจุนอี้ คิดในใจ พี่สะใภ้ของเขาเป็ถึงบุตรสาวของเ้าเมืองระดับสอง เถ้าแก่ผู้นี้ช่างมีตาแต่หามีแววไม่
ส่วนพี่สะใภ้ที่จุนหรูคิดคำนึงอยู่นั้น เริ่มสนใจจุนห่าว เธอมักฟังจุนอี้เล่าว่า เขามีน้องชายที่เป็สวะ ในอดีตเธอไม่เห็นจุนห่าวอยู่ในสายตา สวะในการบำเพ็ญเพียรไม่คุ้มค่ากับความสนใจของเธอ แต่สิ่งที่เห็นในวันนี้ เธอเห็นว่าจุนห่าวไม่ธรรมดา ถึงแม้ชุดบนเรือนร่างของจุนห่าวจะดูเหมือนธรรมดา ไม่ได้มีราคา 20 ล้านตำลึงเงิน แต่ก็มิใช่ว่าเธอจะไม่รู้เื่รู้ราวอย่างจุนหรู หากต้องให้พูด ระหว่างจุนห่าวและจุนหรู ใครเป็สวะ มองแวบเดียวก็รู้ เธอก็มิใช่จุนอี้ ที่เห็นตาปลาเป็ไข่มุก และทำให้ไข่มุกแท้จริงเปรอะฝุ่น
เมื่อนึกถึงเื่นี้ เธอพูดกับจุนห่าวด้วยรอยยิ้มว่า “น้องสี่นี่เอง คิดไม่ถึงว่า เราจะได้พบกัน ข้าคือพี่สะใภ้ใหญ่ของเ้า...เฉินิ่โหรว ข้าได้ยินพี่ใหญ่เ้าพูดถึงเ้าอยู่เสมอ”
คำโบราณกล่าวว่าอย่าตีคนยิ้ม แต่ทว่า จุนห่าวไม่อยากเกี่ยวข้องกับตระกูลจุนแล้ว “ท่านเรียกคนผิดแล้ว ข้าไม่มีพี่ใหญ่ ยิ่งไม่มีพี่สะใภ้ใหญ่” จุนห่าวเหลือบมองพี่สะใภ้ใหญ่ของเขา เอ่ยขึ้นอย่างสบายใจ พูดจบจุนห่าวก็ควักตั๋วเงินออกมา 20 ล้าน ยื่นให้เถ้าแก่ แล้วพูดขึ้น “เถ้าแก่ นี่คือตั๋วเงิน 20 ล้านตำลึงเงิน หากท่านเช็คเรียบร้อย ช่วยห่อสองชุดนี้ให้ข้าด้วย” วิธีที่ดีที่สุดในการเผชิญหน้าคือการทำในสิ่งที่พวกเขาคิดว่าเป็ไปไม่ได้ จุนหรูคิดว่าเขาไม่มีเงิน เขาจึงหยิบตั๋วเงินออกมาทำให้เขาตกตะลึง
จุนหรูเห็นจุนห่าวหยิบตั๋วเงินกองหนึ่งออกมา เขาโกรธจนหน้าเขียวเป็ไปตามคาด เขาเอะอะโวยวาย “เป็ไปไม่ได้ เป็ไปไม่ได้ จุนห่าวจะมีตั๋วเงินมากมายอย่างนี้ได้ยังไง ต้องเป็ของปลอมแน่ ต้องเป็ของปลอม” จากนั้น หันขวับมาพูดกับเถ้าแก่ว่า “เถ้าแก่ ตั๋วเงินของเขาต้องเป็ของปลอมแน่ ท่านต้องดูให้ละเอียดนะ จุนห่าวจะมีเงินมากมายอย่างนี้ได้ยังไง เขาคือบุตรที่ถูกทอดทิ้งของตระกูลเรา”
เถ้าแก่ลงทำจริงแทนการตอบคำถามของจุนหรู นับเงินตั๋วและเก็บไว้
เมื่อเห็นจุนหรูโกรธตัวเอง จุนห่าวเติมเชื้อเพลิงลงบนกองไฟ แล้วค่อยๆ พูดกับจุนหรูอย่างสบายใจต่อว่า “20 ล้านตำลึงเงิน แค่เงินเล็กน้อย สำหรับข้าแล้ว ช่างน้อยนิดเสียจนไม่มีค่าให้พูดถึง”
เห็นท่าทางสบายอกสบายใจของจุนห่าว กับคำพูดที่ทำให้คนอิจฉาจากปากของเขา จุนหรูสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
เห็นจุนหรูสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จุนห่าวแอบคิด ต้องรู้สึกแย่มากแน่ เพราะอะไรล่ะ ถึงทำให้โกรธอย่างนี้ ดูซิว่ายังจะหาเื่เขาอีกไหม เขาเบื่อหน่ายเต็มทีแล้ว
ส่วนเฉินิ่โหรวเห็นจุนห่าวปัดความสัมพันธ์กับเธอ เธอเคียดแค้นในใจ และสาปแช่งจุนห่าว แต่ทว่า ยังคงยิ้มให้กับจุนห่าว เอ่ยขึ้น “น้องสี่ นี่เ้าโกรธพี่ใหญ่เ้าหรือ? ตอนที่เ้าถูกพ่อสามีขับไล่ออกจากตระกูล เราไม่รู้เื่ หากเรารู้ ต้องช่วยพูดโน้มน้าวพ่อสามีได้แน่ ยังไงก็นามสกุลจุนเหมือนกัน พูดยังไงเราก็คือครอบครัว น้องสี่อย่าเห็นเราเป็คนอื่นเลย ใช่แล้ว ท่านนี้คือน้องสะใภ้ชายใช่ไหม! ยังมีเด็กสองคนนี้นั่นอีก หน้าตาละม้ายคล้ายน้องสี่ไม่ผิดเพี้ยน ต้องเป็หลานชายแน่! เที่ยงนี้พี่สะใภ้และพี่ใหญ่ขอเลี้ยงพวกเ้าสักมื้อ” พูดจบก็ดึงแขนเสื้อของจุนอี้ พร้อมขยิบตาให้จุนอี้
เมื่อเห็นว่าเฉินิ่โหรวเป็มิตรอย่างมาก จุนอี้ไม่พอใจแต่แรก หากมิใช่เพราะเขาหวาดกลัวเฉินิ่โหรว คงะเิอารมณ์ไปนานแล้ว เขาพูดกับเฉินิ่โหรวว่า “ิ่โหรว เ้าไม่ได้ยินหรือ? เขาไม่ยอมรับข้าเป็พี่ใหญ่ของเขา และไม่ยอมรับเ้าเป็พี่สะใภ้ใหญ่ด้วย เราจะเป็มิตรกับเขาไปทำไม อีกอย่าง เมื่อครู่นี้เขาทำให้จุนหรูอับอาย นั่นคือสิ่งที่พี่ชายควรกระทำหรือ? เขาก็คือสวะ ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงยโสโอหังนัก ข้าว่าไม่ช้าก็เร็วคงถูกใครฆ่าตายแน่” จุนอี้แอบคิดลับๆ ปกติเฉินิ่โหรวจะหยิ่งผยองกับเขาออกอย่างนั้น บัดนี้กลับเป็มิตรต่อจุนห่าวเช่นนี้ อยากบอกนะว่าตกหลุมรักในความรูปงามของจุนห่าว อีกอย่าง พ่อของเธอไม่เคยละทิ้งความคิดที่จะให้เฉินิ่โหรวแต่งงานกับชายอื่นเลย
เมื่อได้ยินว่าเฉินิ่โหรว้าเลี้ยงข้าวจุนห่าว จุนหรูอดรนทนไม่ไหว พูดขึ้น “พี่สะใภ้ จุนห่าวก็คือสวะ ท่านจะดีต่อเขาเพื่ออะไร?” จุนหรูอยู่ในตระกูลจุนแบบจอมอันธพาล จะเอาอะไรต้องเอาให้ได้ ั้แ่จุนหรูมาอยู่ที่นี่ ทำเื่เดือดร้อนไม่น้อย พี่สะใภ้ของเขาคนนี้ยังคิดที่จะส่งเขากลับไป
หลังจากฟังคำพูดของพวกจุนอี้สองพี่น้อง เฉินิ่โหรวรู้สึกหงุดหงิดจนเจ็บแปลบในใจ เธอคิดจะเชื่อมสัมพันธ์กับจุนห่าว และไม่ลังเลที่จะเสียหน้า แต่ถูกสองคนนั่นตัดแข้งตัดขาจนทำให้เสียเื่ ดูเหมือนว่าเธอควรฟังคำพูดของท่านพ่อให้แต่งงานกับชายอื่น จุนอี้คนนี้ไม่อาจสนับสนุนได้จริงๆ ความจริงที่ว่ามาจากเมืองเล็กๆ และวิสัยทัศน์ที่คับแคบ
การที่เธอเป็มิตรต่อจุนห่าวเช่นนี้ แน่นอนว่ามิใช่เพราะหลงใหลในตัวจุนห่าว แต่เป็เพราะเธอมองออกว่าจุนห่าวนั้นแข็งแกร่ง เธอไม่เห็นพลังปราณของจุนห่าวอย่างชัดแจ้ง แต่เธอััได้ว่าจุนห่าวมีแรงเค้นเหมือนพ่อของเธอ อาจจะมีแรงเค้นมากกว่าพ่อของเธอด้วยซ้ำ เช่นนั้นพลังปราณของจุนห่าวต้องไม่ต่ำกว่าพ่อของเธอแน่ ยิ่งไปกว่านั้น จุนห่าวเลือกสินค้าที่หรูหราฟุ่มเฟือย ของที่เลือกก็คือ 20 ล้านตำลึงเงิน พ่อของเธอในฐานะเ้าของเมืองระดับสอง ยังไม่เลือกสินค้าที่หรูหราฟุ่มเฟือยเช่นนี้เลย คนที่มีพละกำลังและร่ำรวย ไม่คุ้มกับที่เธอจะตีสนิทหรือ?
มองพฤติกรรมของทั้งสามคน จุนห่าวนึกสนุกในใจยิ่งนัก เฉินิ่โหรวอยากจะตีสนิทเขา ส่วนจุนอี้และจุนหรูเป็เพื่อนร่วมทีมที่โง่เขลาที่คอยขัดแข้งขัดขา
นอกจากเสื้อผ้าสองชุดนั้น จุนห่าวยังเลือกเสื้อผ้าอีกหลายชุดให้ตัวเองกับหานรุ่ย จุนตงและจุนหนานก็เลือกชุดที่ตัวเองชื่นชอบเช่นกัน จุนตงจะชอบสีขาวเป็พิเศษ ส่วนจุนหนานชอบสีสันสดใสละลานตา รสนิยมของจุนหนานกับจุนห่าวไม่เป็ในทางเดียวกัน
“สหายจุน อีกไม่นานหอหยุนเสียวจะมีงานประมูลเ้ารู้บ้างไหม?” เฉินิ่โหรวเห็นว่านับญาติกันไม่ได้ จึงเปลี่ยนคำเรียก เธอไม่อยากอารมณ์เสียเพราะจุนห่าว คิดในใจ ถึงจะเป็ญาติกันไม่ได้ ก็เป็เพื่อนกันยังได้?
จุนห่าวเห็นเฉินิ่โหรวที่กระตือรือร้นนัก จุนห่าวระวังตัวมากขึ้น เขารู้สึกว่าเฉินิ่โหรวคงรังเกียจที่จะพูดคุยกับเขา เพราะท้ายที่สุด ตนเองคือบุตรที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเล็กๆ ซึ่งช่วยอะไรเธอไม่ได้เลย หากตนเองปราศจากความแข็งแกร่งและภูมิหลัง จุนห่าวคิดในใจ เป็ไปได้ไหมที่เฉินิ่โหรวจะหลงรักเขา! นั่นย่อมไม่ได้ เธอมีสามีแล้ว
เฉินิ่โหรวกล่าวต่อว่า “นี่คือการประมูลครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของ หอหยุนเซียวในปีนี้ ในงานประมูลจะปรากฏสมบัติมากมาย ได้ยินมาว่า หอหยุนเซียวค้นพบโบราณวัตถุหนึ่งที่ก้นบึ้งทะเล หอหยุนเซียวเสียคนไปไม่น้อย แต่ก็ได้ของดีๆ มาไม่น้อยเช่นกัน และครั้งนี้หอหยุนเซียวจะจำกัดจำนวนคนประมูลโบราณวัตถุ” เฉินิ่โหรวบอกจุนห่าวในสิ่งที่ตัวเองรู้ สิ่งเหล่านี้ก็มิใช่ความลับ สอบถามเล็กน้อยย่อมได้ความ ตอนนี้คนใหญ่คนโตหลายคนต่างแห่กันมาที่นี่ เฉินิ่โหรว้าญาติดีให้กับจุนห่าว เผื่อจะเห็นความดี
“จำกัดจำนวนคนประมูลโบราณวัตถุ เหตุใดพวกเขาถึงไม่เปิดการประมูลโบราณวัตถุแบบเปิดเผยล่ะ?” จุนห่าวเอ่ยถาม เขาสนใจโบราณวัตถุยิ่งนัก แต่ก็ไม่รู้ว่าหอหยุนเซียวจะเล่นตลกอะไร เนื้อที่กินเข้าปากแล้วยังจะคายออกมา ต้องสำลักเป็แน่ ไม่งั้นคงไม่คายออกมา
“เื่นี้ ข้าเองก็ไม่รู้ บางทีหลังจากที่มีคนใหญ่คนโตล่วงรู้ คงถูกบีบบังคับจนต้องจำใจ” เฉินิ่โหรวพูดยิ้มๆ
“ก็เป็ไปได้ บางทีมันอาจอันตรายเกินไป ที่จะปล่อยให้จำนวนของผู้ประมูลทำหน้าที่เหมือนเป้าลูกะุปืน” จุนห่าวพูดกับเฉินิ่โหรว จุนห่าวคิดว่าความเป็ไปได้นี้เป็ไปได้ที่สุด คงไม่อาจยั่วยุคนใหญ่คนโตได้ และลดความเสียหายของตัวเอง เป็ที่สมควรทำมิใช่หรือ
“ที่สหายจุนพูดก็มีเหตุผล ข้าคิดว่าหอหยุนเซียวมิใช่คนใจดีอย่างนั้น แต่คงเป็เพราะถูกบีบบังคับจากชนชั้นปกครอง ข้าคิดว่าทุกคนสนใจเื่โควต้านี้” เฉินิ่โหรวกล่าวพลางม้วนปลอยผมบนหน้าอก
“นั่นเป็คำขอของคนร่ำรวย และคือโอกาสที่จะบินพุ่งสู่ฟ้า” จุนห่าวกล่าว
“สหายจุนก็สนใจหรือ?” เฉินิ่โหรวถามให้แน่ชัด จุนห่าวยอมจ่ายเงินราคา 20 ล้านตำลึงเงินเพื่อซื้อของ การประมูลโบราณวัตถุคงมิใช่ปัญหา สิ่งนั้นสามารถส่งต่อให้คนสิบคนได้
“ข้าเป็คนกลัวตาย จะไม่ไปลุยน้ำโคลนเช่นนั้นหรอก” จุนห่าวพูดกับเฉินิ่โหรว
“ข้ารู้ว่าอยู่แล้วว่าเ้ารักตัวกลัวตาย” จุนหรูพูดกับจุนห่าวอย่างเหยียดหยาม ตอนนี้จุนหรูถึงสงบลงแล้ว
“รักตัวกลัวตายแล้วจะทำไม คนที่มีพลังปราณสูงย่อมรักตัวกลัวตายกันทั้งนั้นแหละ เพราะพวกเขาคิดว่าการไม่กลัวตายจะตรากตรำจนตาย” จุนห่าวพูดกับจุนหรู
“ใช่ สหายจุนกล่าวถูกต้อง เดินไปจนสุดทางถึงจะเป็ชัยชนะของชีวิต” เฉินิ่โหรวพูดพลางหัวเราะแก้เก้อ หยุดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดกับจุนหรูว่า “จุนหรูอ่า เ้าต้องเรียนรู้จากสหายจุนให้มาก เ้าถึงจะเป็ผู้ยิ่งใหญ่ได้ในอนาคต”
จุนอี้รีบเอ่ยกับเฉินิ่โหรวก่อนที่จุนหรูจะพูด “ิ่โหรว ดูเหมือนว่าเ้าจะมองสวะน้องสี่ออกเสียจริง”
“จุนอี้ เ้าพูดเื่ไร้สาระอีก ข้ามองสหายท่านนี้ออก แต่มิใช่สวะน้องสี่ของเ้า” เฉินิ่โหรวพูดกับจุนอี้ด้วยรอยยิ้ม
ยามนี้ใบหน้าของจุนอี้เขียวจนมิอาจบรรยายได้ จนกลายเป็สีดำ เขาคิดไม่ถึงว่าเฉินิ่โหรวจะไม่ไว้หน้าเขาถึงเพียงนี้ เขาโมโหจนดึงมองจุนหรูออกไป
เฉินิ่โหรวมองภาพของจุนอี้ที่โกรธเป็ฟืนเป็ไฟ พลางพูดกับจุนห่าวยิ้มๆ ว่า “สหายจุน เ้าอย่าถือแสเลย สามีของข้ามาจากเมืองเล็กๆ ไม่เข้าใจกฎเกณฑ์นัก”
จุนห่าวยิ้มแหยงๆ คิดในใจ หญิงผู้นี้ทราบอยู่แล้วว่าจุนอี้และตนเองคือพี่น้องกัน ยังจะพูดเช่นนี้อีก กำลังเย้ยหยันเขาอยู่แน่ ดูเหมือนว่าจิตใจของอิสตรีช่างน่ากลัวนัก
เวลานี้ จุนห่าวไม่รู้ว่าหญิงสาวผู้นี้นี้้าทำอะไรกันแน่ จึงอวยพรเธอไม่กี่คำแล้วพาหานรุ่ยและลูกๆ จากไป
