อีกทางฝั่งหนึ่ง นักยุทธ์ตระกูลหลิ่วสองคนก็พรวดพราดลงจากหลังม้า วิ่งกระโจนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เพื่อไปช่วยพยุงตัวหลิ่วิกับอีกคนหนึ่งกลับไปรวมกันอย่างรวดเร็ว!
หลิ่วอิงมองดูหลิ่วิขณะที่กำลังเดินผ่านเขาไปแล้วก็กระโจนลงมาจากหลังม้าอีกคน ในเวลานี้มือซ้ายที่ถูกตัดออกไปไม่มีเืไหลออกมาแล้ว สายตาดุจเหยี่ยวของเขาก็จับจ้องไปทางชิวเทียนฉี่แล้วก็หันกลับไปมองจ้าวเหวินจัว “สิ่งที่ท่านอาจารย์กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า ผู้ใช้พลังิญญาไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ของนักยุทธ์ หลิ่วอิงคนนี้จดจำได้ขึ้นใจ เสือหนุ่มตระกูลชิวเองก็พูดว่า ข้อพิพาทระหว่างตระกูลหลิ่วกับตระกูลเซียว บุคคลภายนอกจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ผู้ใช้พลังิญญาสู้กับผู้ใช้พลังิญญา นักยุทธ์สู้กับนักยุทธ์ ใช่หรือไม่?”
มีหรือที่จ้าวเหวินจัวจะไม่รู้เท่าทันความคิดของหลิ่วอิง มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย เมื่อผู้ใช้พลังิญญาไม่ได้เป็คนลงมือ ตระกูลหลิ่วที่มีนักรบเพียงไม่กี่คน มีหรือที่จะต่อกรกับสัตว์ประหลาดหลิงอวิ๋นของทางนี้ได้ หากพวกเ้าคิดรนหาที่ตายเองก็อย่าได้โทษคนอื่นเลย เมื่อจ้าวเหวินจัวได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมา “ฮ่าๆๆ ใช่แล้ว ขอเพียงตระกูลหลิ่วของเ้าปฏิบัติตามกฎนี้ พวกเราเองก็จะไม่เข้าไปยุ่งเช่นกัน แต่หากเหยี่ยวหัวโล้นเช่นเ้ากล้าลงมือ ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”
“ฮ่าๆ ดี แค่คำพูดของท่านปรมาจารย์ก็เพียงพอแล้ว!” หลิ่วอิงหัวเราะเสียงดัง แล้วะโออกมา “พวกเ้าทุกคน จงล้างแค้นให้กับพี่น้องที่ตายไปของเ้าทั้งหลาย สับเ้าเด็กคนนั่นให้เป็ชิ้นๆ เสีย!”
“กุบกับๆๆ...” นอกจากสองคนที่ช่วยกันพยุงหลิ่วิและหลิ่วอวิ๋นเทา ที่เหลืออีกหกคนก็พากันควบม้าพุ่งทะยานออกไปพร้อมกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็รวมหลิ่วถังที่มือขวาขาดไปครึ่งหนึ่งก่อนหน้านี้ด้วย ชายใจเหี้ยมคนนี้ใช้มือขวาที่พันผ้าขาวเอาไว้ดึงบังเหียนม้าแน่นจนผ้าเปื้อนเือีกครั้ง แต่ราวกับตัวเขาไม่รู้สึกเ็ปใดๆ ส่วนมือซ้ายก็กำดาบที่คมกริบยาวสามฉื่อเอาไว้มั่น ควบม้าพุ่งตรงไปข้างหน้าไปหาเซียวหลิงอวิ๋น!
นักยุทธ์ทั้งหกของตระกูลหลิ่วต่างก็เืลมพลุ่งพล่าน โกรธแค้นจนไฟลุกไหม้จิตใจ และเต็มไปด้วยไฟแห่งการต่อสู้!
ด้วยการบุกของนักยุทธ์เพียงหกคน แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนเผชิญหน้ากับกองทหารม้าหลายพันคนที่ยิ่งใหญ่และเหี้ยมโหด!
เจิ้งอวิ๋นหลงกับเหล่านักยุทธ์และผู้ใช้พลังิญญาจากตระกูลอื่นๆ ที่อยู่ด้านหลังต่างก็รู้สึกใกับพลังของเหล่านักยุทธ์ที่หยิ่งผยองจากตระกูลหลิ่วเหล่านี้ ่หลายปีที่ผ่านมา ภายใต้การฝึกฝนของหลิ่วอิง พวกเขาต่างก็มีจิติญญาเืเหล็กของนักยุทธ์ที่ทั้งกล้าหาญและกระหายเื! จนแม้แต่กองทัพนักรบอาชาเงาของราชวงศ์ที่เก่งกาจที่สุดก็ยังไม่สามารถเทียบเคียงได้!
ดวงตาของเซียวหลิงอวิ๋นเป็ประกายขึ้นมา!
ใช่แล้ว พลังนี้เทียบได้กับนักรบอาชาเงาในหอคอยิญญาเมฆา์เก้าชั้น แถมยังเข้าโจมตีพร้อมกันทีเดียวหกคนเลยด้วย ในหอคอยิญญาเมฆา์เก้าชั้น นักรบอาชาเงาส่วนใหญ่จะปรากฏแค่คนเดียว ไม่ก็จับคู่มากับจอมยุทธ์เงา หรือสัตว์อสูรที่มีพลังต่ำกว่า!
แน่นอนว่าในเวลานี้ พลังยุทธ์ของเซียวหลิงอวิ๋นสูงขึ้นกว่าก่อนหน้าหนึ่งระดับแล้ว ทำให้พลังการต่อสู้เพิ่มขึ้นมากตามไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโจมตีอย่างต่อเนื่องเมื่อสองชั่วยามก่อนหน้านี้ และในการต่อสู้กับหลิ่วิที่เป็นักยุทธ์ระดับกลาง ทำให้ทั้งพลังการต่อสู้ ทักษะการต่อสู้ ท่วงท่าการเคลื่อนไหว และแม้แต่พลังจิตก็เพิ่มขึ้นไปอีกขั้น!
เมื่อเผชิญหน้ากับนักยุทธ์ทั้งหกคนนี้ ไม่เพียงแต่เขาจะไม่หวาดกลัวเลย กลับรู้สึกตื่นเต้นแทน และปรารถนาที่จะต่อสู้ด้วย!
เข้ามา ใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามาอีก!
ในขณะที่หลิ่วถังที่กำลังควบม้านำหน้า พุ่งเข้ามาในระยะหนึ่งร้อยหมี่ เซียวหลิงอวิ๋นก็พุ่งตัวออกไปราวกับเสือดาวเช่นกัน!
หนึ่งคนหนึ่งม้า พุ่งเข้าหากันด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง!
“แกร๊ง!” เสียงดาบปะทะกันดังก้องกังวานขึ้น ในชั่วขณะต่อมาก็มีเสียง “ฉึก” ตามด้วยเสียง “ตุบ!” แล้วม้าเกล็ดดำก็ล้มลงไปกองกับพื้นอย่างแรง เกิดเป็ฝุ่นตลบลอยฟุ้งขึ้นมา!
ท่ามกลางฝุ่นควัน หลิ่วถังกลิ้งไปกับพื้นสองตลบ แล้วลุกขึ้นยืนพร้อมกับเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยฝุ่นดิน!
“กุบกับๆๆ...” เสียงกีบม้าของกลุ่มคนที่ตามหลังดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ท่ามกลางฝุ่นควัน เสียงการปะทะกันของดาบต่อตาบดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราวกับเสียงประทัดในวันเทศกาล
“ตุบ!”
“ตุบ!” ฝุ่นตลบฟุ้งกระจายขึ้นอีกสองรอบ จากเสียงที่ดังสนั่นนี้ สามารถบอกได้ทันทีว่าจะต้องเป็เสียงของม้าเกล็ดดำที่ล้มลงไปกองกับพื้นแน่
“ฉึก!” แกร๊งๆๆ!”
“ฉึก!” “แกร๊งๆ!” ท่ามกลางเสียงปะทะกันของดาบต่อตาบที่ดังอย่างต่อเนื่องนี้ ระคนด้วยเสียงดาบที่แทงทะลุเข้าไปในร่างกาย มีแม้กระทั่งเสียงร้องอดกลั้นต่อความเ็ปที่ดังขึ้นเป็ครั้งคราว
“กุบกับ! ฮี้” ท่ามกลางเสียงกีบม้า ม้าเกล็ดดำตัวหนึ่งพุ่งออกมาจากฝุ่นควันที่คละคลุ้งไปทั่วพร้อมกับเสียงร้อง ที่น่าแปลกคือนักยุทธ์บนหลังม้าได้หายไปแล้ว!
หลิ่วอิงที่นั่งอยู่บนหลังม้าเปลี่ยนสีหน้าเป็ดำมืดทันที สีหน้าของนักยุทธ์ตระกูลหลิ่วสองคนที่ช่วยพยุงหลิ่วิกับหลิ่วอวิ๋นก็เปลี่ยนไปเช่นกัน!
เนื่องจากม้าศึกกำลังวิ่งเข้าโรมรันต่อสู้อย่างดุเดือด ทำให้ฝุ่นควันจากการต่อสู้คละคลุ้งไปทั่ว จนปกคลุมและบดบังทั้งสองฝ่ายเอาไว้หมดสิ้น แม้ว่าพวกเขาจะมองไม่เห็นสถานการณ์ข้างใน แต่พวกเขาก็ล่วงรู้ถึงพลังของพวกเดียวกันเองเป็อย่างดี
พวกเดียวกันทั้งหกคนที่กำลังเข้าต่อสู้กับอีกฝ่ายนั้น มีสี่คนที่เป็ถึงนักยุทธ์ระดับเก้า นอกจากหลิ่วถังที่เป็นักยุทธ์ระดับเก้าขั้นสูงสุดซึ่งในเวลานี้มือพิการจนทำให้พลังต่อสู้ลดลงไปอย่างมากแล้ว ก็ยังมีอีกคนที่เป็ถึงนักยุทธ์ระดับเก้าขั้นสูงสุดเช่นกัน
แต่เด็กคนนั้นอายุเพิ่งจะไม่เท่าไร ในขณะที่ทั้งคู่เดินเข้าไปช่วยพยุงหลิ่วิกับหลิ่วอวิ๋นเทา พวกเขาได้พิจารณาเซียวหลิงอวิ๋นอย่างละเอียด พบว่าคู่ต่อสู้ยังไม่ก้าวเข้าสู่นักยุทธ์ระดับสูงเลย เป็แค่นักยุทธ์ระดับหกขั้นสูงสุดเท่านั้น!
แต่เด็กหนุ่มที่เป็เพียงนักยุทธ์ระดับหกขั้นสูงสุดคนนี้ กลับสามารถต่อกรกับพรรคพวกทั้งหกคนของพวกเขาได้ และดูเหมือนว่าจะได้เปรียบด้วย!
นี่มันอัจฉริยะแบบไหนกันแน่!
ทั้งสองคนที่กำลังใจนพูดไม่ออก พลันได้ยินเสียงของหลิ่วอิงดังขึ้นมา “ไป พวกเ้าก็ไปช่วยเสีย จัดการฆ่าเ้าเด็กนั่นให้ได้!”
“ขอรับ!” สองคนนั้นวางร่างหลิ่วิกับหลิ่วอวิ๋นเทาลงแล้วหันหลังกลับ วิ่งเข้าไปหาสนามรบอันดุเดือด!
อีกทางด้านหนึ่ง เหล่านักยุทธ์จากจวนเจิ้งอ๋องและอีกห้าตระกูลต่างก็อ้าปากค้าง หากไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองแล้ว พวกเขาคงไม่อยากเชื่อว่าภาพที่อยู่ตรงหน้าจะเป็เื่จริง และกำลังเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ จริง!
โอ้โห! เ้าเด็กหนุ่มตระกูลเซียวคนนี้ช่างมากฝีมือยิ่งนัก พะ... พวกนักยุทธ์ของตระกูลหลิ่วนั้นสามารถเทียบได้กับเหล่านักรบอาชาเงาของทางราชสำนักเลยนะ แถมยังเป็การต่อสู้แบบหนึ่งต่อหกอีก! แม้ว่าหลิ่วถังจะได้รับาเ็ที่มือขวา ทำให้พลังการต่อสู้ลดลงไปครึ่งหนึ่ง แต่ที่เหลือก็ยังเป็นักยุทธ์ระดับสูงถึงห้าคน ไม่สิ นอกจากนักยุทธ์ระดับแปดสองคนนั้นแล้ว ที่เหลือก็ล้วนเป็นักยุทธ์ระดับเก้า!
ศิษย์อัจฉริยะของสำนักเก่งกาจถึงเพียงนี้เลยอย่างนั้นหรือ อาศัยเพียงพลังยุทธ์ของนักยุทธ์ระดับกลาง สามารถต่อกรกับนักยุทธ์ระดับสูงถึงหกคนได้!
เขายังเป็มนุษย์อยู่หรือไม่? จะเอาชนะนักยุทธ์ระดับสูงได้จริงหรือ?
แม่เ้าโว้ย หากรู้ว่าเป็ศิษย์ประจำสำนักแล้วจะเก่งกาจเช่นนี้ ตอนเด็กคงกัดฟันพยายามให้หนักขึ้น ต่อให้ต้องรัดเข็มขัดก็ตาม เขาจะพยายามฝากตัวเข้าร่ำเรียนในสำนักสาขาที่สังกัดสำนักใหญ่เหล่านี้ให้ได้!
ไม่ต้องเก่งกาจถึงเพียงนี้ก็ได้ ขอแค่สักครึ่งหนึ่ง ไม่สิ แค่หนึ่งในสี่ หรือแม้แต่หนึ่งในห้าของความเก่งกาจนี้ ก็คงได้เป็ผู้นำหรือไม่ก็รองผู้นำตระกูลไปแล้ว!
ทางด้านเจียงอิ่งเองก็กลืนน้ำลายลงคออย่างเงียบๆ
บ้าจริง เ้าเด็กคนนี้ไม่ใช่มนุษย์แล้ว! ต่อสู้แบบหนึ่งต่อหกแล้วยังได้เปรียบเนี่ยนะ! น่ากลัวเป็บ้า ท่านอาเจ็ดเคยกล่าวว่าหลิ่วิจากตระกูลหลิ่วถูกเ้าเด็กคนนี้คนเดียวจับตัวเอาไว้ได้ ตอนแรกข้าก็ไม่เชื่อ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็เื่จริงเสียแล้ว! นี่มันสัตว์ประหลาดคราบมนุษย์ชัดๆ!
หลิ่วถังคนนั้น แม้ว่ามือขวาจะพิการไป แต่ก็ยังเป็ถึงนักยุทธ์ระดับเก้าขั้นสูงสุด เพียงแค่เผชิญหน้ากัน ดาบยาวถูกฟันจนหัก ม้าของเขาเองก็ถูกฟันจนล้ม พลังเช่นนี้เหนือกว่าตัวเราที่เป็ถึงนักยุทธ์ระดับเก้าเสียอีก!
ไม่ได้การแล้ว กลับไปคราวนี้จะต้องฝากตัวเข้าสำนักให้ได้ ต่อให้ต้องถ่อไปถึงหน้าประตูสำนัก ก็จะต้องหาทางสมัครเป็ศิษย์ให้ได้! ทั้งชีวิตในชาตินี้ จะขอทุ่มให้กับสำนัก จริงดสิ ท่านลุงชิวเองก็เป็สมาชิกของสำนักิญญาเมฆาด้วยนี่นา! ดวงตาของเจียงอิ่งพลันเป็ประกายขึ้นมา!
ท่ามกลางหมอกควันที่คละคลุ้งไปทั่ว ไหล่ซ้ายและเสื้อผ้าที่หลังของเซียวหลิงอวิ๋นฉีกขาด แขนเสื้อข้างซ้ายขาดหายไปทำให้ท่อนแขนเปลือยเปล่า! เท้าเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วด้วยก้าวลวงิญญา ดาบยาวสามเล่ม กระบี่หนึ่งเล่ม และหอกที่เหลือเพียงครึ่งท่อนก็สร้างแรงกดดันอย่างมากให้กับเขา!
หลังจากที่ได้ต่อสู้กันจริงๆ แล้ว เขาก็ััได้ถึงความน่ากลัวของเหล่านักยุทธ์ตระกูลหลิ่วอย่างแท้จริง!
