ในขณะนี้ตันเถียนของถังเหล่ยมีเส้นด้ายสีทองหนากำลังดูดซับพลังปราณที่อยู่ในแก่นแท้ิญญาของเหล่ยโหย่วอย่างบ้าคลั่ง
ถังเหล่ยรู้ว่าเหล่ยโหย่วเตรียมแก่นแท้ิญญาเอาไว้ให้ิญญายุทธ์ในร่างกายของเขาดูดซับ บางทีการทำเช่นนี้อาจจะมีประโยชน์ต่อัคชสารสีทองทำให้มันตื่นขึ้นมาเร็วขึ้น ในเวลาเดียวกันจุดตันเถียนไม่อาจตรวจสอบได้แล้ว เพราะมีพลังปราณหนาแน่นมากเกินไป และตัวเขาก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดแล้ว
ในที่สุดแก่นแท้ิญญาในร่างกายของถังเหล่ยก็เริ่มสลายหายไป เส้นด้ายสีทองในจุดตันเถียนก็ค่อยๆ สลายไปด้วย หลังจากนั้นแก่นแท้ิญญาที่เกือบโปร่งใสก็เริ่มพลุ่งพล่านอยู่ในร่างของเขา
พลังปราณพุ่งเข้าไปในเส้นชีพจรของถังเหล่ยอย่างรวดเร็ว หากคาดเดาไม่ผิดนี่ก็คือของขวัญที่เหล่ยโหย่วมอบให้เขา ถึงอย่างไรนายท่านของเขาก็อยู่ในร่างของถังเหล่ย ถ้าพลังของถังเหล่ยไม่เพิ่มขึ้น นายท่านของเขาจะตกอยู่ในอันตราย
ถังเหล่ยเริ่มควบคุมพลังปราณในร่าง แต่ไม่อาจควบคุมได้เพราะพลังในร่างของเขามีมากเกินไป
เคล็ดวิชาัคชสาร!”
หลังจากที่ถังเหล่ยควบคุมเคล็ดวิชาัคชสารแล้ว ในร่างกายของเขาก็เกิดน้ำวนขึ้นมา มันดูดซับพลังทั้งหมดเข้าไปในน้ำวน จากนั้นพลังปราณบริสุทธิ์ถูกปล่อยออกมาจากร่างกายของเขาทันที และเริ่มทะลวงระดับอย่างไม่อาจควบคุมได้
ระดับหก ระดับเจ็ด ระดับแปด…!
ผ่านไปไม่กี่ลมหายใจถังเหล่ยสามารถทะลวงระดับขึ้นไปเป็ผู้ชำนาญยุทธ์ระดับแปดได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังทำให้พลังปราณภายในร่างมีความเสถียรอีกด้วย
พลังในร่างกายของถังเหล่ยก็ค่อยๆ สงบลง การทะลวงระดับหลายๆ ขั้นในคราวเดียวอาจจะทำให้ร่างกายของเขาจะได้รับอันตรายได้
ทะลวงระดับมาถึงขั้นที่แปดเรียกได้ว่ากำลังพอดี กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวที่แผ่ซ่านออกมาก็ค่อยๆ ถูกเก็บเข้าไปในร่าง
จากนั้นถังเหล่ยลืมตาขึ้นช้าๆ หลังจากที่ทะลวงไประดับแปด เขาก็สามารถข่มกลั้นความตื่นเต้นและยินดีภายในใจได้ ไม่กี่ลมหายใจต่อมาเขาก็ตระหนักได้ถึงสิ่งผิดปกติ
“เกิดอะไรขึ้น!”
เืเนื้อและโครงกระดูกที่โอบล้อมร่างกายของถังเหล่ยอยู่กำลังถล่มลงมา นี่คือฉากอันน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
ตูม!
หลังจากที่ถังเหล่ยออกจากจุดเดิมได้ไม่นาน ก้อนหินั์ก้อนหนึ่งก็ตกลงมาที่ด้านหน้าของเขา เมื่อเงยหน้าไปมองเขาเห็นว่าเพดานถ้ำถล่มลงมาข้างล่างจนทำให้เขาสามารถมองเห็นท้องฟ้าด้านนอกได้
ทันใดนั้นถังเหล่ยตระหนักได้ทันทีว่า แท้จริงแล้วเมื่อครู่เขาอยู่ในท้องของูเาซวงเฟิงหรือกล่าวอีกอย่างว่าูเาแห่งนี้คือร่างกายของเหล่ยโหย่ว ความจริงก็คือยอดเขาสีขาวราวกับหยกสองยอดคืองาช้างของเหล่ยโหย่วนั่นเอง!
เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ถังเหล่ยได้เห็นรูปร่างและขนาดของัคชสารที่แท้จริง พลังจากแก่นแท้ิญญาของเหล่ยโหย่วนั้นเกรงว่าตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่อย่างน้อยต้องเป็ระดับจอมราชันยุทธ์อย่างแน่นอน แม้แต่สิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวยังถูกสังหาร เขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าาในครั้งนั้นรุนแรงมากเพียงใด
ในเวลาเดียวกันถังเหล่ยไม่มีเวลาให้คิดแล้ว เขาต้องรีบหนีออกจากูเาแห่งนี้ให้ได้โดยเร็ว ในเวลาเดียวกันใต้เท้าของเขาก็กำลังสั่นไหวอย่างรุนแรง เขาตระหนักได้ทันทีว่าูเาซวงเฟิงกำลังทลายลงมา
เพราะทันทีที่เหล่ยโหย่วจากไป ร่างกายของเขาก็ไม่อาจคงสภาพของูเาแห่งนี้ไว้ได้อีกแล้ว แรงกดดันจากหนึ่งพันปีที่ผ่านมากำลังกดทับบนร่างของเขา ต่อให้เป็ร่างของัคชสารก็ไม่อาจต้านทานได้ ถังเหล่ยจึงรีบปีนหน้าผาด้านข้างเพื่อหลบหนีจากวิกฤตการณ์ครั้งนี้
จากนั้นไม่นานถังเหล่ยก็ไปถึงยอดเขาและมองเห็นูเาซวงเฟิงกำลังพังทลายลงอย่างต่อเนื่อง เสียงถล่มดังสนั่นไปทั่วท้องฟ้า แม้แต่หมอกโลหิตรอบูเาซวงเฟิงก็ไม่มีอีกต่อไปแล้ว
แต่ในเวลานี้ฝุ่นควันจำนวนมหาศาลบดบังทัศนวิสัยของถังเหล่ย เขาจึงไม่อาจคาดเดาทิศทางของเมืองซวงเฟิงได้ ความจริงแล้วการกวาดสายตาหาเมืองซวงเฟิงไม่ใช่เื่ยากเย็นอะไร แต่เมืองซวงเฟิงถูกก้อนหินขนาดใหญ่กลิ้งลงมาทับราบเป็หน้ากลองไปั้แ่แรก
ในเวลาเดียวกันเส้นทางที่ถังเหล่ยใช้ในการเดินทางมาก็ไม่สามารถใช้กลับไปได้แล้วและด้านล่างยังมีฝูงของสัตว์อสูรรออยู่อีกมากมาย
ในขณะนี้ทั้งูเาพังทลายลงเกือบสมบูรณ์แล้ว ไม่มีแม้แต่เส้นทางให้ถังเหล่ยเดิน เขาเดินวนไปมาอยู่หลายรอบ จากนั้นจึงวิ่งมาสำรวจอีกด้านของยอดเขาที่เปรียบเสมือนงาช้างและสิ่งที่เขาเห็นอยู่เบื้องหน้าก็คือหน้าผาลึกไม่สามารถมองเห็นพื้นดินด้วยซ้ำ
“น่าเสียดาย ที่งาช้างสองชิ้นนี้เอากลับไปด้วยไม่ได้!” ถังเหล่ยส่ายหน้าและลูบไปที่งาช้าง งาช้างอันหนึ่งยาวเป็ร้อยวา แหวนมิติของเขาไม่สามารถเก็บมันเข้าไปได้
ในเวลาเดียวกันูเาก็เริ่มถล่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ถังเหล่ยไม่มีเวลาให้ครุ่นคิดอีกต่อไป เขาตัดสินใจะโลงผาลึกทันที จากนั้นร่างกายของถังเหล่ยตกลงบนหินก้อนหนึ่ง เขาจึงปล่อยหมัดต่อยหินเป็รูเพื่อใช้ในการยึดจับ ขณะนี้ร่างของเขาเกาะอยู่ที่ขอบผา หน้าผาถูกต่อยเป็รูราวกับขั้นบันได
จากนั้นถังเหล่ยหาจุดเหยียบที่มั่นคงแล้วค่อยๆ ะโลงไปด้านล่างทีละขั้น ในขณะเดียวกันเขายังต้องหลบก้อนหินที่ตกลงมาอีกด้วย หลังจากนั้นหน้าผาก็เกิดรอยแยกจำนวนมาก
ถังเหล่ยไม่รอช้าเขาเร่งความเร็วขึ้นอีกเท่าตัว ราวกับเป็วานรตัวหนึ่งกำลังปีนลงหน้าผาอย่างรวดเร็ว
ตูม!
ูเาสั่นไหวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในเวลาเดียวกันนี้ของเหลวสีแดงก็เริ่มไหลออกมาจากรอยแยกที่อยู่ตามหน้าผา
ของเหลวเหล่านี้ล้วนเป็เืเนื้อของัคชสาร สิ่งที่ไหลตามเืเนื้อออกมาคือจิตสังหารในสนามรบ ต้นไม้ที่โดนปราณสังหารล้วนเหี่ยวเฉาในพริบตาเดียว
ทันทีที่เห็นฉากนี้สีหน้าของถังเหล่ยก็เปลี่ยนไปอย่างรุนแรง หลังจากนั้นไม่นานใน่เวลาสุดท้ายหน้าผาก็พังทลายลงมา เขาออกแรงที่ขาสองข้างะโออกไปราวกับลูกธนูพร้อมกับตรงเข้าไปในป่าหนาทึบในบริเวณใกล้เคียง
…
อีกด้านหนึ่งในเมืองซวงเฟิง ตี้ม่อกำลังสั่งการให้ล้อมสังหารสัตว์อสูร ทันใดนั้นก็เห็นูเาซวงเฟิงที่อยู่ไม่ไกลสั่นไหวอีกครั้ง ในเวลาเดียวกันส่วนกลางของูเาก็มีสีแดงราวกับเืพุ่งออกมาย้อมท้องฟ้าครึ่งหนึ่งเป็สีแดง
เมื่อเห็นปราณสังหารสีแดงนี้สีหน้าของตี้ม่อก็เปลี่ยนไปอย่างรุนแรง หลังจากนั้นไม่นานได้มีเสียงชายเสื้อปะทะลมดังขึ้นที่ด้านหลัง เขาจึงหันกลับไปมองทันที
สิ่งที่ตี้ม่อเห็นอยู่ในขณะนี้คือร่างสีแดงร่างหนึ่ง เป็ชายวัยกลางคนที่คิ้วคมราวกับกระบี่ สวมชุดเกราะสีแดง ทุกส่วนของชุดเกราะล้วนติดศิลาเพลิงิญญาเอาไว้ บ่งบอกว่าสถานะของชายผู้นี้สูงส่งมากเพียงใด
“ปิดพื้นที่แห่งนี้เอาไว้ นำตัวผู้คนออกมาและห้ามผู้ใดเข้าไปข้างในอีก ทหารส่วนหนึ่งแยกไปสังหารสัตว์อสูรที่หนีออกจากูเา!”
หลังจากที่ชายวัยกลางคนที่สวมชุดเกราะสีแดงออกคำสั่ง กองทัพด้านหลังเริ่มเคลื่อนไหวทันที ทหารเ่าั้ล้วนทำตามคำสั่งอย่างพร้อมเพรียง
“ูเาซวงเฟิง ข้าอยากจะรู้ว่าเ้ามีความลับอะไรซ่อนอยู่กันแน่?” จากนั้นชายวัยกลางคนที่สวมชุดเกราะสีแดงขี่สัตว์อสูรระดับสามสีแดงเพลิง มุ่งหน้าไปทางเมืองซวงเฟิงอย่างรวดเร็ว
“ท่านพ่อมาแล้ว จบกัน! ข้าต้องถูกลงโทษแน่!”
ทันทีที่ตี้เชียนเสวี่ยเห็นชายวัยกลางคนที่สวมชุดเกราะสีแดงเพลิง สีหน้าก็บิดเบี้ยวทันที เพราะผู้มาเยือนไม่ใช่ใครอื่น เขาก็คือหนึ่งในบุคคลที่มีอำนาจมากที่สุดในจักรวรรดิซือฉี องค์ชายตี้เหยียน
ตี้เหยียนสังเกตการณ์โดยรวมจากระยะไกล ทันทีที่เห็นปราณโลหิตหนาแน่น สีหน้าของเขาก็แสดงความตื่นเต้นพร้อมกับความกังวลออกมา ขณะที่ปราณสังหารปกคลุมอยู่ทั่วท้องฟ้าก็ทำให้เืลมภายในร่างกายของตี้เหยียนเดือดพล่าน
ในที่สุดข้าก็รู้ความลับเกี่ยวกับูเาซวงเฟิง!
……