“เ้าหมายถึงเซียวเฉินที่ฆ่าลั่วเฉินอวี่คนนั้นหรือ?” กู้สิงเฉินถามอย่างใ
ซูเฉินเทียนและมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์พยักหน้าพร้อมกัน
“แต่ข้ากับเชี่ยนเอ๋อร์ไม่เห็นร่องรอยของเซียวเฉินและเสิ่นเล่ยที่นี่ ไม่รู้ว่าพวกเขาสองคนอยู่ที่นี่หรือไม่” ซูเฉินเทียนเอ่ยช้าๆ ใบหน้าของมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างมีแววกังวล เซียวเฉินเพิ่งย่างเข้าขั้นเสวียนฟ้าและมาที่นี่เป็ครั้งแรก หากเจออันตราย...
ฉู่เฉินเฟิงและกู้สิงเฉินสบตากัน จากนั้นยิ้ม
“พวกเขาไม่เกิดเื่หรอก ในเมื่อได้รับเลือกให้เข้าร่วมการประลองห้าสถานศึกษา หากไม่มีความสามารถในการปกป้องตนเอง เช่นนั้นก็อธิบายยาก”
“อืม”
หลังออกจากประตู์สามสิบหกบาน ใบหน้าของโม่เส้าชิงก็ประดับด้วยรอยยิ้ม
ส่วนนิสัยของเขาก็เกิดความเปลี่ยนแปลง ดูท่า เขาต้องไปพบโชควาสนาบางอย่างในนั้น
คนของสำนักเหยียนหยางต่างรุมล้อมด้วยใบหน้าวาดหวัง
“เส้าชิง เ้าได้รับสืบทอดหรือ?” ผู้าุโของสำนักเหยียนหยางเอ่ยถาม ดวงตาเฝ้ารอ เห็นโม่เส้าชิงผงกศีรษะ เอ่ยด้วยสีหน้าหยิ่งผยอง “ภารกิจสำเร็จอย่างราบรื่น ได้รับสืบทอดมาเล็กน้อย โชคดีบรรลุขั้นเสวียนฟ้าสามชั้นฟ้าระดับสูงสุด อีกไม่นานน่าจะย่างสู่ขั้นเสวียนฟ้าสี่ชั้นฟ้า”
คนของสำนักเหยียนหยางมีสีหน้าลิงโลดยินดี
หากโม่เส้าชิงได้พบโชควาสนา มีความสามารถเพิ่มขึ้นมาก เวลานี้ ต่อให้เป็โม่เส้าเยี่ยนที่ตายไปก็ยังต้องหลีกทางให้ ในที่สุดสำนักเหยียนหยางก็มีโอกาสผุดขึ้นแล้ว
ส่วนความสามารถของคนอื่นๆ ก็เป็เช่นนี้
เดิมทีเป็บุคคลผู้มีพร์ ต้องมีโชควาสนาแน่
ในเวลานี้เอง พลันมีเสียงดังขึ้น “รู้สึกถึงกลิ่นอายในประตู์สามสิบหกบานหรือไม่” ทุกคนหันหน้าไปมอง ผู้พูดคือหวังเจวี๋ย บุคคลผู้มีพร์ของหอหมื่นอาวุธ
ทุกคนขมวดคิ้ว
ใบหน้าของพวกโม่เส้าชิงก็อึ้งนิดๆ จากนั้นโม่เส้าชิงเอ่ยปากช้าๆ “เป็ท่านใดในประตู์สามสิบหกบานที่ได้รับการสืบทอด?” สายตาของทุกคนมองไปรอบด้าน แต่กลับไม่มีคนเอ่ยวาจา โม่เส้าชิงและหวังเจวี๋ยสบตากัน สายตาของคนทั้งสองมองไปยังประตู์สามสิบหกบาน
ดูท่า คนผู้นั้นยังไม่ออกมา
แม้ทุกคนออกมาแล้ว แต่ยังไม่จากไป
เนื่องจากพวกเขาอยากรู้ว่า การสืบทอดสุดท้ายตกเป็ของผู้ใด
พริบตาเวลาก็ผ่านไปอีกสิบวัน
ในสิบวันนี้ มีบางคนเดินออกจากประตู แต่กลิ่นอายนั้นก็ไม่ได้กระเพื่อม คนภายนอกไม่รู้สึก แต่คนที่เข้าสู่ประตู์กลับรับรู้ได้
ดวงตาของพวกหวังเจวี๋ยและโม่เส้าชิงฉายแววซับซ้อน
หรือว่าสุดท้ายคนที่ได้รับสืบทอดตายอยู่ในประตู์?
ถึงอย่างไรก็เคยบอกว่า แม้ในประตู์จะมีโชควาสนาไร้ขีดจำกัด แต่ก็อันตรายอย่างยิ่ง ในเมื่อคนผู้นั้นได้รับสืบทอดจากผู้าุโขั้นดารา์ ต้องประสบอันตรายยิ่งกว่าพวกเขาแน่ หากสืบทอดล้มเหลวก็เป็เื่ปกติ เพราะนั่นคือการสืบทอดจากผู้าุโขั้นดารา์
ในเวลานี้เอง ปราณกระบี่สายหนึ่งพุ่งขึ้นเสียบเมฆา
ทุกคนเงยหน้าขึ้น ปราณกระบี่สายนี้บรรจุเจตจำนงสามารถสะบั้นได้ทุกสิ่ง
หรือว่าคนผู้นี้คือคนที่ได้รับการสืบทอด?
ทุกคนล้วนคาดเดาในใจ
จากนั้นเห็นสตรีงามหยาดฟ้าเดินออกมาจากประตู์ ท่าทางเ็า แต่ปราณกระบี่บนร่างกลับทำให้รู้สึกหวาดกลัว เมื่อเห็นสตรีผู้นี้ ทุกผู้คนต่างสะท้านะเื พากันเบิกตาโต มองพินิจไปมาบนร่างของนาง เพราะนางไม่เพียงงามล่มเมืองเท่านั้น ทว่าเรือนร่างและนิสัยก็สมบูรณ์แบบ
“เสิ่นเล่ย คิดไม่ถึงว่านางก็มาที่นี่และเข้าประตู์ด้วย!”
กู้สิงเฉินเอ่ยอย่างใ
ฉู่เฉินเฟิงพิจารณาเสิ่นเล่ย จากนั้นเอ่ย “เสิ่นเล่ยคงได้พบโชควาสนาใหญ่ ท่าทางความสามารถเหนือล้ำกว่าพวกเราแล้ว” ฉู่เฉินเฟิงยิ้มขื่น เดิมทีความสามารถของพวกเขาเหนือกว่าเสิ่นเล่ย แต่คราวนี้คงด้อยกว่านางลิบลับ
“เสิ่นเล่ยก็มา เซียวเฉินก็น่าจะอยู่ที่นี่” ซูเฉินเทียนยิ้มกล่าว
ในเมื่อไม่เห็นเขา ก็น่าจะอยู่ในประตู์ ด้วยนิสัยของเขา มาที่นี่แล้วเป็ไปไม่ได้ที่จะไม่เข้าประตู์
เสิ่นเล่ยไม่สนใจสายตาภายนอก นางกำลังมองหาคนผู้หนึ่ง
แต่สุดท้ายกลับมีสีหน้าประหลาด
“เซียวเฉินยังไม่ออกมาหรือ...”
ในเวลานี้เอง ซือคงไจซิงเดินมาช้าๆ ยิ้มมองเสิ่นเล่ยและเอ่ยว่า “ไม่ทราบว่าแม่นางอยู่สำนักใด ข้าคือซือคงไจซิง ประมุขน้อยของสำนักดารากร แม่นางมีชื่อแซ่ว่าอะไร?”
เดิมซือคงไจซิงก็หล่อเหลา บวกกับตำแหน่งฐานะของเขา เขาเชื่อว่าไม่มีใครปฏิเสธ
คิดถึงตรงนี้ เขายิ่งมั่นใจมากขึ้น
แต่เสิ่นเล่ยกลับไม่เหลือบแลเขาสักนิด
ทำเอาซือคงไจซิงหน้าแดง รู้สึกเหมือนถูกตบหน้า
ส่วนโม่เส้าชิง หวังเจวี๋ย และฉีเทียนหย่วนที่อยู่ด้านข้างต่างส่งเสียงหัวเราะ เ้ามารราคะซือคงไจซิงถึงกับหมายตาหญิงงามน้ำแข็ง วอนหาเื่ใส่ตัวจริงๆ เคราะห์ดีที่ตนเองอดกลั้นไว้ ไม่เช่นนั้นคนที่ถูกตบหน้าคงเป็ตนเอง คนทั้งสามคิดเช่นนี้ รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งกดลึก
ส่วนซือคงไจซิงแสดงออกว่าไม่คิดจะเลิกรา
“แม่นาง ต่อไปหาก้าความช่วยเหลืออะไรก็มาหาข้าได้” ซือคงไจซิงยิ้มกล่าว
รอยยิ้มนั้นอ่อนโยนสง่างาม เหมือนคุณชายผู้สูงศักดิ์
เสิ่นเล่ยมองเขาแล้วเอ่ยด้วยเสียงเ็า “ตอนนี้ข้ามีเื่หนึ่งที่อยากให้เ้าช่วยเหลือ”
ซือคงไจซิงปีติยินดีในใจ หญิงงามน้ำแข็งอะไรกัน แค่นี้ยังถูกแผนการเล็กๆ ของตนเองคว้าไว้ได้อย่างง่ายดาย แต่เขากลับไม่แสดงสีหน้า เอ่ยเสียงกังวาน “แม่นางสั่งมาก็พอ หากข้าทำได้จะไม่ปฏิเสธ”
เสิ่นเล่ยกล่าว “รบกวนหุบปากของเ้าและอยู่ให้ไกลข้าหน่อย”
ประโยคเดียวทำเอาซือคงไจซิงอึ้งงันคาที่ สีหน้าน่าเกลียดอย่างรุนแรง แววตาโกรธเคือง
“เ้าอย่าได้ไม่รู้จักดีชั่ว สตรีที่ข้าซือคงไจซิงอยากได้ยังไม่มีคนใดที่ไม่ได้มา” ซือคงไจซิงเอ่ยอย่างดุดัน ว่าแล้ว ก็ใช้มือแตะไหล่ของเสิ่นเล่ย แต่เสิ่นเล่ยหลบหลีก นางมองซือคงไจซิงด้วยสีหน้าเดือดดาลแล้วเอ่ยอย่างเ็า “ไร้ยางอาย ไสหัวไปไกลๆ”
ซือคงไจซิงมีรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าให้กับการบริภาษของเสิ่นเล่ย
“คนงาม ท่าทางเดือดดาลของเ้าช่างงามจริงๆ”
คนอื่นๆ มีท่าทางเหมือนดูละครเด็ด แม้แต่คนของสำนักดารากรก็ไม่ห้ามปราม ซือคงไจซิงคือบุตรชายซึ่งเป็ผู้สืบทอดในวันหน้าของประมุขสำนักดารากร ใครกล้าล่วงเกินเขา? บางคนกล้าเดือดดาลแต่ไม่กล้าเอ่ยวาจา มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ก็มีสีหน้าน่าเกลียด ชิงชังคนที่ใช้อำนาจข่มเหงสตรีที่สุด จะไปข้างหน้าก็ถูกกู้สิงเฉินห้ามปรามไว้
“วางใจเถอะ เสิ่นเล่ยจัดการได้ ถ้าไม่ไหวพวกเราค่อยลงมือ สั่งสอนพวกที่เรียกว่าผู้มีพร์กลุ่มนี้ได้พอดี” เมื่อเอ่ยถึงผู้มีพร์ ดวงตาของกู้สิงเฉินกลับมีแววดูแคลนอย่างเข้มข้น
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์พยักหน้า แต่สีหน้ายังคงไม่น่าดู
“โจรราคะ ไสหัวไปไกลๆ”
เสิ่นเล่ยมีสีหน้ารังเกียจ แต่ซือคงไจซิงก็ไม่ใส่ใจ ถึงอย่างไรเขาก็เป็บุรุษมากรัก
“อีกสักครู่อยู่บนเตียงแล้ว เ้าก็จะไม่รังเกียจข้า ข้าเก่งกาจมากนะ...”
ซือคงไจซิงยิ้มสัปดน คิดเพ้อฝัน พุ่งตรงเข้าหาเสิ่นเล่ย ในเวลานี้เอง พลันมีกระบี่เล่มหนึ่งเหาะออกจากประตู์มาขวางอยู่เบื้องหน้าของซือคงไจซิง จากนั้น บุรุษหน้าตาหล่อเหลาก็เดินออกมาจากประตู์ บุรุษผู้นั้นมองซือคงไจซิงด้วยสีหน้าเ็าเป็น้ำแข็ง สายตาดุจจะแช่แข็งมิติ ทำให้คนตัวสั่นเทา
“ใครอนุญาตให้เ้าแตะต้องนาง?”
ประโยคเดียว ทั้งเหิมเกริมและวางอำนาจ เสิ่นเล่ยได้ยินแล้วร่างสะท้าน ใบหน้าแดงก่ำนิดๆ
ส่วนสีหน้าของมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างแปรเปลี่ยนนิดๆ ดวงตาฉายแววซับซ้อน