“อ่าหะ ในที่สุดเ้าโครงกระดูกหนุ่มน้อยก็กลับมาแล้ว!”
หัวหน้าทหารยามฝ่าเค่อชูแขนขาวโพลนโบกไปมาพร้อมพูดกระแทกเสียง “ั้แ่เ้าสังหารทหารลูกสมุนจำนวนมากไปเมื่อวาน ในที่สุดผู้นำิญญาที่แอบซ่อนในความมืดมานานก็ปรากฏตัวออกมา ตอนนี้มันกำลังรวบรวมกองทัพโครงกระดูกอยู่ในสุสานเพื่อจะท้าทายพวกเรา ดังนั้นเพื่อปกป้องเกียรติของป้อมศีตเหมันต์ เ้าจงไปสังหารโครงกระดูกเขียว 200 ตัวแล้วเก็บรวบรวมกระดูกนิ้วมือของโครงกระดูกเขียวมาให้ข้า 20 ชิ้น จากนั้นเ้าจะได้รับรางวัลอย่างงาม!”
ผมรีบกดรับภารกิจด้วยความดีใจ ที่ป้อมศีตเหมันต์แห่งนี้คงจะมีผู้เล่นแค่ผมคนเดียวไม่อย่างนั้นภารกิจเจ๋งๆ แบบนี้จะตกถึงมือผมได้ยังไง?
“ติ๊ง~!”
ระบบแจ้งเตือน: คุณรับภารกิจ [โครงกระดูกเขียว] (ระดับภารกิจ : ระดับ F ขั้นสูง)
รายละเอียดภารกิจ : มุ่งหน้าสู่สุสานใหญ่ข้างป้อมศีตเหมันต์เพื่อสังหารโครงกระดูกเขียว 200 ตัว พร้อมกับรวบรวมนิ้วมือของโครงกระดูกเขียว 20 ชิ้น แต่พึงระวังไว้ว่าผู้นำิญญาปรากฏตัวอยู่ที่สุสานใหญ่แล้ว คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกับมันดังนั้นจึงต้องรีบหนีออกมาให้ได้
......
ผมรู้สึกฮึกเหิม หึ โครงกระดูกเขียว 200 ตัว ดูท่าแล้วคงต้องใช้เวลาสักครึ่งวันได้ ถึงเวลานั้นตู้สือซานน่าจะออกจากหมู่บ้านเริ่มต้นพอดี จากนั้นผมแวะไปดูเพื่อนรักที่เพิ่งหัดเล่นเกมสักหน่อยว่าจะเป็ยังไงบ้าง
ผมเดินเข้าไปตรงหน้าซูหลุนเพื่อดูว่าจะมีทักษะใหม่ให้เรียนบ้างหรือเปล่า แต่สุดท้ายก็ต้องผิดหวังไป ทว่าซูหลุนกลับจ้องมองมาที่ผมแล้วหัวเราะคิกคักก่อนจะพูดออกมา “โครงกระดูกน้อย ถ้าเ้าไปถึงที่นั่นแล้วเกิดหิวขึ้นมาก็ไม่ต้องกังวลไป ในสุสานมีเนื้อเปื่อยเน่ามากมายให้เ้าได้รองท้อง แต่หากเ้าอยากกินเนื้อสดก็ย่อมได้ ห่างออกไปสองลี้จากป้อมศีตเหมันต์มีเมืองเล็กๆ ของพวกมนุษย์อยู่ ฮ่าๆๆ!”
หิวเหรอ?
ผมนึกถึงบ่อศพเน่านอกป้อมศีตเหมันต์ ถ้าอย่างนั้นที่นั่นก็เป็โรงอาหารของพวกิญญาจริงๆ น่ะสิ!
แม่เ้า! กระเพาะผมบิดเกร็งจนเอาไม่อยู่ มันน่าสะอิดสะเอียนที่สุด ผมสาบานเลยว่าจะไม่กินศพเด็ดขาด!
แต่เวลาผมมองดูสถานะของตัวละครก็มีค่าความหิวปรากฏขึ้นมาจริงๆ ตอนนี้ค่าความหิวของผมอยู่ที่ 71 หน่วย ยังยื้อได้อีกสักพักแต่เมื่อไรที่ค่าความหิวลดลงเหลือน้อยกว่า 20 หน่วยความสามารถของตัวละครก็จะลงลดเยอะเมื่อถึงเวลานั้นคงไม่กินไม่ได้แล้ว!
ไม่สนแล้ว ยังไงก็ไม่หิวตายหรอก ไปลุยเก็บเลเวลก่อนดีกว่า!
......
ผมออกมาจากป้อมศีตเหมันต์มุ่งหน้าตรงไปยังสุสานใหญ่ วันนี้มอนสเตอร์ที่นี่มีการปรับเปลี่ยนใหม่แล้ว พวกมันไม่ใช่โครงกระดูกหลุดลุ่ยเลเวล 12 อีกต่อไปแต่เป็มอนสเตอร์ระดับกลางที่เป็โครงกระดูกสีออกเขียวๆ— โครงกระดูกเขียว LV-15!
ไม่เลวนี่มอนสเตอร์เลเวล 15 เทียบกับมาตรฐานของเลเวล 11 แล้วผมคงสู้ไม่ไหวแน่ แต่ผมมีอาวุธระดับหินดำสามอย่างทั้งเสื้อเกราะเรืองแสง เกราะข้อมือสีนิลและดาบขจีไพร ดังนั้นผมถึงมีกำลังพอจะสู้กับพวกมันสักยก!
ผมเดินสำรวจไปทั่วก็พบว่าทางทิศใต้ของสุสานมีมอนสเตอร์งน้อยซึ่งเหมาะที่จะให้ผมไปเก็บเลเวลคนเดียว
ผมประชิดตัวโครงกระดูกเขียวอย่างเงียบเชียบแล้วลงมือจู่โจมในชั่วพริบตา
“ดาบสังหาร!”
ผมกู่ร้องออกมาเสียงต่ำพร้อมกับโจมตีออกไปทันที จากนั้นกลุ่มแสงสีเขียวที่ปกคลุมเหนือคมดาบก็พุ่งตรงไปบนหัวไหล่ของโครงกระดูกเขียว!
“157!”
ไม่เลว พลังโจมตียังเฉียบคมอยู่!
ผมโจมตีด้วยทักษะไปหนึ่งครึ่งแล้วถือโอกาสใช้การโจมตีแบบธรรมดาอีกสองครั้ง ถึงค่าความเสียหายอาจจะไม่เท่ากับท่าดาบสังหาร แต่ก็ไม่ถือว่าแย่นัก
“โฮก!”
โครงกระดูกเขียวคำรามเสียงต่ำ แถมเป็มอนสเตอร์ขั้นสูงมันจึงโจมตีสวนกลับมาอย่างเหี้ยมโหด
“อึก!”
ดาบของโครงกระดูกเขียวแทงเข้ามาที่หน้าอกผม แต่น่าเสียดายแทนมันเพราะผมมีกระดูกซี่โครงอยู่มันจึงแทงไม่โดนหัวใจของผม!
“94!”
ตัวเลขความเสียหายขนาดใหญ่ลอยขึ้นมา ผมจะชะล่าใจไม่ได้แล้ว เลเวล 11 ของผมมีเืทั้งหมดเพียง 230 หน่วย แค่โครงกระดูกเขียวโจมตีใส่ผมสามครั้งก็ตายได้แล้ว ยังดีที่แม้โครงกระดูกเขียวจะมีพลังโจมตีที่รุนแรงแต่อัตราการเคลื่อนไหวและการจู่โจมถือว่าแค่พอถูไถไปได้ และนี่ก็คือยุทธวิธีของผม— ใช้ความเร็วสู้กับความเฉื่อย!
“สวบๆๆ!”
ผมขยับฝีเท้าเคลื่อนไหวเป็รูปตัว Z หนีห่างจากวงล้อมของโครงกระดูกเขียว พวกมันเปล่งเสียงร้องคำรามออกมาไม่ขาดสายแต่กลับตัวได้ช้า ดังนั้นตอนที่มันหมุนตัวกลับมาได้สำเร็จผมก็เคลื่อนตัวไปอยู่อีกฝั่งแล้ว และการทำแบบนี้ทำให้ผมหลบการโจมตีของโครงกระดูกเขียวไปได้มากกว่า 75%
ั้แ่ต้นจนจบผมโดนอาวุธของโครงกระดูกเขียวโจมตีไปแค่สองครั้งเท่านั้นแต่ผมก็ต้องใช้ดาบแทงมันไปทั้งสิ้นเจ็ดครั้งถึงจะโค่นมันสำเร็จ
“อ๊าก!”
เสียงร้องคำรามของโครงกระดูกเขียวตัวแรกที่โดนสังหารดังขึ้นมา จากนั้นค่าประสบการณ์ของผมก็พุ่งทะยานขึ้น นี่ถือเป็การเปิดศึกอย่างสวยงามเพราะโครงกระดูกเขียวตัวนี้ดรอปหินเวทขนาดเล็กที่มีคุณภาพถึง 98 หน่วยออกมาพร้อมกับกระดูกนิ้วสีเขียวหนึ่งชิ้น
สิ่งของที่ได้มานับว่าไม่เลวเลย ผมเก็บมันเข้ากระเป๋าแล้วออกตามหาโครงกระดูกเขียวตัวต่อไป
ด้วยความชำนาญผมจึงสามารถเก็บเลเวลได้อย่างสบายมือ และเมื่อผมเปิดชาร์ตจัดอันดับของเมืองฝูปิงขึ้นมาก็ปรากฏว่าผมอยู่ในอันดับที่ 127 น่าโมโหชะมัด ต้องมีพวกบ้าจำนวนไม่น้อยเข้ามาเล่นเก็บเลเวลตอนกลางดึกระหว่างที่ผมหลับอยู่แน่ อัตราการอัปเลเวลแบบนี้ช่างน่าประณามเสียจริง
วาตะเพ้อฝันที่เดิมทีครองอันดับหนึ่งก็ตกลงมาอยู่อันดับห้า จากที่เก็บเลเวลจนได้นั่งแท่นบัลลังก์อันดับหนึ่งกลับถูกผู้เล่น “กุ่ยกู่จือ” (ผีข้าวเปลือก) ที่อยู่อันดับสองแทนที่ไปเสียแล้ว อัศวินิญญาคนนี้เล่นโหดมาก ไม่นึกเลยว่าจะไต่ขึ้นไปถึงเลเวล 16 แล้ว ช่างเป็คนที่คลั่งไคล้ในการไต่เลเวลจริงๆ!
ผมหลุดยิ้มออกมา อื้ม นิ่งไว้ อันดับก็แค่เมฆลอยไม่เคยอยู่นิ่ง ที่จริงการที่ผมได้สังหารโครงกระดูกเขียวก็ขยับเพิ่มขึ้นเร็วมากแล้ว เมื่อทำภารกิจเสร็จอาจจะขยับขึ้นเป็เลเวล 14 หรือมากถึงเลเวล 15 ก็ได้ ใน่ต้นแบบนี้เลเวลมีความสำคัญแต่อาวุธก็สำคัญไม่แพ้กัน ยอดฝีมือที่มีแต่เลเวลไม่มีอาวุธก็เป็ได้แค่กระดองเปล่า
นอกจากนี้บนชาร์ตของเมืองฝูปิงยังมีไอดีที่ผมคุ้นตาอย่าง— อาทิตย์สันดาปด้วย ต้องเป็ซวีหยางไม่ผิดแน่ เขาเป็อันดับหนึ่งในกลุ่มสี่ผู้าุโแห่งสมาคมนิมิติญญาดาบศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง
เมื่อหนึ่งปีก่อนตอนที่เหออี้ก่อตั้งสมาคมนิมิติญญาดาบศักดิ์สิทธิ์เธอหาคนมีความสามารถจากทุกที่มาร่วมงานด้วย ซวีหยางกับผมก็ได้รับการเชื้อเชิญเมื่อรวมกับพรรคพวกอีกสองคนทั้งสี่คนนี้จึงถูกเรียกว่า “รื่อเยว่ซิงเฉิน” สี่ผู้าุโแห่งนิมิติญญาดาบศักดิ์สิทธิ์ ID ของซวีหยางคืออาทิตย์สันดาป แสดงถึงความเป็ รื่อ* ส่วน ID ของผมคือ ลั่วเฉิน (เม็ดฝุ่นร่วง) เป็ตัวแทนของเฉินคำสุดท้ายของฉายา
วันเวลาผ่านไปสมาคมนิมิติญญาดาบศักดิ์สิทธิ์ล้มลุกคลุกคลานมาได้ปีกว่าสุดท้ายก็ถูก “สมาคมจูหลง” สมาคมของเทพเ้าากำจัดทิ้งไม่เหลือซาก หลังจากที่ยุบสมาคมพวกเราก็เหลือกันแค่ห้าคนคือท่านผู้นำเหออี้และพวกเรารื่อเยว่ซิงเฉินสี่คนเท่านั้น พอนึกถึงตรงนี้ก็ทำให้ผมรู้สึกหดหู่ใจจริงๆ
คิดไม่ถึงว่าซวีหยางก็เล่นอยู่ที่เมืองฝูปิงด้วยแถมยังติดอันดับที่ 21 อีก ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดละก็เขาต้องยังทำงานให้กับนิมิติญญาดาบศักดิ์สิทธิ์อยู่แน่!
ในใจผมรู้สึกฮึกเหิมอย่างอดไม่อยู่ และพอคิดถึงรูปลักษณ์งดงามของเหออี้แล้วผมก็กลั้นยิ้มไว้ไม่ไหว “พี่ใหญ่ การเคลื่อนไหวล่าช้าของผมเหลือแค่ 0.7 วินาทีแล้ว รอก่อนเถอะ ผมก็จะช่วยให้นิมิติญญาดาบศักดิ์สิทธิ์ได้กลับมาผงาดอีกครั้งเหมือนกัน!”
ผมตัดสินใจแล้วว่าจะแสดงฝีมือให้เป็ที่ประจักษ์ในเมืองฝูปิง จากนั้นก็กลับบ้านไปหาสมาคมนิมิติญญาดาบศักดิ์สิทธิ์อีกครั้งเพื่อสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของนิมิติญญาดาบศักดิ์สิทธิ์ร่วมกับเหออี้!
......
“โฮกๆ...”
โครงกระดูกเขียวโดนฟันตายไปอีกหนึ่ง หลังจากผมรับเปลวไฟิญญาของมันมาผมก็รู้สึกแค่มีพลังกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาเท่านั้น แต่ทันใดนั้นผมก็นึกขึ้นได้ว่ายังมีอีกทักษะหนึ่งที่ผมยังไม่เคยลองใช้— ฉกฉวยจากความตาย!
ใช่แล้วทักษะฉกฉวยจากความตายเป็ทักษะที่เอาไว้ใช้ตรวจสอบซากศพของคนตาย บางทีอาจจะเป็แค่ความบังเอิญที่ผมได้เรียนทักษะนี้มา
ผมตั้งท่ายืนให้มั่นแล้วกางนิ้วมือทั้งห้าออก จากนั้นกลุ่มแสงสีเขียวก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของผมแล้วแผ่ปกคลุมร่างของโครงกระดูกเขียวก่อนที่เสียง “ติ๊ง” จะดังขึ้นมา ได้ของแล้ว!
[ผ้าฝ้ายขาดวิ่นหนึ่งผืน]
คุณภาพ : เกรดต่ำ
การใช้ประโยชน์ : ไม่มี
......
โถ่! ของไร้ประโยชน์โดยแท้ ผมฉีกผ้าฝ้ายผืนนั้นโยนทิ้งและตามหาเป้าหมายต่อไปทันที
หลังจากนั้นทุกครั้งที่สังหารมอนสเตอร์ได้ผมก็จะใช้ทักษะฉกฉวยจากความตายตลอด ถึงแม้โครงกระดูกเขียวจะมีค่าประสบการณ์เยอะแต่ค่าตอบแทนก็น้อยมากจริงๆ พวกมันมากกว่า 95% มีแต่ผ้าฝ้ายขาดวิ่นเหลือให้ผม ส่วนอีก 5% นั้นคือไม่ได้อะไรเลย
ผมใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมงไล่ล่าโครงกระดูกเขียวจนพวกมันกว่าร้อยตัวตายลงไปด้วยเพลงดาบของผม เลเวลสูงผมเพิ่มขึ้นอย่างน่าพอใจจนตอนนี้มันอยู่ที่ 47% ของเลเวล 13 แล้ว!
“ชิ้งๆ!”
ผมสังหารโครงกระดูกเขียวได้อีกตัว หลังจากดูดซับเปลวไฟิญญาเสร็จผมก็ใช้ทักษะฉกฉวยจากความตาย!
“ติ๊ง!”
ผมดวงตาลุกวาวเมื่อเห็นของที่อยู่ตรงหน้า!
[หินเวทขนาดใหญ่]
คุณภาพ : 41
......
โอ้ มีหินจริงๆ เหรอ?!
ผมหุบยิ้มไม่ลงแล้ว หินก็เปรียบเสมือนเหรียญทอง แล้วเหรียญทองก็เปรียบเสมือนต้นกำเนิดของชีวิตเชียวนะ ยังไงมันก็คือของดี รอให้เกมเปิดให้บริการไปได้สักระยะการขายหินแลกเงินก็จะเป็หนทางอยู่รอดของสำนักงานเกมอีกหลายแห่ง!
ราคาขายของหินเวทขนาดใหญ่อยู่ที่ 1-20 เหรียญเงิน และเหรียญเงินใน่เวลานี้ก็เป็ที่้าอย่างเห็นได้ชัด มีข่าวลือบนบอร์ดสนทนาว่าพวกผู้เล่นใหม่จำนวนมากที่ออกจากหมู่บ้านเริ่มต้นมาที่เมืองใหญ่มีเหรียญเงินติดตัวอยู่แค่เหรียญสองเหรียญ และสุดท้ายพวกเขาก็ต้องออกมาล่าหาหินเวทกันงกๆ โดยที่ยังไม่ได้เรียนทักษะอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว
อัตราการดรอปของหินเวทนั้นไม่สูงนัก ผมฆ่าโครงกระดูกไปร้อยกว่าตัวเพิ่งจะได้มาแค่สองก้อน แต่ทักษะฉกฉวยจากความตายทำให้ผมสามารถตรวจสอบหาหินได้ดังนั้นผมจึงมีข้อได้เปรียบทางด้านทุนทรัพย์ไปโดยไม่ต้องสงสัย
ดีใจเสร็จแล้วก็ลุยทำภารกิจต่อเลยแล้วกัน!
ด้านหน้ามีโครงกระดูกเขียวตัวหนึ่งเดินขากะเผลกอยู่ไม่ไกล ผมเคลื่อนตัวเข้าไปช้าๆ แต่จังหวะที่กำลังจะโจมตีออกไปนั้นจู่ๆ ก็มีความเย็นะเืผุดขึ้นมาในใจของผม!
มีบางอย่าง!
“พึบ...ฉึก!”
ความเ็ปแสบร้อนแผ่ไปทั่วหลังศีรษะ และเมื่อผมเหลือบมองปริมาณเืก็พบว่ามันหายไปถึง 207 หน่วยด้วยการถูกจู่โจมเพียงครั้งเดียว นี่ผมเกือบโดนฆ่าตายในเสี้ยววินาทีแล้ว!
ผมกลิ้งลงไปกับพื้นเพื่อหนีออกมาด้วยการตอบสนองอันรวดเร็ว และขณะที่วิ่งหนีออกมาผมก็หันกลับไปมองด้านหลังก่อนจะต้องใจนิญญาแทบหลุดออกจากร่าง ผมเห็นผู้นำิญญาที่มีลำตัวสูงอย่างน้อย 2 เมตรปรากฏกายขึ้น ณ ตำแหน่งที่ผมยืนอยู่เมื่อกี้ ผมมองไม่เห็นเลเวลของมันเลยสักนิดเพราะเลเวลของมันสูงกว่าผมมาก แต่พลังโจมตีของมันรุนแรงมาก ขนาดผมมีอาวุธระดับหินดำตั้งสองชิ้นก็ยังเกือบโดนฆ่าภายในพริบตา ถ้าเป็คนอื่นเกรงว่าคงตายไปแล้ว
“ฮึ่มๆ...”
ผู้นำิญญาคำรามเสียงต่ำด้วยความโกรธ เห็นชัดว่ามันไม่พอใจต่อผู้บุกรุกแบบผมเป็อย่างมาก การเข้ามาถึงที่แห่งนี้ถือว่าได้รุกล้ำเข้ามาในเขตของมันแล้ว
มิน่าระบบถึงเตือนผมว่าถ้าเจอผู้นำิญญาให้รีบหนีเอาชีวิตรอด ดูท่าศักยภาพของผมตอนนี้จะยังต่อกรกับมันไม่ได้จริงๆ ผมประเมินว่ามันน่าจะเป็บอสขั้นสูงที่เลเวลมากกว่า 20 ขึ้นไป การที่พวกนั้นโยนบอสที่แข็งแกร่งขนาดนี้มาที่หมู่บ้านเริ่มต้นแสดงว่าพวกนั้นจะต้องใจคอเหี้ยมโหดถึงขั้นอยากจะฆ่าล้างบางหมู่บ้านแน่ๆ
ผมไล่สังหารโครงกระดูกเขียวต่อด้วยความระแวดระวัง ตอนนี้การอัปเลเวลและการหาหินเวทคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผม
เผลอแป๊บเดียวเวลาก็ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมงแล้ว ค่าประสบการณ์ของผมขยับขึ้นมาอยู่ที่เลเวล 14 ประมาณ 58% แล้วเช่นกัน ดูเหมือนว่าถ้าภารกิจเสร็จสิ้นลงผมคงจะถึงเลเวล 15 พอดี เลเวละโขึ้นเร็วมากอย่างที่คิดไว้เลย!
ผมกดดูจำนวนกระดูกนิ้วมือ ตอนนี้มีอยู่ทั้งหมด 19 ชิ้น ยังขาดชิ้นสุดท้ายอีกหนึ่ง
......
ผมเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าห่างออกไปไม่ไกลนักมีโครงกระดูกเขียวกำลังเดินเตร่ไม่รู้สึกถึงอันตรายอยู่ตัวหนึ่ง
ผมยกยิ้มมุมปากแล้วถือดาบโถมตัวเข้าไปหามัน ทว่าในชั่วพริบตานั้นร่างทั้งร่างของผมก็ลอยอยู่กลางอากาศแล้วกลิ้งตกเข้าไปในพงหญ้าข้างหนึ่ง
กลางป่าแห่งนี้มีิญญาอีกตนปรากฏตัวขึ้น เขาเป็ิญญาที่สวมเสื้อเกราะสีดินเหลือง ในมือถือหอกยาวสีฟ้าอ่อนเอาไว้หนึ่งด้าม และเหนือใบหน้าดุร้ายที่เห็นได้ชัดของเขาก็มีตัวหนังสือลอยอยู่—
กุ่ยกู่จือ LV-18 อัศวินิญญา
......
ให้ตาย! ผู้เล่นอันดับหนึ่งแห่งเมืองฝูปิง?
แววตาผมเปลี่ยนเป็แววตาเย็นเยียบและแผ่อายสังหารออกมาทันที
ผู้มาเยือนไม่ประสงค์ดี กุ่ยกู่จือกวาดสายตามองรอบๆ ด้วยความสงบนิ่ง ทันใดนั้นเขาก็ะโมาทางที่ผมหลบซ่อนตัวอยู่ “ไอ้หนุ่ม โผล่หัวแกออกมาเดี๋ยวนี้!”
*รื่อ ภาษาจีนแปลว่าพระอาทิตย์
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้