“ตูม...”
ทันใดนั้นมีเสียงะเิดังะเืเลือนลั่นมาจากจวนหลางฮ้วน ผู้คนบริเวณนั้นต่างตื่นใ
สาเหตุเป็เพราะหลังจากจั๋วอวิ๋นเซียนเปิดเตาหลอมเพลิงิญญาแล้ว เขาเอาศิลาอัสนีก้อนหนึ่งกับของเหลวเพลิงิญญาหยดหนึ่งใส่เข้าไปในนั้น!
พลังเพลิงอัสนีเดิมทีก็เป็พลังที่รุนแรงอยู่แล้ว เมื่อรวมกันจึงทำให้เกิดเป็ะเิ หากมิใช่เพราะเตาหลอมมีคุณภาพดีมาก เกรงว่าคงะเิเป็ชิ้นๆ ไปแล้ว
ถึงแม้จะเป็เช่นนี้ แต่เมื่อเห็นควันสีขาวดำลอยออกมาจากเตาหลอม เหมาปู้เอ้อกับอาเจ๋อก็รู้สึกหนังศีรษะด้านชา...โชคดีที่ไม่ะเิ มิเช่นนั้นทุกคนคงหน้าไหม้ดำหมดแล้ว
ไม่สิ! มิใช่ทุกคน!
เหมาปู้เอ้อหันไปมองด้านหน้าด้วยสีหน้ามืดมน เพราะจั๋วอวิ๋นเซียนไม่รู้ว่าเอาโล่ออกมาั้แ่เมื่อใด ทั้งยังเปิดเกราะใช้ยันต์เก้าชั้น ปกป้องตัวเองกับฉินตงหวู่เอาไว้ ไม่กังวลกับอันตรายจากการะเิแม้แต่น้อย
“เอ๊ะ! นั่นคือ...โล่เก้าอักษร?”
เมื่อมองดูอย่างละเอียดแล้ว เหมาปู้เอ้อก็รู้ที่มาของโล่สีดำทันที เขารู้สึกใ “เ้าเมืองบอกว่าเด็กคนนี้เป็ผู้สืบทอดสำนักเทียนกงมิใช่หรือ? เหตุใดจึงมีโล่เก้าอักษรของนิกายเซียนโม่เหมินได้? เขากับนิกายเซียนโม่เหมินมีความสัมพันธ์อย่างไรกันแน่? หรือว่าเขา...”
เหมาปู้เอ้อเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ จึงขมวดคิ้วแน่นพลางเผยสายตาซับซ้อน หรือว่าหวู่อันถงส่งเขามาเพื่อให้เขาสืบสถานะกับประวัติของอีกฝ่าย ที่แท้อีกฝ่ายก็มีภูมิหลังยิ่งใหญ่
……
“อืม อุปกรณ์ิญญาระดับสุดยอดใช้งานได้ดีจริงๆ ทำขนาดนี้ก็ยังไม่ะเิ”
จั๋วอวิ๋นเซียนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ การกระทำเมื่อครู่เพื่อวัดระดับความแข็งแรงของเตาหลอมเพลิงิญญา วิธีเช่นนี้ในศาสตร์การสร้างอาวุธถูกเรียกว่า ‘ลองเตา’ ใช้วัตถุดิบที่กำลังจะใช้มาสร้างะเิในเตาหลอม เพื่อวัดขีดจำกัดที่เตาหลอมสามารถรองรับได้
เพียงแต่สมัยนี้มีเพียงน้อยคนที่ทำเช่นนี้ เพราะหากเตาะเิจะทำอย่างไร?
เหมาปู้เอ้อกับอาเจ๋อยังดี เพราะเข้าใจเจตนาของจั๋วอวิ๋นเซียนแล้ว แต่ฉินตงหวู่ยังคงใราวกับิญญาออกจากร่าง ดูท่านางจะใจริงๆ หากมิใช่เพราะติดตามจั๋วอวิ๋นเซียนจนยกระดับจิตใจมาแล้ว เกรงว่าเมื่อครู่คงกรีดร้องไปเสียแล้ว
“เ้าคนนั้น? เ้าชื่ออะไรนะ?”
เมื่อเห็นจั๋วอวิ๋นเซียนมองมาที่ตนเอง อาเจ๋อก็รู้สึกตื่นตระหนกจนพูดจาตะกุกตะกัก “ข้า...ข้าชื่อว่าอาเจ๋อ”
“อาเจ๋อ เ้าหลอมวัตถุดิบเป็หรือไม่?”
“ปะ...เป็”
ถึงแม้อาเจ๋อจะพูดจาติดขัด แต่ก็พยักหน้าอย่างจริงจัง
จั๋วอวิ๋นเซียนโยนศิลาอัสนีก้อนหนึ่งให้อีกฝ่ายจากนั้นสั่งว่า “เช่นนั้นก็ดี วัตถุดิบเหล่านี้ข้ามอบให้เ้าหลอมบริสุทธิ์ ตอนศิลาอัสนีให้คุมเพลิงไว้ที่เก้าส่วนขึ้นไป ของเหลวกลั่นบริสุทธิ์แล้วให้เก็บใส่ขวดสุญญากาศ ของเหลวเพลิงิญญาให้หลอมด้วยเพลิงระดับต่ำ หลังจากกลั่นบริสุทธิ์แล้วให้เก็บในกล่องเหมันต์ แล้วก็...”
หลังจากนั้นจั๋วอวิ๋นเซียนก็กล่าวคุณสมบัติพิเศษของวัตถุดิบสิบกว่าชนิดออกมา รวมทั้งขั้นตอนการหลอม เก็บรักษาอย่างไร ต้องทำอย่างไร จัดการอย่างไร...อธิบายออกมาอย่างละเอียด ต่อให้เป็คนนอกอย่างฉินตงหวู่ฟังแล้วก็ยังรู้สึกหลงใหล
เพียงแค่จุดนี้เหมาปู้เอ้อก็ยอมรับความสามารถของจั๋วอวิ๋นเซียนแล้ว เพราะของเหล่านี้มิใช่แค่จดจำก็จะทำได้ หากไม่เคยผ่านการลงมือทำมาก่อน ไม่มีทางรู้รายละเอียดขนาดนี้
หากมองจากอีกมุมหนึ่ง ความสามารถในการลงมือจริงของจั๋วอวิ๋นเซียนต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
แต่สิ่งที่ทำให้เหมาปู้เอ้อสงสัยก็คือ จั๋วอวิ๋นเซียนยังอายุไม่มาก จะมีประสบการณ์เฟื่องฟูเช่นนี้ได้อย่างไร!
แน่นอนว่าสงสัยส่วนสงสัย เหมาปู้เอ้อมิได้ต่อต้านจั๋วอวิ๋นเซียนอีกและมิได้พูดแทรกอีกฝ่าย
……
“เข้าใจหรือยัง?”
“ขะ...เข้าใจแล้ว”
“พรุ่งนี้ก่อนเที่ยง หลอมวัตถุดิบชุดแรกให้เสร็จได้หรือไม่?”
“ดะ...ได้”
“เช่นนั้นเื่นี้มอบให้เ้าแล้วกัน ทำเสร็จแล้วค่อยเรียกข้า”
หลังจากสั่งงานเสร็จ จั๋วอวิ๋นเซียนให้ฉินตงหวู่เอาวัตถุดิบบางส่วนกลับไปที่หอหลางฮ้วน ทิ้งเหมาปู้เอ้อกับอาเจ๋อไว้ที่เดิม
“ไอ้เด็กนี่ ไป...ไปแล้วหรือ? เขาไปแล้วจริงๆ หรือ?”
เหมาปู้เอ้อมึนงง แต่หลังจากได้สติกลับมาก็โมโหมาก!
ไอ้เด็กนี่จากไปโดยไม่ลาด้วยซ้ำ ทั้งไม่มีมารยาท ทั้งไม่เคารพผู้ใหญ่? ถุยๆ! นี่ยังมิใช่เื่สำคัญ...ที่สำคัญก็คืออีกฝ่ายยังมิได้ทำอะไรก็จากไปแล้ว เอางานใช้แรงพวกนี้ให้พวกเขาทำ ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก!
“ท่านอาจารย์ คือว่าข้า...”
เดิมทีอาเจ๋อคิดจะถามความเห็นจากอาจารย์ แต่คิดไม่ถึงว่าจะทำให้อาจารย์ตะคอกใส่เขา “ข้าอะไร? ไม่ต้องพูดไร้สาระ ยังไม่รีบไปทำงานอีก ข้าอยากจะเห็นนักว่า เขาจะมาไม้ไหน...แล้วก็อย่าทำผิดเสียเล่า หากข้าเสียหน้าต่อหน้าไอ้เด็กนั่น ข้าจะมาจัดการเ้า!”
เมื่อกล่าวจบเหมาปู้เอ้อสะบัดแขนเสื้อเดินจากไป
อาเจ๋อมองวัตถุดิบกองใหญ่ด้วยความรู้สึกอยากจะร้องไห้
……
ยามเที่ยงวันของวันที่สอง ดวงอาทิตย์เด่นสง่ากลางท้องฟ้า
เหมาปู้เอ้อมาที่จวนหลางฮ้วนั้แ่เช้า เขาพบว่าศิษย์ซื่อบื่อของตนเองยังหลอมวัตถุดิบอยู่ข้างเตา เ้าเด็กที่ชื่อไป๋เฮ่อคนนั้นกลับไม่โผล่หัวออกมาเสียที
“ทำเสร็จแล้ว! ทำเสร็จเสียที! ฮ่าฮ่าฮ่า!”
อาเจ๋อยังไม่ทันได้ดีใจก็ถูกเหมาปู้เอ้อเตะกระเด็นไปด้านข้าง
“ไอ้เด็กโง่! หัวเราะบ้าอะไร?”
เหมาปู้เอ้อถลึงตาดุอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าพาเ้ามา ก็เพื่อให้มาเป็ศิษย์ของคนอื่นหรือ? หลอมวัตถุดิบน่าภูมิใจนักหรือ? เ้าเด็กโง่!”
“เห้อ...”
อาเจ๋อไม่กล้าโต้เถียง ทำได้เพียงยิ้มแห้ง
ปกติแล้วเหมาปู้เอ้อจะดุด่าศิษย์ของตัวเองเป็ประจำ หลายปีมานี้อาเจ๋อเริ่มเคยชินไปแล้ว แต่อาเจ๋อรู้ว่าอาจารย์ของเขาห่วงใยเขามาก มิเช่นนั้นคงไม่โกรธเพียงนี้
ผ่านไปไม่นานฉินตงหวู่ก็เข็นจั๋วอวิ๋นเซียนกลับมาที่เรือน ในมือยังมีสิ่งของแปลกประหลาดบางอย่าง
นี่คือสิ่งที่จั๋วอวิ๋นเซียนใช้เวลาสร้างตลอดทั้งคืน ใช้สำหรับเซียนยุทธ์โดยเฉพาะ มีพู่กันสลักิญญา มีดสลักิญญา ไม้บรรทัดวัดิญญา ลูกปัดเก็บิญญา...และอุปกรณ์ิญญาช่วยเหลืออื่นๆ
เมื่อเห็นจั๋วอวิ๋นเซียนปรากฏตัว อาเจ๋อรีบเดินเข้าไปหา “เ้าหอไป๋เฮ่อ ข้าหลอมวัตถุดิบชุดแรกหมดแล้ว และได้เก็บรักษาตามเงื่อนไขของท่านทั้งหมด
เหมาปู้เอ้อเห็นดังนั้นจึงรู้สึกอิจฉา “ไอ้เด็กคนนี้ปกติไม่เห็นขยันขนาดนี้เลย เหอะ!”
“ขอบคุณมาก”
จั๋วอวิ๋นเซียนพยักหน้าให้อาเจ๋อ ก่อนจะเริ่มสร้างะเิเพลิงอัสนีตามศาสตร์วิชา
การสร้างเซียนยุทธ์ ทั้งซับซ้อนและละเอียดมาก ยากเย็นเสียยิ่งกว่าการปรุงยาหรือสร้างอาวุธเสียอีก
เมื่อเห็นจั๋วอวิ๋นเซียนหยิบลูกปัดเก็บิญญาเม็ดหนึ่งออกมา จากนั้นใช้ไม้บรรทัดวัดิญญาวัดความอ่อนตัว ความหนาแน่น...และใช้พู่กันสลักิญญาสลักอักขระลงบนลูกปัด แล้วค่อยใช้มีดสลักิญญาแกะสลักลวดลายอักขระอีกครั้ง...
กระบวนการทั้งหมดนี้ทั้งประณีตและซับซ้อนยิ่ง ทำให้ผู้คนที่มองล้วนตาลายไปหมด ต่อให้เป็ปรมาจารย์สร้างอาวุธอย่างเหมาปู้เอ้อก็ยังรู้สึกเหลือเชื่อ
หลังจากนั้นจั๋วอวิ๋นเซียนเอาวัตถุดิบที่อาเจ๋อสร้างเสร็จแล้ว หลอมรวมกับลวดลายอักขระภายในลูกปัดิญญาด้วยวิธีการพิเศษของศาสตร์กลไก มันราวกับเป็ฝีมือของเทพเซียน ประณีตจนน่าอัศจรรย์
เพลิงอัสนีถูกใส่เข้าไปในลูกปัดิญญา เส้นพลังเล็กราวกับเส้นด้าย สลับพัวพันกัน แต่กลับมิได้ต่อต้านกันและกัน ยิ่งทำให้รู้สึกน่ามหัศจรรย์มาก
