“ไม่ ไม่นะ” ซูจิ้งเซียงสั่นศีรษะไม่หยุด ดิ้นรนต่อสู้ไม่ปล่อยให้ข้าราชบริพารในพระตำหนักลากออกไป “ข้าไม่เชื่อ เห็นชัดๆ ว่าเป็ซูเฟยซื่อ ทำไมถึงเป็ข้า?”
เื่ทั้งหมดดำเนินมาถึงตอนนี้ คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายยังคิดจะให้ร้ายนางอีก ถึงนางไม่กล่าวอะไร ทว่าในใจก็ยากที่จะให้อภัยซูจิ้งเซียงได้
ซูเฟยซื่อเดินไปตรงหน้าซูจิ้งเซียง ถอนหายใจอย่างนึกระอา “พี่รอง หลายคนกำลังดูท่านเช่นนี้ ก็อย่าได้ดิ้นรนแล้วรีบไปหาเสื้อผ้าใส่ก่อนเถิด เื่นี้ความจริงท่านก็อย่าได้โทษพี่ใหญ่ว่าใจอำมหิตไปเลย ใครให้ท่านไม่รักตนเองเล่า?”
“เป็เ้า... เป็เ้าที่ทำร้ายข้า” ได้เห็นซูเฟยซื่อ ตาทั้งคู่ของซูจิ้งเซียงเริ่มแดงก่ำราวกับจะกลืนกินซูเฟยซื่อทั้งเป็ “พี่ใหญ่… เป็นางที่ใส่ยาปลุกกำหนัดข้า แล้วเป็นางที่ใส่ร้ายข้า เชิญหมอหลวง รีบเชิญหมอหลวง”
เมื่อได้ยินว่าให้เชิญหมอหลวง ใบหน้าของซูจิ้งโหยวพลันดำมืด นางขบเคี้ยวเขี้ยวฟันถลึงตามองซูจิ้งเซียงคราหนึ่ง เดิมเื่นี้ยังพอมีสถานการณ์ให้พลิกได้เล็กน้อย บัดนี้ให้นางได้เชิญแบบนี้ทันที อย่างนั้นเื่นี้เป็ต้องตกที่นั่งลำบากเสียแล้ว
แต่ซูจิ้งเซียงไม่เข้าใจความหมายในแววตาของซูจิ้งโหยว ยังคิดว่าซูจิ้งโหยวโกรธจนไม่ยอมช่วยนาง ยิ่งกล่าวอ้อนวอนอย่างเศร้าโศก “พี่ใหญ่ ข้าถูกปรักปรำ ท่านต้องช่วยข้าเชิญหมอหลวง มิฉะนั้นเซียงเอ๋อร์จะโขกศีรษะฆ่าตัวตายที่นี่”
ซูจิ้งโหยวโกรธจนเส้นเอ็นปูดเขียวปะทุขึ้น นางตระหนักชัดเจนดี ทันทีที่เชิญหมอหลวง ซูจิ้งเซียงก็จบเห่ถึงที่สุดแล้ว แต่วาจากล่าวถึงตรงนี้ นางยังจะไม่เชิญได้หรือ?
“ทหาร เชิญหมอหลวง!” ซูจิ้งโหยวสูดลมหายใจลึกๆ แล้วหลับตาลงไม่มองซูจิ้งเซียงอีก ดูเหมือนจะสิ้นหวังกับนางแล้ว
“อืม ซูเฟยซื่อ เ้ารอเถิด หมอหลวงมาถึงทันที เ้าก็ตายแน่” ซูจิ้งเซียงเกลียดแค้นจนตาแดงก่ำ แต่ถ้านางตาย ก็ต้องลากเอาสักคนพกติดหลังไปด้วย
งั้นหรือ? ดูการตอบสนองของซูจิ้งโหยวเมื่อครู่ เกรงว่าหมอหลวงมาก็ไม่มีประโยชน์แล้ว
ซูเฟยซื่อส่งรอยยิ้มบางๆ ให้ซูจิ้งเซียง ความสงบนิ่งส่วนนี้กลับยิ่งทำให้ความหงุดหงิดของซูจิ้งเซียงยิ่งปะทุ
หมอหลวงมาถึงอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ใช่คนเมื่อคืน คิดว่าหมอหลวงเมื่อคืนคนน่าจะตายไปแล้ว
หมอหลวงมาถึงก็มองไปรอบๆ แวบหนึ่ง ไม่เห็นอวี้เสวียนจีอยู่จึงสงบใจลงมา จับชีพจรให้ซูจิ้งเซียง ทั้งยังจริงจังเป็พิเศษหาใดเสมอเหมือน จะได้ไม่ต้องถูกจับเป็หมอเถื่อนไปตัดศีรษะ
“หมอหลวง เ้ารีบบอกพวกเขาว่าข้าโดนยาปลุกกำหนัดแล้วใช่ไหม?” ซูจิ้งเซียงมองหมอหลวงด้วยสีหน้ารอคอย ตอนนี้หมอหลวงคนนี้ก็เป็ความหวังทั้งหมดของนาง
ถูกวางยาจนเสียตัวกับริเริ่มเสียตัวเอง แม้ผลลัพธ์จะเหมือนกัน แต่ดีร้ายอย่างไรนางยังสามารถกู้คืนชื่อเสียง อย่างน้อยในอนาคตไม่ต้องใช้ชีวิตแบบถูกคนชี้นินทาลับหลัง
ทว่าคิดไม่ถึงว่าหมอหลวงจะสั่นศีรษะ ทั้งไม่สนใจนาง แต่มองไปทางซูจิ้งโหยว “ทูลพระสนม น้องนางของพระสนมไม่ได้ถูกวางยาปลุกกำหนัดพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ เป็ไปไม่ได้ ข้าถูกคนลากเข้าไปชัดๆ...” ซูจิ้งเซียงเกือบจะเป็บ้าไปแล้ว นางพุ่งไปหาซูเฟยซื่ออย่างดุดัน ชนิดที่ว่าถึงตายก็ต้องลากซูเฟยซื่อไปด้วย
ซูเฟยซื่อเหลือบมองซูจิ้งเซียงอย่างน่ารังเกียจแวบหนึ่ง เมื่อคืนซูจิ้งเซียงข่วนหน้าของนางจนเป็ลายพร้อย นั่นยังไม่ได้คิดบัญชี แต่ตอนนี้ซูจิ้งเซียงถึงกับส่งตนเองมาถึงที่ ถ้าเช่นนั้นอย่าโทษนางแล้ว
“พี่รอง อย่า” ซูเฟยซื่อแกล้งทำทีใลนลานะโเสียงดังคราหนึ่ง
ดูเหมือนเป็ท่าทีปกป้องตนเอง ในความเป็จริงทุกกระบวนท่าล้วนอำมหิตรุนแรงข่วนไปบนใบหน้าซูจิ้งเซียง ไม่นานนัก ใบหน้าของซูจิ้งเซียงก็อาบไปด้วยเื
“อา... ใบหน้าข้า ใบหน้าของข้า!” ซูจิ้งเซียงร้องโหยหวนด้วยความเ็ป
แต่กลับไม่มีใครเห็นใจนาง คนอื่นเพียงรู้สึกว่าเป็ซูจิ้งเซียงที่แส่หาเื่ใส่ตน คิดตีซูเฟยซื่อ ทว่ากลับถูกซูเฟยซื่อข่วนจนาเ็ แล้วทุกสิ่งที่ซูเฟยซื่อทำเพียงเป็การป้องกันตน ไม่มีความผิดใดๆ
เหมือนซูจิ้งโหยวจะเดาได้แล้วว่าต้องลงเอยแบบนี้ ในที่สุดก็โบกมืออย่างเ็าคราหนึ่ง “ทหาร ลากลงไป”
ยาปลุกกำหนัดนี้เป็นางเอามาใช้ทำร้ายซูเฟยซื่อ สิ่งที่้าคือให้ผู้คนไม่สามารถค้นหาส่วนประกอบของยาปลุกกำหนัดได้ ให้ซูเฟยซื่อตกที่นั่งข้อหาไร้ยางอายจริงๆ
เดิมลากซูจิ้งเซียงลงไป หลังจากเื่ผ่านไปก็ประกาศว่าถูกคนวางยาปลุกกำหนัด ก็ยังช่วยซูจิ้งเซียงได้ แต่ไม่คิดว่าซูจิ้งเซียงจะโง่เง่าถึงกับรนหาที่ตายด้วยการเชิญหมอหลวงเสียเอง
ถ้าเปลี่ยนเป็ยามปกติ นางอาจสมรู้ร่วมคิดกับหมอหลวงช่วยซูจิ้งเซียงได้สักครา แต่เมื่อคืนหมอหลวงที่นางซื้อตัวดันถูกซูเฟยซื่ออัญเชิญพระอาญาตัดศีรษะไปแล้ว แม้นางจะมีใจช่วยซูจิ้งเซียง แต่ไม่ได้มีความสามารถนั้น ได้แต่ปล่อยให้ซูจิ้งเซียงไปตายแล้ว
สูญเสียซูจิ้งเซียงไปนั่นยังไม่สำคัญนัก ที่นางยิ่งแปลกใจคือทำไมทุกครั้งซูเฟยซื่อถึงโชคดีหนีรอดจากภัยพิบัตินี้ไปได้ จากพิธีชุมนุมแข่งม้าจนถึงบัดนี้ ที่สูญเสียาเ็เกือบทุกคนต่างเป็คนของนาง
แววอำมหิตชั่วร้ายวาบผ่านดวงตาของซูจิ้งโหยว ไม่ได้... นังปีศาจซูเฟยซื่อต้องถูกกำจัดแน่นอน
ซูจิ้งเซียงถูกลากเข้าไปในห้องมืดของวังหลังรอฟังลงอาญา แต่จวนอัครมหาเสนาบดีต้องสูญเสียคนที่พระตำหนักเป็เื่ใหญ่โตพอแล้ว จัดการซูจิ้งเซียงเสร็จ นางแซ่หลี่รีบนำซูจิ้งเถียนกับซูเฟยซื่อไปจากพระตำหนักทันที
หลังจากที่ซูเต๋อเหยียนรู้เื่นี้ก็โกรธจัด ลงโทษนางแซ่หลี่คุกเข่าในห้องพระหนึ่งวันหนี่งคืน ยังไม่อนุญาตบ่าวไพร่ให้กินดื่ม นางแซ่หลี่เป็คนที่ใกล้ย่างอายุครึ่งร้อย เกือบคุกเข่าจนตายไปครึ่งชั่วชีวิตแล้ว
ซูเฟยซื่อนั่งอยู่ในเรือนกินองุ่นอย่างสบายอกสบายใจท่าทีครุ่นคิด องุ่นนี้ยังเป็ซูเต๋อเหยียนให้คนส่งมาเป็พิเศษ หลังจากผ่านพิธีชุมนุมแข่งม้า นางซึ่งเป็บุตรสาวคนนี้ได้มีตำแหน่งในใจซูเต๋อเหยียนบ้างแล้ว
“คุณหนู บ่าวได้ยินว่าซูจิ้งเซียงถูกส่งกลับมาแล้วเ้าค่ะ” ซูเฟยซื่อส่งหยานเอ๋อร์ไปทำงานสบายๆ บางอย่าง เพียงเหลือซางจื่ออยู่ข้างกาย
สิบนิ้วเรียวยาวของซูเฟยซื่อปอกเปลือกองุ่นอย่างประณีต ไม่ได้รู้สึกรู้สากับข่าวนี้ทั้งสิ้น “เดิมซูจิ้งเซียงก็ไม่นับเป็ญาติฝ่ายหญิงในพระตำหนัก ร่วมทำความผิดกับคนอื่นก็ไม่ต้องถามไถ่ลงทัณฑ์ อีกทั้งนางถึงเป็บุตรสาวของอัครมหาเสนาบดีคนปัจจุบัน น้องสาวของพระสนมโหยว ดังนั้นก็ต้องถูกส่งกลับอย่างรวดเร็ว”
“หรือว่าท่านเพียงเบิ่งตาดูนางกลับมาเ้าคะ?” ซางจื่อเก็บจานใส่เปลือกองุ่นให้เกลี้ยง เปลี่ยนจานใบใหม่สะอาดให้อีก
“ถึงอย่างไรเื่เหลวไหลแบบนั้นของนางก็ได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงแล้ว ต่อให้กลับมา อนาคตเกรงว่าได้แต่หดหางเก็บตัว ซูจิ้งเซียงคนไร้สมองแบบนั้น เดิมก็ก่อหวอดทำให้เกิดเื่อะไรไม่ได้” ซูเฟยซื่อยิ้มบางๆ กล่าวพลาง
“เพียงแต่...” ซางจื่อกัดริมฝีปากอย่างกังวลใจ “ก็กลัวว่านางจะบ้าระห่ำผลีผลาม พอกลับมาก็จะมาหาคุณหนูตีรันฟันแทงสังหารเ้าค่ะ”
ซูเฟยซื่อหัวเราะคิกออกมาทันที “ข้ายังต้องกลัวนางอีกหรือ? เ้าดูาแบนใบหน้าข้าให้ดี หายสนิทไร้ริ้วรอยหมดแล้วจริงไหม? ส่วนบนใบหน้าของซูจิ้งเซียง ฮืม… คิดจะให้ใบหน้ากลับไปเกลี้ยงเกลาดุจเดิม ข้าเกรงว่านั่นคงจะเป็แค่ความฝันเสียแล้ว”
ที่ทำร้ายนาง นางจะสนองคืนพวกเขาเป็สิบเท่า ก็เหมือนซูจิ้งเซียงแบบนี้
“ในเมื่อาแบนใบหน้าของคุณหนูหายสนิทแล้ว ถ้าเช่นนั้นขวดบัวหิมะถนอมผิวที่ซูจิ้งโหยวให้ยังเก็บไว้ไหมเ้าคะ?” ซางจื่อรู้สึกว่าของที่ซูจิ้งโหยวให้ต้องไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่ๆ จึงคิดโยนขวดบัวหิมะถนอมผิวทิ้งแล้ว
ไม่คิดว่าวาจาประโยคนนี้ของนางกลับเตือนให้ซูเฟยซื่อคิดขึ้นได้ ซูเฟยซื่อตบเข่าฉาดหนึ่ง “จริงสิ เกือบลืมว่ายังมีบัวหิมะถนอมผิวขวดนั้น ซางจื่อรีบเอาครีมขวดนั้นมาให้ข้าดูซิ”
ขณะที่ซูจิ้งโหยวส่งขวดบัวหิมะถนอมผิวแก่นางในวันนั้น นางก็รู้สึกว่าควรเก็บขวดบัวหิมะถนอมผิวนี้ไว้ ตามที่นางเข้าใจแล้ว ซูจิ้งโหยวจะไม่พลาดโอกาสใดๆ ที่สามารถทำร้ายนางได้เด็ดขาด