กูเฟยเยี่ยนรออยู่ในห้องโถงว่านซาง เวินจื่อเจี๋ยมาถึงก่อนเถ้าแก่เฉิงหนึ่งก้าว เวินจื่อเจี๋ยอยู่ในวัยสามสิบกว่าแล้ว ทว่าด้วยใบหน้าที่อ่อนวัย เขาจึงดูหนุ่มมาก โดยเฉพาะ่เวลาที่เขาเผยรอยยิ้มออกมานั้นดูเหมือนผู้ที่เข้าหาง่ายมากเหลือเกิน เขายังคงไม่ทราบเจตนาของกูเฟยเยี่ยนจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เถ้าแก่กู้ พวกเราร้านสมุนไพรให้ท่านดูสัญญาการซื้อขายเป็กรณีพิเศษแล้ว ตราประทับของห้องยาสำนักหมอหลวงกับตราประทับของหอการค้าเสวียนคงล้วนเป็ของจริง ท่านยังคงไม่เชื่อข้าน้อยอีก นี่มันจะไม่…”
เขาไม่ได้เอ่ยต่อไปแต่ทำเพียงแค่ส่ายศีรษะ ราวกับว่าไม่มีความผิดและทำสิ่งใดไม่ถูก ทว่าดวงตากลับทอประกายถึงความเหยียดหยาม ทางด้านของกูเฟยเยี่ยนนั้นไม่กล่าวสิ่งใดออกมาเพราะกำลังพิจารณาเขาอย่างตั้งใจ นางพบว่าเวินอวี่โหรวมีความคล้ายคลึงกับลูกพี่ลูกน้องท่านนี้เล็กน้อย
ไม่นานหลังจากนั้นเถ้าแก่เฉิงก็มาถึง
เวินจื่อเจี๋ยตกตะลึงทันทีที่เห็นเช่นนี้ เขานึกว่าพ่อบ้านสยงพาเขามา และจะเชิญหัวหน้าผู้ดูแลซ่างกวนมาประสานงานในเื่นี้ เขานึกไม่ถึงว่าเถ้าแก่เฉิงจะมาด้วยตนเอง เถ้าแก่ท่านนี้ไม่ค่อยจะมาควบคุมดูแลหอการค้าเสวียนคงด้วยตนเองแล้ว เขาน่าจะไม่ได้ปรากฏตัวในหอการค้ามากว่าครึ่งปีแล้วใช่หรือไม่?
หัวหน้าผู้ดูแลซ่างกวนเล่า? เถ้าแก่เฉิงมาด้วยตนเอง หัวหน้าผู้ดูแลซ่างกวนยิ่งสมควรเข้าร่วมประชุมสิ! เวินจื่อเจี๋ยรู้สึกสงสัยในใจ แต่ก็รีบลุกขึ้นพลางโค้งคำนับด้วยความเคารพนับถือเป็อย่างยิ่ง “เวินจื่อเจี๋ย กรรมการบริหารร้านสมุนไพรน้อมคารวะนายท่าน! ”
เถ้าแก่เฉิงลอบคาดเดาว่าการที่นังหนูคนนี้ยืนกรานที่จะพบเขา คาดว่าเื่ราวจะไม่ธรรมดา เขาชำเลืองมองเวินจื่อเจี๋ยแวบหนึ่งแล้วหันไปมองกูเฟยเยี่ยนกับสยงเฟย จากนั้นจึงนั่งลงอย่างเงียบๆ
เวินจื่อเจี๋ยมีความหวาดผวา เนื่องจากเื่ราวมีความเกี่ยวข้องซานชีชุดนั้น เขาไม่กล้าแม้แต่จะมองใบหน้าของเถ้าแก่เฉิง ทำได้เพียงแค่ลอบเตือนตัวเองในใจว่าให้คอยสังเกตความเปลี่ยนแปลงอยู่เงียบๆ อย่าได้ลุกลี้ลุกลนจนเผยพิรุธออกมา ต้องทราบเอาไว้ว่าการค้าขายระหว่างเขากับห้องยาสำนักหมอหลวงในคราวนี้แตกต่างจากวิธีการในครั้งก่อนๆ !
ในครั้งก่อนๆ เขาขายสมุนไพรราคาสูงให้ห้องยาสำนักหมอหลวงในราคาต่ำ จากนั้นจึงให้ซ่างกวนยิงหงนำสมุนไพรราคาสูงที่อยู่ในห้องยาสำนักหมอหลวงไปขายต่อที่ตลาดสมุนไพร กระบวนการนี้เท่ากับว่าพวกเขายืมห้องยาสำนักหมอหลวงมาช่วยหัวหน้าผู้ดูแลขายต่อสมุนไพรของหอการค้าเสวียนคง
ยกตัวอย่างได้จากตังกุย ราคาตลาดอยู่ที่สามเหรียญทองต่อหนึ่งจิน [1] เขาขายให้ห้องยาสำนักหมอหลวงในราคาหนึ่งเหรียญทองต่อหนึ่งจิน จากนั้นซ่างกวนยิงหงจึงนำไปขายต่อในราคาสามเหรียญทองต่อหนึ่งจิน โดยที่นำสมุนไพรจากห้องยาสำนักหมอหลวงออกไปขาย ด้วยเหตุนี้ ราคาต่างจำนวนสองเหรียญทองจึงตกลงไปในกระเป๋าของหัวหน้าผู้ดูแลซ่างกวน
ถ้าเถ้าแก่เฉิงไม่ได้สืบสาวเื่นี้ ทุกตนต่างก็จะมีความสุข
แต่ถ้ามีวันใดวันหนึ่งที่เถ้าแก่เฉิงสืบสาวขึ้นมา เขาก็จะรวบรวมความผิดทั้งหมดไว้ที่ตนเองกับเวินอวี่โหรว โดยจะยืนยันว่าตนเองทำไปเพราะ้าให้เวินอวี่โหรวได้เลื่อนตำแหน่ง เขาจึงเอื้อผลประโยชน์แก่ห้องยาสำนักหมอหลวง ไม่ว่าอย่างไรเถ้าแก่เฉิงก็ตรวจสอบบัญชีภายในห้องยาสำนักหมอหลวงไม่ได้ ตรวจสอบไปไม่ถึงซ่างกวนยิงหง และตรวจสอบไปไม่ถึงหัวหน้าผู้ดูแลซ่างกวน
อีกทั้งระยะเวลาสามปีมานี้ การกระทำขายต่อสมุนไพรของห้องยาสำนักหมอหลวงถือเป็เื่ปกติแล้ว ถ้าดูจากโฉมภายนอกคือการที่เขาเอื้อผลประโยชน์แก่ห้องยาสำนักหมอหลวงเพื่อช่วยเวินอวี่โหรวเลื่อนตำแหน่งถือเป็เื่หนึ่ง การนำสมุนไพรในห้องยาสำนักหมอหลวงไปขายต่อจะถือเป็อีกเื่หนึ่ง ไม่มีใครสามารถเชื่อมโยงสองเื่นี้เข้าหากันได้อย่างแน่นอน และไม่มีใครสามารถเชื่อมโยงซ่างกวนหยิงหงกับหัวหน้าผู้ดูแลซ่างกวนเข้าหากันได้อย่างแน่นอน อย่าว่าแต่หนานกงชิงอวิ๋นเลย เพราะแม้แต่ศาสตราจารย์แพทย์กูที่เข้ารับตำแหน่งมาใหม่ก็ไม่มีทางมองออกถึงกลอุบายของหัวหน้าผู้ดูแลซ่างกวน! ในกลอุบายนี้ เขากับเวินอวี่โหรวจะเป็ตัวตายตัวแทน ห้องยาสำนักหมอหลวงจะเป็ส่วนที่สูญเสียเงินไปอย่างเปล่าประโยชน์
ทว่าเื่ของซานชีในครั้งนี้ไม่ได้ใช้กลอุบายเดิมอีกต่อไป
ซานชีชุดนี้เป็สมุนไพรยุทธปัจจัย หลังจากที่ห้องยาสำนักหมอหลวงจัดซื้อไป ร้านสมุนไพรจะส่งตรงไปยังชายแดนตะวันออกของเทียนเหยียน สมุนไพรตัวนี้ไม่สามารถนำไปขายทำกำไรต่อได้ บวกกับซ่างกวนยิงหงถูกขับไล่ออกมาแล้ว หัวหน้าผู้ดูแลซ่างกวนจึงสั่งห้ามเขาเข้ามายุ่งกับเื่นี้
ทว่าเขาไม่ยินยอม เขา้าฉวยโอกาสนี้ทำให้เวินอวี่โหรวได้ขึ้นไปถึงตำแหน่งผู้ดูแลยาเพื่อแทนที่ซ่างกวนยิงหงในการขายต่อสมุนไพร ตัวเขาเองจึงเล่นตามกลอุบายของหัวหน้าผู้ดูแลซ่างกวน เขาทราบดีว่าไม่ช้าก็เร็วตนเองจะต้องรับผิดแทนหัวหน้าผู้ดูแลซ่างกวน ดังนั้นก่อนที่เื่จะถูกเปิดโปงออกมา เขา้าหาผลประโยชน์ให้ตนเองกับเวินอวี่โหรวก่อน
ดังนั้นซานชีชุดนี้จึงถือได้ว่าเป็เงินค่าปูทางของเขา และถือว่าเป็การเอื้อผลประโยชน์แก่ห้องยาสำนักหมอหลวงอย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าบนหนังสือสัญญาจะเขียนเอาไว้ในราคาสูง ทว่าในความเป็จริงแล้วห้องยาสำนักหมอหลวงยังคงจ่ายในราคาต่ำ
เมื่อวานนี้จู่ๆ พ่อบ้านสยงก็มาขอสัญญาซื้อขายกับเขา เขาก็เลยเจตนาทำบัญชีเท็จ ตนเองเป็ผู้ออกเงินก่อนเพื่อเติมเต็มราคาส่วนต่างให้กับฝ่ายบัญชี
เขาไม่ทราบว่าเหตุใดเถ้าแก่กู้ถึงได้มาพบเขาด้วยตนเอง และไม่ทราบว่าเหตุใดเถ้าแก่เฉิงที่ไม่ปรากฏตัวมามากกว่าครึ่งปีถึงได้มาที่ห้องโถงว่านซางด้วยตนเอง เขาลอบคิดว่าการซื้อขายในครั้งนี้ตนเองออกเงินเติมเต็มบัญชีไปแล้ว ดังนั้นน่าจะปลอดภัย
สยงเฟยนำสัญญาซื้อขายฉบับนั้นยื่นไปให้เถ้าแก่เฉิงอย่างรวดเร็ว “นายท่านเฉิง เชิญตรวจสอบ”
เถ้าแก่เฉิงเอ่ยถามออกมาทันทีที่เห็นราคาของซานชี “นี่ขายไปเมื่อเดือนที่แล้ว? ราคาปัจจุบันเล่า? ”
สยงเฟยกำลังจะอ้าปาก แต่กูเฟยเยี่ยนแย่งเสียก่อน “เถ้าแก่เฉิง ข้าสงสัยความเป็จริงของสัญญาฉบับนี้ ข้าสงสัยว่าราคานี้เกินความเป็จริง ในความเป็จริงแล้วไม่มีการขายในราคาที่สูงถึงเพียงนี้! ”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา เวินจื่อเจี๋ยเริ่มรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นกว่าเดิม “เถ้าแก่กู้ อาหารสามารถรับประทานได้ตามอำเภอใจ ทว่าคำพูดไม่อาจซี้ซั้วได้”
เขารีบสั่งให้คนไปนำสมุดบัญชีมาให้เถ้าแก่เฉิงทันที “นายท่านเฉิง กองทัพชายแดนตะวันออกของเทียนเหยียนขาดแคลนสมุนไพร สมุนไพรชุดนี้ขายในราคาที่สูงจริงๆ ห้องยาสำนักหมอหลวงชำระเงินเต็มจำนวนและได้จดไว้ในบัญชี จำนวนเงินตรงนี้ข้าน้อยมอบให้ฝ่ายบัญชีเมื่อวานนี้แล้ว! ”
นิ่งเฉิงพลิกสมุดบัญชีดู เขาดูเพียงแค่จำนวนเงินก้อนนี้แต่ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ เขาหันไปมองกูเฟยเยี่ยน และในขณะที่กำลังจะเอ่ย จู่ๆ กูเฟยเยี่ยนก็นำตราสัญลักษณ์โยนลงมาบนโต๊ะ
ทุกคนต่างก็ตกตะลึงทันทีที่ได้เห็นสิ่งนี้ เวินจื่อเจี๋ยตกตะลึงตาค้างจนพูดอะไรไม่ออก ตราสัญลักษณ์นี้ไม่ใช่สิ่งอื่นสิ่งใด แต่เป็ตราสัญลักษณ์ศาสตราจารย์แพทย์แห่งห้องยาสำนักหมอหลวง ซึ่งมีเพียงแค่ศาสตราจารย์แพทย์ตำแหน่งสูงสุดของห้องยาสำนักหมอหลวงเท่านั้นที่ได้
เวินจื่อเจี๋ยหันไปมองกูเฟยเยี่ยนด้วยความคาดไม่ถึงและอุทานออกมาว่า “เ้า…เ้าคือ…”
ั์ตาของกูเฟยเยี่ยนทอประกายถึงความเ้าเล่ห์ ทว่านางวางมาดขรึมพลางเอ่ยออกมาอย่างจริงจัง “กูเฟยเยี่ยน ศาสตราจารย์แพทย์ระดับหนึ่งแห่งห้องยาสำนักหมอหลวงเทียนเหยียน! ”
เวินจื่อเจี๋ยตกตะลึงเหลือเกิน
เถ้าแก่เฉิงกับสยงเฟยต่างก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน โดยเฉพาะเถ้าแก่เฉิง เดิมทีเขายัง้าตรวจสอบนังหนูคนนี้ คิดไม่ถึงว่านังหนูคนนี้จะเป็คุณหนูใหญ่ของตระกูลกูที่ถังจิ้งเพิ่งจะตรวจสอบเสร็จสิ้นไป!
นังหนูคนนี้คล้ายคลึงกับเ้านายของเขามาก ทว่าบนแผ่นหลังกลับไม่มีปานที่พวกเขาตามหา หรือว่าเขามองผิดไป นางไม่ใช่คนที่พวกเขากำลังตามหา?
เถ้าแก่เฉิงจับจ้องไปที่เรียวคิ้วของกูเฟยเยี่ยนพลางขมวดคิ้วแน่น
ดวงตาของกูเฟยเยี่ยนเป็ประกาย เรียวคิ้วของนางเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา รอยยิ้มสว่างไสวและงดงามเหลือเกิน นางกล่าวว่า “เถ้าแก่เฉิง เดิมทีเสี่ยวหนวี่จื่อ้าปกปิดตัวตน และทำข้อตกลงการค้าขายกับหอการค้าเสวียนคงเป็การส่วนตัว แต่บัดนี้ดูเหมือนว่าการค้าขายนี้จะไม่ง่ายดายนัก! ”
“การจัดซื้อสมุนไพรของห้องยาสำนักหมอหลวงไม่จำเป็ต้องผ่านการเห็นด้วยจากข้าทุกครั้ง ทว่ามูลค่าสินค้าที่สูงถึงเพียงนี้ ถ้าไม่มีการเห็นชอบจากข้า หอการค้าเสวียนคงไม่มีทางได้รับเงินค่าสินค้าอย่างแน่นอน! สมุดบัญชีของพวกท่าน เกรงว่าน่าจะมีปัญหาใหญ่แล้ว! ”
เถ้าแก่เฉิงจึงได้สติกลับมาและหันไปมองเวินจื่อเจี๋ยด้วยความเ็า
เวินจื่อเจี๋ยคิดไม่ถึงว่าตนเองจะถูกเปิดโปงเช่นนี้ เขาใจนแข้งขาอ่อนแรงจึงคุกเข่าลงพลางอธิบาย
“นายท่านเฉิงโปรดไว้ชีวิต ข้าน้อยรู้ว่าผิดแล้ว! ข้าน้อย…ข้าน้อยทำไปเพราะ้าช่วยให้เวินอวี่โหรวที่เป็ลูกพี่ลูกน้องได้เลื่อนตำแหน่งไปเป็ผู้ดูแลยา ข้าน้อยเลยนำซานชีชุดนั้นไปติดสินบนศาสตราจารย์แพทย์หนานกงแห่งห้องยาสำนักหมอหลวง ราคาสินค้านี้ข้าน้อยเขียนด้วยตนเอง! ซานชีชุดนี้…นับได้ว่า นับได้ว่าข้าน้อยเป็ผู้จัดซื้อจากหอการค้าเสวียนคงเป็การส่วนตัว! ข้าน้อยไม่ได้แสวงหาผลประโยชน์จากหอการค้าอย่างแน่นอน และไม่กล้าทำเื่ไม่ดีต่อหอการค้าอีกด้วย!”
กูเฟยเยี่ยนทราบว่าเวินจื่อเจี๋ยจะช่วยหัวหน้าผู้ดูแลซ่างกวนในการอำพรางความผิด นางจึงเอ่ยออกมาว่า “เวินอวี่โหรวหรือ คนผู้นี้ข้ามีความประทับใจที่ลึกซึ้งทีเดียว…”
————-
เชิงอรรถ
[1] หนึ่งจิน เท่ากับ 0.5 กิโลกรัม