“พระสนมหวินเชิญทางนี้เพคะ”ซูเฟยซื่อทำท่าเชิญด้วยความเคารพต่อพระสนมหวิน แล้วเดินนำทางออกไปจากห้องโถงเซ่นไหว้ผู้ตาย
“ข้าได้ยินว่าอัครมหาเสนาบดีซูเคยประทานเรือนแห่งหนึ่งให้คุณหนูสามเรียกว่าสวนปี้หวิน สถานที่เงียบสงบสูงส่ง ด้วยเหตุคุณหนูสามชอบความสงบบ่าวไพร่ในเรือนมีเพียงสองคน ไม่ทราบว่าเป็ความจริงหรือไม่?” เดินออกมาจากห้องโถงเซ่นไหว้ผู้ตายไม่นานจู่ๆ พระสนมหวินเอื้อนพระโอษฐ์
วาจานี้ฟังดูเหมือนกำลังถามพอฟังเข้าจริงก็รู้ว่าพระสนมหวินได้ทำการสืบสวนมาก่อน
สืบสวน...พระสนมกำลังบอกนางอย่างชัดเจนว่านางกำลังถูกสืบสวน แต่วัตถุประสงค์คืออะไร?
“มิปิดบังพระสนมหวินเมื่อไม่กี่วันก่อนสวนปี้หวินยังเป็อย่างที่ท่านกล่าวไว้ตอนนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร เพียงแต่มีคนรับใช้ชั้นสามมากขึ้นสิบกว่าคนแล้วเพคะ”ซูเฟยซื่อบอกตามความเป็จริง
“คนรับใช้ชั้นสาม?” พระสนมหวินทรงเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจแล้ว
“หลังจากแม่ใหญ่เสียชีวิตท่านพ่อให้หม่อมฉันรับ่ดูแลสิ่งของกับคนรับใช้ในเรือนของนางต่อหม่อมฉันก็เลือกมาไม่กี่คนเพคะ” ซูเฟยซื่อตอบ
พระเนตรของพระสนมหวินกลอกไปหนึ่งตลบทันทีพลันยกมุมปากเบาๆ “คนฉลาดดุจคุณหนูสามหรืออัครมหาเสนาบดีซูอดไม่ได้ต้องตื่นตัวป้องกันไว้ เพียงแต่ธรรมะสูงหนึ่งคืบมารร้ายสูงหนึ่งศอก ในเมื่อที่คุณหนูสามคัดเลือกไว้ล้วนเป็คนรับใช้ชั้นสาม คิดว่ากลยุทธ์นี้ต้องไม่มีผลกระทบใดๆต่อเ้าด้วย”
ดไม่คิดว่าพระสนมหวินถึงกับพูดอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้ซูเฟยซื่ออดไม่ได้ที่จะฉงนประหลาดใจบ้าง
แต่คนฉลาดไม่พูดวาจาในที่ลับวัตถุประสงค์ที่นางพาพระสนมหวินออกมาเดิมก็เพื่อคิดสืบสวนว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้น
ตอนนี้ในเมื่อพระสนมหวินริเริ่มแล้วถ้าเช่นนั้นทำไมนางไม่พูดตรงๆ ออกมาให้ชัดๆ “คนรับใช้เหล่านี้ทั้งหมดเป็หม่อมฉันเลือกอย่างระมัดระวังมาก่อนเข้าจวนในเวลาอันสั้น ไม่เคยติดต่อัักับแม่ใหญ่มาก่อนด้วยดังนั้นใช้การได้ค่อนข้างน่าไว้ใจเพคะ”
“ฮ่าๆๆข้ามองคนไม่ผิดตามคาด” สองพระเนตรของพระสนมหวินหรี่เล็กน้อย ทรงแย้มสรวลด้วยความแปลกพิลึก“ในเมื่อคุณหนูสามตรงไปตรงมาขนาดนี้ ลองพูดกับข้าดูดีหรือไม่ เื่ของตระกูลหลี่คุณหนูสามใช่รู้เื่มานานแล้ว แต่จงใจผลักเรือตามน้ำ ทำตามสถานการณ์หรือ?”
ที่แท้เพราะเื่นี้พระสนมหวินจึงสนใจนางจึงมาหานาง
รู้วัตถุประสงค์ของพระสนมหวินซูเฟยซื่อตอบขึ้นมาอย่างสงบมากขึ้นด้วย “พระสนมหวินตรัสเคร่งครัดไปแล้วแม้หม่อมฉันเป็บุตรีอนุที่ไม่ได้รับความโปรดปรานคนหนึ่งแต่กลับไม่ใช่คนที่จะให้คนอื่นฆ่าฟันได้ง่ายๆ ในยามปกติรังแกหม่อมฉันหม่อมฉันยังสามารถยอมได้ แต่ถ้าพวกเขาคิดเอาชีวิตหม่อมฉัน จะให้หม่อมฉันประคองชีวิตด้วยสองมือถวายหรือ?”
“ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าเ้าไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายตระกูลหลี่แต่ทำไปเพื่อปกป้องตัวเอง?”พระสนมหวินทรงตรัสด้วยเจตนาค่อนข้างลึกซึ้ง
“พระสนมหวินทรงคิดว่าอย่างไรล่ะเพคะ? ถ้าไม่ใช่ด้วยเหตุจำเป็ทำไมหม่อมฉันต้องเป็ปฏิปักษ์กับตระกูลหลี่อาศัยพลังความสามารถของหม่อมฉันจะต่อสู้กับวงศ์ตระกูลทั้งหมดแทบเป็เื่ของคนโง่ที่กำลังเพ้อฝันกล่าวขึ้นมาหม่อมฉันยังต้องขอบพระคุณพระสนมหวิน ถ้าไม่ใช่แผนนั้นของท่านที่ทรงใช้อย่างชาญฉลาดหม่อมฉันจะถอนตัวออกได้อย่างไรเพคะ?” ซูเฟยซื่อหันไปโค้งคำนับให้พระสนมหวินด้วยความเคารพถือเป็การขอบพระคุณ
พระสนมหวินพยักหน้าอย่างไม่ทันให้สังเกตดูเหมือนจะพอใจในคำพูดและท่าทีของซูเฟยซื่อมาก “รู้คุณก็ต้องทดแทน เ้าทราบหรือไม่ว่าทำไมข้าต้องมาจวนอัครมหาเสนาบดีในวันนี้?”
ทำไมต้องมาจวนอัครมหาเสนาบดี?
นางคิดเกี่ยวกับปัญหานี้มานานแล้ว
เมื่อเอาถ้อยดำรัสที่พระสนมหวินทรงตรัสเมื่อครู่มาเชื่อมต่อกันทั้งหมดในใจซูเฟยซื่ออดไม่ได้ที่จะเป็ประกายแสงทันที กล่าวอย่างไม่กล้ายืนยันบ้าง“หรือว่าพระสนมหวินมาหาหม่อมฉันเป็พิเศษเพคะ?”
“คุณหนูสามฉลาดมากจริงๆท่าทีไม่ดีต่อเ้าเมื่อครู่ เพียงไม่อยากให้คนอื่นสงสัยเ้าเท่านั้นเอง”พระสนมหวินทรงตรัสอธิบาย
ที่แท้เป็เช่นนี้ความคิดอ่านของพระสนมหวินละเอียดอ่อนจริงๆ ถึงกับเข้าประตูทันทีก็เริ่มแสดงละครทันที
ถ้านางเดาไม่ผิดพระสนมหวินไม่เสด็จไปดื่มชาที่ห้องโถงด้านหน้า แต่ให้นางพานางไปทุกที่เป็เื่ที่ได้คิดไว้แล้ว
ทั้งนี้สิ่งที่พวกนาง้าจะพูดไม่สะดวกให้คนอื่นได้ยินห้องโถงด้านหน้าง่ายที่จะซ่อนคนมาก แต่เดินพลางกล่าวพลางในเวลาเดียวกันก็แตกต่างไปแล้ว
ซูเต๋อเหยียนไม่ทราบว่าพวกนางจะไปที่ไหนมิอาจส่งสายลับไปดักฟังลอบสอดแนมไว้ล่วงหน้าได้แต่ถ้าติดตามไปตลอดทางก็ถูกนางกำนัลที่พระสนมหวินพาตามหลังมาพบเห็นได้ง่ายอีก
ไม่ว่าใครต่างไม่โง่ขนาดนั้น
ดังนั้นตอนนี้พวกนางคุยกันได้ปลอดภัยมาก
“ขอบพระคุณพระสนมหวินที่ทรงคิดแทนหม่อมฉันมีแต่...หม่อมฉันไม่เข้าใจ ทำไมพระสนมหวินถึงสนใจในตัวหม่อมฉันบุตรีอนุคนหนึ่งเพคะ?” ซูเฟยซื่อไม่อ้อมค้อมด้วยแล้ว
“บุตรีอนุ? เกรงว่าก็เป็พวกนางดูถูกเ้าเกินไปแล้วจึงได้มีจุดจบเช่นตอนนี้”พระสนมหวินหัวเราะคิก ในน้ำเสียงถึงกับเป็แววดูิ่
นางดูถูกนางแซ่หลี่กับซูจิ้งโหยวแม้แต่...เป็จวนอัครมหาเสนาบดีจากในใจ
“พระสนมหวินทรงยกย่องแล้วคนไม่มาทำร้ายหม่อมฉัน หม่อมฉันก็ไม่ทำร้ายใคร เฟยซื่อลำบากมาครึ่งชีวิตตอนนี้เพียงคิดอย่างง่ายที่สุดเพื่อปกป้องชีวิตตนเองไว้เท่านั้นเพค่ะ”ซูเฟยซื่อกล่าวพลาง อดที่จะฉายแววเศร้าโศกไม่ได้
กล่าวไปแล้วนางลำบากมาครึ่งชีวิตจริงๆ ที่นางแบกรับไว้ไม่น้อยกว่าคราบร่างนี้ของนางสักนิด
“ข้ารู้ว่าวันเวลาที่เ้าผ่านในจวนอัครมหาเสนาบดีไม่ค่อยดีบัดนี้แม้กล่าวว่านางแซ่หลี่ได้เสียชีวิตไปแล้วแต่ซูจิ้งโหยวกับซูจิ้งเถียนยังมีชีวิตอยู่พวกนางสองคนไม่ปล่อยให้เ้าผ่านไปอย่างเด็ดขาดส่วนซูเต๋อเหยียน...ถ้าเขาไว้วางใจเ้า ก็คงไม่เอาคนรับใช้ในเรือนของนางแซ่หลี่มอบให้เ้า”พระสนมหวินทรงลั่นวาจาเดียวเปิดโปงออกมา
คนมักผ่อนคลายความตื่นตัวต่อผู้อ่อนแอได้ง่ายกว่าบวกกับลักษณะที่ปรากฏของซูเฟยซื่อเมื่อครู่ทำให้พระสนมหวินทิ้งความจอมปลอมถึงที่สุดอย่างอดไม่ได้แม้แต่คำเรียกขานชื่อก็ลดไปแล้ว เรียกชื่อโดยตรง
นี่กล่าวไปสำหรับซูเฟยซื่อเป็เื่ที่ดีแต่นางยังคงเศร้าโศกคิ้วขมวดเหมือนเดิม “แต่หม่อมฉันนอกจากพึ่งพาท่านพ่อแล้วยังสามารถพึ่งพาใครได้เพคะ?”
ประโยคเดียวสบเข้าในหัวใจของพระสนมหวินพอดี
เหตุผลที่นางเลือกซูเฟยซื่อประการแรกเพราะซูเฟยซื่อฉลาด ประการที่สองเพราะซูเฟยซื่อไม่มีที่พึ่ง
คนที่ไร้ที่พึ่งพาได้มีชีวิตอาศัยอยู่ในครอบครัวขุนนางก็เหมือนคนที่ว่ายน้ำไม่เป็กำลังจมอยู่ในน้ำ
ขอเพียงเ้ายื่นมือออกไปหานางให้นางได้ลิ้มรสความหวานเล็กน้อยนางก็จะติดตามเ้าอย่างเต็มใจ
สิ่งสำคัญคือต่อให้คนเหล่านี้ลุกฮือขึ้นทำการทรยศก็ไม่สามารถก่อให้เกิดพายุใหญ่อะไรได้
“ไม่ทราบว่าคุณหนูสามเคยได้ยินประโยคหนึ่งบ้างหรือไม่ศัตรูของศัตรูก็คือสหาย ขอเพียงคุณหนูสามกลายเป็คนหนึ่งของข้าแล้วข้าต้องมีความสามารถปกป้องเ้าให้ปลอดภัยได้ แม้ว่าอยู่ในจวนอัครมหาเสนาบดี”ในที่สุดพระสนมหวินได้ทรงรับสั่งประโยคที่สำคัญที่สุดประโยคหนึ่งออกมาแล้ว
ซูเฟยซื่อยกริมฝีปากบางที่แท้เป็เช่นนี้ พระสนมหวินคิดยืมมือนางมาจัดการซูจิ้งโหยว
มีผู้ช่วยหลายคนเพิ่มมาเหมือนกันไยนางไม่ทำด้วยความยินดีเล่า?
“ขอเพียงที่พระสนมหวินทรงรับสั่งทำได้จริงไม่ปล่อยให้หม่อมฉันถูกคนอื่นรังแกอีก หม่อมฉันยินดีที่จะรับใช้ทำการใดๆ ให้ย่อมได้เพคะ”ซูเฟยซื่อแกล้งทำเป็ลังเลแล้วกล่าวทันที
“เ้าวางใจเถิดตลอดที่ผ่านมาข้าทรงรับสั่งย่อมทำได้ กลับไปเถิด ใกล้ได้เวลาอาหารกลางวันแล้ว”พระสนมหวินทรงแย้มสรวลเอ่ยพระโอษฐ์
มีซูเฟยซื่อให้นางใช้ได้ตำแหน่งฮองเฮาย่อมอยู่ไม่ไกลจากนางแล้ว
หลังจากมื้อเที่ยงที่ต่างคนต่างกินอย่างเต็มไปด้วยความคิดที่แตกต่างกันส่งพระสนมหวินไป ซูเต๋อเหยียนรีบคว้าซูเฟยซื่อไว้ กล่าวถามว่า“เมื่อครู่เ้ากับพระสนมหวินไปที่ไหนกัน? คุยเื่อะไรกัน?”
“ไม่ได้คุยอะไรกันเพียงพระสนมหวินเอาแต่ถามว่าก่อนพี่ใหญ่เข้าวังอาศัยอยู่ที่ไหน คิดไปแล้วเฟยซื่อกลัวนางคิดร้ายกับพี่ใหญ่ จึงพานางอ้อมไปไกลรอได้เวลาอาหารกลางวันมาถึงนางมิอาจกล่าวว่าจะชวนเดินเล่นกันอีก ได้แต่ต้องกลับมาเ้าค่ะ”ซูเฟยซื่อเปลี่ยนประเด็นหัวเื่ไปบนร่างซูจิ้งโหยว ไม่เพียงแต่เหมาะสมตามเหตุผลยังประสบความสำเร็จในการดึงดูดความสนใจของซูเต๋อเหยียนด้วย