นางเว่ยได้ยินแค่เสียงก็รับรู้ได้ทันทีว่าเป็ใคร
เมื่อมองไปทางท่านอ๋องกับผู้ว่าการเมืองหลวงที่ถูกเชิญมา นางย่อมคัดค้านอะไรไม่ได้
พยายามคัดค้านไปก็ไร้ประโยชน์
“นางเว่ยกลัวว่า หากคุณชายน้อยได้ขึ้นเป็พระชายาจะหาทางแก้แค้นนาง อีกทั้งยังกลัวว่าท่านแม่ทัพกลับมาจะรับรู้ถึงสิ่งที่นางกระทำเอาไว้ กลัวเสียตำแหน่งไปจึงได้จ้างให้ข้าไปลอบสังหารคุณชายน้อยใน่กลางคืนของคืนหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะคุณชายน้อยมีคนคอยคุ้มกันอยู่ วันนั้นต้องสิ้นชีวิตเป็แน่ขอรับ”
จางเถี่ยเกินเล่าออกมาอย่างละเอียดถี่ถ้วน ค่ำคืนที่ผ่านมาพี่น้องของเขาต้องจบชีวิต ทำให้เขาเสียใจเป็อย่างมาก
ใต้เท้าหลี่เคาะลงบนโต๊ะอีกครั้ง
“นางเว่ย เ้าจะยอมรับผิดหรือไม่ จ้างวางเพลิง จ้างคนไปลอบสังหาร”
ดวงตาของนางเว่ยเต็มไปด้วยความสับสน ราวกับกำลังจมอยู่ในความฝัน เหม่อลอยไม่รู้ควรพูดหรือตอบอะไร
เวลานี้หลินเสี่ยวฉีเริ่มขยับตัว นางหันไปมองผู้เป็มารดาของตนเอง ควรจะทำอย่างไรกับเื่นี้ดี?
หากพูดตามความจริงแล้ว เื่นี้นางกับผู้เป็แม่ร่วมกันทำ ความผิดนี้นางควรยอมรับหรือไม่ หรือต้องยอมรับเพียงอย่างเดียว…
ทั้งลานจวนแม่ทัพเงียบกริบ หลังจากนั้น หลินเสี่ยวฉีก็เรียกสติของตนเองกลับคืนมาแล้วรีบมาคุกเข่าอยู่ข้างกายนางเว่ย “ท่านแม่ ท่านแม่”
นางเว่ยหันมามองบุตรสาวที่มีแววตาตื่นตระหนก “เสี่ยวฉี?”
“ท่านแม่ ท่านยอมรับผิดเถอะเ้าค่ะ ท่านนึกถึงท่านพี่ นึกถึงข้าเถิด” ก่อนที่แววตาของหลินเสี่ยวฉีจะเปลี่ยนไป “ข้าเคยโน้มน้าวท่านแล้ว หลินหร่านเป็น้องชายของข้า ท่านทำอย่างนั้นกับเขาไม่ได้ แต่ทำไมท่านถึงยังดึงดันที่จะเอาชีวิตของเขาอีก ข้าไม่ได้ทำอะไรนะเ้าคะ เพียงแค่อยู่ใกล้ชิดท่าน ข้าก็ถูกกล่าวหาไปด้วย แบบนี้ ข้ากับท่านพี่จะทำเช่นไร”
หลินเสี่ยวฉีพูดไปก็ร้องไห้ออกมาราวกับเศร้าใจยิ่งนัก
นางเว่ยเบิกตากว้างพูดอะไรไม่ออก เสี่ยวฉีกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่ หรือนางกลัวว่าผู้เป็แม่จะปกป้องนางไม่ได้ นางคิดว่าผู้เป็แม่คนนี้จะทำให้บุตรตนเองเดือดร้อนไปด้วยงั้นหรือ
“ใต้เท้า ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้นนะเ้าคะ เ้าหวังจื้อพูดปด พูดเองเออเองทั้งนั้น” หลินเสี่ยวฉีร้องไห้ไปพลางก้มหัวลง ทั้งลานตระกูลหลินมีแต่เสียงร่ำไห้ของนาง
นางเว่ยหันกลับไปมองบุตรชายของตนเอง ใบหน้าของหลินเหลียงซีดเซียว ริมฝีปากสั่น พูดแทบไม่ได้ แต่มองจากในแววตาของเขาก็รู้ได้ทันทีว่าวิตกกังวลมากเพียงไหน
และเมื่อหันกลับมามองบุตรสาวที่กำลังร้องไห้อย่างไร้เดียงสา นางเว่ยแทบไม่มีแรง ได้แต่ถอนหายใจออกมา
บุตรสาวบุตรชายที่ตนเลี้ยงดูมากลับผลักไสนางออกเพื่อเอาตัวรอด แน่นอนว่านางต้องพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อพวกเขาอยู่แล้ว
“ใต้เท้า” นางเว่ยเอ่ย “ข้ายอมรับความผิด ข้ายอมรับความผิดทั้งหมดเ้าค่ะ แต่เื่นี้ข้าเป็คนทำเอง บุตรสาวข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หวังจื้ออาจเข้าใจผิด”
หลินเสี่ยวฉีมีท่าทีผ่อนคลายมากขึ้น นางยังร่ำไห้เสียใจอยู่ข้างนางเว่ย
หลินฮวาเหนียนมองไปทางนางเว่ยด้วยสายตาเ็า ความหงุดหงิดะเิอยู่ในอก
หญิงผู้นี้ใช้ความชั่วร้ายของเธอกับบุตรชายคนเล็กของเขา นั่นทำให้มิตรภาพกับความทรงจำดีๆ ที่เคยมีให้กันหมดลง
ใบหน้าอันแน่วแน่ของหลินเซี่ยงตี๋ในตอนนี้ ราวกับพายุฝนที่กำลังโหมกระหน่ำ
ใต้เท้าหลี่หันไปมองอวี้ฉู่จาว ซึ่งอวี้ฉู่จาวก็พยักหน้าให้
หลังจากนั้น ผู้พิพากษาได้ทำการจดบันทึกก่อนให้คนนำไปให้นางเว่ยลงนามประทับตรา
นางเว่ยลงนามด้วยท่าทีสงบ
หลินเสี่ยวฉีเห็นนางเว่ยลงชื่อด้วยตาของตนเอง จึงนั่งบนพื้นด้วยท่าทีผ่อนคลาย
ผู้พิพากษานำกระดาษที่ได้ลงนามไปให้ใต้เท้าหลี่ดู ใต้เท้าหลี่ก็นำไปให้อวี้ฉู่จาวตรวจดูอีกที
“ท่านอ๋อง”
อวี้ฉู่จาวรับมาดูพร้อมหลินหร่าน
หลินหร่านไม่ได้เอ่ยอะไร เขาพยักหน้าเล็กน้อยแทนคำตอบ บอกเป็นัยว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว
ตอนแรกอวี้ฉู่จาวตั้งใจจะเอาผิดนางเว่ยกับบุตรสาว แต่หลินหร่านได้ขอร้องไว้เพราะอยากตอบแทนบุญคุณบิดา เขาจึงยอมปล่อยหลินเสี่ยวฉีไป
อันที่จริงก็คงเป็เพราะเขาอยากให้หลินฮวาเหนียน บิดาของอีกฝ่ายสบายใจเหมือนกัน
เื่ราวของวันนี้ก่อนที่จะมา อวี้ฉู่จาวได้บอกกับหลินหร่านล่วงหน้าแล้ว
ในใจของหลินหร่านก็รู้สึกโกรธ ฟูเหรินคนนี้จ้องจะเอาชีวิตของเขาหลายต่อหลายครั้ง ทั้งยังจะทำลายงานอภิเษกสมรสของเขากับท่านอ๋องอีก บทลงโทษที่นางควรได้รับต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
แล้วหลินเสี่ยวฉีก็มีส่วนร่วม ซึ่งเื่นี้หลินหร่านก็รู้ดี
แต่ว่า
ถึงความรู้สึกที่หลินหร่านมีต่อหลินฮวาเหนียนกับหลินเซี่ยงตี๋อาจไม่ได้ลึกซึ้งเท่ากับเ้าของร่างเดิม ทว่าเื่ที่พวกเขาปฏิบัติต่อตนดียิ่งนัก เขารับรู้
่เวลาที่หลินฮวาเหนียนรู้ชัดว่านางเว่ยทำเื่เลวร้ายมากเพียงไหน ความสงสารที่มีต่อเขากับความโกรธต่อนางเว่ยที่แสดงออกทางสีหน้า ล้วนมาจากใจจริง
หลินฮวาเหนียนไปปกป้องชายแดนเป็เวลาเจ็ดปีนับว่าไม่ใช่เื่ง่ายเลย กลับมายังต้องมาเจอเื่ชวนตกตะลึง และได้รับฟังเื่น่าอับอายในจวนอีก
หากหลินเหลียงถูกเขาทอดทิ้ง หากหลินเสี่ยวฉีไม่อยู่อีกคน หากต้องให้เขายอมรับเื่เหล่านี้คงเป็การทรมาน
การไม่มีฟูเหรินไม่ใช่เื่สำคัญ แต่หากเขาเสียบุตรทั้งสองคน ย่อมเป็เื่ที่น่าเศร้าโศกยิ่งกว่า
ความรู้สึกของหลินหร่านนั้น อวี้ฉู่จาวเข้าใจเป็อย่างดี ดังนั้น เขาจึงยอมที่จะละเว้นหลินเสี่ยวฉีเพื่อแลกกับความสบายใจของอีกคน
หลินเสี่ยวฉีไม่ใช่คนซื่อสัตย์ ภายภาคหน้าต้องมีโอกาสได้จัดการอีกแน่
เพราะหลินหร่านถูกแต่งตั้งให้เป็พระชายา ก็เท่ากับว่าขาข้างหนึ่งก้าวเข้าไปในวังแล้ว ได้มีตำแหน่งสูง
ฉะนั้น การคิดจะสังหารพระชายาจะถือเป็เื่ร้ายแรง
และแล้วใต้เท้าหลี่จึงได้ประกาศออกมาว่าบทลงโทษของนางเว่ยคือ...
สามวันหลังจากนี้นางเว่ยจะถูกตัดหัวที่ลานปะาต่อหน้าชาวเมือง
ส่วนหลินเหลียงกับหลินเสี่ยวฉีให้เป็หน้าที่ของตระกูลหลินในการตัดสินใจ
กระทั่งเ้าหน้าที่มาใส่กุญแจมือแล้วพาตัวนางเว่ยออกไป นางเว่ยยกยิ้มขึ้นพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดัน
“ใต้เท้า ท่านอ๋อง…” นางเว่ยรีบผละออกจากเ้าหน้าที่ก่อนจะลุกขึ้นและวิ่งขึ้นมาสองก้าว
“ข้ายอมรับเื่ที่ตั้งใจสังหารเขา จะปะาชีวิต ข้าก็ยอมรับ แต่เื่ที่พระชายาไปลอบพบกับชายอื่นละเ้าคะจะจัดการอย่างไร ท่านอ๋องเพคะ ก่อนหน้านี้หลินหร่านพาชายป่าเถื่อนผู้หนึ่งมาที่เรือนชุนอวี่ หลังจากนั้นก็ออกไปจากจวนบ่อยครั้ง กว่าจะกลับก็ดึกดื่น เมื่อคืนวานเป็คืนฉลองปีใหม่ก็ไม่กลับมาทั้งคืน มีคนเห็นกับตาว่าเข้าไปในหอเหลียนชุนกับชายคนนั้น มิเช่นนั้นวันนี้ หม่อมฉันคงไม่ให้คนตามไปเปิดโปงหรอกเพคะ แต่ไม่รู้ว่า...เหตุใดถึง…”
อย่างไรนางก็ต้องตายอยู่แล้ว เพราะอย่างนั้นจึงไม่สนใจอะไรอีก เื่ที่หลินหร่านลอบไปมีสัมพันธ์กับชายอื่นนั้นเป็เื่ที่ยังค้างคาอยู่ในใจ ตามดูเื่นี้มาตั้งนานต้องไม่ผิดพลาดแน่
“ท่านอ๋อง…” หลินหร่านหันไปมองอวี้ฉู่จาว
เมื่อโดนกล่าวหามาเช่นนั้น แม้หลินหร่านจะมั่นใจว่าอวี้ฉู่จาวต้องรู้ว่าตนเองไม่เคยทำ แต่ด้วยนิสัยเดิมที่เป็คนขี้กลัวเลยเกรงว่าท่านอ๋องจะเข้าใจผิด
ใบหน้าของอวี้ฉู่จาวไร้ซึ่งความรู้สึก รอยยิ้มที่เผยออกมาเป็รอยยิ้มแห่งการดูถูก
“แท้ที่จริงแล้วในสายตาของฟูเหริน เปิ่นหวังเป็ชายป่าเถื่อนอย่างนั้นหรือ”
นางเว่ยแทบไม่อยากเชื่อ ที่จริงแล้วชายที่หลินหร่านมักออกไปหาคือท่านอ๋องเองหรอกหรือ?
“ไม่...เป็ไปไม่ได้…”
“เปิ่นหวังนัดพบกับชายาในภายหน้าของตนเองบ่อยครั้ง ้าเรียนรู้ซึ่งกันและกัน มีอะไรที่ไม่เหมาะสมอย่างนั้นหรือ ดูท่าฟูเหรินคงสายตาไม่ดี เปิ่นหวังกับชายาไม่เคยไปที่หอชุนเหลียน” อวี้ฉู่จาวยืนยันว่าหลินหร่านคือพระชายาของตนเอง “ไม่รู้ว่าฟูเหรินไปฟังมาจากใคร ไปเรียกออกมาเผชิญหน้ากับเปิ่นหวังได้หรือไม่”
นางเว่ยรู้ดีว่าเรียกคนผู้นั้นมาไม่ได้เพราะคงไม่อยู่แล้ว นี่อาจเป็เพียงเื่ที่เล่าต่อกันมา อีกทั้งอาจเป็ไปได้ว่าคนผู้นั้นตั้งใจแต่แรกที่จะให้นางไปที่นั่น
เื่ที่บุตรชายของนาง หลินเหลียงชอบเที่ยวเล่นไปเรื่อยนางรู้ดี เมื่อคืนที่บุตรชายของนางรีบออกไปจากจวนนางก็รู้ แต่ทำไมถึงบังเอิญไปอยู่ในห้องที่นางได้ข่าวทำเื่…เช่นนั้นได้
นางเชื่อว่าเื่นี้ต้องมีคนจงใจมาคิดบัญชีกับนางแน่
----------------------------------