หยางหนิงไม่รู้ว่าสวะที่นางพูดถึงนั้นหมายถึงผู้ใด ในเวลานี้เขาก็ได้พบว่า ห่างออกไปไม่ไกลมีอีกคนหนึ่งที่แต่งตัวเหมือนกับคนจับงูผู้นั้น ทั้งสองรูปร่างสูงใหญ่ ถือสามง่ามเหมือนกัน อาจเป็ฝาแฝดกัน
ชายฉกรรจ์คนหนึ่งถูกแขวนบนต้นไม้ ในเวลานี้ก็แน่นิ่งไปแล้ว ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ อีก ไม่รู้ว่าตายแล้วหรือว่าสลบไป อีกคนที่อยู่บนพื้นก็ร้องโหยหวนด้วยความเ็ปทรมาน คนจับงูก็เดินเข้าไป แล้วหยิบเชือกขึ้นมาเส้นหนึ่ง ไม่ได้กลัวงูที่อยู่บนตัวของชายฉกรรจ์แม้แต่น้อย แล้วจับเขามัดเอาไว้
ธนูในมือของจ้าวยวนหล่นไปแล้ว ตอนนี้บนตัวของเขาเต็มไปด้วยงู เขาพิงอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ มือทั้งสองของเขาถูกพันจนแน่นไปหมด คอก็ถูกรัดจนทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น
หยางหนิงมองคนที่อยู่บนต้นไม้ ถึงแม้นางจะมีแขนขาที่เรียวขาว เสียงอ่อนเสียงหวาน แต่ก็ไม่เห็นหน้าของนางชัดเท่าไหร่นัก
ทันใดนั้นเองหญิงสาวคนนั้นก็ะโลงมาจากต้นไม้ หยางหนิงใ คิดว่านางไม่ระวังจึงตกลงมาจากต้นไม้ ต้นไม้ห่างจากพื้นราวห้าหกเมตร หากตกลงมาแบบนั้น ไม่ตายก็ต้องเจ็บหนัก เขาะโออกไปว่า “ระวัง...!”
หญิงคนนั้นหล่นลงมา ยกมือไว้ข้างหนึ่ง ในมือข้างนั้นจับแส้เอาไว้ แส้ก็ไม่ได้สั้น มันเหมือนเชือก หญิงดึงเชือกที่อยู่กลางอากาศ ยิ้มแล้วหันมาพูดกับหยางหนิงว่า “เ้าบอกให้ข้าระวังหรือ?”
ตอนนี้หยางหนิงก็พอจะเดาได้แล้วว่า คนจับงูสองคนนั้นน่าจะเป็พวกเดียวกับหญิงคนนี้ คนจับงูทั้งสองคนนี้ต่างก็เป็คนที่ช่างชั่วร้ายและเหี้ยมโหด หญิงคนนี้ที่มาที่ไปไม่ชัดเจน อาจจะไม่ใช่คนดีอะไร เมื่อครู่เขาร้อนใจพูดออกไป ตอนนี้ได้ฟังหญิงคนนี้ถามเขาเช่นนี้ เขาเองก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
หญิงคนนั้นลอยอยู่กลางอากาศ เหมือนกับนกที่บินอยู่บนท้องฟ้า หยางหนิงพลันใขึ้นมา หญิงคนนั้นก็ค่อยๆ ลอยลงมาถึงพื้น จากนั้นนางก็กระตุกมือ แส้ที่อยู่ในมือของนางนั้นก็เก็บเข้าไปอย่างรวดเร็ว หญิงคนนั้นจับแส้ไว้ ตอนนี้ก็ยืนอยู่ตรงหน้าของหยางหนิงไม่เกินสามสี่ก้าว
หยางหนิงในเวลานี้ก็สามารถมองเห็นหญิงผู้นั้นได้ชัดเจน หญิงสาวผู้นี้สวมกางเกงขาสั้นสีม่วง ่บนเป็เสื้อแขนสั้นสีแดงเหลืองฟ้าสามสี บนหัวโพกผ้าเอาไว้ หูทั้งสองข้างของนางห้อยต่างหู สายตาเป็ประกาย ฤดูใบไม้ร่วงอากาศหนาวเย็น ในป่าลึกเช่นนี้อากาศยิ่งเย็นเข้าไปอีก แต่หญิงผู้นี้สวมชุดบางเช่นนี้แต่กลับไม่เป็อะไรเลย เหมือนกับว่าอากาศที่เหน็บหนาวนี้ทำอะไรร่างกายนางมิได้
ที่ข้อมือของนางสวมกำไล ตอนนี้นางยืนอยู่ตรงหน้า ทำให้เห็นแขนทั้งสองข้างและขาทั้งสองข้างของนางที่ขาวราวกับหิมะได้อย่างชัดเจน เห็นใบหน้าของนาง ดวงตาของนางเป็ประกายราวกับดวงดาวที่ลอยเด่นระยิบระยับอยู่บนฟากฟ้า หน้าตาของนางดูแล้วก็สวยงาม น่ารักน่าชังไม่น้อย นางจ้องมาที่หยางหนิง ยิ้มแล้วพูดว่า “นี่ ข้าถามเ้าอยู่นะ เ้าไม่เข้าใจที่ข้าพูดหรือ?”
สิ่งที่นางพูดหยางหนิงฟังเข้าใจหมด แต่ไม่ว่าในใจของนางกำลังอะไรอยู่ จึงพูดไปเรียบๆ ว่า “เ้าก็ถือเสียว่าข้าไม่เข้าใจแล้วกัน” แอบคิดในใจว่าผู้หญิงคนนี้อยู่กับงูพิษกับผึ้งพิษ ถึงจะหน้าตาน่ารัก แต่อาจจะไม่ใช่คนดี
เขารู้สึกว่าบริเวณที่ถูกผึ้งต่อยนั้นรู้สึกเ็ปนัก จึงยกมือขึ้นไปจับ ถึงได้รู้ว่ามันเริ่มปูดบวมขึ้น
“ข้าถามเ้า เ้าก็ตอบข้ามาดีๆ” รอยยิ้มของหญิงสาวที่น่ารักนั้นก็จางหายไป “เ้าถูกผึ้งนางพญาต่อยเข้าแล้วล่ะ ไม่มีข้าเ้าไม่รอดแน่”
หยางหนิงไม่รู้ว่าสิ่งที่นางพูดจริงหรือไม่ แต่ว่าพิษผึ้งร้ายแรงไม่ใช่เื่แปลก จากนั้นขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ข้ากับเ้าไม่มีความแค้นต่อกัน เหตุใดเ้าต้องปล่อยผึ้งมาต่อยข้าด้วย?”
หญิงสาวตอบมาอย่างไม่ไยดีว่า “ข้าพอใจจะทำสิ่งใดข้าก็จะทำสิ่งนั้น เ้าเกี่ยวอะไรด้วย?” นางมองซ้ายมองขวา เห็นธนูที่จ้าวยวนทำหล่นไว้บนพื้น ก็เกิดความสนใจ แล้วใช้แส้ที่ที่อยู่บนเอวเล็กๆ ของนางนั้นหยิบเอาธนูนั่นขึ้นมา จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ข้าขอดูหน่อย ว่าอันไหนมันจะร้ายกาจบ้าง”
หยางหนิงไม่รู้ว่านางหมายความว่าอย่างไร เห็นหญิงผู้นั้นหยิบธนูแล้วเดินไปหาจ้าวยวน จากนั้นก็ผิวปาก น่าแปลก งูที่อยู่บนตัวของจ้าวยวนเหมือนจะฟังนางรู้เื่ ไม่เลื้อยขยุกขยิกอีก แต่ก็ยังรัดตัวจ้าวยวนเอาไว้แน่น
หญิงสาวหยิบธนูขึ้นมาแล้วเล็งไปที่จ้าวยวน มองไปแล้วถามว่า “นี่ เ้าว่าข้าควรยิงเ้าตรงไหนดีหรือ?”
สายตาของจ้าวยวนดูเดือดดาลนัก จากนั้นเขาก็พูดว่า “พวกเ้าเป็ใคร? เ้า... เ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็ใคร?”
“ข้าไม่รู้” หญิงสาวนั่งยองๆ ลง มือถือธนู ยิ้มแล้วพูดว่า “เ้าเป็ใครหรือ?”
จ้าวยวนถูกงูรัดแทบตาย หายใจไม่ออก เขาพูดขึ้นอย่างทรมานว่า “เ้า...เ้าควรจะพาคนของเ้าออกไปเสีย ไม่อย่างนั้นเ้าจะต้องไม่ตายดีแน่?”
หยางหนิงยืนดูอยู่ข้างๆ ในใจแอบคิดว่าเ้าบ้านี่ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ หรือว่าเห็นหญิงสาวผู้นี้เป็สาวน้อยหน้าตาน่ารัก จึงคิดจะขู่ หญิงคนนี้ที่มาที่ไปไม่ชัด เกรงว่าการข่มขู่เช่นนี้อาจจะไม่เป็ผล
หญิงคนนั้นยิ้มแล้วพูดว่า “ข้ามักจะเห็นคนที่ลำบากร้องขอชีวิต ตัวเองกลับไม่เคยได้ลิ้มลองรสชาติเช่นนั้นเลย เ้าจะให้ข้าร้องขอชีวิตจากเ้าหรือ ข้าชอบเสียจริง” จากนั้นก็เล็งธนูไปที่คอของจ้าวยวนแล้วพูดว่า “หากเ้ายังไม่ยอมบอกว่าเ้าเป็ใคร ข้าก็จะยิงไปที่คอของเ้า เ้าเชื่อข้าหรือไม่?”
จ้าวยวนยิ้มอย่างร้ายกาจออกมา แล้วพูดว่า “ผู้พิพากษาฆ่าไม่ตายหรอก หากเ้าฆ่าข้า ที่ยมโลก เ้าก็จะไม่มีวันได้ไปเกิดใหม่อีก”
หยางหนิงยืนดูอยู่ข้างๆ ในใจก็คิดว่าเ้าบ้านี่พูดจาใหญ่โตเสียจริง ในโลกนี้มีใครฆ่าไม่ตายบ้าง? คิดว่าจ้าวยวนพูดเช่นนี้มันแปลกๆ
“ยิ่งลึกลับ ข้ายิ่งอยากจะรู้” หญิงสาวยิ้ม แล้ววางธนูลง แล้วหยิบลูกศรอันเล็กๆ ออก จากนั้นก็หันไปะโว่า “ต้ากุ่ย มานี่!”
เห็นคนจับงูที่จับชายฉกรรจ์แขวนบนต้นไม้นั้น เดินไปที่ข้างๆ หญิงสาว หญิงสาวดึงเสื้อผ้าของเขาออก หยางหนิงถึงได้เห็นว่าที่เอวของต้ากุ่ยนั้นมีขวดเล็กๆ อยู่ห้าหกขวด หญิงสาวก็ทำราวกับว่ากำลังยืนเลือกของ สุดท้ายก็ดึงขวดออกมาขวดหนึ่ง เมื่อเปิดขวดออก ก็เอาลูกศรจิ้มเข้าไปในขวด จากนั้นก็ค่อยๆ เปลี่ยนหัวลูกศร แล้วยื่นขวดออกไปโดยไม่มอง ต้ากุ่ยรับขวดกลับไป ปิดขวดแล้วแขวนกลับไปที่เดิม จากนั้นก็ใส่เสื้อไว้เหมือนเดิม
สาวน้อยยกธนูขึ้นมาใหม่ แล้วยิ้มให้จ้าวยวน ราวกับว่านายพรานกำลังล่าสัตว์ มองไปที่จ้าวยวนแล้วพูดกับว่า “ข้าจะยิงหูซ้ายของเ้าออกมา อยากจะรู้นักว่าของของเ้ามันใช้ดีหรือไม่”
จ้าวยวนหน้าถอดสี เขายังไม่ทันจะได้พูดอะไร สาวน้อยผู้นั้นก็ยิงธนูออกไป “โอ๊ย” จ้าวยวนร้องด้วยความเ็ป ธนูยิงผ่านหน้าของเขาไป ใบหน้าของเขามีรอยแผลเล็กน้อย ทั้งสองคนยืนอยู่ไม่ไกลมากนัก ธนูที่ยิงออกไปนั้นแรงยิ่งนัก มันยิงทะลุหูซ้ายของเขาในทันที ไม่นานนักเืของเขาก็หยดลงมาเป็สาย มันช่างน่ากลัวยิ่งนัก
หยางหนิงคิดในใจว่า เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าหญิงผู้นี้ไม่น่าจะเป็คนดี ตอนนี้เห็นนางยิงหูคนได้อย่างไม่ลังเล สีหน้ายังคงเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มของความสุข หากไม่เห็นด้วยตาตัวเอง คิดไม่ออกจริงๆ ว่าหญิงสาวสวยเช่นนี้จะเหี้ยมโหดมากขนาดนี้
หูซ้ายของจ้าวยวนขาดออกเป็ชิ้น เืไหลนองไม่หยุด เ็ปทรมานยิ่งนัก เขาเอ่ยปากแช่งว่า “เ้าไม่มีทางได้เกิดใหม่แน่นอน เ้า...เ้าไม่มีทางได้เกิดใหม่แน่!”
หญิงสาวมองไปที่ธนู แล้วพูดว่า “ของชิ้นนี้ใช้ไม่ดีเลย” จากนั้นก็โยนทิ้งไป และหยิบกระบอกไม้ไผ่ที่ใหญ่เท่าหัวแม่โป้งออกมา ยิ้มแล้วพูดว่า “เ้าลองของข้าดู” จากนั้นก็อมกระบอกไม้ไผ่นั้นเข้าไป เล็งไปที่หูของจ้าวยวน “โอ๊ย” มีบางอย่างออกมาจากปากกระบอกไม้ไผ่เล็กๆ นั่น แล้วทะลุผ่านหูของจ้าวยวนไป
หญิงสาวปรบมือแล้วพูดว่า “ของของข้าดีที่สุด ข้าก็บอกพวกเ้าแล้วของของพวกเ้ามันไม่ได้เื่ ดูเหมือนจะร้ายกาจ แต่ใช้จริงไม่ได้เื่”
หยางหนิงมองไปที่ด้านหลัง เห็นคนจับงูอีกคนยืนอยู่ห่างจากเขาประมาณห้าหกก้าว จับตามองเขาอยู่ เหมือนกลัวว่าเขาจะหนีไป
หยางหนิงรู้ดีว่าหญิงผู้นี้รับมือได้ยากกว่าจ้าวยวน จะต้องหาทางหนีไปให้ได้ แต่ว่าตอนนี้คนจับงูยืนคุมอยู่อย่างนี้ อีกทั้งรอบๆ มีแต่ต้นไม้เต็มไปหมด อยากใช้ท่าเท้าท่องคลื่นหนีไปก็ไม่ได้ ทำอย่างไรถึงจะหนีไปจากคนพวกนี้ได้นะ
ที่คอของเขาถูกผึ้งพิษต่อยก่อนหน้านี้ที่รู้สึกเ็ปจะเป็จะตายนั้น ในตอนนี้ก็รู้สึกเ็ปน้อยลงแล้ว กลับคันขึ้นมาเสียอย่างนั้น ไม่รู้ว่าพิษของผึ้งนางพญามันเป็พิษอย่างไรกันแน่
เห็นจ้าวยวนดิ้นทุรนทุรายอยู่ที่พื้นอย่างทรมาน จากนั้นก็ได้ยินจ้าวยวนพูดว่า “ข้าจะตายแล้ว...หนอน...อ๊าก...เอายาถอนพิษให้ข้า เอายาถอนพิษให้ข้า...!” เห็นเขานอนดิ้นอยู่ที่พื้น ดูทรมานและเ็ปนัก
หยางหนิงคิดว่าหญิงสาวเอาหัวธนูจุ่มไปในขวด แอบคิดในใจว่านางน่าจะอาบยาพิษไว้บนลูกศรนั้น จ้าวยวนถูกธนูยิงก็น่าจะถูกพิษเข้าแล้ว
จ้าวยวนเ็ปยิ่งนัก หญิงสาวปรบมือดีใจยิ้มแล้วพูดว่า “เมื่อครู่เ้าบอกว่าร้องขอชีวิตไม่ใช่หรือ? ตอนนี้เ้ากำลังร้องขอชีวิตอยู่ เ้าชอบหรือไม่?” หันไปมองหยางหนิง แล้วถามว่า “นี่ เ้าเห็นความร้ายกาจของข้าหรือยัง?”
หยางหนิงจับมีดสั้นในมือ ฝืนยิ้มแล้วพูดว่า “เ้าอายุยังน้อย ลงมือเหี้ยมโหดเช่นนี้ ในใจของเ้าช่างชั่วร้ายนัก ใครสอนเ้ากัน?”
หญิงสาวก่อนหน้ายังยิ้มหวานๆ พอหยางหนิงตำหนิเช่นนั้น ก็นิ่งไป แล้วพูดด้วยความโกรธว่า “เ้าด่าข้าหรือ?”
“ใช่ ข้าด่าเ้า” หยางหนิงพูดอีกว่า “หรือว่าที่ข้าด่ามันไม่ใช่ความจริงเล่า?”
หญิงสาวชี้ไปที่จ้าวยวนที่ดิ้นทุรนทุรายด้วยความเ็ปที่พื้นแล้วพูดว่า “พวกเขาขู่จะฆ่าเ้าเมื่อครู่ ข้าช่วยเ้า เ้าควรจะคุกเข่าขอบคุณข้าถึงจะถูก แต่นี่เ้ากลับมาด่าข้าได้อย่างไร?”
“ความแค้นของข้ากับเขา ข้าจะจัดการเอง เ้าไม่ต้องมายุ่ง” หยางหนิงยื่นมือออกไป “เ้าเอายาถอนพิษให้ข้า ข้าจะรีบไปจากที่นี่ ข้าจะถือว่าข้าไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”
หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ มองไปที่หยางหนิง แล้วพูดว่า “เ้าบ้าหรืออย่างไร? ข้าช่วยเ้า เ้าไม่ขอบคุณข้า ชีวิตเ้าอยู่ในกำมือของข้า ยังกล้ามาออกคำสั่งกับข้าอีก เ้าเชื่อหรือไม่ข้าสามารถทำให้เ้าเป็เหมือนเขาได้?”