หลังจากเงาในอาภรณ์สีเหลืองสดใสหายไปจากประตูตำหนัก ริมฝีปากของเหลียนเซวียนก็ไม่หลงเหลือรอยยิ้มอีกต่อไป
"เฝิงหมัวมัว" นางร้องเรียกเสียงเข้ม
"เพคะ พระนาง" เฝิงหมัวมัวยกอ่างน้ำลายปักษาล้อบุปผาเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ต้วนเฟยเหยียนจุ่มมือลงไปในอ่าง ดวงหน้างามพิลาสมีแต่ความเ็า ขัดถูนิ้วมือไม่หยุด ดวงตาทั้งสองข้างฉายแววสะอิดสะเอียนเป็ที่สุด ราวกับไปแตะต้องสิ่งโสโครกน่ารังเกียจมา
เฝิงหมัวมัวอยู่ด้านข้าง หลุบสายตาไม่เอ่ยวาจา ดังเห็นจนชินตาแล้ว
ภายในตำหนักมีแต่เสียงน้ำดังอยู่พักหนึ่ง
หลังจากนั้นครึ่งเค่อ ต้วนเฟยเหยียนถึงรับผ้าแห้งมาเช็ดมือจนเป็รอยแดง
"พระนาง อันหย่วนโหวซื่อจื่อกลับมาแล้วเพคะ พระนางจะทรงพบสักหน่อยหรือไม่" เฝิงหมัวมัวเริ่มเอ่ยปาก
"อ้อ กลับมาเมื่อไรล่ะ?"
ต้วนเฟยเหยียนกลับไปนั่งบนเก้าอี้ไม้หวงฮวาหลีลายดอกเหมยกุ้ยฮวา รับสีผึ้งหยกหิมะจากสาวใช้มาทานิ้วมือเรียวขาวกระจ่างช้าๆ
"เช้าวันนี้เพคะ บอกว่ามาไม่ทันงานฉลองของพระนางจึงตั้งใจมาขอขมาโดยเฉพาะ" เฝิงหมัวมัวสังเกตสีหน้าของหวงกุ้ยเฟย ก่อนจะช่วยพูดแทนซ่งจิ่งซี
"อืม... เด็กคนนี้ช่างมีน้ำใจ ให้เขากับหนิงซีเข้าวังพร้อมกันพรุ่งนี้เถอะ"
ต้วนเฟยเหยียนค่อยๆ ทาอย่างพิถีพิถันจนถ้วนทั่วทุกนิ้วมือ
"เพคะ พระนาง" เฝิงหมัวมัวมองซ้ายมองขวา แล้วโบกมือไล่สาวใช้ในตำหนักทั้งหมดออกไป ก่อนจะเข้ามาใกล้อย่างระมัดระวัง
"พระนาง องค์ชายเจ็ดทรงมิได้เคลือบแคลงสงสัยใช่ไหมเพคะ"
มือที่ทำสีผึ้งอยู่ชะงักไปชั่วขณะ สายตาเปลี่ยนแววเป็อำมหิต
"รู้อย่างนี้ควรจะเอาชีวิตเขาั้แ่แรก"
ทุกคราที่เห็นใบหน้าละม้ายอู่เซวียนตี้ ความอัปยศและความเคียดแค้นชิงชังก็เหมือนจะเจาะทะลุไปถึงไขกระดูก
"เป็ใครก็ไม่คาดคิดหรอกเพคะ ว่าเขาจะสามารถรอดชีวิตทั้งที่ต้องพิษจากสำนักอิ่นเหมินภายใต้สถานการณ์ัดินพลิกกายเยี่ยงนั้น" เฝิงหมัวมัวเม้มริมฝีปาก ไม่เพียงแต่หนีรอดไปได้ แม้แต่พิษก็ยังถอนได้แล้ว
"ล้วนเป็เพราะพวกเ้าทั้งนั้น ตอนเขาเกิด ข้าจะบีบคอให้ตายๆ ไปเสีย พวกเ้าก็เพียรแต่เข้ามาขัดขวาง" ต้วนเฟยเหยียนโกรธจัด
เฝิงหมัวมัวถอนใจเอ่ยว่า "พระนาง สถานการณ์ตอนนั้นไม่เอื้ออำนวย พวกเราเพิ่งแพ้ศึก ้าองค์ชายมาช่วยบรรเทาความตึงเครียดของสองแคว้น
"แล้วอย่างไรเล่า เสด็จพ่อยอมยกหัวเมืองให้เป็การชดเชย ยอมก้มหัวถวายบรรณาการ แล้วยังส่งธิดาคนโปรดมาให้ถึงมือศัตรู แล้วผลเป็อย่างไร เพียงไม่กี่ปีก็ยังถูกคนลากลงจากตำแหน่งฮ่องเต้อยู่ดี" ต้วนเฟยเหยียนหัวเราะเหยียดหยัน ตนเองได้รับความอัปยศอดสูอย่างใหญ่หลวง ไม่มีใครออกหน้าเพื่อนางสักคน เพื่อปกป้องตำแหน่งฮ่องเต้ ถึงกับส่งนางมาให้บุรุษที่เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของนาง
ซีฉีผลัดเปลี่ยนราชวงศ์ใหม่ นางเ็ปเจียนตาย ร้องไห้อ้อนวอนพวกเขา แต่กลับมิอาจแลกความเวทนาสงสารแม้แต่น้อย ยังคงถูกส่งออกมาเป็ของขวัญบรรณาการ
เฝิงหมัวมัวไม่กล้าพูดมาก หลายปีมานี้ความแค้นของต้วนเฟยเหยียนยิ่งสะสมมากขึ้น นับวันอารมณ์ก็ยิ่งเกรี้ยวกราด เมื่อเดือนก่อนก็โบยสาวใช้ที่มีหน้าที่ทำความสะอาดคนหนึ่งจนตายด้วยเื่เล็กน้อย บ่าวาุโที่ติดตามรับใช้อย่างพวกนางก็ไม่กล้าเอ่ยวาจาโดยประมาท
"ครั้งหน้ายามชายาองค์ชายหกเข้าวัง ให้นางมาพบข้า" ต้วนเฟยเหยียนดวงตาเย็นะเื เ้าเจ็ดกลับมา คนที่สมควรขวัญผวาหาได้มีแค่ตนเองเพียงคนเดียว
"อ๋องะเิ! [1] ข้าชนะแล้ว"
"ปัดโธ่เอ๊ย ทำไมเ้าชนะอีกแล้วล่ะ"
เสียงเอะอะโวยวายดังขรมไปทั่วรถม้าคันใหญ่
"ฮ่าๆ แพ้แล้วอย่าพาล รีบติดแถบกระดาษเข้าไปซะ" ผูหยางชิงหลันลำพองใจยิ่ง ชี้ให้หงโฉวเอาแถบกระดาษขาวติดไปบนใบหน้าของผู้แพ้ทั้งสอง
หงโฉวเม้มริมฝีปากหัวเราะเบาๆ ก่อนจะปะกระดาษลงไปบนใบหน้าที่ฉายแววสับสนของเซวียเสี่ยวหรั่นกับท่านหญิงหย่งเจีย
เซวียเสี่ยวหรั่นถูกปะกระดาษเต็มหน้าจนเหลือแค่ดวงตาอย่างเดียวแล้ว
ส่วนท่านหญิงหย่งเจียดีกว่าหน่อย ทว่าบนใบหน้าก็มีแถบกระดาษติดอยู่ไม่น้อย
ใบหน้าของผูหยางชิงหลันกลับมีแถบกระดาษติดอยู่เพียงสามแผ่น แต่นั่นก็เกิดจากเธอกับท่านหญิงหย่งเจียร่วมมือกันถึงจะทำให้เขาติดลงไปได้
เซวียเสี่ยวหรั่นถลึงตาใส่ผูหยางชิงหลันอย่างอารมณ์เสีย หมอนี่ไม่เป็สุภาพบุรุษเอาเสียเลย
"พวกเราเปลี่ยนวิธีเล่นกันเถอะ ไม่เล่นโต่วตี้จู่ [2] แล้ว มาเล่นพันแต้ม [3] กันดีกว่า ให้เฟิงหยางมาเล่นด้วย"
คนกลุ่มนี้แต่ละคนล้วนสติปัญญาเป็เลิศ เซวียเสี่ยวหรั่นเบะปาก มุมปากที่แปะกระดาษสีขาวกระตุกตามเป็พักๆ
่เริ่มต้นระหว่างที่ทำความคุ้นเคยกับกฎเกณฑ์ เธอยังพอได้เปรียบอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เล่า ขนาดเล่นโต่วตี้จู่ คนที่พ่ายแพ้จนน่าเวทนาที่สุดกลับเปลี่ยนมาเป็เธอเสียเอง
"พันแต้มก็ยังต้องนับแต้ม ยุ่งยากพอกันนั่นแหละ" ท่านหญิงหย่งเจียปรายตาไปที่ใบหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องของผูหยางชิงหลัน
เซวียเสี่ยวหรั่นได้ยินเช่นนั้น ดวงตาก็โค้งขึ้นอย่างอดไม่ได้ พวกเขาเฉลียวฉลาดไม่ผิด แต่ก็ยังมีสิ่งที่ไม่ถนัด ยกตัวอย่างเช่นเลขคณิต เพราะไม่ได้เรียนเลขอารบิก การนับพันแต้มก็เป็เื่หืดขึ้นคอจริงๆ
ขนาดผูหยางชิงหลันซึ่งดีกว่าหน่อย ยังต้องหาลูกคิดมาดีดคำนวณ
เธอใช้เวลาเพียงครู่เดียวก็คำนวณได้แล้ว แต่เขายังต้องดีดลูกคิดต๊อกแต๊กถึงจะคำนวณได้
เล่นกันเพียงสามตา ความสามารถในการคำนวณของทุกคนก็ดีขึ้นจนน่าใ
เซวียเสี่ยวหรั่นย่อมจะยกความดีความชอบไปให้คุณปู่ของตนเองเหมือนเคย
ผูหยางชิงหลันชื่นชมบุคคลในตำนานผู้มีความสามารถดังกระแสน้ำเชี่ยวกรากผู้นี้เป็อย่างมาก
"นับแต้มไม่กลัว กลัวแต่ไพ่ถือในมือเยอะเกินไป อากาศร้อนจัด วันเดียวไพ่ทั้งชุดก็พังหมดแล้ว"
ผูหยางชิงหลันห่วงเื่นี้มากกว่า
ท่านหญิงหย่งเจียเห็นเขารับคำพูดของนาง ดวงตาก็ฉายแววยิ้มเจิดจรัส "ไม่เป็ไร ข้าให้ลวี่จิ่นเตรียมตัดไพ่กระดาษสำรองไว้แล้ว เสียก็เปลี่ยนใหม่ได้"
ผูหยางชิงหลันตวัดสายตามาที่นางปราดหนึ่ง แล้วไม่เอ่ยอะไรอีก
"เช่นนั้นก็เล่นพันแต้มแล้วกัน ญาติผู้พี่เล่นโต่วตี้จู่เขี้ยวเกินไป โอกาสหน้าให้เหลียนเซวียนเล่นกับเขาเถอะ ท่านว่าถึงตอนนั้น ระหว่างพวกท่านใครจะแพ้ใครจะชนะ?"
เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มพราย ให้พวกเขาศิษย์พี่ศิษย์น้องสู้กันเอง ดูซิว่าใครจะร้ายกาจกว่ากัน
ผูหยางชิงหลันดวงตาสว่างวาบ เอ่ยอย่างมั่นใจ "ต้องเป็ข้าชนะอยู่แล้ว"
"ฮ่าๆ จะล้างตารอชม" เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะเสียงดัง แต่เธอกลับเชื่อมั่นในตัวเหลียนเซวียนมากกว่า
"เ้าไม่รู้อะไร เสี่ยวชีน่ะ ฉลาดก็ว่าฉลาดอยู่ แต่ถ้าเป็เื่ที่เขาไม่ชอบ ก็จะไม่ตั้งใจศึกษา ก็เหมือนอย่างวิชาแพทย์อย่างไร เห็นอยู่ว่าร่ำเรียนมาจากอาจารย์คนเดียวกัน เขากลับเรียนได้แค่ผิวเผิน" ผูหยางชิงหลันโบกมือ
"ของเล่นไร้ฆ่าเวลาพรรค์นี้ เขาไม่เห็นอยู่ในสายตาหรอก"
เซวียเสี่ยวหรั่นเลิกคิ้ว รู้สึกว่าคำพูดของเขาก็มีเหตุผล "เช่นนั้น หากพวกท่านเล่นหมากล้อม ใครจะเก่งกว่ากันล่ะ"
อักษรภาพวาด เหลียนเซวียนล้วนยอดเยี่ยม คิดว่าเื่พิณหมากก็คงไม่ด้อยกระมัง
ผูหยางชิงหลันหนังตากระตุก จดจ้องมาที่นางด้วยแววตาดำทะมึน แม่นางผู้นี้กาไหนน้ำไม่เดือดเพียรแต่จะมาหิ้วกานั้น [4] ยังอยากจะเป็ญาติผู้น้องของเขาอยู่หรือไม่
...
[1] เป็สำนวนทางอินเทอร์เน็ต หมายถึงคนที่ทำตัวเงียบมาโดยตลอด แต่สามารถเอาชนะผู้อื่นแบบขาดลอย อย่างที่ไม่มีใครสามารถตามทัน แต่ในทางไพ่คือจับได้ไพ่แจ็คคู่กับคิงซึ่งมีแต้มสูงสุด
[2] โต่วตี้จู่ หรือชิงแลนด์ลอร์ด เป็เกมไพ่ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศจีน ในเกมจะแบ่งผู้เล่นออกเป็สองฝ่าย คือเ้าของที่หนึ่งคน และชาวนาอีกสองคน ชาวนาสองคนต้องร่วมมือกันเอาชนะเ้าของที่ดินให้ได้ เ้าของที่ดินจะมีสิทธิ์ได้ออกไพ่ก่อน และได้ไพ่มากกว่าชาวนา 3 ใบ ไม่ว่าผู้เล่นจะเป็ชาวนาหรือเ้าของที่ดิน ฝ่ายที่ไพ่ในมือหมดก่อนจะเป็ผู้ชนะ
[3] พันแต้ม เป็เกมไพ่พิเศษของเมืองผิงเซียง เขตเจียงซี ซึ่งเล่นง่ายไม่ต้องใช้สมองมากนัก เป็ที่นิยมในหมู่วัยรุ่น
[4] หมายถึงการพูดถึงสิ่งไม่สมควรพูด
