“เฮ้ย! ชอบเอาผู้หญิงเว้ย!” เขาเผลอเสียงดังใส่ แต่อีกฝ่ายกลับไม่มีท่าทีกลัวเลยสักนิด “ฉันไม่อยากแต่งงานกับแม่ชี ยังไงช่วยเล่นละครหน่อยได้ไหม ฉันจ้าง ไม่ได้ให้ทำงานฟรีๆ หรอก”
บัวชมพูพยักหน้าเข้าใจ ทำไมจะไม่รู้ว่าเขาไม่ใช่เกย์ ผู้หญิงขึ้นเตียงแทบไม่ซ้ำหน้า แค่ล้อเขาเล่นเท่านั้น
“ค่าแรงเท่าไหร่คะ”
อลังการถอนหายใจเบาๆ “อาปกรณ์มาคุยงานกับลูกค้าเลยแวะมาหาฉัน คงอยู่ไม่เกินสัปดาห์หนึ่ง ยังไงฉันจ่ายให้ เอ่อ...”
เท่าไหร่ดีวะ? ปกติเคยแต่จ่ายค่าตัวผู้หญิงขึ้นเตียง
บัวชมพูยกนิ้วชูสามนิ้ว อลังการขึงตาใส่ ยัยเด็กคนนี้เป็อะไรชอบชูสามนิ้วตลอด นี่คงไม่ได้มาชวนคุยเื่การเมืองหรอกนะ!
“สามหมื่นค่ะ”
“หา! เกินไป!”
“งั้นคุณใหญ่ก็ไปหาคนอื่นเป็เมียสิคะ”
บัวชมพูยักไหล่ แล้วเบี่ยงตัวจะเดินออกมา แต่อลังการขยับเท้าขวางไว้ก่อน เห็นทีทางเลือกจะมีไม่มากแล้ว เพราะเมื่อครู่ก็หลุดปากบอกอาปกรณ์ว่าบัวชมพูเป็เมียไปแล้ว
“สามหมื่นก็สามหมื่น!”
หญิงสาวยิ้มกว้าง “จ่ายค่าแรงก่อนค่ะ รับจ่ายหมดไม่แบ่งจ่าย โอนเงินเข้าบัญชีพร้อมเพย์ได้ค่ะ แล้วหนูขอกลับบ้านไปดูแลแม่ก่อน ถ้าคุณใหญ่อยากให้หนูไปกินข้าวด้วยก็โทรเรียกหนูได้เลยค่ะ”
บัวชมพูล้วงมือไปหยิบสมุดโน้ตมาจดหมายเลขบัญชีพร้อมกับเบอร์ติดต่อเธอส่งให้เขา อลังการกัดฟันกรอดๆ แต่หญิงสาวกลับยิ้มทะเล้น
“ยินดีที่ได้ร่วมงานค่ะ คุณใหญ่”
หญิงสาวปั่นจักรยานกลับมาบ้านเช่า แม่ยังคงหลับพักผ่อนอยู่ นับวันร่างกายยิ่งดูอ่อนแอลงมาก รุ่งรวีกำลังเตรียมเครื่องผัดไทเพื่อไปขายที่ตลาด บัวชมพูล้างมือแล้วเข้าไปช่วยหั่นหัวปลีแช่น้ำเกลือไม่ให้ดำ เธอลอบมองไปยังเตียงที่แม่หลับอยู่แล้วเอียงตัวเข้าใกล้รุ่งรวี กระซิบพูดเสียงเบา
“น้ารวีค่ะ หนูมีเื่ขอร้องให้น้าช่วย”
“เื่อะไร มีอะไรว่ามาได้เลย”
“เื่ที่หนูบอกน้า น้าอย่าให้แม่รู้นะคะ”
คราวนี้รุ่งรวีนิ่งไปอึดใจก่อนพยักหน้ายอมรับ บัวชมพูสูดลมหายใจลึกแล้วค่อยพูดออกมา
“หนูจะไปทำงานพิเศษกับคุณใหญ่ค่ะ”
“งานพิเศษ? งานอะไร” ยิ่งไม่อยากให้ยุ่งเกี่ยว ก็มีเื่ให้เกี่ยวพัน “ถ้าเป็ห่วงเื่เงินก็ไม่ต้องคิดมาก น้ายังพอไหว หนูบัวต้องใช้เงินเท่าไหร่ น้าเอารถไปเข้าไฟแนลให้เอง”
บัวชมพูรู้สึกแสบจมูกขึ้นมา เธอไม่มีพ่อมาคอยใส่ใจ แต่กับรุ่งรวีแล้วราวกับคนในครอบครัวกันจริงๆ แม่ของเธอล้มป่วยก็ไม่เคยทอดทิ้ง คอยดูแลอยู่ใกล้ๆ เธอที่เป็ลูกยังทำหน้าที่ลูกที่ดีไม่ได้เลย
“หนูรับปากคุณใหญ่ไปแล้วค่ะ”
“งานอะไร” รุ่งรวีถามเสียงเบา เห็นสีหน้าลำบากใจของลูกสาวของคนรักแล้วก็พูดไม่ออก “หนูบัวไม่ใช่เด็กเล็กๆ คิดอะไรเองได้แล้ว ตัดสินใจทำอะไรแล้วก็ทำเถอะ เราเป็ผู้หญิงยังไงก็เสียเปรียบผู้ชาย อะไรที่ป้องกันตัวเองได้ก็ต้องป้องกัน แต่ถ้าเกิดเื่อะไรขึ้นมาก็ขอให้รู้ว่ายังมีน้ากับแม่อยู่ หนูไม่ได้ตัวคนเดียวในโลก จำเื่นี้ไว้ให้ดี”
น้ำใสๆ เอ่อคลอดวงตาขึ้นมา บัวชมพูถึงกับพูดไม่ออกได้แต่พยักหน้ารับ ถึงแม้ชีวิตเธอจะพบเจอความยากลำบากมามาก เธอรู้ว่าแม่รู้สึกผิดและคิดว่าตัวเองเป็ต้นเหตุทำให้เธอต้องลำบาก แต่เธอก็เข้าใจเื่ของผู้ใหญ่ หากให้แม่ต้องทนอยู่กับพ่อที่ไม่เหลือความรักใดๆ ให้แล้ว มีแต่จะเ็ปยิ่งกว่าเก่า การเดินออกมาอย่างนี้นับว่าเป็หนทางที่ดีแล้ว ส่วนเธอนั้น แค่มีคนที่เข้าใจและพร้อมเคียงข้างไม่ซ้ำเติม แค่นี้ก็นับว่าดีมากพอแล้ว
“ขอบคุณน้ารวีมากค่ะ”
“อย่าคิดมาก” อยากจะเอื้อมมือไปลูบผมปลอบโยน แต่มือก็ไม่ว่าง ทั้งสองมองตากันแล้วก็เข้าใจโดยไม่ต้องพูด ทำให้หัวเราะคิกคักออกมา
สารภีได้ยินเสียงหัวเราะจึงขยับตัวตื่น ยันกายลุกขึ้นมานั่งแล้วมองแผ่นหลังของลูกสาวและคนรักที่ยืนหั่นผักเตรียมของไปเปิดร้าน
“กลับมาแล้วเหรอลูกบัว”
“ค่ะแม่” บัวชมพูขานรับแล้วเดินไปล้างมือก่อนจะเดินไปหาแม่ ช่วยพยุ่งแม่ขึ้นมานั่งเอนหลังพิงหมอนใบใหญ่
“คุณใหญ่ว่าอะไรหรือเปล่าลูก”
บัวชมพูนิ่งไปเล็กน้อยแล้วส่ายหน้าก่อนจะยิ้มให้ “คุณใหญ่เห็นหนูทำงานดี พอดีที่บ้านมีจากกรุงเทพฯมาเยี่ยม เลยจะจ้างหนูไปทำงานที่บ้านคุณใหญ่เป็แม่บ้านสักระยะหนึ่งค่ะ”
“จะดีเหรอลูก ทำงานแบบไปกลับแม่ก็เป็ห่วงมากพออยู่แล้ว ถ้าไปอยู่บ้านเขาเลย แม่ยิ่งเป็ห่วง”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คุณใหญ่ใจดีและเป็ผู้ใหญ่ ไม่ทำอะไรหนูหรอก” บัวชมพูหัวเราะคิกคัก นึกถึงสีหน้าอับจนหนทางจนต้องคว้าเธอมาเป็เมียกำมะลอแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้จริงๆ
“รวีช่วยพูดกับหนูบัวหน่อยสิ” คนเป็แม่อ่อนใจแล้วหันไปขอความช่วยเหลือจากรุ่งรวี
“โตแล้ว คิดเองได้แล้ว” รุ่งรวีเองแม้จะเป็ห่วง แต่กลัวว่ายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ถ้าหนีเตลิดไปเลยควกู่ไม่กลับ เอาเถอะ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
“่นี้หนูว่าง อีกเดี๋ยวก็คงได้กลับไปเรียนตามปกติแล้ว คงไม่ได้ช่วยแม่กับน้ารวี “สภาพเศรษฐกิจแบบนี้ มีอะไรทำได้ก็ทำไปก่อน อีกอย่างไม่ใช่งานผิดกฎหมาย หนูไม่อายหรอกค่ะ”
“แต่ว่า...”
“จริงอย่างที่หนูบัวว่า เศรษฐกิจแบบนี้ขายของยาก คนตกงานเยอะ งานสุจริตก็ทำไปเถิด เป็แม่บ้านไม่ได้น่าอายตรงไหนนี่”
สารภีอยากพูดเื่ที่เธอกังวล แต่พอเห็นลูกสาวยืนยันอย่างนี้แล้วไม่กล้าพูดอะไรออกไป บัวชมพูเดินไปรินน้ำดื่มให้แม่เป็จังหวะเดียวกับเสียงข้อความเข้ามา เธอกดดูแล้วเห็นยอดเงินเข้ามาจำนวนสามหมื่นบาท อันที่จริง เธอไม่คิดจะเรียกค่าตัวเยอะขนาดนี้ แต่ก็นั้นแหละ เธอไม่รู้ว่างานของเธอจะต้องทำอะไรบ้าง เธอตั้งใจจะไม่บอกเื่เงินนี้กับแม่และน้ารุ่งรวี เผื่อเกิดเื่ที่เธอไม่คาดคิดจะได้ไม่ทำให้แม่กับน้ารุ่งรวีต้องลำบากใจ ครู่ต่อมาเสียงมือถือของเธอก็ดังขึ้น บัวชมพูเดินหลบออกมาหน้าบ้านแล้วรับสาย
“สวัสดีค่ะ”
“อืม ฉันเอง”
“ค่ะ” เธอเบ้ปากใส่มือถือของตัวเอง
“โอนเงินแล้ว เช็กยอดด้วย”
“ได้รับเรียบร้อยค่ะ ขอบคุณค่ะ”
“พรุ่งนี้ห้าโมงเย็นมาหาที่บ้าน มาก่อนเวลานิดหนึ่งก็ดี เราต้องคุยรายละเอียดกัน”
“เข้าใจแล้วค่ะ แล้วหนูต้องเอาเสื้อผ้าไปอยู่บ้านคุณใหญ่เลยไหมคะ”
