ความจริงแล้วก็เพราะว่าสวี่ตี้อยู่กับสวี่เหราที่เหอซีมาตลอด จะไปกลับระหว่างเมืองหลวงกับชายแดนก็ไม่สะดวก บวกกับที่เหอซีสวี่ตี้ก็มีเื่ต้องให้ทำมากมาย ถ้าหากสะดวกสวี่ตี้ก็คงจะมาสอบถงเชิงในระดับอำเภอไปนานแล้ว
เพราะว่าคืนนั้นจางจ้าวฉือไปเรือนฮูหยินผู้เฒ่าแล้วเจอกับหนิงซื่อ ในใจก็รู้สึกหวั่นๆ ถึงแม้จะไม่ได้ทำเื่ไม่ดีด้วยตนเอง แต่ว่าตนเองไปเจอเื่ไม่ดีของคนอื่นแล้วนี่นา ตอนที่นางไปพูดกับแม่นมลู่ แม่นมลู่ก็บอกว่า “ไม่ใช่เ้าที่ทำผิดเสียหน่อย เ้าจะไปรู้สึกผิดทำไม? ข้าว่าหากเ้ารู้สึกว่าตัวเองมีเวลาให้คิดเพ้อเจ้อ ก็ไปเตรียมของที่สามารถกินได้ให้สวี่ตี้กินตอนไปสอบเถิด”
จางจ้าวฉือเอ่ย “ไม่รู้ว่าตี้เกอของพวกเราจะสอบเป็อย่างไรบ้าง ข้าได้ยินมาว่าถ้าหากสอบได้ที่หนึ่งก็ไม่ต้องเข้าสอบระดับเซียงซื่อแล้วเป็จวี่เหรินได้เลย”
แม่นมลู่เอ่ย “ที่ไหนจะมีเื่ดีเช่นนี้ ถึงแม้จะสอบได้ที่หนึ่งแล้วก็ต้องสอบต่อ”
จางจ้าวฉือฟังแล้วก็เอ่ย “ไม่ใช่หรือ? เหตุใดข้าถึงจำได้เช่นนี้ล่ะ?” จางจ้าวฉือรีบไปถามสวี่ตี้ ซึ่งคนถูกถามก็ถอนหายใจ “ท่านแม่ ไม่มีเื่แบบนั้นหรอกขอรับ หากมีเื่เช่นนี้จริงๆ เช่นนั้น พวกสอบยิบๆ ย่อยๆ นั้นมาจากไหน? ท่านวางใจแล้วไปทำของเตรียมตัวสอบให้ข้า รอข้าสอบผ่านถงเซิงระดับอำเภอแล้ว ก็ค่อยไปสอบระดับเซียงซื่อขอรับ”
จางจ้าวฉือเอ่ย “ต่อมาไม่ใช่ว่ายังมีสอบขุนนางระดับฮุ่ยซื่ออยู่หรือ? นั่นยากหรือไม่?"
สวี่ตี้เอ่ย “การต่อสู้แย่งชิงกันดุเดือดขนาดนี้ ท่านว่ายากหรือไม่? แต่ว่าข้าคิดว่าข้ายังสามารถทำได้ รอข้าสอบผ่านก่อน พวกเราก็กลับไปที่เหอซี ข้าอยู่ที่นี่พอแล้ว มองไปทางไหนก็ไม่เข้ากับความ้าของข้า”
จางจ้าวฉือเอ่ย “ไม่รู้ว่าตอนนี้พ่อของเ้าเป็อย่างไรบ้าง พวกเราทิ้งเขาอยู่ที่เหอซีคนเดียว แต่กลับไม่มีใครอยู่กับเขาเลยสักคน”
สวี่ตี้เอ่ย “มีคนอาหาร มีคนซักผ้าทำความสะอาด ท่านว่าเขาจะชีวิตอย่างไร?”
จางจ้าวฉือเอ่ย “ช่างเถิดๆ เ้ารีบไปอ่านหนังสือไป ข้าจะไปดูว่าจะต้องเตรียมอะไรให้เ้า ได้ยินมาว่าครั้งนี้ไม่ได้สอบที่สำนัก แต่ไปที่สนามสอบโดยเฉพาะนี่”
จางจ้าวฉืออยู่ที่นี่ก็กำลังวุ่นวายกับการสอบของสวี่ตี้ ทางด้านหนิงซื่อกำลังวุ่นวายกับสินเดิมสวี่เกา
หนิงซื่อตอนที่ลูกสาวยังเด็กก็เริ่มที่จะเก็บเงินสินเดิม แต่ว่าการเงินของจวนหย่งหนิงโหวไม่ได้มากมายขนาดนั้น แม้ว่าหนิงซื่อจะเป็คนที่ฉลาดมีความสามารถ มีไหวพริบ นางก็มักจะทำเื่ให้ประสบความสำเร็จให้ได้แม้จะยากก็ตาม
มองรายการสินเดิมที่ยังน้อยอยู่สักหน่อยหนิงซื่อก็ถอนหายใจ พูดกับพ่อบ้านแม่นมที่อยู่ข้างกายว่า “คุณหนูใหญ่ของพวกเรานำของพวกนี้แต่งเข้าจวนป๋อไป ก็ออกจะน้อยไปสักหน่อย”
แม่นมเอ่ย “ฮูหยินใหญ่เ้าคะ ด้านหลังคุณหนูใหญ่ก็ยังมีคุณหนูอยู่อีกแปดคน พวกเราเตรียมสินเดิมให้คุณหนูใหญ่มากมายแล้ว เหล่าคุณหนูคนต่อไปจะทำเช่นไร? จวนเตรียมเงินสินเดิมให้กับคุณหนูทุกคนไว้แปดพันตำลึง นอกจากพวกเราจะซื้อของแล้ว ก็ยังทำเป็ตั๋วเงินให้คุณหนูใหญ่เอาไปถือไว้ถึงจะดีกว่าเ้าค่ะ”
หนิงซื่อเอ่ย “ข้ารู้ การใช้ชีวิตก็ต้องทำเช่นนี้ แต่ว่าข้าไม่สามารถให้คนมาหัวเราะเยาะลูกสาวคนโตของข้าได้ ลูกสาวคนโตเป็ข้ากับซื่อจื่อเลี้ยงมาเองจนโต เพื่อลูกสาวของข้าแล้ว ข้าทุ่มเทในการชี้แนะ เพื่อให้นางสามารถหาครอบครัวสามีที่ดี ไม่ถูกคนหัวเราะเยาะ”
แม่นมถอนหายใจในใจ ฮูหยินซื่อจื่อผู้นี้ เื่อื่นๆ นั้นดีทุกอย่าง พอถึงเื่สินเดิมของคุณหนูใหญ่นี่แหละถึงได้เลอะเลือน หลายวันก่อนก็ไปขอของจากฮูหยินผู้เฒ่า ก็โชคดีที่เรือนอื่นๆ ในจวนยังไม่รู้ หากคนอื่นรู้เข้า คาดว่าจะเกิดเื่ใหญ่ ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ใช่มีหลานของฮูหยินซื่อจื่อเพียงคนเดียว แล้วก็ไม่ได้เป็คุณหนูใหญ่ที่เป็หลานคนเดียว
แม่นมหลี่เอ่ย “ฮูหยินเ้าคะ ดูจากที่ท่านพูดแล้ว พวกเรายังต้องมีสินเดิมที่มีประโยชน์ใช้ได้จริงถึงจะดีกว่านะเ้าคะ พวกเราอย่าไปดูคนอื่น มองแค่ฮูหยินสาม...”
แม่นมยังพูดไม่ทันจบ หนิงซื่อก็โบกมือ “แม่นม พวกเราไม่สามารถให้คุณหนูใหญ่ทำตามสะใภ้ของเหล่าสามได้ คุณหนูใหญ่เติบโตในจวนโหว สะใภ้ของเหล่าสามล่ะ? เพียงแค่เกิดในชาติตระกูลสูงส่งเท่านั้น”
ความจริงแล้วเหล่าคนใช้ในจวนต่างรู้สึกว่าฮูหยินสามใช้ชีวิตสบายๆ คนอื่นเห็นนางปกติแล้วไม่เปิดเผยออกมา แท้จริงแล้วคนในเรือนฮูหยินสามนั้นมีเงินมาก ของที่ฮูหยินสามใช้เวลาปกตินั้นก็ดีมาก คนอื่นหากไม่มีเงิน ความกล้าไม่พอ จะใช้ของพวกนั้นได้อย่างไร?
ใช้ชีวิตก็ใช้อย่างสบายใจมั่งคง เื่เบื้องหน้าพวกนั้นทำมากเข้า ชีวิตก็จะว่างเปล่า
หนิงซื่อเอ่ย “แม่นม เ้าว่าข้าไปปรึกษากับฮูหยินผู้เฒ่าอีกรอบดีหรือไม่?”
แม่นมคนนั้นรีบห้ามเอาไว้ “ฮูหยินเ้าคะ เื่นี้โหวเย่กับซื่อจื่อต่างไม่รู้ หากพวกเขารู้เข้า ผลที่ตามมาจะเป็เช่นไร? ท่านจะต้องคิดทบทวนให้ดีๆ นะเ้าคะ”
หนิงซื่อเอ่ย “แต่ว่านี่คือลูกคนโตของข้านะ เื่แต่งงานของลูกสาวคนโตจะต้องไม่ให้คนมาดูถูกหัวเราะเยาะถึงจะดีนะ”
หนิงซื่องุ่นง่านใจอยู่ตรงนี้ สวี่เกาเองก็กำลังงุ่นง่านใจอยู่ในเรือนของตนเองเช่นกัน
บนโลกใบนี้ไม่มีกำแพงใดที่ไม่มีลมพัดผ่าน สวี่เการู้เื่ที่หนิงซื่อไปหาฮูหยินผู้เฒ่าเพื่อขอของแล้ว ความจริงแล้วเป็ฮูหยินผู้เฒ่าที่แอบบอกกับสวี่เกา เพื่อจะดูว่าสวี่เกาจะจัดการอย่างไร คนที่จะเป็ฮูหยินเอกในอนาคต ไม่เพียงจะมีกลวิธี จิตใจ รูปแบบ การรับผิดชอบก็ต้องมี
หลังจากสวี่เกาฟังสาวใช้ข้างกายแอบบอกกับตนเองเื่นี้ ก็รู้สึกเหมือนถูกคนมาตบหน้า ทั้งแสบ ทั้งแดง แต่ต้องอดกลั้นอารมณ์โกรธเอาไว้ แล้วอยู่ในห้องปักผ้าอยู่ครึ่งวัน นางอยากจะไปถามท่านแม่ แต่ก็คิดได้ว่ามารดาของตนเองทำก็เพื่อนางถึงได้ทำเื่น่าขายหน้าเช่นนี้ ตนเองไม่มีเหตุผลไปตำหนินาง แต่ว่าหากไม่ไปถาม สวี่เกาก็รู้สึกว่าไม่ควร
เมื่อทานข้าวเย็นเสร็จแล้ว สวี่เกาก็นั่งอยู่ในห้องของตัวเองครู่หนึ่ง คิดหน้าคิดหลัง สุดท้ายก็ยืนขึ้น แล้วพาสาวใช้คนหนึ่งของตนเองไปที่เรือนของหนิงซื่อ
คืนนี้ซื่อจื่อไม่ได้พักอยู่ในเรือนของหนิงซื่อ ไปพักอยู่ที่เรือนของอนุที่อยู่ด้านข้าง สวี่เวยซื่อจื่อมีอนุสองคน เดิมทีเป็สาวใช้ข้างห้องหนึ่งคน หลังจากที่หนิงซื่อแต่งงานเข้ามาแล้ว ก็เป็แม่แรงเปลี่ยนให้เป็อนุ แต่ว่าก็ไม่ใช่อนุที่แต่งเข้ามา ได้มาเพียงสถานะเท่านั้น สัญญาขายตนเองยังอยู่ในมือของหนิงซื่อ
เห็นสวี่เกามาแล้ว หนิงซื่อก็รีบพานางมานั่งบนตั่งริมหน้าต่างของตนเอง แล้วสั่งให้แม่นมหลี่ไปยกส้มมา
หนิงซื่อมองลูกสาวของตนเองที่อายุสิบหกปีแล้ว รูปร่างสูงเพรียว ได้ข้อดีของตนเองกับซื่อจื่อมา ถึงแม้จะไม่ใช่สตรีที่หน้าตางดงามล่มเมือง แต่ในบรรดาหญิงงามในเมืองหลวง ก็ถือว่าเป็คนที่ค่อนข้างโดดเด่น
หนิงซื่อเอ่ย “ปักชุดแต่งงานเป็อย่างไรแล้ว? อย่าเอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในเรือนนะ เ้าจะต้องออกมาเดินด้านอกด้วย รองเท้าที่เอาไว้ใช้ยอมรับสะใภ้ทำให้กับฮูหยินผู้เฒ่ากับป๋อเย่และป๋อฮูหยินก็พอ อย่าให้คนใช้เป็คนทำ อีกฝ่ายใส่ใจกับรองเท้าว่าเ้าทำเองหรือไม่?”
เ้าสาวแต่งงานใหม่วันที่สองจะต้องไปเจอกับคนในครอบครัวสามี ในพิธีการเจอหน้าปกติจะให้ของขวัญเป็รองเท้า ครอบครัวเล็กๆ จะทำรองเท้าหลายคู่ให้กับพ่อสามี น้า อา พวกครอบครัวร่ำรวยสกุลใหญ่ ปกติแล้วจะทำรองเท้าให้กับคนในจวนสองคู่ อย่างอื่นจะให้คนใช้ช่วยทำ ครอบครัวสามีคนมากขนาดนั้น หากทำให้คนละคู่ เช่นนั้นจะต้องทำเท่าไหร่?
สวี่เกาพยักหน้ารับ หนิงซื่อมองท่าทางของสวี่เกาก็ถามออกมาด้วยความระมัดระวัง “เ้าเป็อะไรไปหรือ? เกิดอะไรขึ้นหรือไม่?”
สวี่เกาเงยหน้าขึ้นพูดด้วยท่าทางลำบากใจมาก “ท่านแม่ สินเดิมของข้ามีปัญหาอะไรใช่หรือไม่เ้าคะ?”
หนิงซื่อเอ่ย “ไม่มีนี่ สินเดิมของเ้าไม่มีปัญหาอะไรนะ เหตุใดเ้าถึงถามเช่นนี้หรือลูก?” หลังจากที่หนิงซื่อพูดจบก็คิดอะไรขึ้นมาได้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปขาวซีด แล้วดึงมือของสวี่เกา พลางถามด้วยความร้อนใจ “เกาเอ๋อร์ เ้าไปได้ยินอะไรมาใช่หรือไม่?”
สีหน้าของสวี่เกาก็ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ “ท่านแม่ ข้าไม่อยากจะให้ท่านได้รับความลำบากใจ” พูดถึงตรงนี้ สวี่เกาก็ก้มหน้าลง สายธารในดวงตาก็พลันไหลออกมา
หนิงซื่อเห็นลูกสาวของตนเองเป็เช่นนี้ ก็รีบคว้าสวี่เกาเข้ามากอดในอ้อมกอด “เด็กดี แม่ไม่ได้ลำบากใจ แม่แค่คิดว่าของฮูหยินผู้เฒ่าเหตุใดจะให้แค่กับลูกอนุแต่ไม่ให้เ้า เ้าเป็หลานสาวของฮูหยินเอกในจวน ั้แ่เด็กก็เป็เด็กดีเชื่อฟัง แต่งงานก็แต่งกับคนดี”
สวี่เกาจับมือของมารดาตนเองมากุมเอาไว้ “ท่านแม่เ้าคะ ข้าไม่้าของพวกนี้จริงๆ เ้าค่ะ ข้าแค่อยากให้ท่านแล้วก็ท่านพ่อมีชีวิตที่ดี ต่อไปน้องชายน้องสาวก็จะดี ลูกแต่งงานออกไปแล้ว ต่อไปก็ไม่สามารถอยู่ดูแลท่านพ่อกับท่านแม่ได้แล้ว ท่านแม่ ข้าไม่อยากจากพวกท่านไปนะเ้าคะ”
หนิงซื่อฟังคำของลูกสาวก็ร้องไห้ออกมา สองแม่ลูกกอดกันร้องไห้ เป็แม่นมหลี่ที่ต้มน้ำร้อนมาประคบที่ดวงตาให้ ถึงได้มานั่งพูดกันดีๆ อีกรอบ
หนิงซื่อยิ้มขื่น “เป็ข้าเองที่คิดน้อยไป คิดว่าเป็ลูกหลานของจวนโหวเหมือนกัน เหตุใดฮูหยินผู้เฒ่าถึงไม่ปฏิบัติให้เท่าเทียม ต่อมาข้าถึงได้เข้าใจ เดิมทีใจของคนก็เอนเอียง ถึงแม้พวกเขาจะเป็ลูกอนุ แต่ว่าสกุลจางมีความสัมพันธ์อันดีกับฮูหยินผู้เฒ่า ที่สำคัญที่สุดก็คือ อีกฝ่ายพยายามมาด้วยตนเอง”
สวี่เกาเอ่ย “ท่านแม่เ้าคะ พวกเขาล้วนเป็ญาติของพวกเรา เป็คนในจวนของพวกเรา พวกเขาได้ดีแล้ว จวนของพวกเราก็จะได้ดีตามไปด้วย พวกเราลูกสาวที่แต่งออกไปก็จะได้หน้าได้ตาตามไป ท่านแม่ ต่อไปจวนนี้จะเป็ของท่านกับท่านพ่อ เหตุใดท่านจะต้องรีบร้อนเอาในตอนนี้ด้วยเ้าคะ?”
หนิงซื่อเอ่ย “แต่ว่าข้าไม่อยากจะให้เ้าถูกคนหัวเราะเยาะเ้าที่สินเดิมแต่งงานมีน้อย จวนหย่งหนิงโหวของพวกเรามีเกียรติมาหลายปี เ้าเป็ลูกสาวคนแรกในรุ่นที่แต่งออกไป ฮูหยินผู้เฒ่ากับโหวฮูหยินต่างไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาเลย ในใจของแม่รู้สึกไม่ยินยอม”
สวี่เกาเอ่ย “ท่านดูท่านสิ คิดไปไกลแล้วจริงๆ เ้าค่ะ ด้านหลังของฮูหยินผู้เฒ่ายังมีเหลนมากมายที่จะต้องแต่งงานออกไป นางให้ข้าแล้ว เช่นนั้นเหล่าน้องสาวคนอื่นๆ จะทำเช่นไร? แล้วก็ท่านทวดั้แ่ไหนแต่ไรก็ใส่ใจท่านน้า ข้ายอมรับว่าไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับท่านน้าเลย แล้วก็ไม่อยากจะถูกท่านน้าหัวเราะเยาะด้วย”
หนิงซื่อฟังแล้วก็พูดออกมาด้วยความเกลียดชัง “ย่าของเ้าก็ไม่รู้ไปดื่มยาเสน่ห์อะไรมา ถึงได้กระตุ้นให้ทวดของเ้าช่วยไปเป็แม่สื่อให้กับลูกของน้าเ้า ไม่พูดถึงลูกของน้าเ้าที่สกุลจ้าว ก็พูดถึงจวนหย่งผิงโหว ในจวนมีไท่ฮูหยิน ฮูหยินผู้เฒ่า แล้วก็ยังมีซื่อจื่อสกุลจ้าว เื่การแต่งงานของหลานคนโตของพวกเรามีหรือจะให้พวกเราเป็คนดำเนินการเอง?”
สวี่เกาหัวเราะ “ท่านน้ารีบร้อนจนจัดการเื่ผิดไปหมดแล้ว ท่านแม่เ้าคะ เื่การแต่งงานของข้าทำให้ท่านลำบากแล้ว ข้าพอใจกับสินเดิมที่เตรียมให้เ้าค่ะ”
หนิงซื่อใช้นิ้วชี้จิ้มเข้าไปที่หน้าผากของสวี่เกา “มีเด็กผู้หญิงเช่นเ้าที่ไหนกัน ที่พูดถึงสินเดิมของตนเองเช่นนี้”
สวี่เกาซบเข้าไปในอ้อมกอดของหนิงซื่อเบาๆ ก่อนจะเอ่ย “ท่านแม่เ้าคะ ข้าขอบคุณท่านจากใจจริงเ้าค่ะ ในเรือนมีเื่ตั้งมากมาย ท่านยังจัดการเื่สินเดิมของข้าเสียเรียบร้อย ลำบากท่านแล้วจริงๆ เ้าค่ะ”
หนิงซื่อถอนหายใจ “พวกเราเป็พ่อแม่ ก็ล้วนทำเพื่อลูกของตนเองทั้งนั้น เอาล่ะ แม่รู้แล้วว่าเ้ามาที่นี่นั้น้าอะไร ในเมื่อพูดกันเข้าใจแล้ว ต่อไปแม่ก็จะไม่ไปหาฮูหยินผู้เฒ่าแล้ว เ้าพูดถูก ในจวนนี้ ต่อไปก็จะเป็ของข้ากับพ่อของเ้า ตอนนี้ไม่มีความจำเป็ที่จะต้องรีบร้อน เพื่อของแค่นี้ไม่ต้องไปเอาหน้าตาตนเองไปทิ้ง”
สวี่เกาพยักหน้า “เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะมอบที่คาดหน้าผากให้กับฮูหยินผู้เฒ่า ข้าปักให้นางโดยเฉพาะเลยนะเ้าคะ”
หนิงซื่อดูแลครอบครัวมาหลายปี แต่ด้วยความไม่ยอมถึงได้ไปหาฮูหยินผู้เฒ่าที่เรือน ทำเื่ที่น่าขายหน้าเช่นนี้ออกไป ต่อมาพอมาคิดๆ แล้วตนเองก็ทำให้ลำบากใจอยู่หน่อยๆ ได้ยินลูกสาวเอ่ยเช่นนี้นางก็คิดได้ “เื่นี้คาดว่าก็เป็ฮูหยินผู้เฒ่าที่สั่งสอนเ้าสินะ ฮูหยินผู้เฒ่ามักจะเป็เช่นนี้เสมอเลย”
สวี่เกาเอ่ย “ข้ารู้สึกว่าฮูหยินผู้เฒ่าทำเช่นนี้ดีมากเลยเ้าค่ะ พวกเราที่เป็ลูกหลานกระทำเื่ที่ผิดไปแล้ว นางก็ยังคิดหาทางสั่งสอนได้”
หนิงซื่อเอ่ย “เพียงแต่น่าเสียดายที่ฮูหยินผู้เฒ่าอายุมากแล้ว ท่าทางองอาจของฮูหยินผู้เฒ่าในตอนนั้น ข้าเองก็ได้ยินที่คนอื่นพูดมาเช่นกัน จวนที่ยิ่งใหญ่ของพวกเรา ถ้าหากตอนนั้นไม่มีฮูหยินผู้เฒ่าคาดว่าก็คงจะไม่เหลืออยู่แล้ว”
สวี่เกาเอ่ยออกไปถึงอนาคต “หวังจริงๆ ว่าข้าแก่แล้วไปแล้วจะสามารถเป็คนเช่นฮูหยินผู้เฒ่าได้”
ตอนที่สวี่เกาเอาผ้าคาดหัวไปให้กับฮูหยินผู้เฒ่าเพียงคนเดียว ฮูหยินผู้เฒ่ารู้ว่าสวี่เกาพูดกับหนิงซื่อจนเข้าใจกันแล้ว นางไม่ได้เสียดายของเล็กน้อยแค่นั้น แค่ไม่อยากให้หนิงซื่อกับสวี่เกามีปัญหากัน หรือให้สองแม่ลูกมีเื่ขัดแย้งกันเพราะเื่นี้
ฮูหยินผู้เฒ่ามองสวี่เกาพลางยิ้มแล้วพยักหน้า “แม่หนูเกา เ้ามานั่งนี่มา ข้าจะพูดเื่หนึ่งกับเ้า”
แม่นมเสิ่นได้เรียกคนที่ดูแลในห้องออกมากันหมดแล้ว แม้แต่สาวใช้ที่ตามสวี่เกามาก็เรียกออกไปด้านนอกด้วย
สวี่เกาเข้าไปนั่งข้างๆ ฮูหยินผู้เฒ่า แล้วพูดคุยอย่างสนิทสนม “ฮูหยินผู้เฒ่าเ้าคะ ท่านมีเื่อะไรจะพูดกับข้าหรือเ้าคะ?”
ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ย “เกาเอ๋อร์ ต่อไปแต่งงานไปแล้วจะต้องวางแผนชีวิตของตนเองให้ดี ข้ามีเื่ที่จะพูดกับเ้าไม่กี่ประโยค ถึงแม้จวนชิงผิงป๋อจะเป็สกุลใหญ่ ภายนอกดูมีเกียรติ แต่ว่าภายในเป็อย่างไรนั้นพวกเราไม่รู้ เ้าเป็ภรรยาของซื่อจื่อของพวกเขา ต่อไปจำเป็ต้องให้เ้ากับซื่อจื่อค้ำจุนครอบครัว แต่ว่าเื่บางเื่เ้าจะต้องแยกแยะให้ชัดเจน”
สวี่เการอให้ฮูหยินผู้เฒ่าพูดต่อด้วยความอยากรู้ ก่อนที่ฮูหยินผู้เฒ่าจะเอ่ยว่า “สินเดิมที่จวนเตรียมให้เ้า สินเดิมพวกนี้ล้วนเป็สมบัติของเ้า ในภายภาคหน้า ก็ยังคงเป็ของของเ้า ข้ารู้ว่าแม่ของเ้าได้เตรียมร้านค้าเอาไว้ให้หลายร้าน เ้าจะต้องเรียนรู้ที่จะดูแลมันดีๆ สามารถทำให้ร้านพวกนั้นกลายเป็ไข่ทองคำได้ ต่อไปหากเ้าเป็หัวหน้าแล้ว อย่าเอาสินเดิมของเ้าไปอุดรอยรั่ว เื่นี้จะต้องจำเอาไว้”
สวี่เกาพยักหน้ารับ หนิงซื่อดูแลครอบครัวมาหลายปี แล้วเป็ฮูหยินผู้เฒ่าที่เคยดูแลมาก่อน ที่นาร้านค้า ฮูหยินผู้เฒ่าก็ต่างมอบให้กับคนที่ใช้การได้ ร้านค้าที่นาพวกนั้นตลอดมาล้วนเป็แหล่งสำคัญของรายรับรายจ่ายของจวน ตอนที่ฮูหยินผู้เฒ่ามอบกิจการให้กับหนิงซื่อ ก็กำชับหนิงซื่อเช่นนี้เหมือนกัน สินเดิมของตนเองก็คือสินเดิมของตนเอง เงินรวมของจวนโหวก็ของจวน ถ้าหากจวนโหวเจอปัญหาที่แก้ไม่ได้ เช่นนั้นก็เป็ปัญหาของจวนโหว จะต้องคิดหาวิธีออกมาแก้ไข อย่าเอาสินเดิมของตนเองมาอุดรอยรั่วภายในจวนเด็ดขาด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้