อาจารย์ใหญ่จ้าวตบมือให้กับคำพูดหญิงสาว ทั้งยังไม่ลืมเอ่ยข่มขู่บุรุษทั้งห้า
“ข้าว่าไม่เป็ไรดีกว่าเ้าค่ะ อย่างไรข้าก็ทุบตีพวกเขาจนพอใจแล้ว”
“ไม่ได้!! ไม่ได้!! เ้าบอกเองไม่ใช่หรือว่าเวลาของเ้ามีค่า เช่นนั้นก็ให้พวกเขาจ่ายเงินให้เ้าเป็ค่าเสียเวลา”
เซี่ยชิงหลีไม่คิดว่าการเข้าเมืองครั้งนี้จะได้กำไรใหญ่ หยวนเป่ายี่สิบห้าตำลึงถูกส่งมอบให้หญิงสาว ร่างบางคำนับขอบคุณชายชราสองก่อนเอ่ยลา
“นางช่างเป็หญิงสาวที่น่าสนใจ”
สายตาชื่นชมของอาจารย์ใหญ่จ้าวถูกส่งไปยังหญิงสาวร่างบางที่กำลังก้าวเข้าหอหว่านหรง
“อายุปูนนี้แล้ว เ้าคงไม่คิดรับนางเป็อนุภรรยาหรอกนะ เด็กสาวคนนั้นเป็เหลนของเ้าได้เลย”
“พูดจาเหลวไหลอันใด ข้าเพียงชื่นชมความกล้าหาญของนางเท่านั้น”
อาจารย์ใหญ่จ้าวเอ่ยจบ ชายชราผู้เป็สหายก็หัวเราะชอบใจ
“เ้ามัวแต่วุ่นวายอยู่ที่นี่ ได้เบาะแสเกี่ยวกับองค์รัชทายาทบ้างหรือไม่”
ชายชราหุบพัดลง ในดวงตามีแววเศร้าหมอง เกือบสามเดือนแล้วที่หลานชายหายตัวไป
ความจริงชายชราผมขาวที่ยืนอยู่ข้างอาจารย์ใหญ่จ้าวคือไท่ซ่างหวง อดีตฮ่องเต้รัชกาลก่อนผู้เกษียณตนเองออกมาอยู่ชนบทหลายปีแล้ว
ส่วนอาจารย์ใหญ่จ้าวคือไท่ฟู่ผู้เป็อาจารย์ของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ทั้งยังเป็สหายในวัยเด็กของไท่ซ่างหวงที่ช่วยกันประคับประคองบ้านเมืองด้วยกันมาหลายสิบปี
เมื่อยามที่ไท่ซ่างหวงมอบราชบัลลังก์แก่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน อาจารย์ใหญ่จ้าวเองก็ออกจากราชการเดินทางมายังบ้านเดิม เปิดสำนักศึกษาสอนสั่งคนเก่งเพื่อช่วยให้แคว้นฉินเจริญรุ่งเรือง
“เขาจะต้องไม่เป็อะไร ในบรรดาหลานชายทั้งหมด องค์รัชทายาทเป็คนที่เหมือนเ้าเมื่อวัยหนุ่ม คนเก่งเช่นเขาไม่มีทางเป็อะไรแน่นอน”
อาจารย์ใหญ่จ้าวเอ่ยปลอบใจสหายวัยเด็กของตน
ทางด้านเซี่ยชิงหลี เมื่อก้าวเข้าหอหว่านหรงครั้งแรกก็รู้สึกว่าเหลาสุราทั้งสองช่างมีความแตกต่าง ที่หอกุ้ยเซียงเมื่อก้าวเข้าไปหากคนไม่รู้ต้องคิดว่าเป็หอนางโลม แต่ที่นี่ให้ความรู้สึกสงบและเรียบง่าย
“แม่นาง...เ้า้าให้ข้าแนะนำสิ่งใดหรือไม่ ้าดื่มชาหรือทานอาหาร”
เพียงแค่การต้อนรับก็แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว เพราะหอกุ้ยเซียงต้อนรับเฉพาะลูกค้าที่มีเงินจึงดูแคลนชาวบ้านธรรมดาอย่างพวกตน ส่วนที่นี่เสี่ยวเอ้อถูกฝึกมาอย่างดี ในดวงตาของเขาไม่มีแววดูถูกแม้พวกตนจะแต่งกายซอมซ่อก็ตามที
หญิงสาววางตะกร้าลงพร้อมส่งยิ้มหวานให้เสี่ยวเอ้อหนุ่ม
“นี่...พี่ชายที่นี่รับซื้อของป่าหรือไม่”
“รับ รับแน่นอน แต่ต้องให้ผู้ดูแลดูก่อนว่าเ้านำอะไรมาขาย รอสักครู่ข้าจะไปตามผู้ดูแลมาพบเ้า”
เสี่ยวเอ้อหนุ่มวิ่งหายไปเพียงครู่เดียว ไม่นานก็กลับมาพร้อมชายหนุ่มรูปงาม ทว่าในสายตาของเซี่ยชิงหลีเขายังด้อยกว่าอาเหิงของนางนัก
“สวัสดีแม่นาง เ้าบอกว่ามีของป่ามาขายหรือ”
ชายหนุ่มรูปงามเอ่ยถามหญิงสาวด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“เ้าค่ะ ข้ามีเนื้อกวางและเห็ดป่า”
“เนื้อกวางหรือ หอหว่านหรงของเรารับซื้อทว่าเห็ดป่านั้น...เ้าให้ข้าดูก่อนได้หรือไม่”
ชายหนุ่มมีท่าทีลังเล เซี่ยชิงหลีพอเข้าใจเพราะก่อนหน้านี้คนบ้านหลี่ก็แสดงสีหน้าไม่ต่างกัน ไม่ใช่เห็ดทุกชนิดที่จะสามารถกินได้
“ได้แน่นอนเ้าค่ะ”
หญิงสาวเปิดผ้าคลุมตะกร้าออก เห็ดสนที่ถูกล้างอย่างดีวางเรียงภายในตะกร้าอย่างเรียบร้อย ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาดมพบว่ามันส่งกลิ่นหอมชวนให้นึกถึงป่าเขียวชื้นในยามเช้า มันไม่ใช่กลิ่นหอมหวานฉุนหรือสดใสเหมือนดอกไม้ หากแต่เป็กลิ่นหอมที่อบอุ่น ลุ่มลึก และเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว
“นี่คือเห็ดอะไรหรือ”
“สิ่งนี้คือเห็ดสนเ้าค่ะ ชาวบ้านอย่างเราใช้ปรุงอาหารสามารถทำได้หลายอย่าง หากผู้ดูแลวางใจข้าจะลองทำให้ทานสักสองสามอย่าง”
ชายหนุ่มครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นจึงพยักหน้าอนุญาต
“ได้...เช่นนั้นเ้าตามเขาเข้าไปในครัว”
เซี่ยชิงหลีเดินตามเสี่ยวเอ้อเข้าไปด้านหลังร้าน ที่นั่นมีพ่อครัวอยู่สี่ห้าคนกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหาร เพียงหญิงสาวก้าวเข้าไปทุกอย่างก็หยุดชะงักลง
“ต่อเลยเ้าค่ะ ต่อเลย ไม่ต้องสนใจข้า ข้าเพียงแวะมาชั่วคราวเท่านั้น”
หญิงสาวคำนับให้เหล่าพ่อครัว จากนั้นเริ่มทำอาหารของตน
เมื่อเห็ดสนสดใหม่ถูกตัดผ่าน ผิวเนื้อแน่นของมันค่อยๆ ปล่อยกลิ่นหอมอ่อนๆ ออกมา กลิ่นนั้นคล้ายกลิ่นดินป่าหลังฝนใหม่ ผสมกับกลิ่นที่ออกมาจากต้นสน ราวกับได้นั่งอยู่กลางผืนป่าที่ปูพรมด้วยเข็มสนและไอหมอก กลิ่นที่ขับออกมานั้นให้ความรู้สึกสะอาดแต่แฝงไปด้วยความลึกลับของธรรมชาติ
เมื่อถูกนำไปย่างหรือผัด กลิ่นของเห็ดสนยิ่งเข้มข้นขึ้น เปลี่ยนเป็กลิ่นหอมมันคล้ายเนยสดผสมกลิ่นถั่วป่าอบอุ่น กลิ่นของมันลอยฟุ้งอบอวลจนชวนให้น้ำลายสอ
เหล่าพ่อครัวต่างหันมาสนใจว่าเด็กสาวผู้นั้นกำลังทำอะไร เหตุใดอาหารของนางส่งกลิ่นหอมมากมายเพียงนี้ เพียงกลิ่นอาหารเ่าั้ที่นางปรุงก็สามารถทำลายสมาธิของพวกเขาได้ทั้งหมด
สองเค่อต่อมา
เซี่ยชิงหลีก็กลับมาพร้อมอาหารสามอย่างที่ทำจากเห็ดสน เห็ดสนผัดน้ำมัน เห็ดสนย่างราดด้วยน้ำราดที่นางนำมาเอง และข้าวอบเห็ดสนหม้อดิน
เพียงก้าวออกจากห้องครัว คนในร้านต่างมองตรงมายังหญิงสาวเป็ตาเดียว
“ผู้ดูแลลองทานดูสักหน่อยเ้าค่ะ ข้ารับรองว่าไม่มีพิษเพราะพ่อครัวของท่านลองชิมไปก่อนแล้ว”
“ห๊ะ! พวกเขากล้าทานก่อนข้าหรือ”
ชายหนุ่มรีบคว้าตะเกียบพลางกลืนน้ำลายลงคอ เมื่อหญิงสาวเปิดฝาหม้อดินเผาออกกลิ่นหอมยิ่งกระจายไปทั่วร้าน
“นี่คือข้าวอบเห็ดสน ท่านลองทานดู”
ชายหนุ่มใช้ตะเกียบพุ้ยข้าวในชามเข้าปากอย่างไม่รีรอ เพียงไม่นานอาหารในชามก็หมดเกลี้ยง
“ข้าซื้อ เ้าบอกราคามาเถอะ”
เซี่ยชิงหลีแสร้งทำหน้าใสซื่อ นางอยากจะดูว่าชายหนุ่มตรงหน้ามีความจริงใจเพียงใดที่จะทำการค้ากับตน
“เป็ครั้งแรกที่ข้าทำการค้าขาย ข้ารู้ว่าหอสุราหว่านหรงมีคุณธรรมคงไม่หลอกลวงชาวบ้านอย่างพวกเราแน่ ข้าให้ท่านเป็คนตั้งราคาก็แล้วกัน”
“ได้...เช่นนั้นข้าให้เ้าหนึ่งตำลึงต่อหนึ่งจิน เ้าว่าอย่างไร”
เซี่ยชิงหลีคิดคำนวณในใจ หนึ่งจินคือห้าร้อยกรัมเช่นนั้นก็ได้กิโลกรัมละสองตำลึง รวยแล้ว! หญิงสาวลอบยิ้มในใจ
“ได้เ้าค่ะ ท่านว่าอย่างไรข้าก็ว่าตาม”
เซี่ยชิงหลียังคงแสร้งแสดงต่อหน้าชายหนุ่ม
“แม่นาง เห็ดสนของเ้าทั้งหมดสามารถส่งมาที่หอหว่านหรงของเราได้หรือไม่ ข้าสามารถทำสัญญากับเ้าต่อจากนี้เ้าส่งให้แค่เราเพียงร้านเดียว ข้าจะให้เพิ่มอีกหนึ่งร้อยเหวินต่อจินเ้าคิดอย่างไร”
หญิงสาวหันไปขยิบตาให้ลุงทั้งสองกลับไปที่เกวียน ยกเห็ดสนทั้งหมดมาที่นี่
“ข้าแน่นอนว่าต้องส่งให้ที่นี่แค่ที่เดียว ส่วนหนึ่งร้อยเหวินข้าก็จะรับไว้ เอาอย่างนี้เถอะเพื่อไม่เป็การเอาเปรียบท่านมากเกินไป อย่างไรเห็ดสนนี่ก็มีเพียงปีละหนึ่งครั้ง ข้าแถมสูตรทำอาหารให้ท่านด้วยเลย”
อาหารที่นางทำแสนง่ายดาย หากพ่อครัวได้ชิมไม่นานก็สามารถทำตามได้ นางใช้โอกาสนี้แสดงความมีน้ำใจต่อเขา วันหน้าหนทางทำเงินก็อยู่ไม่ไกลแล้ว
หญิงสาวเขียนสูตรทำอาหารอย่างละเอียดส่งให้ผู้ดูแล จากนั้นทั้งสองจึงลงนามในสัญญา
“เ้าชื่อ...เซี่ยชิงหลีหรือ”
“เ้าค่ะ..ทำไมหรือ”
ชายหนุ่มเมื่ออ่านชื่อที่เซี่ยชิงหลีเขียนลงในหนังสือสัญญา ทำให้หวนนึกถึงอดีต
“เปล่า...ข้าเองก็เคยมีสหายผู้หนึ่งแซ่เซี่ยเช่นเดียวกับเ้า เขาเคยเรียนที่สำนักศึกษาเต๋อชุน ภายหลังได้รับาเ็ที่ขาข้าก็ไม่เห็นเขาอีกเลย”
“ผู้ดูแลคงจะหมายถึงพี่ชายของข้ากระมัง เขาชื่อเซี่ยจื่ออี้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นชายหนุ่มก็มีท่าทีตื่นเต้นทันที
“เ้าเป็น้องสาวของเขาหรือ เขาเป็อย่างไรบ้างสบายดีหรือไม่”
ท่าทางเป็ห่วงเป็ใยจนเกินเหตุของชายหนุ่มตรงหน้า ทำให้เซี่ยชิงหลีรู้สึกประหลาดใจ
“ตอนนี้พี่ชายข้าสบายดี อ่านตำราอยู่ที่เรือนข้าเองก็กำลังหาหนทางรักษาขาให้เขา”
“เช่นนั้นเ้าทิ้งที่อยู่เอาไว้ได้หรือไม่ หากวันหน้ามีโอกาสข้าก็อยากไปเยี่ยมเยียนเขาเช่นกัน”
หญิงสาวส่งยิ้มจริงใจให้แก่ชายหนุ่ม
“ได้แน่นอนเ้าค่ะ”
หลังจากพูดคุยสักพัก หญิงสาวจึงขอตัวลา
“ท่านลุง ข้าอยากแวะร้านขายสมุนไพรสักหน่อยได้หรือไม่”
“ได้แน่นอน หลีเอ๋ออยากแวะร้านไหนบอกลุงทั้งสองได้เลย”
หญิงสาวขบขันท่าทางจริงจังของชายวัยกลางคนทั้งสอง ก่อนหน้านี้เมื่อได้รู้ว่าเห็ดสนแปดสิบจินขายได้แปดสิบแปดตำลึงพวกเขาแทบเป็ลมหมดสติ เมื่อรวมกับเนื้อกวางที่เหลือขายได้อีกสิบตำลึงทำให้ตอนนี้เงินที่พวกเขามีคือเก้าสิบแปดตำลึง
สองพี่น้องเกิดมาไม่เคยได้เห็นเงินมากมายขนาดนี้ จึงแสดงท่าทีระแวดระวังกังวลตลอดทางว่าจะถูกปล้น
“พวกท่านสองคนไม่ต้องกังวลไปหรอกเ้าค่ะ สภาพซอมซ่ออย่างพวกเราโจรที่ไหนจะปล้นให้เสียเวลา อีกอย่างหลานสาวของท่านมิใช่เก่งมากหรือ”
หญิงสาวเชิดหน้าด้วยท่าทางอวดดี แม้จะเอ่ยปลอบไปแล้วทว่าก็ไม่สามารถทำให้ชายทั้งสองแสดงสีหน้าผ่อนคลายลงได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้