สองวันผ่านไป แถวขบวนพ่อค้าและผู้คนเตรียมออกเดินทางไปยังเมืองหลวง มู่หรงนำหน้า ซูเหวินตามอยู่ด้านหลัง ส่วนซูเอ๋อร์นั่งอยู่บนรถม้า
เยียนชิงหลัวยืนมองขบวนเดินทางอยู่หน้ากระท่อมอย่างลังเล ไม่นานดวงตาก็ฉายแววตัดสินใจ นางรีบวิ่งตาม ก่อนจะยืนขวางหน้ามู่หรงที่กำลังขึ้นม้า
“ข้า..จะไปกับท่าน เมื่อถึงเมืองหลวงข้ากับพวกท่านถือว่าไม่รู้จักกัน ส่วนบุญคุณที่ช่วยชีวิตข้าไว้ ไว้ข้าทำบางอย่างเสร็จแล้วข้าจะคืนให้”
มู่หรงหยุดฝีเท้าเล็กน้อย ก่อนปรายตามอง “ข้าไม่้าภาระ”
เยียนชิงหลัวเม้มปากแน่น นางรู้ดีว่าเขาไม่สนใจชีวิตของนางเลย แต่หากถูกทิ้งไว้ที่นี่นางก็ไม่รู้ว่าจะเอาตัวรอดอย่างไร
“ข้าจะไม่เป็ภาระ!” นางกล่าวอย่างหนักแน่น “ข้าจะดูแลตัวเอง จะไม่ทำให้ท่านลำบาก”
ซูเหวินหัวเราะเบาๆ “เด็กคนนี้ช่างดื้อรั้นนัก”
ซูเอ๋อร์ยิ้มพลางกระซิบกับซูเหวิน “ข้าว่าเราพานางไปด้วยเถอะ อย่างน้อยก็ช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ ได้”
มู่หรงยังคงนิ่งเงียบ ั์ตาดำลึกจ้องมองนาง
เยียนชิงหลัวจ้องกลับไป แม้หัวใจจะเต้นแรง แต่ความกลัวในใจไม่ได้ทำให้นางถอย
“…ตามใจ “เขาเอ่ยเพียงสั้นๆ ก่อนจะหันไปควบม้าจากไปโดยไม่สนใจนางอีก
หลังจากออกจากเมืองหลิวซานมาได้หลายชั่วยาม พวกเขาเดินทางไปตามเส้นทางที่คดเคี้ยวผ่านป่า
เยียนชิงหลัวนั่งอยู่ในรถม้าดวงตาจ้องมองทิวทัศน์ที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ นางไม่เคยเดินทางไกลขนาดนี้มาก่อนทุกอย่างรอบตัวให้ความรู้สึกแปลกใหม่และไม่คุ้นชิน
“หิวหรือไม่” ซูเอ๋อร์ยื่นห่อขนมให้
“ไม่เป็ไร ข้ายังไม่หิว” เยียนชิงหลัวตอบเบาๆ
“เ้าดูไม่ไว้ใจพวกเรา.. พวกเราไม่ได้จะขายเ้าให้โจรหรอก” ซูเอ๋อร์หัวเราะ พลางยกมือปิดปาก
เยียนชิงหลัวไม่ได้ตอบนางเพียงแค่นั่งนิ่งมองออกไปข้างนอก นางรู้ดีว่าโลกภายนอกเต็มไปด้วยอันตรายหากไม่ระวังตัวอาจไม่มีโอกาสรอด
ขณะนั้นเองเสียงควบม้าอย่างเร่งรีบก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
“หยุดรถม้า! ที่นี่อันตราย” เสียงของชายหนุ่มร่วมเดินทางคนหนึ่งดังขึ้นอย่างกะทันหัน
ทุกอย่างหยุดชะงัก มู่หรงบังคับม้าไปขวางด้านหน้าแถว แววตาของเขาคมกริบ
ไม่นานกลุ่มชายชุดดำก็กระโจนออกจากพุ่มไม้โดยรอบ “ปล้นพวกมันให้หมด!” เสียงะโหนึ่งในกลุ่มโจรดังขึ้น
เยียนชิงหลัวเบิกตากว้าง มือของนางกำชายเสื้อแน่น เสียงะโของพวกโจรดังระงมรถม้าสั่นะเืเมื่อม้าตื่นตระหนก
มู่หรงไม่แม้แต่จะขยับ เขามองศัตรูด้วยสายตาเ็า ก่อนจะกวาดสายตามองจำนวนคนของอีกฝ่ายโดยไม่มีความหวาดหวั่น
พวกโจรหัวเราะเยาะ เสียงหัวเราะของพวกมันเต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง “พวกเ้าแค่พ่อค้าจะมาสู้กับพวกข้าได้อย่างไร ส่งของมีค่ามา!”
ยังไม่ทันขาดคำเงาร่างของมู่หรงก็หายไปจากหลังม้า
เสียงคมมีดสั้นปะทะกับดาบดังขึ้นพร้อมกับศัตรูคนหนึ่งกระเด็นไปกระแทกกับต้นไม้ เืของโจรไหลรินลงมาตามลำต้น
เยียนชิงหลัวมองภาพตรงหน้าด้วยความตกตะลึง
มู่หรงเคลื่อนไหวรวดเร็วราวเงาของเขาวูบไหวไปมาในหมู่โจร มีดสั้นในมือของเขากรีดผ่านลำตัวของพวกมัน
“ฆ่ามัน!” หัวหน้าโจระโสั่ง พวกโจรที่เหลือพุ่งเข้าใส่เขาพร้อมกัน แต่กลับกลายเป็พวกมันที่ล้มลงทีละคน
ซูเหวินและซูเอ๋อร์เองก็ไม่อยู่เฉย ทั้งสองประสานกันโจมตีแม้พวกเขาจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่าผู้เป็นาย แต่ก็สามารถรับมือกับศัตรูได้ดี
เยียนชิงหลัวมองพวกเขาด้วยสายตาหม่นหมอง
‘ถ้าข้าแข็งแกร่งเช่นพวกเขา… ข้าคงไม่ต้องหนีอะไรอีก’
เวลาผ่านไปนานนับสิบนาที พวกโจรที่เหลือเริ่มถอยหนีอย่างหวาดกลัว “หนี… หนีเร็ว!” พวกโจรแตกกระเจิงหายลับไปในพุ่มไม้
มู่หรงยืนเช็ดมีดของเขา สีหน้ายังคงเ็าและไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
ซูเหวินถอนหายใจขณะเก็บดาบของตน “พวกนี้ไม่รู้จักดูตาม้าตาเรือจริงๆ”
ซูเอ๋อร์หัวเราะเบาๆ “พวกมันคงคิดว่าพวกเราเป็เพียงพ่อค้าธรรมดา…แต่คงไม่คิดว่าที่เจอคือนายท่านมู่หรง”
มู่หรงเก็บมีดของเขา ก่อนจะหันมองเยียนชิงหลัวเพียงครู่หนึ่งแล้วเดินผ่านไปโดยไม่พูดอะไร
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้