“ใช่” เวินเยว่ตอบโดยไม่ลังเลเลยสักนิด นางเหลือบมองซูิเยว่ มุมปากยังประดับไปด้วยรอยยิ้ม แต่ว่ารอยยิ้มนั้นเ็า แล้วก็พูดออกมาโดยไม่หวาดกลัว “ข้าเกลียดเขา เกลียดเข้ากระดูก”
สตรีคนหนึ่งต้องมาแต่งงานกับคนที่ตัวเองไม่ชอบ ใช้ชีวิตอยู่กับเขามาหลายสิบปี ทั้งยังคลอดลูกสาวให้เขาหนึ่งคน ซูิเยว่จินตนาการไม่ออกเลยว่า หลายปีมานี้เวินเยว่ใช้ชีวิตที่ผ่านมาอย่างไร
ควรจะเห็นใจ สงสาร หรือว่าปวดใจดี?
ซูิเยว่ถอนหายใจเงียบๆ เวินเยว่คงไม่้าให้ใครมาเป็ห่วง นางเสียใจ แต่ขณะเดียวกันก็ยิ่งใหญ่ ยิ่งใหญ่ขนาดที่ในวังหลังมีสตรีเข้าออกมากมายมาหลายปี แต่กลับไม่มีใครคุกคามตำแหน่งหัวหน้าวังหลังของนางได้เลย ความแข็งแกร่งนี้ไม่ได้มาจากคำสั่งเสียของฮ่องเต้พระองค์ก่อนเพียงเท่านั้น
พื้นหลังของสกุลเวิน ส่วนมากก็มาจากตัวของเวินเยว่เอง นางเป็เพียงแค่สตรีคนหนึ่งที่ไม่อาจควบคุมชะตาชีวิตของตัวเองได้ แต่นางก็ไม่ใช่คนที่อ่อนแอ
“ความจริงแล้วคนที่ช่วยท่านในครั้งนี้ หลักๆ เลยก็คือองค์ชายสาม หม่อมฉันไม่ได้ช่วยอะไรมากเพคะ”
“ข้ารู้” เวินเยว่ไม่ได้ประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย “เื่ที่เกิดขึ้นกับเ้าเมื่อหลายวันก่อน ถึงแม้ข้าจะถูกขัง แต่ก็พอจะรู้เื่ราวมาบ้าง”
นางดื่มชาอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “ข้าเองก็ไม่อยากจะปิดบังเ้า ตอนนั้นที่ข้าให้อาอวี้ไปหาเ้าก็มีความเห็นแก่ตัวอยู่จริงๆ ลำพังแค่เ้าคนเดียวไม่อาจแก้ไขเื่นี้ได้ ข้ารู้เื่ความสัมพันธ์ของเ้ากับจี๋โม่หาน ข้าจึงเดิมพันเอาไว้ พนันว่าเ้าจะไปขอให้เขาช่วยเพราะอยากรู้ความจริงจากข้า”
เวินเยว่พูดจบก็ยิ้ม นางมองซูิเยว่แล้วถาม “เ้าคิดว่าข้าเห็นแก่ตัวมากใช่หรือไม่?”
ซูิเยว่มองเวินเยว่อย่างตกตะลึง แต่ไม่ได้พูดอะไร ความจริงแล้วเื่พวกนี้ตอนนั้นจี๋โม่หานก็เคยเล่าให้นางฟังแล้ว แต่พอเวินเยว่ถามออกมาแบบนี้ก็ยังทำให้นางใเล็กน้อย
นางไม่สามารถตัดสินได้ว่า ที่เวินเยว่ทำเช่นนี้ถือว่าเห็นแก่ตัวหรือไม่ เวินเยว่อยากใช้ประโยชน์จากจี๋โม่หานผ่านทางนาง แล้วก็ลงมือทำไปแล้วด้วย ถึงแม้ตอนแรกนางจะไม่อยากให้จี๋โม่หานเข้ามาเกี่ยวข้องกับเื่นี้ สุดท้ายก็ยังเป็จี๋โม่หานที่ออกหน้าแก้ไขเื่นี้ได้
แต่ว่านางฟังเื่ที่จี๋โม่หานเล่าให้ฟังแล้ว นางจึงรู้ว่า ถึงแม้เวินเยว่จะไม่ทำเช่นนี้ จี๋โม่หานก็จะคิดหาวิธีช่วยเวินเยว่ออกมาอยู่ดี
“เช่นนั้นเหตุใดท่านถึงไม่ไปหาจี๋โม่หานเองเพคะ?”
เวินเยว่ถอนหายใจ สายตามองไปทางอื่น “ข้าอยากให้เขาลงมือก็จริง แต่ก็ไม่อยากจะรบกวนเขา”
เวินเยว่พูดไปก็หัวเราะออกมาเบาๆ นางมองซูิเยว่ที่ยังขมวดคิ้วแน่น “ข้าพูดเช่นนี้ดูขัดแย้งมากใช่หรือไม่ ข้ารู้ หากข้าเอ่ยปาก เขาจะต้องตอบรับแน่นอน เชื่อว่าเขาเองก็เคยเล่าเื่เมื่อก่อนให้เ้าฟังแล้วใช่หรือไม่”
ซูิเยว่พยักหน้า
“เขารู้สึกผิดกับการตายของพี่สามมาตลอด เขาคิดว่าตัวเองติดหนี้ชีวิตของพี่สามเอาไว้ หากข้าไปหาเขา เื่นี้ไม่ว่าจะยากแค่ไหน เขาก็จะคิดหาวิธีแก้ปัญหามาได้ แต่หากข้าทำเช่นนี้ก็เท่ากับว่าเอาพี่สามมาขู่เขา”
เวินเยว่พูดแล้วก้มหน้าหัวเราะ “ถึงแม้การทำเช่นนี้จะไม่แตกต่างกับการให้คนไปหาเ้าสักเท่าไร คนหนึ่งก็เ้า คนหนึ่งก็เวิ่นเฉินหลัน ล้วนเป็เหตุผลที่ทำให้เขาไม่อาจปฏิเสธเื่นี้ได้”
ซูิเยว่ก้มหน้าไม่พูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง กระทั่งชาในมือเย็นไปแล้วถึงได้เงยหน้าขึ้นมองเวินเยว่ “หากเขาเป็คนที่ไม่คิดถึงความสัมพันธ์ในครั้งเก่าจริงๆ ล่ะ ท่านจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเขาจะเห็นแก่หน้าหม่อมฉันแล้วช่วยท่าน?”
ซูิเยว่ก็ยังรู้ตัวเองดี จี๋โม่หานนิสัยเ็า หากเขาไม่ได้ชอบนาง เช่นนั้นไม่ว่าจะเกิดเื่ใหญ่โตแค่ไหนกับนาง เขาก็ไม่มีทางยื่นมือมาช่วยแน่นอน
“ไม่มีทางหรอก” เวินเยว่มองซูิเยว่แล้วพูดอย่างมั่นใจมาก “เขาไม่มีทางทำแบบนั้นหรอก ถึงแม้จะไม่คิดถึงพี่สาม แต่เขาก็จะยื่นมือเข้ามาช่วยเพราะเ้าแน่นอน”
ซูิเยว่ขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเวินเยว่ถึงได้มั่นใจขนาดนี้
“ั้แ่เด็กเขาเป็คนเ็า หลังจากถูกรับกลับมา คนเดียวที่เขายอมให้เข้าใกล้ก็คือพี่สามของเขา ตอนนั้นองค์ชายสามกับองค์ชายห้าก็อายุมากแล้ว เขาไม่ชอบเข้าใกล้องค์ชายคนอื่นๆ แล้วก็ไม่ชอบพูดกับใคร ข้าไปหาหลายครั้ง ทำขนมให้เขาตั้งหลายครั้ง เขาถึงจะยอมพูดกับข้าสักประโยค”
สายตาของเวินเยว่อ่อนโยน เหมือนย้อนกลับไปในอดีตเมื่อนานมาแล้ว พูดไปก็ถอนหายใจ รอยยิ้มแฝงความจนใจเอาไว้ก่อนจะพูดต่อ
“เ้าน่ะไม่รู้อะไร เขาหน้าตาดีมากมาั้แ่เด็กแล้ว หลังจากกลับมาแล้วพวกองค์หญิงก็ต่างชอบที่จะเข้ามาใกล้ชิดกับเขา แต่ว่าเขากลับไม่สนใจพวกนางเลย พอเจอกันก็ยังหลบไปไกลๆ ตอนอายุสิบสี่มีครั้งหนึ่งที่เขาออกไปรบ หลังจากกลับมาชื่อเสียงก็โด่งดังไปทั่วทั้งเมืองหลวง แม่นางมากมายต่างเห็นเขาเป็ชายในฝัน สตรีมากมายต่างอยากแต่งงานเข้าจวนองค์ชายสาม แต่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะเขาไม่คิดจะสนใจเลยสักนิด”
ซูิเยว่ตั้งใจฟังมาก นางชอบฟังที่คนอื่นพูดถึงเื่เมื่อก่อนของจี๋โม่หาน เวินเยว่พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่ที่ซูิเยว่มั่นใจก็คือ ในน้ำเสียงของเวินเยว่ไม่ได้มีความรู้สึกในด้านนั้นเลยสักนิด มากไปกว่านั้นเต็มไปด้วยความเมตตาที่ผู้ใหญ่มีให้เด็ก
“ต่อมาก็เกิดเื่นั้นขึ้น” เวินเยว่พูดเสียงเบาลง
“หลังจากนั้นนิสัยของเขาก็ยิ่งเ็า หลังจากที่พี่สามจากไป คนเดียวที่เขายอมให้เข้าใกล้พูดคุยก็ไม่มีอีกแล้ว เขาก็ยิ่งเงียบไม่พูดไม่จามากกว่าเดิม จนกระทั่งมาเจอกับเ้า ถึงแม้เขาจะไม่ได้แสดงออกมา แต่วันที่เ้าถูกหลันจาวอี้เรียกเข้าวังในวันนั้น ข้าเห็นเขามารอเ้าอยู่ด้านนอก หากไม่ได้เก็บคนคนหนึ่งไว้ในใจ เขาจะเป็ห่วงความปลอดภัยของเ้าได้อย่างไร สำหรับเขาแล้ว หลายสิบปีมานี้นอกจากพี่สามแล้ว ก็มีเ้าที่เป็คนมาเปิดใจของเขาอีกครั้ง ดังนั้น ตอนนี้เ้าเข้าใจแล้วใช่หรือไม่”
ซูิเยว่ฟังเวินเยว่พูดอย่างเงียบๆ จนจบ ในใจก็เกิดความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย แต่มากกว่านั้นมีความซาบซึ้ง แล้วก็มีความสุข นางมีความสุขจริงๆ
“เหนียงเหนียง เช่นนั้นตอนนี้ท่านจะบอกความจริงเกี่ยวกับมารดาของหม่อมฉันได้หรือไม่” ซูิเยว่ทำจิตใจให้สงบ ไม่ลืมเป้าหมายที่นางมาในวันนี้
“เ้าดูนิสัยของข้าสิ พอได้พูดแล้วก็หยุดพูดไม่ได้เลย” เวินเยว่หัวเราะ “มา ชาเย็นแล้วใช่หรือไม่ เดี๋ยวข้าเปลี่ยนแก้วให้เ้าเอง”
“ไม่เป็ไรเพคะ” ซูิเยว่ส่ายหน้า นางเงยหน้าดื่มน้ำชาจนหมด “หม่อมฉันทำเองเพคะ”
เวินเยว่ถอนหายใจแล้วลุกขึ้นเดินไปด้านข้าง “ในเมื่อเ้าอยากรู้ เช่นนั้นข้าก็จะบอกความจริงกับเ้า ข้าหวังว่าเ้าจะเตรียมใจเอาไว้แล้ว”
มือที่จับหูกาน้ำชาของซูิเยว่ค้างอยู่ตรงนั้น นางมองเวินเยว่อย่างไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายถึงพูดเช่นนี้
หากเป็เื่การตายของมารดามีเงื่อนงำ นางก็สามารถยอมรับได้ ก่อนหน้านี้นางก็เคยคาดเดามาแล้ว
เวินเยว่มองนางแล้วเอ่ยปากพูดอย่างเห็นใจ “คิดไปแล้วเ้าก็คงััได้ว่าซูโม่พ่อของเ้าปฏิบัติกับเ้าแปลกๆ ใช่หรือไม่”
ซูิเยว่พยักหน้าตามจริง ซูโม่เ็ากับนางมาตลอด แต่ในสายตาของคนอื่นเห็นแค่ว่าซูโม่เข้มงวดมากเกินไป เวินเยว่จะรู้เื่นี้ก็ไม่แปลก
เวินเยว่ถอนหายใจ “ความจริงแล้วซูโม่ที่เ้าเผชิญหน้าอยู่ตอนนี้ไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของเ้า”
ตูม!
เหมือนมีบางอย่างมาะเิในหัว จู่ๆ ซูิเยว่ก็รู้สึกว่ามีเสียงวิ้งอยู่ข้างหู