ร่างทั้งสองลอยขึ้นลงราวกับันาคาอยู่ในลานประลอง การต่อสู้รุนแรงอย่างยิ่งจนผู้ชมต่างตกตะลึง
“บ้าเอ๊ย! เ้าพฤกษา์นี่มาจากที่ใดกัน? เขาจะทรงพลังอะไรเช่นนี้?”
“แต่ขอบเขตเขายังต่ำเกินไป หากขอบเขตสูงกว่านี้บางทีอาจจะเอาชนะปรมาจารย์หยวนซิวได้จริงๆ”
หนิงเทียนอยู่ในขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นเจ็ด แม้อินทรีเหินจะถูกปราบปรามด้านขอบเขต แต่เขาก็ยังอยู่ในขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นเก้า ซึ่งชีพจรดาราในร่างของเขามีขนาดใหญ่ไม่ต่างจากภูผาธารา ทั้งยังมีพลังการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัว
หนิงเทียนเข้าใจความแตกต่างระหว่างอินทรีเหินและปรมาจารย์หยวนซิวรุ่นเยาว์ และลักษณะของซิงซิวกับหยวนซิวก็ยังแตกต่างกันมาก
พลังบำเพ็ญของหยวนซิวจะเปี่ยมล้นด้วยเืลมที่ทะยานสูง ส่วนบรรดาซิงซิวจะขัดเกลาจิติญญาจนมีพลังจิตที่แข็งแกร่ง
หยวนซิวมีความกล้าหาญ ส่วนซิงซิวมีความยืดหยุ่น นับว่าเป็สองลักษณะที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ทักษะร่างกายของอินทรีเหินทรงพลังไม่ต่างจากสายฟ้า การเคลื่อนไหวที่ไม่อาจคาดเดาและชีพจรดาราก็เคลื่อนไหวอย่างแปลกประหลาด มันมีอานุภาพการะเิอันมหาศาล อีกทั้งการรวมกันของทั้งสามสิ่งก็แทบจะอยู่ยงคงกระพันจนหนิงเทียนจำต้องล่าถอยทีละก้าว
หนิงเทียนคำรามอย่างดุเดือด กายาสุวรรณะนิรันดร์ถูกผสานเข้ากับทะลวงพันชั้น เส้นลมปราณฟ้าประทานทั้งเก้าปะทะชีพจรดารา์ การต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายไม่ต่างจากัปะทะพยัคฆ์ หมัดและแข้งห้ำหั่นกันในชั่วพริบตา และพลังที่เดือดพล่านก็ปกคลุมหัวใจราวกับเปลวเพลิงที่ลุกโชน
ในฐานะปรมาจารย์รุ่นเยาว์ นับว่าอินทรีเหินนั้นมีทักษะการขัดเกลาร่างกายที่น่าทึ่ง เขาฝึกฝนทักษะขัดเกลากายาดาราซึ่งคล้ายกับกายสุวรรณผสานหยวนของหยวนซิวและมีการป้องกันที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง
นอกจากนี้อินทรีเหินยังเชี่ยวชาญทักษะลับของซิงซิว ซึ่งสามารถดึงพลังที่ปะทุขึ้นของชีพจรดารา์ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ เมื่อเริ่มปล่อยพละกำลัง เขาก็สามารถเอาชนะพลังหนึ่งหยวนและกำราบความเย่อหยิ่งของหนิงเทียนได้อย่างแท้จริง
พลันใบหน้าของหนิงเทียนเริ่มเคร่งขรึม เขาคิดว่าหลังจากมีประสบการณ์เอาชนะปรมาจารย์หยวนซิวรุ่นเยาว์มาแล้ว การเอาชนะปรมาจารย์ซิงซิวรุ่นเยาว์ก็คงไม่คณามือ แต่กลายเป็ว่าเขาคิดผิด เนื่องจากประเภทของศัตรูแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง จึงไม่มีความคล้ายคลึงกันในการใช้กระบวนท่าและการเปลี่ยนแปลงทางยุทธวิธี
“กระบี่เลื่อนลอยไร้แก่น!”
“หมัดะเืดารา!”
ทักษะกระบี่ของหนิงเทียนช่างน่าหวาดหวั่น แต่หมัดะเืดาราของอินทรีเหินนั้นก็มีคลื่นกระแทกที่รุนแรงกว่าะเิถึงสิบเท่า มันสามารถต้านทานการรุกรานของกระบี่เลื่อนลอยไร้แก่นได้อย่างแท้จริง และการต่อสู้อย่างดุเดือดของทั้งสองฝ่ายก็ยังคงดำเนินต่อไป
“พันธะเงาดารา!” นี่เป็ทักษะลับของซิงซิว แกนดวงดาวที่ประกอบด้วยแสงดาวแปดสิบเอ็ดดวงปรากฏอยู่ข้างกายอินทรีเหิน มันเปล่งพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมาดุจแสงดาว แล้วก่อตัวอย่างลึกลับเพื่อจำกัดพื้นที่การเคลื่อนไหวของหนิงเทียน
หนิงเทียนใช้ม่านตาเพลิงและม่านตาสุวรรณรวมกับญาณทิพย์ ก่อนจะผสานพลังเลขเก้าหลักเพื่อสอดส่องความลับในการก่อตัวของดวงดาว พลันกลีบบุปผาปลิวว่อนไปทั่วเพียงปลายนิ้วดีดและปราณกระบี่ก็พังทลายห้วงอากาศ เขาจึงเอาชนะการเคลื่อนไหวของอินทรีเหินได้สำเร็จ
“ทักษะเก้าร่างเถาวัลย์ั!” หนิงเทียนใช้ทักษะโต้กลับเพื่อเอาชนะความเร็ว โดยหวังว่าจะสามารถต่อกรกับอินทรีเหินด้วยท่วงท่าที่หลากหลาย
ทว่าอินทรีเหินกลับยิ้มเยาะ ก่อนจะสลับใช้คาถาอาคมกับทักษะลับในทันที พร้อมทุบตีหนิงเทียนจนกระอักเืและร้องโอดครวญ
เมื่อเทียบพลังกับปรมาจารย์รุ่นเยาว์แล้ว หนิงเทียนกำลังรนหาที่ตายหรือไม่?
“เ้าโง่! สู้กับเขาตรงๆ สิ”
“ซิงซิวมีความเชี่ยวชาญด้านคาถาอาคมและมีพลังจิตที่แข็งแกร่ง วิธีเดียวที่จะปราบเขาได้คือใช้ความแข็งแกร่งทางกายภาพ!”
ผู้ชมด้านล่างลานประลองต่างกังวลอย่างมาก พวกเขา้าแนะนำวิธีโจมตีทีละขั้นตอนให้หนิงเทียน
ถึงกระนั้นหนิงเทียนก็ยังไม่สะทกสะท้าน แม้เขาจะเสียเปรียบแต่อย่างที่ชิงผีซานได้กล่าวไว้ว่า โอกาสที่ได้สู้กับปรมาจารย์รุ่นเยาว์ถือเป็การฝึกฝนที่ดีที่สุดสำหรับเขา
หนิงเทียนมีกายาสุวรรณะนิรันดร์ที่ช่วยให้เขาอยู่ยงคงกระพัน เมื่อผสานญาณทิพย์เข้ากับทะลวงพันชั้น วิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่น ทะยานหลงเงาตัดผกา และทักษะเก้าร่างเถาวัลย์ัแล้ว เขาก็สามารถรับมือกับอินทรีเหินได้อย่างเต็มที่
การต่อสู้แสนดุเดือดทำให้จิตใจของเหล่าผู้ชมลุกเป็ไฟด้วยความตื่นเต้น บางครั้งพวกเขาก็ประหลาดใจ บางครั้งก็โห่ร้อง ซึ่งในใจลึกๆ ส่วนใหญ่ก็ล้วนสนับสนุนหนิงเทียน รู้สึกเห็นอกเห็นใจเขา และคาดหวังว่าเขาจะสยบอินทรีเหินได้
หนิงเทียนเข้าสู่สภาวะการต่อสู้ ญาณทิพย์ทำให้เขามองเห็นการเปลี่ยนแปลงของชีพจรดาราในร่างของอินทรีเหิน ไม่ว่าจะเป็ทิศทางของพลัง ความเร็วของหมัด ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนไหวก็ล้วนเห็นได้อย่างชัดเจน
ความคิดของหนิงเทียนเปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็ว และวิธีรับมือรูปแบบต่างๆ ก็แวบขึ้นมาในใจเขาราวกับสายฟ้าแลบ
ทว่าอินทรีเหินนั้นปราดเปรียวมากเกินไป บางคราหนิงเทียนยังไม่ทันคิดหาหนทางรับมือ อินทรีเหินก็เปลี่ยนยุทธวิธีไปแล้ว ซึ่งบังคับให้หนิงเทียนต้องปรับเปลี่ยนการเคลื่อนไหวตามไปด้วย
ความสามารถในการปรับตัวอย่างแรงกล้านี้ไม่สามารถเกิดข้อผิดพลาดได้ เขาจึงต้องใช้พลังจิตอย่างมหาศาล
อินทรีเหินชำนาญด้านการควบคุมจิตใจและความแม่นยำอย่างยิ่ง เขาฝึกฝนทุกขอบเขตเล็กๆ จนถึงจุดที่เขาคิดว่ามันสมบูรณ์แบบแล้ว ดังนั้น เขาจึงเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ แต่หนิงเทียนกลับรู้สึกแปลกๆ ต่ออินทรีเหิน เด็กคนนี้ทรงพลังมากเกินไปและดูไม่เหมือนผู้บำเพ็ญเลย
นอกจากนี้ทักษะม่านตาของหนิงเทียนยังชัดเจนมาก รูปแบบจิติญญาทั้งสี่ระดับในม่านตาของเขาถูกเปิดใช้อย่างเต็มที่ เช่นนี้เขาย่อมไม่สามารถซ่อนมันจากอินทรีเหินได้ ดังนั้น อินทรีเหินจึงเลือกใช้การโจมตีที่รวดเร็วขึ้น
ทักษะต่อสู้ของหนิงเทียนไม่ได้ดีเท่าอินทรีเหิน แต่เมื่อญาณทิพย์ของเขารวมกับกายาสุวรรณะนิรันดร์ก็ทำให้เกิดการป้องกันที่แข็งแกร่ง และอินทรีเหินก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้อยู่พักหนึ่ง
เวลาเลื่อนผ่านไป การโจมตีที่รวดเร็วเต็มไปด้วยความเข้มข้นในการบริโภคและการฟื้นตัว มันคือการทดสอบครั้งใหญ่และคือสิ่งที่หนิงเทียน้าฝึกฝน
ทั้งสองฝ่ายฟาดฟันกันเกือบหมื่นกระบวนท่า อินทรีเหินซึ่งแต่เดิมเย่อหยิ่งก็กลับกลายเป็เดือดดาล เพราะผลลัพธ์นี้นับเป็ความอัปยศสำหรับเขา
ความเร็วในการดูดกลืนพลังิญญาและการซ่อมแซมการบริโภคของหนิงเทียนดีกว่าอินทรีเหินมาก อีกทั้งกายเต๋าิญญาศักดิ์สิทธิ์ของเขายังมีข้อได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทำให้อินทรีเหินเริ่มไม่สบายใจ
“ผสานดาราเฉือนิญญา!” นี่คือทักษะลับขั้นสูงสุดของเชื้อสายซิงซิว เดิมทีขอบเขตจิตหยั่งลึกไม่สามารถออกพลังได้มากนัก แต่หนิงเทียนกลับรู้สึกได้ถึงอันตราย
ชีพจรดาราทั้งเก้าปรากฏขึ้นรอบร่างของอินทรีเหินราวกับเ้าดาราจักรที่ระยิบระยับด้วยแสงสลัวๆ
ในเงามืดแห่งดาราจักร ดวงดาวสุกใสพุ่งชนกันพร้อมะเิและปลดปล่อยพลังทำลายล้างราวกับิญญากำลังคำราม
ิญญาที่แตกสลายและต้องสาปเหล่านี้รวมตัวกันอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกลายเป็ปราณกระบี่อันน่าทึ่งที่ปรากฏบนหัวของหนิงเทียน
นี่คือผสานดาราเฉือนิญญา เป็ทักษะสังหารทางจิตที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สามารถสังหารจิติญญาของผู้คนได้ ทั้งยังเป็ทักษะที่เผด็จการอย่างยิ่ง
หนิงเทียนร้องลั่น ทันใดนั้นแส้เถาวัลย์ัก็ปรากฏขึ้น ภาพมายาของอาวุธิญญาทั้งเก้าส่ายไปมา ห้วงอากาศโดยรอบบิดเบี้ยวและหดตัวลง ซึ่งมีพลังที่มองไม่เห็นและน่าสะพรึงกลัวแฝงอยู่ทุกอณู
เมื่อปราณกระบี่กระทบแส้เถาวัลย์ัก็เกิดการะเิในห้วงอากาศ คลื่นจิติญญาที่เดือดพล่านดุจเปลวเพลิงลุกไหม้ก็ทำให้หนิงเทียนปวดหัวราวกับหัวจะแตกเป็เสี่ยง
อินทรีเหินถอยกลับอย่างรุนแรงพร้อมขู่คำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว การเคลื่อนไหวนี้ไม่เพียงทำให้การสังหารหนิงเทียนล้มเหลวเท่านั้น แต่ตัวเขายังาเ็สาหัสอีกด้วย
“หัตถ์์เมฆาลวง!” อินทรีเหินใช้อีกทักษะหนึ่ง นิ้วมือข้างซ้ายงอเหมือนตะขอ นิ้วมือข้างขวาสะบัดเหมือนกระบี่ การเคลื่อนไหวครั้งนี้น่ามหัศจรรย์อย่างยิ่ง
“ร่างแปลงเถาวัลย์ัทะลวงพันชั้น!” หนิงเทียนคำรามอย่างบ้าคลั่ง รัศมีของเขากลืนกินนภา ทั่วร่างสว่างไสวราวกับดวงอาทิตย์สีทองเนื่องจากการคุ้มครองของกายาสุวรรณะนิรันดร์และนำทางด้วยญาณทิพย์ เขาผสานวิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่น ทะลวงพันชั้น และทักษะเก้าร่างเถาวัลย์ัเป็หนึ่ง จากนั้นก็ทำลายการเคลื่อนไหวของอินทรีเหินได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวจนอีกฝ่ายใและถอยไปสิบจั้ง
อินทรีเหินกรีดร้องอย่างเดือดดาล ข้อได้เปรียบที่เขาภาคภูมิใจมาตลอดกลับตาลปัตรอย่างยิ่งในยามนี้ ซึ่งเป็สิ่งที่เขายอมรับไม่ได้
ปรมาจารย์ซิงซิวรุ่นเยาว์ผู้ชนะห้าสิบครั้งติดต่อกันอย่างเขาจะไม่สามารถเอาชนะมดในเชื้อสายรากพฤกษาได้อย่างไร?
“ดาราฟาดฟันต่อเนื่อง!” ยามนี้อินทรีเหินคลุ้มคลั่งไปแล้ว เขาใช้พลังคาถาที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อบดขยี้ศัตรูให้แหลก
หนิงเทียนมีจิติญญาแห่งการต่อสู้ที่สูงส่ง เขาย่อมไม่ยอมจำนนและทุ่มเทความรู้ทั้งหมดในชีวิตเพื่อตอบโต้อินทรีเหินจนเืสาดกระเซ็นไปไกลกว่าสามจั้ง ยามนี้ทั้งสองฝ่ายต่างประสบกับความสูญเสีย
อินทรีเหินหยิ่งผยองอย่างมาก จื๋อซิวในสายตาของเขาเป็เพียงมดปลวกตัวจ้อยและไม่มีวันคู่ควรที่จะต่อสู้กับตน แต่วันนี้เด็กหนุ่มขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นเจ็ดกลับเอาชนะและทำให้เขาาเ็สาหัสจนกระอักเื ซึ่งทำให้เขาแทบจะเป็บ้า
เขาเริ่มเผาิญญาของตน พลังจิตที่เดือดพล่านราวกับแสงดาวนับพันล้านพุ่งออกมาเหนือศีรษะ ก่อนจะกลายเป็กลุ่มหมอกดาราที่ปล่อยพลังแห่งการทำลายล้างออกมา
หนิงเทียนรับรู้ถึงอันตรายอีกครา นี่เป็ทักษะต้องห้ามของปรมาจารย์รุ่นเยาว์ซึ่งสามารถครองยุคสมัยได้
“ฝังกระดูกลงดิน ข้าฝังเซียน บุปผาที่ร่วงหล่นจมลงสู่เหวลึก!” หนิงเทียนตัดสินใจใช้ทักษะฝังบุปผาซึ่งทำให้เส้นลมปราณทั้งเก้าในร่างสั่นะเื แผนที่จิติญญาทั้งเจ็ดล้วนตื่นขึ้นอย่างเต็มกำลัง ยุทธศาสตร์ครอง์ผสานกับกายเต๋าิญญาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งนำด้วยวิสัยทัศน์ทางจิติญญา จากนั้นก็เข้าปะทะกับอินทรีเหิน
เสียงกัมปนาทะเืฟากฟ้ามาพร้อมกับเสียงหวีดหอนทะลุแก้วหู เสื้อผ้าของหนิงเทียนฉีกขาดเป็ชิ้นๆ เืหลั่งไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ด ส่วนแขนของอินทรีเหินก็ขาดเป็เสี่ยง เืเปื้อนกระจายทั่วทั้งลานประลองจนเขาต้องกรีดร้องอย่างไม่เต็มใจ
“ทะลวงพันชั้นตัดชะตาแห่งใต้หล้า!” เสียงของหนิงเทียนทั้งบริสุทธิ์และสง่างามพร้อมด้วยจังหวะที่อธิบายไม่ได้ ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงคลื่นผันผวนของชีวิตและความรกร้าง
ดวงตาของอินทรีเหินเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด สัญชาตญาณที่ััได้ถึงลางร้ายแวบเข้ามาในใจ ราวกับบอกว่าชะตาของเขากำลังจะขาดและกำลังจะถูกสังหาร
อินทรีเหินใช้ทักษะกายาแสงดาวใน่วิกฤตของชีวิต ทันทีที่เขาทะยานขึ้นไปบนห้วงอากาศก็รู้สึกหนาวสั่นไปถึงกระดูกสันหลัง ผมของเขาปลิวไสว ก่อนจะถูกปราณกระบี่พุ่งตัดหูซ้ายของเขาจนขาด
อินทรีเหินรู้สึกหวาดกลัวและรู้สึกว่าวิกฤตยังไม่จบ ทันใดนั้นปราณกระบี่ที่ฉวยโอกาสจากสถานการณ์ก็ฟาดลงมาในแนวตั้งแล้วพุ่งใส่ศีรษะของเขา
“อ๊าก! เกลียดเ้ายิ่งนัก!” อินทรีเหินคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว เขายกแขนซ้ายขึ้นป้องกันการโจมตีของปราณกระบี่ ซึ่งไม่ต่างจากการเสียเรือเพื่อรักษาขุนพล
ดวงตาของหนิงเทียนเป็ประกาย แม้ปรมาจารย์หยวนซิวรุ่นเยาว์จะหนีไปได้ แต่เขาไม่อาจปล่อยให้ปรมาจารย์ซิงซิวรุ่นเยาว์หลบหนีได้อีก
“ย่างก้าวหวีด์” พลันดอกบัวเติบโตใต้ฝ่าเท้าของหนิงเทียนทีละก้าว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นจนไม่ต่างจากสายฟ้า ก่อนจะไล่ล่าสังหารอย่างบ้าคลั่ง
อินทรีเหินแทบเสียสติ คราแรกเขาหวังว่าตนจะลากหนิงเทียนให้ตายร่วมกัน ทว่าสุดท้ายเขาก็เลือกที่จะหลบหนี
“กลับมา!” หนิงเทียนคำรามอย่างไม่พอใจ ดอกไม้และใบไม้ปลิวไสวไปทั่วในพริบตาพร้อมกับห้วงอากาศที่แตกสลาย
แขนของอินทรีเหินถูกแทงทะลุ เขาส่งเสียงกรีดร้องแหลมคมและรีบวิ่งออกจากลานประลอง ก่อนจะพุ่งตัวออกไปนอกหน้าต่างและหนีไปพร้อมความพ่ายแพ้
หนิงเทียนะโสาปแช่งเสียงดังจนทุกคนที่ดูการต่อสู้อยู่ล้วนตกตะลึง
ทางด้านชิงผีซานก็ตื่นเต้นมากจนเอามือถูกัน เนื่องจากการเดิมพันคราวนี้เขาจะได้กำไรเป็กอบเป็กำ
หนิงเทียนที่หน้าบอกบุญไม่รับอยู่ห่างจากการสังหารปรมาจารย์ซิงซิวเพียงเส้นผมเดียวเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากการเอาชนะอย่างสิ้นเชิง
“เราขึ้นไปชั้นสี่กันเถอะ” ชิงผีซานเข้ามาหาอย่างรวดเร็วและดึงหนิงเทียนออกไปทันที
ในเวลานี้เองที่ผู้ชมส่วนใหญ่เริ่มรู้สึกตัว
“ไม่นะ! ผลไม้ิญญาของข้า!”
“ธนูหม่อนเพลิงของข้าด้วย!”
แม้หนิงเทียนจะชนะแต่ผู้ชมต่างก็แพ้เดิมพัน ทุกคนจึงเสียใจอย่างมากจนต้องโห่ร้องออกมา
ชั้นสี่ของวังผ่านภาต่างจากชั้นสองและสามเล็กน้อย ที่นี่ไม่มีหน้าต่าง แต่ก้ยังมีลานประลองที่จิตอสูรและิญญาอาวุธกำลังต่อสู้กัน
หนิงเทียนไม่พบร่องรอยของหยวนซิวและซิงซิว แต่เขาถูกดึงดูดด้วยทิวทัศน์เหนือลานประลอง
มันเป็พื้นที่อันมีเอกลักษณ์ ูเาและผืนน้ำ ต้นไม้และดอกไม้ ต้นหญ้าและเถาวัลย์ อีกทั้งรอบด้านยังเต็มไปด้วยดอกไม้ประหลาดและผลไม้แปลกตาที่มอบกลิ่นหอมอันน่าหลงใหล
“ชั้นนี้เตรียมไว้สำหรับจื๋อซิวโดยเฉพาะ ดอกไม้และผลไม้เ่าั้เหมาะสำหรับการบ่มเพาะของจื๋อซิว ทั้งยังไม่ใช่เพียงโชคเล็กๆ น้อยๆ”
หนิงเทียนพูดอย่างตื่นเต้น “มีอะไรที่เหมาะกับข้าบ้างหรือไม่?”
“ระดับของเ้าต่ำเกินไป และเ้าอาจไม่ชอบรางวัลที่จะได้รับ”
“ข้าสามารถท้าทายแบบก้าวะโได้”
ชิงผีซานยิ้มพร้อมกล่าวว่า “ลานประลองนี้ถูกจำกัด เ้าต้องแข่งขันกับขอบเขตเดียวกันและสิ่งตอบแทนนั้นจะสอดคล้องกับขอบเขต เ้าไม่สามารถปลอมแปลงได้”
“บ้าจริง! นี่มันแกล้งกันชัดๆ” หนิงเทียนขุ่นเคืองเล็กน้อย การได้เห็นของล้ำค่ามากมายแต่ไม่อาจรับมาได้มันช่างน่าโมโหเสียจริง
“ไปกันเถอะ อย่าสู้กับพวกเขาที่นี่เลย ไม่เช่นนั้นเ้าจะมี่เวลาที่ยากลำบากหลังออกจากวังผ่านภา”
“ข้างบนนั่นมีอะไรอีกหรือ?”
“เ้าก็ลองทายดูสิ!”
