เพราะเสียงของเด็กน้อยเมื่อครู่นี้นางจึงคิดว่านั่นเป็ลูกสาวของตน ''จี้เยวี่ย'' แต่ก็พูดได้ว่านั่นเป็เพราะความรู้สึกที่คิดถึงลูกสาวจนแทบคลั่งของนางเองทว่ายามนี้...
แม้ว่าคืนนี้สายตาจะมืดมัวแต่สำหรับคนปกติคนหนึ่งแล้วก็ไม่ได้มืดมัวถึงขั้นแยกคนตรงหน้าไม่ออกว่าใช่เด็กสิบขวบหรือไม่
พฤติกรรมของฮองเฮาอวี่เหวินในยามนี้...คือการมองนางเป็ ''องค์หญิงจี้เยวี่ย'' ลูกสาวของตัวเองจริงๆ!
"เสด็จแม่อาการาเ็ของข้าไม่เป็ไร เสด็จแม่อย่าขยับ ให้ข้านอนพิงท่านก็ดีขึ้นแล้ว"เหนียนยวี่เอ่ยปาก การคาดเดาในใจค่อยๆ เป็รูปเป็ร่าง
ฮองเฮาอวี่เหวินลังเลอยู่ครู่หนึ่งประคองศีรษะของเหนียนยวี่อย่างระมัดระวังให้นางพิงลงในอ้อมอกมือของเหนียนยวี่ก็จับชีพจรของฮองเฮาอวี่เหวินอย่างลวกๆ แม้เพียงครู่เดียวการคาดเดาก่อนหน้านี้ก็ได้รับการยืนยันแล้ว ในใจนางอดไม่ได้ที่จะแอบทอดถอนใจ
"เสด็จแม่พวกเราไปกันเถิดเพคะ"
หลังจากพักสักครู่ เหนียนยวี่ก็ลุกขึ้นจากอ้อมอกของฮองเฮาอวี่เหวิน ทว่าใบหน้าของฮองเฮาอวี่เหวินยังคงเต็มไปด้วยความกังวลประเมินมองร่างกายนางอย่างลุกลนสับสน ราวกับว่ากำลังตรวจสอบอาการาเ็ของนางยื่นมือไปััของเหลวที่เปียกโชกบนตัวนางความตื่นตระหนกในดวงตาคู่นั้นอย่างไรก็มิอาจเลือนหายไปได้
เมื่อรู้สึกถึงความกังวลของนางเหนียนยวี่จึงเอ่ยอย่างอ่อนโยนขึ้นว่า “เสด็จแม่ จี้เยวี่ยไม่ได้รับาเ็อะไรเืพวกนี้เป็ของเ้าแมลงั์ ไม่เชื่อท่านก็ลองดู จี้เยวี่ยก็แค่ถูกแมลงั์ตะปบาแไม่ลึกมาก จัดการสักนิดก็ดีขึ้นแล้วเพคะ”
"จริงหรือ?" ฮองเฮาอวี่เหวินมองดูเหนียนยวี่อย่างสงสัย ลูบตัวนางเบาๆเสื้อผ้าบนตัวนางส่วนใหญ่ยังคงสมบูรณ์ และไม่มีร่องรอยของการาเ็ใดๆ นอกจากที่แขน...
ฮองเฮาอวี่เหวินเห็นาแที่แขนจึงสะอื้นไห้อีกครั้ง"จี้เยวี่ย แม้ปกป้องเ้าได้ไม่ดี แม่จะไม่ยอมให้เกิดอะไรขึ้นกับเ้าไม่มีทาง..."
ฮองเฮาอวี่เหวินเต็มไปด้วยการตำหนิตัวเอง เหนียนยวี่รู้ว่าฮองเฮาอวี่เหวินจมอยู่ในโลกของตัวเองแล้วไม่อาจถอนตัวออกมาสักพักหนึ่ง ทำได้เพียงพาฮองเฮาอวี่เหวินเดินต่อไปข้างหน้า
พวกนางจะต้องออกจากป่าพุ่มหนามนี้ให้เร็วขึ้นอีกนิดยิ่งพวกนางอยู่ที่นี่นานเท่าใด ก็ยิ่งหาทางออกได้ยากขึ้นเท่านั้น...
ด้านนอกสวนร้อยสัตว์
ในวังหลวงยังคงเฉลิมฉลองกันอย่างคึกคักไม่มีผู้ใดรู้ว่าเกิดเื่น่าหวาดผวาขึ้นในสวนร้อยสัตว์แห่งนี้
อีกสองชั่วยาม งานเลี้ยงในสวนวันนี้ก็จะจบลงเหล่าฮูหยินและคุณหนูที่ได้รับเชิญมาวันนี้ต่างออกจากวังหลวงกันหมดแล้วหลังจากนางกำนัลในตำหนักชีอู๋ค้นหามาหลายชั่วยามแล้วก็ยังไม่พบตัวฮองเฮาอวี่เหวินจึงไปขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้หยวนเต๋อ ทูลรายงานเื่การหายตัวไปของฮองเฮา
"เ้าจะบอกว่า...ครั้งสุดท้ายที่เห็นฮองเฮาคือที่นี่อย่างนั้นหรือ?"
ภายนอกสวนร้อยสัตว์ฮ่องเต้หยวนเต๋อใบหน้าเคร่งขรึมมองดูกระดาษเงินกระดาษทองย่นที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น วงคิ้วขมวดเข้าหากัน
“ทูลฝ่าา ใช่ ที่นี่เพคะ คราแรกบ่าวอยู่กับพระนาง ทว่าต่อมาพระนางทรง้าอยู่ตามลำพังสักพักอยู่เป็เพื่อน...” เจินกูกูราวกับเกรงกลัวที่ฝ่าฝืนคำต้องห้ามของฝ่าา พูดอึกๆอักๆ ทว่าเมื่อนึกถึงฮองเฮาอวี่เหวินยามนี้ที่สาบสูญไร้ร่องรอยก็ไม่คำนึงอะไรมากแล้ว รายงานต่อไปว่า "พระนางทรง้าอยู่เป็เพื่อนองค์หญิงจี้เยวี่ยเพคะบ่าวจึงออกไปต้มโจ๊กให้พระนาง ยามที่กลับมาก็ไม่พบพระนางแล้วเพคะบ่าวค้นหาทั่วทั้งวังหลวงแล้วก็ไม่พบร่างของพระนางเลยเพคะ..."
เมื่อเอ่ยถึงองค์หญิงจี้เยวี่ย ทั่วทั้งร่างของฮ่องเต้หยวนเต๋อสั่นสะท้านอย่างเห็นได้ชัดมีประกายบางอย่างพาดผ่านดวงตาของเขา ''จี้เยวี่ย''...
เขาคาดไม่ถึงว่าจะลืม วันนี้คือวันที่เจ็ดเดือนเจ็ดเทศกาลฉีเฉี่ยว เป็วันตายของจี้เยวี่ย
เมื่อนึกถึงเื่ที่เกิดขึ้นในปีนั้นฮ่องเต้หยวนเต๋อลอบถอนหายใจ กำลังจะตรัสอะไรบางอย่าง องค์หญิงใหญ่ชิงเหอที่จือเถาช่วยประคองมาก็เอ่ยขึ้นอย่างเร่งรีบว่า "เสด็จพี่เพคะ ชิงเหอได้ยินว่าพี่สะใภ้หายไปยังมียวี่เอ๋อร์ด้วย ยวี่เอ๋อร์ก็หายตัวไปด้วยเพคะ"
เหนียนยวี่หรือ?
ฉู่ชิงและจ้าวอี้ที่ยืนอยู่ข้างๆต่างก็ประหลาดใจในเวลาเดียวกัน องค์หญิงใหญ่ชิงเหอเพิ่งตรัสว่าอะไรนะ?
เหนียนยวี่หายไปงั้นหรือ?
“เสด็จป้านี่มันเกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่? ท่านตรัสให้ชัดเจนเสี่ยวยวี่ไม่ได้กลับไปจวนเหนียนหรือ?” จ้าวอี้เอ่ยพูดก่อนเดิมเขาก็กังวลใจอย่างมากแล้วที่ฮองเฮาอวี่เหวินหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยยามนี้ก็ยิ่งสงบใจไม่ไหวอีกต่อไป ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน
ไม่ใช่แค่เขา ฉู่ชิงที่สงบนิ่งจนเป็นิสัยเมื่อได้ยินข่าวนี้ ก็ยังก้าวเท้าเข้ามาหาองค์หญิงใหญ่ชิงเหอวงคิ้วภายใต้หน้ากากขมวดแน่น
“หลังจากงานเลี้ยงฉีเฉี่ยวล่มลง ข้ารู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย จึงกลับไปพักที่ตำหนักฉิ่นก่อนจะไปก็บอกกับยวี่เอ๋อร์ไว้แล้วว่าวันนี้ไม่ต้องกลับจวนเหนียนให้กลับจวนองค์หญิงกับข้า ทว่าผ่านไปนานแล้วก็ยังไม่เห็นนางมาหาข้าข้าจึงสั่งให้จือเถาไปตามหา จือเถาเห็นรถม้าจวนเหนียนออกจากวังทว่าไม่เห็นแม้แต่เงาของยวี่เอ๋อร์” องค์หญิงใหญ่ชิงเหอเองก็รู้สึกกังวลมากแม้นางกับยวี่เอ๋อร์จะไปมาหาสู่กันได้ไม่นานทว่าก็รู้จักนิสัยของยวี่เอ๋อร์อยู่บ้างพวกนางกำชับตกลงกันไว้แล้วว่าจะกลับจวนองค์หญิงใหญ่ แม้ยวี่เอ๋อร์จะมีเื่ด่วนนางก็จะคิดหาหนทางมาแจ้ง เพื่อไม่ให้นางเป็ห่วงอย่างแน่นอน
ยามนี้ หายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีแม้แต่ข่าวคราวเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่นิสัยของนาง เว้นแต่...เว้นแต่จะมีเื่พิเศษบางอย่างเกิดขึ้น
เมื่อคิดถึงตรงนี้สีหน้าแววตาขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอก็ยิ่งเคร่งขรึมมากขึ้น
"เป็อย่างไรบ้าง? เสด็จแม่หายตัวไป ยวี่เอ๋อร์เองก็หายไปด้วย ในวังหลวงแห่งนี้ คนสำคัญถึงสองคนหายตัวไปอย่างไม่ชัดเจนเช่นนี้ได้อย่างไร?"
จ้าวอี้ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างไม่ปกติ เดินเตร่อย่างร้อนรนด้วยสีหน้ากังวล
นอกสวนร้อยสัตว์บรรยากาศถูกปกคลุมไปด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด กดดันผู้คนยากเกินกว่าจะหายใจ
"ฝ่าาพ่ะย่ะค่ะ นี่...ประตูนี่ดูเหมือนว่าจะมีร่องรอยการขยับเลยพ่ะย่ะค่ะ"
ทันใดนั้น ฉู่ชิงที่เงียบมาตลอดก็เอ่ยปากขึ้นเขาในยามนี้ ยืนอยู่ตรงตำแหน่งใกล้กับประตูสวนร้อยสัตว์มากที่สุดหลังจากเขาตรวจสอบสภาพที่เกิดเหตุอย่างละเอียดความสนใจของเขาก็ถูกรอยนิ้วมือบนกลไกดึงดูดเข้าไป
ทันใดนั้น ทุกคนก็หันไปมองฉู่ชิง ฮ่องเต้หยวนเต๋อ จ้าวอี้รวมถึงองค์หญิงใหญ่ชิงเหอต่างก็เดินไปที่ประตูสวนร้อยสัตว์พร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ด้วยแสงจากคบเพลิง พวกเขาเห็นร่องรอยบนกลไกนี้จริงๆ
หรือว่า...
"พวกนางเข้าไปในสวนร้อยสัตว์หรือ?"จ้าวอี้เอ่ยในสิ่งที่ในใจเขาคาดเดาออกมา
สีหน้าของทุกคนแทบจะเปลี่ยนไปทันที
เข้าไปในสวนร้อยสัตว์ เช่นนั้นก็หมายความว่า...
“พระนาง...เป็ไปได้อย่างไร?ฝ่าาเพคะ พระองค์ต้องช่วยพระนางนะเพคะ ในครานั้นองค์หญิงจี้เยวี่ยเพราะไม่ระวังเข้าไปในสวนร้อยสัตว์ จึง...” ทันใดนั้นเจินกูกูก็คุกเข่าลงบนพื้นนึกถึงภาพองค์หญิงจี้เยวี่ยที่ทั้งตัวอาบไปด้วยเืสิ่งที่เกิดขึ้นกับองค์หญิงจี้เยวี่ยในตอนนั้น หากเกิดขึ้นอีกครั้งกับพระนางละก็เช่นนั้น...
เช่นนั้นผลที่ตามมาเจินกูกูไม่กล้านึกถึงผลที่ตามมา ไม่ใช่แค่นาง แต่ทุกคนในที่นี้ก็ไม่อยากคิดถึงผลที่จะตามมาเช่นกัน
“ไม่ได้” จู่ๆ จ้าวอี้ก็ได้สติ ส่ายหัวอย่างไม่รู้ตัว เขาแทบไม่อยากเชื่อนี่เป็ครั้งแรกที่เขากระวนกระวายใจขนาดนี้ ดูเหมือนอยากจะค้นหาบางสิ่งเพื่อยืนยันการคาดเดาว่าจะไม่เกิดขึ้น จ้าวอี้รีบหันไปมองฮ่องเต้หยวนเต๋อ"หม่อมฉันจำได้ตอนนั้นเสด็จพ่อสั่งให้ชำระสะสางสวนร้อยสัตว์แห่งนี้ไปรอบหนึ่งแล้วข้างในไม่มีสัตว์ร้ายแล้ว เพราะฉะนั้นจะต้องไม่มีเื่...ไม่มีเื่แน่นอน"
ยามนั้นแม้เขาจะจำได้ไม่ชัดนัก แต่เหมือนว่าบางทีนอกป่าพุ่มหนามหรือในป่าพุ่มหนามกันนะ?
ดวงตาของจ้าวอี้ที่สั่นไหวฉายแววกระวนกระวายมากขึ้นเรื่อยๆ
แม้จะไม่มีสัตว์ร้ายอยู่ในสวนร้อยสัตว์แต่พื้นที่ภายในก็ซับซ้อนเพียงแค่ค่ายกลของเขาวงกตที่คาดเดาไม่ได้เปลี่ยนแปลงได้เรื่อยๆ ในป่าพุ่มหนามก็สามารถทำให้คนเป็ๆ อ่อนแรงจนตายในนั้นได้
หากทั้งเสด็จแม่และยวี่เอ๋อร์เข้าไปในสวนร้อยสัตว์เช่นนั้นผลที่ตามมา...
จ้าวอี้ที่กำลังคิดอยู่ ก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นสะท้านเขาก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว