“ขอบคุณสหายทุกท่าน! พวกท่านให้เกียรติกันเกินไปแล้ว ก็แค่ทักษะเล็กๆ น้อยๆ ไม่ควรค่าให้กล่าวถึง! ฮ่าๆๆ...” เฟิ่งชังตอบกลับอย่างจงใจถ่อมตน ทว่าเสียงหัวเราะที่ดังอย่างสะใจนั้นกลับเปิดโปงความรู้สึกที่แท้จริงในใจของเขาในตอนนี้เสียหมดสิ้น
หลี่เต๋อหรงที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่งแทบจะกระอักเื!
ถุย! ตาเฒ่าเ้าเล่ห์ เสแสร้งแกล้งทำจนเป็นิสัยแล้วกระมัง
นี่เรียกว่าทักษะเล็กๆ น้อยๆ หรือ เ้า้าให้ผู้ใดอาเจียนกัน?
ทว่า เมื่อนำคนมาเปรียบเทียบกับคน ยังคงทำให้ใแทบตายอยู่ดี!
ก่อนหน้านี้เขารู้สึกมาโดยตลอดว่าบุตรสาวของตนแม้จะมีอารมณ์ฉุนเฉียวไปบ้าง แต่อย่างไรก็ยังมีความรู้ความสามารถติดตัว สามารถเขียนบทกวี วาดภาพ เมื่อเทียบกับฮองเฮาหน้าอกใหญ่ไร้สมองแล้ว ยังดีกว่าร้อยเท่าพันเท่า!
แต่วันนี้ ความคิดของเขากลับถูกความจริงตรงหน้าทำให้หกคะเมนตีลังกา...
ความรู้สึกเป็สุขในใจเลือนหายไปไม่เหลือ ที่เข้ามาแทนที่คือความรู้สึกสลดหดหู่และความริษยาที่หยั่งรากลึก
เหตุใดสตรีที่มากไปด้วยความสามารถเช่นนี้มิใช่บุตรสาวของเขา แต่เป็บุตรสาวของศัตรูคู่แค้นของเขา
เขายิ่งคิดยิ่งแค้น
บนที่ประทับ เซวียนหยวนเช่อเปลี่ยนอิริยาบถในการนั่ง ร่างของเขาโน้มมาข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว อยู่ห่างจากเฟิ่งเฉี่ยนไปไม่มากนัก ดวงตาคมกล้านั้นเปี่ยมไปด้วยความประหลาดใจ จากนั้นความอบอุ่นอ่อนโยนที่ไหลบ่าเข้ามาประหนึ่งสายน้ำหลากที่ยากจะหยุดยั้งได้พากันประเดประดังถาโถมกันเข้ามา!
นี่คือสตรีที่เขาต้องตาต้องใจและให้ความสำคัญ!
สตรีที่มีลักษณะพิเศษทำให้คนปรารถนาจะ!
นางที่เป็เช่นนี้ ทำให้เขาไม่อาจถอนสายตาไปจากนางได้!
ทันใดนั้น เขานึกอะไรขึ้นมาได้ ดวงตาคมปลาบนั้นปรากฏให้เห็นประกายที่หม่นวูบ คิ้วขมวดแน่น
นางจดจำแผนที่ในวังหลวงได้อย่างแม่นยำ ถึงกับจดจำทุกๆ รายละเอียดปลีกย่อยได้อย่างชัดเจน นางคิดจะทำอะไรกันแน่?
หรือนางเตรียมตัวั้แ่แรกแล้ว นางคิดจะไปจากวังหลวง?
คิดมาถึงความเป็ไปได้นี้ นิ้วมือเรียวยาวของเขาค่อยๆ กำเป็หมัดแน่น สีหน้าของเขาเยียบเย็นและว้าวุ่น!
เขาทายถูกแล้ว!
เฟิ่งเฉี่ยนได้เตรียมตัวไปจากวังหลวงแต่แรกแล้ว ดังนั้นนางจึงจดจำทุกซอกทุกมุมของวังหลวง นี่เป็ความเคยชินจากการเป็มือสังหารเช่นนาง จำเป็ต้องศึกษาตำแหน่งและแผนที่ที่ตนอยู่อย่างชัดเจน จะปล่อยให้ไม่ชัดเจนในจุดใดจุดหนึ่งไม่ได้ ดังนั้น นางจึงจดจำแผนที่และเส้นทางในวังหลวงไว้ในหัวเนิ่นนานแล้ว!
เมื่อสักครู่ขณะที่ผู้ตัดสินได้เสนอให้แข่งขันการวาดภาพ สิ่งที่สมองของนางคิดออกเป็สิ่งแรกก็คือการวาดแผนที่ เพราะนางวาดเป็แค่แผนที่เท่านั้น!
และวาดได้ดีเยี่ยม!
เมื่อถึง่สุดท้ายของการเก็บงานปักผ้า มือของนางยิ่งเร็วขึ้นอีก คนทั้งหลายเห็นเพียงแค่มือทั้งคู่ของนางที่สลับกันไม่หยุด เข็มปักผ้าแปดเล่มปักเข้าปักออกสลับกันไปมาราวกับใยแมงมุม ดูแล้วทำให้คนตาพร่า ภายใต้ความรวดเร็วเช่นนี้ ภาพปักบนผืนผ้าค่อยๆ ปรากฏขึ้น แค่คิดก็รู้ว่าสติปัญญาของนางร้ายกาจเพียงใดจึงสามารถจดจำอะไรได้มากมายเพียงนี้ ทั้งยังใช้เข็มปักผ้าแปดเล่มปักลงในตำแหน่งที่แตกต่างบนผืนผ้าชิ้นเดียวกัน อีกด้านหนึ่งยังต้องคำนึงถึงโครงสร้างทั้งหมดของภาพๆ นี้ ทุกๆ ฝีเข็ม เส้นด้ายและจุดเชื่อมต่อ จะเกิดความผิดพลาดไม่ได้ นี่มันไม่ใช่สมองคนชัดๆ!
กระทั่งฮองเฮาเก็บเข็มปักผ้าเล่มสุดท้ายเข้ามาในมือ ทุกคนจึงได้พักสายตาบ้าง ทว่าวินาทีถัดมากลับถูกภาพที่ปรากฏขึ้นบนผืนผ้าทำให้ตะลึงงันอีกครั้ง!
ภาพวังหลวงทั้งหมดปรากฏขึ้นแก่คลองจักษุ งดงาม เปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ!
สีแดงคือกำแพงวัง สีทองคือกระเบื้องที่สะท้อนแสงระยิบระยับ สีดำคือทางเดินระเบียงภายในวัง ูเาจำลอง และทะเลสาบ...
ภาพผ้าปักผืนนี้ใช้เพียงสีแดง สีทอง และสีดำ สามสีเท่านั้น ทว่ากลับสะท้อนให้เห็นถึงความงดงาม ยิ่งใหญ่ของวังหลวงแคว้นเป่ยเยียนได้อย่างไร้ที่ติ ทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่ง!
นี่ก็คือวังหลวงของแคว้นเป่ยเยียน ช่างงดงามและยิ่งใหญ่เพียงใด!
เซวียนหยวเนช่อจับจ้องภาพบนผืนผ้าปัก ในดวงตาดำขลับเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย หัวใจของเขาในตอนนี้บังเกิดความรู้สึกและอารมณ์ที่แตกต่างออกไป
นี่คือวังหลวงที่เขาดำเนินชีวิตมาหลายปี บ้านของเขา!
แต่ตลอดมาเขารู้สึกเหมือนถูกขังไว้ในกรงใบนี้...
กระทั่งวันนี้ เห็นนิ้วมือเรียวงามของนางปักแผนที่วังหลวงภาพหนึ่งออกมา เขาจึงพบว่าที่แท้สถานที่ที่เขาดำเนินชีวิตอยู่นั้นมีค่าคู่ควรให้ตนรู้สึกภาคภูมิใจเพียงใด!
วังหลวงแห่งนี้ แตกต่างไปจากในอดีตก่อนเพราะมีนางอยู่!
สายตาของเขาละเลื่อนไปตกลงบนร่างของเฟิ่งเฉี่ยนอีกครั้ง ในแววตานิ่งลึกของเขามีคลื่นมหาสมุทรหมุนวนอยู่ทว่ากลับเต็มไปด้วยความแน่ใจที่ไม่แปรเปลี่ยน!
“ดี ดีเหลือเกิน!”
ในท้องพระโรง เฟิ่งชังลุกขึ้นตบโต๊ะปัง แล้วร้องเสียงดัง
ด้านหนึ่ง เขาถูกภาพปักภาพนี้ทำให้ตกตะลึงพรึงเพริด เกิดความรู้สึกชื่นชมในใจลึกๆ อีกด้านหนึ่ง เขาต้องชิงพูดก่อนเพื่อชิงความได้เปรียบให้บุตรสาว เพราะเขาตระหนักดีว่าด้วยพื้นฐานของการตัดสินแพ้ชนะในการแข่งขันในรอบนี้ สำหรับการให้คำวิพากษ์วิจารณ์ต่อภาพวาดภาพหนึ่ง ไม่เหมือนการแข่งขันในรอบแรกที่ใช้เวลามาเป็ตัวตัดสินผลแพ้ชนะ การให้ความเห็นต่อภาพวาดภาพหนึ่งเป็มุมมองอย่างกว้างๆ คนหนึ่งพันคนย่อมมีความเห็นเป็พันอย่าง ดังนั้นเขาจำต้องชิงลงมือเพื่อชิงความได้เปรียบ!
ซือคงจวินเย่ขมวดคิ้วแค่นเสียงฮึเบาๆ ตาเฒ่าเ้าเล่ห์ผู้นี้ ช่างรู้จักจังหวะจะโคนเสียเหลือเกิน! แต่การแข่งขันในรอบนี้สำคัญยิ่งยวด หากน้องสาวพ่ายแพ้อีกครั้ง นางย่อมต้องสูญเสียสิทธิ์ในการเปิดกล่องสมบัติล้ำค่าของราชินีอวิ๋นซูเป็แน่แท้ เขาจะยอมให้เื่เช่นนี้เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด!
เขากำมือเป็หมัดบดบังริมฝีปากและกระแอมเสียงเบาราวกับมีอะไรจะพูด จางโหม่วที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเงยหน้ามองมาทันที
คนทั้งสองประสานสายตากันและสื่อสารกันกลางอากาศ!
จางโหม่วพยักหน้าโดยแทบไม่สังเกตเห็น เขายิ้มแล้วลุกขึ้น “พอแล้ว ตอนนี้เหนียงเหนียงทั้งสองท่านต่างวาดภาพเสร็จแล้ว ให้พวกเราได้ชื่นชมภาพวาดของเหนียงเหนียงทั้งสองท่านเถิด!”
เขาเดินไปทางองค์หญิงหลานซินก่อน “หลานเฟยเหนียงเหนียง เชิญท่านวางภาพของท่านขึ้นบนแท่นเพื่อให้ทุกคนได้ชื่นชม!”
นาทีนี้ทุกคนจึงเลื่อนสายตาไปบนร่างของขององค์หญิงหลานซิน หากจางโหม่วไม่เอ่ยถึง พวกเขาเกือบจะลืมว่ายังมีอีกคนร่วมแข่งขันด้วย
กล่าวโทษพวกเขาที่ปันใจไม่ได้ เพราะทักษะการปักผ้าเข็มบินของฮองเฮาช่างดึงดูดสายตายิ่งนัก!
องค์หญิงหลานซินมีสีหน้าดำทะมึน นางกวักมือให้ขันทีสองคนแล้วสั่งให้พวกเขานำภาพที่วาดเสร็จขึ้นวางบนแท่น
เมื่อทุกคนได้เห็นภาพวาดของนางเป็ครั้งแรก ต่างส่งเสียงชื่นชมเป็เสียงเดียวกัน
ภาพวาดของนางมีลักษณะคล้ายคลึงกับภาพวาดของเฟิ่งเฉี่ยนอยู่บ้าง ล้วนมีหัวข้อของภาพวาดเป็วังหลวง แต่ที่แตกต่างก็คือ เฟิ่งเฉี่ยนเลือกที่จะวาดภาพวังหลวงทั้งหมด ส่วนองค์หญิงหลานซินเลือกวาดภาพเพียงส่วนหนึ่งของวังหลวง!
ไม่ใช่สถานที่แห่งใด แต่เป็ท้องพระโรงที่พวกเขากำลังยืนอยู่นั่นเอง!
ทุกคนที่อยู่ในท้องพระโรงรวมไปถึงสีหน้าท่าทางของทุกคนล้วนถูกวาดลงบนภาพนั้น!
ทุกคนต่างเห็นตนเองในภาพ!
“ดูสิ พวกเราล้วนอยู่ในภาพวาด!”
“เยี่ยมจริงๆ!”
“หลานเฟยเหนียงเหนียงเชี่ยวชาญการสังเกตลักษณะโดดเด่นของแต่ละคน แล้ววาดภาพทุกคนออกมา ไม่ง่ายดายเลย!”
“ไม่เพียงเท่านี้ หลานเฟยเหนียงเหนียงยังใช้ลายเส้นและปรับแสงได้อย่างงดงาม ยังมีแสงสว่างในมุมต่างๆ ของท้องพระโรง รวมไปถึงการวาดภาพที่อยู่ระยะใกล้และระยะไกล ไร้ที่ติ เก่งกาจจริงๆ!”
“เอ๊ะ ไฉนในภาพวาดจึงไม่มีฮองเฮาเหนียงเหนียงเล่า”
เมื่อมีคนเอ่ยถึง ทุกคนจึงสังเกตเห็น ในภาพวาดขาดคนไปคนหนึ่ง นั่นก็คือฮองเฮา!
ทุกคนในท้องพระโรงล้วนอยู่ในภาพ ขาดเพียงฮองเฮาเพียงคนเดียว แค่คิดก็รู้ว่าองค์หญิงหลานซินจงใจ กลิ่นดินปืนกระจายไปทั่วในชั้นบรรยากาศทันที
เฟิ่งเฉี่ยนกำลังพิจารณาภาพวาดขององค์หญิงหลานซินเช่นกัน พูดจริงๆ แล้ว ทักษะการวาดภาพของนางอยู่เหนือตนเองมาก นางเป็คนมีความสามารถคนหนึ่ง!
ผลแพ้ชนะในการแข่งขันรอบนี้กลายเป็เื่ที่หาข้อสรุปไม่ได้ ยากจะตัดสิน!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้