เล่มที่ 4 บทที่ 114
หลังจากพักผ่อนอยู่ชั่วครู่ สูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ หมอเทวดาก็ถูกจ้าวจื่อซินผลักไปที่ด้านข้างเตียง ซึ่งความหมายนั้นชัดเจนเป็อย่างมาก เ้าช่วยคนก่อน ถัดจากนั้นเ้าจะหายใจอย่างไรก็ได้เท่าที่้า ต่อให้เ้านอนราบกับพื้นหอบหายใจประดุจสุนัข ก็ไม่มีใครสนใจเ้า
“ช่างไม่มีใจที่จะเคารพคนชราและรักเด็กเอาเสียเลย” อดไม่ได้ที่จะพูดพึมพำทว่ามือของหมอเทวดากลับไม่ได้อยู่นิ่งเฉยแต่อย่างใด เขาฝังเข็มหลายจุด
หลังจากใช้เข็มฝังเข้าไปแล้ว มู่หรงฉิงจึงลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ และคำแรกที่หลุดออกมาจากปากคือเฉินเทียนหยูที่นางคิดถึงอยู่ตลอดเวลา
เสียงเรียก 'ท่านพี่' ทำลายหัวใจของคนทั้งสอง หมอเทวดาได้ยินสองคำ เขาก็เข้าใจทันทีว่าศิษย์ที่ดีของเขาถูกสามีโง่งมคนนั้นทุบตี อย่างไรก็ดีจ้าวจื่อซินหมุนตัวหันกลับไปและพิงราวเตียงโดยไม่กล้ามองนางผู้ซึ่งกำลังสะลึมสะลือแต่กลับยังคงไม่ลืมเฉินเทียนหยูที่ทำร้ายนางนับครั้งไม่ถ้วน
ในที่สุดมู่หรงฉิงก็ตื่นแล้วแต่ทันทีที่นางตื่นขึ้น นางแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นเฉินเทียนหยู และถึงกับดึงหมอเทวดาพร้อมขอร้อง “ท่านอาจารย์ ได้โปรดดูอาการของเทียนหยูได้หรือไม่? เขากินหญ้าชิงโยวแต่ท่านอาจารย์ไม่ได้บอกว่าเขาจะทำร้ายตัวเอง ท่านอาจารย์ไม่บอกข้าถึงเื่นั้น มันเป็ความบกพร่องต่อหน้าที่ของท่านอาจารย์ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องดูอาการให้เทียนหยู”
หมอเทวดากำลังหงุดหงิดที่เฉินเทียนหยูทำร้ายร่างกายของศิษย์ที่ดีของเขา แต่ไม่คาดคิดเลยว่า มู่หรงฉิงจะรบเร้าเขาด้วยวิธีอันนุ่มนวลแกมบังคับ ทำให้หมอเทวดาผู้ซึ่งกำลังหอบหายใจด้วยความโมโหถึงกับหายโกรธเป็ปลิดทิ้ง “เอาล่ะ เอาล่ะ ข้าจะไปดูอาการของเขา”
ครั้นเห็นท่าทีของหมอเทวดาผ่อนคลายลง มู่หรงฉิงก็รีบจะลุกลงจากเตียงหมายจะไปดูด้วย ฝ่ายปี้เอ๋อร์รู้ว่าถ้านายหญิงไม่ได้เห็นหมอเทวดาตรวจดูอาการด้วยตนเอง คงจะไม่สบายใจ จึงไม่ได้ห้ามปรามแต่กลับรีบสาวเท้าไปข้างหน้าเพื่อพยุงร่างกายของผู้เป็นายหญิง “คุณหนูใหญ่ ระวังตัวด้วย”
“อืม ท่านอาจารย์ พวกเรารีบไปกันเถอะ” ไม่ยอมให้เสียเวลาแม้แต่น้อย ข้างกายมีปี้เอ๋อร์คอยพยุง เมื่อหมอเทวดาเห็นเฉินเทียนหยูมีสีหน้าซีดเซียวกำลังนอนอยู่บนเตียง ซ้ำร้ายบนหน้าผากของชายหนุ่มยังมีรอยแตกขนาดใหญ่ เขาถึงกับลอบถอนหายใจ
เด็กที่น่าเวทนาคู่หนึ่ง พวกเขาทำชั่วอะไร? คิดไม่ถึงว่าพวกเขาทั้งคู่จะถูกทรมานถึงเพียงนี้
ภายใต้สายตาเป็ประกายของมู่หรงฉิง หมอเทวดาดูอาการให้เฉินเทียนหยูอย่างเหมาะสม จากนั้น เขาก็ถอนหายใจ “ไม่คาดคิดว่าหญ้าชิงโยวจะมีฤทธิ์รุนแรงมากเมื่อใช้กับมนุษย์ เวลานี้ลมหายใจและสัญญาณแห่งชีวิตของเขาอ่อนแอมาก คิดว่าจิตใจของเขาคงจะสับสนวุ่นวาย หลายวันนี้ห้ามหยุดกินหญ้าชิงโยว เขาทำได้เพียงนอนสะลึมสะลือบนเตียงเท่านั้น แต่นี่เป็สิ่งที่ดี มันจะช่วยเขาให้พ้นจากการทำร้ายตนเอง”
มู่หรงฉิงรู้สึกขมขื่นในใจหลังจากได้ยินคำพูดของหมอเทวดา “จำเป็ต้องกินหรือ?”
“เนื่องจากได้ตัดสินใจแล้ว ย่อมเปลี่ยนไม่ได้ง่ายๆ ใน่เวลาแรกๆ มันจะทรมานมาก แต่เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งเดือนโดยพื้นฐานแล้วเขาจะไม่ตอบสนอง หลายวันนี้เขาจะอยากกินผลโยิอย่างยิ่งยวด เ้าจงจำไว้ว่า อย่าให้เขากินเด็ดขาด ถ้าเขาทนไม่ไหวจริงๆ ก็ให้ลูกเสอ*แก่เขา” หมอเทวดาเห็นความกังวลของมู่หรงฉิงก็โบกมือ “เ้าไม่จำเป็ต้องวิตกกังวล ลูกเสอจะไม่ส่งผลกระทบอะไรเลย มันคล้ายการบอกเป็นัยทางจิตแก่เขาเท่านั้น นี่เป็่เวลาที่ยากที่สุด หากเขาไม่แม้กระทั่งจะตั้งตารอ จิตใจของเขาจะได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง”
(*ลูกเสอ ถ้าแปลตรงตามตัวก็คือผลงู หรือ Red Delicious Apple)
ปรากฏว่า มันเป็เช่นนั้นนี่เอง นับว่าเป็การปลอบเฉินเทียนหยูหรือไม่?
“โดยเฉพาะใน่เวลาสามวันแรก จะเป็การดีที่สุดที่จะเพิ่มขนาดยาและรับประทานยาทุกๆ หนึ่งชั่วยาม หลังจากรับประทานแล้ว เขาก็จะเข้าสู่ภาวะคลุ้มคลั่งโดยไม่รู้ตัว ฉะนั้นคงเป็การดีที่สุดถ้าจะมัดเขาไว้ และจะเป็การดีที่สุดที่จะยัดอะไรเข้าไปในปากของเขาเพื่อป้องกันเขาจะกัดลิ้นโดยไม่ได้ตั้งใจขณะที่เขาเสียสติ”
หลังจากสั่งกำชับรายละเอียดไปมากมาย หมอเทวดาก็ถอนหายใจอย่างหนักอีกหน “ศิษย์ที่ดี การเลือกของเ้าไม่ผิด การที่เ้าสามารถตัดสินใจให้เขาได้ลองกินยา แม้จะเป็การเดิมพันเสี่ยงวัดดวงครั้งสุดท้าย แต่กระนั้นก็เป็การต่อสู้เพื่อชีวิต รู้ว่าใจของเ้าเ็ป แต่อย่างไรก็ต้องผ่านด่านนี้ไปให้ได้ ต่อให้เ้าใจร้อนถึงเพียงใด ก็ไม่เกิดประโยชน์ เ้าจะต้องทำให้ตัวเองดีขึ้น และจงอย่าทำอะไรโง่ๆ อีก”
หลังจากพูดกำชับและตักเตือน หมอเทวดาได้เขียนใบสั่งยาและส่งให้ปี้เอ๋อร์ “อาการาเ็ของคุณหนูของเ้าค่อนข้างสาหัส และจำเป็จะต้องได้รับการฟื้นฟูร่างกายให้ดี ไม่เช่นนั้นจะทำให้เกิดโรคอื่นๆ ตามมาได้ จงจำไว้ว่าใน่เวลาสองวันนี้ เ้าอย่าทำงานหักโหมจนเกินไป”
ปี้เอ๋อร์รับใบสั่งยาและขอบคุณหมอเทวดาอย่างจริงจัง ก่อนจะเฝ้าดูหมอเทวดาเดินออกไป ปี้เอ๋อร์พูดกับจ้าวจื่อซินว่า “ขอรบกวนเ้าช่วยดูแล คุณหนูใหญ่สักพัก ข้าจะไปต้มยา”
จ้าวจื่อซินไม่ได้พยักหน้าหรือตอบกลับแต่อย่างใด ปี้เอ๋อร์จนปัญญา คิดเพียงว่าเขาเห็นด้วยแล้ว จากนั้นนางก็หยิบใบสั่งยาและไปจัดการต้มยา
มู่หรงฉิงนั่งอยู่ด้านข้างเตียง นางมองไปที่เฉินเทียนหยูผู้ซึ่งนอนยังไม่ตื่นอยู่บนเตียง ถ้าเพิกเฉยต่อหยาดเหงื่อที่ไหลซึมโดยไม่รู้สึกตัวและผิวหน้าที่ซีดขาว เขาน่าจะนอนหลับสบายมากในเวลานี้
กินยาชั่วยามละหนึ่งครั้ง ด้วยวิธีดังกล่าวเขาจะต้องเ็ปทุกขณะตลอดสามวันกระนั้นหรือ? เมื่อนึกถึงความเ็ปของเฉินเทียนหยู มู่หรงฉิงพลอยรู้สึกปวดใจอย่างห้ามไม่ได้
“หลายอึดใจก่อน หมอเทวดาบอกแล้วว่า ใน่สามวันนี้เป็วันที่ยากลำบากที่สุด และเมื่อสามวันผ่านไปก็จะต้องทำตามที่บอกไว้ก่อนหน้า กินวันละสิบใบ ข้าได้นำตาข่ายฟ้ามาแล้ว ให้เขาอยู่ในตาข่ายภายใน่เวลาสามวัน เ้าอย่าได้วิตกกังวลมากจนเกินไป” ทั้งที่หึงหวงแทบตาย ถึงกระนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบโยนนาง
“จ้าวจื่อซิน ข้าเห็นแก่ตัวมากหรือไม่? เพื่อความประสงค์ของตนเอง แม้ว่าเขาจะต้องทนทุกข์ทรมาน ข้าก็ยังคงสามารถทนดูเขาทนทุกข์ทรมานด้วยจิตใจอันโหดร้ายต่อไปได้...” ถ้านางไม่มีความเห็นแก่ตัวมากนัก ถ้าไม่ใช่เพราะว่านางยัง้าใช้ประโยชน์จากเฉินเทียนหยูในการช่วยเหลือนางมากเกินไป นางจะไม่สนใจว่าเฉินเทียนหยูจะโง่งมหรือคลุ้มคลั่ง บางทีนางอาจจะไม่สนใจชีวิตและความตายของเขาด้วยซ้ำ ใช่หรือไม่?
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ถ้าเฉินเทียนหยูต้องเสียชีวิต นั่นย่อมเป็เพราะความเห็นแก่ตัวของนางที่ทำให้เขาตายด้วยความเ็ป
ฝ่ามือของจ้าวจื่อซินวางลงบนไหล่ของนางโดยไม่รู้ตัว ไหล่ของนางบอบบางเกินไป เขาถึงกับสงสัยว่า ถ้าเขาใช้แรงเล็กน้อย มันจะเป็การบดกระดูกของนางให้แตก “คนไม่รักตัวเอง ฟ้าดินประหัตปะา เ้าคิดว่าเ้าทำร้ายเขา แต่ในสายตาของข้า เ้ากำลังช่วยเขามากกว่า จงอย่าได้วิตกกังวลเลย มีข้าอยู่ตรงนี้”
'มีข้าอยู่ตรงนี้' ถ้อยคำดังกล่าวถูกพูดออกไปในที่สุด แต่ครั้นเห็นนางไม่แยแส เขาย่อมไม่ได้รู้สึกโล่งอกที่ได้พูดออกไป และมากไปกว่านั้นคือความเ็ปจากการถูกละเลย
เขาเดินโซเซออกจากเรือนและไปยืนอยู่ที่ลานกว้างเรือน ได้แต่มองดูนกที่โผบินผ่านม่านฟ้า จ้าวจื่อซินรู้สึกว่าตนเองเป็คนตลก เขาไม่เข้าใจว่าทำไม เขาถึงได้มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าต่อนางถึงเพียงนี้? ทำไมเขาถึงทั้งโกรธทั้งหงุดหงิดยามได้เห็นนางเข้าใกล้เฉินเทียนหยู? ทำไมยามที่เขาเห็นเฉินเทียนหยูกอดนางไว้ในอ้อมแขนและนางก็ทำท่าเก้อเขิน ความหึงหวงถึงได้พวยพุ่งอยู่ในหัวใจของเขา?
ทำไมเวลานางเผชิญหน้ากับความใกล้ชิดของเฉินเทียนหยูถึงได้ทำท่าคล้ายเป็ไปโดยธรรมชาติ เขาแทบอยากจะให้คนที่รักและตามใจนางผู้นั้นเป็ตนเอง?
ไม่มีใครสามารถตอบคำถามในใจของเขาได้ คำตอบเดียวที่เขาสามารถให้ตัวเองได้คือ รอให้เวลาเป็เครื่องพิสูจน์ว่าแท้ที่จริงแล้ว มันดำรงอยู่อย่างไร
ดาบมีสองคม และสิ่งต่างๆ ก็มีสองด้าน มู่หรงฉิงคิดเสมอว่าการที่เฉินเทียนหยูจะต้องทนทุกข์ทรมาน ก็เนื่องจากความเห็นแก่ตัวของนาง เด็กสาวย่อมต้องเสียใจและไม่สบายใจ และการปลอบโยนของจ้าวจื่อซิน ก็ใช่ว่าจะไม่มีผล เพราะอย่างน้อยหลังจากที่จ้าวจื่อซินพูดถ้อยคำเ่าั้ ความหดหู่ในหัวใจของมู่หรงฉิงก็คลายลงทันที
นางทำเพื่อตัวเอง แต่เวลาเดียวกันนางได้ทำเพื่อเฉินเทียนหยูด้วยเช่นกัน ถ้าเฉินเทียนหยูดีขึ้นล่ะ? นั่นเป็ผลงานที่ดีของนางไม่ใช่หรือ
ผู้คนต้องอาจหาญที่จะทำให้ตนเองมีความกล้า ถึงจะสามารถผลักดันตนเองให้มีสติและเดินต่อไป เมื่อคำนวณเวลาจึงรับรู้ว่าผ่านไปหนึ่งชั่วยามแล้ว จำใจเอาใบไม้มาใส่ในถ้วยอีกหน แต่มองดูสีของน้ำที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปด้วยความฟุ้งซ่านเล็กน้อย
“กักตัวเขาไว้ก่อนจะให้ยา ไม่เช่นนั้นเมื่อเขาตื่นขึ้นมาจากความเ็ป เกรงว่าเขาจะทำร้ายตัวเองอีกหน” มู่หรงฉิงยังคงฟุ้งซ่าน ทางด้านจ้าวจื่อซินที่เพิ่งออกจากห้องไปแล้วกลับมาอีกหนพร้อมตาข่าย จากนั้นเดินไปด้านข้างเตียง ทำการห่อหุ้มเฉินเทียนหยูกลายเป็บ๊ะจ่างโดยแทบไม่ได้คิด “ข้าเอาจุกไม้มาด้วยแล้ว หลังจากให้เขาดื่มยาก็จะยัดเข้าปากของเขา”
เขาจำคำพูดของหมอเทวดาได้ทั้งหมด เนื่องจากรู้ว่านางคิดอะไรได้ไม่มาก เขาจึงหยิบทุกสิ่งที่ควรตระเตรียมด้วยตนเอง หลังจากยืนอยู่ในลานเรือนเป็เวลานาน สติสัมปชัญญะถึงได้ชัดเจนและปรากฏความคิดหนึ่ง ถ้าเกิดเฉินเทียนหยูเสียชีวิต จากนั้นเขาจะทำตามข้อตกลงจากการเดิมพันกับเฉินเทียนหยู ปกป้องจวนเฉินและปกป้องนาง จนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์
ถ้าเฉินเทียนหยูรอดชีวิต เขาจะเดิมพันกับเฉินเทียนหยูอีกหน ถ้าเดิมพันแพ้ เขาจะอยู่ต่อไป แต่ถ้าเขาชนะ เขาจะต้องพามู่หรงฉิงกลับไปที่หมู่บ้านบนเนินเขาให้ได้ เขาจะต้องให้ท่านแม่ผู้ฉลาดเฉลียวของเขาวิเคราะห์ให้เขาว่า เกิดอะไรขึ้นในเวลานี้?
ครั้นเห็นว่าจ้าวจื่อซินมัดเฉินเทียนหยูไว้อย่างมั่นคงปลอดภัย มู่หรงฉิงก็เดินไปพร้อมกับถ้วยชา จ้าวจื่อซินช่วยประคองเฉินเทียนหยูให้ลุกขึ้นนั่ง เปิดปากเฉินเทียนหยูด้วยมือของเขา และหมายจะป้อนเฉินเทียนหยูให้ดื่มด้วยตัวเอง
มู่หรงฉิงส่ายศีรษะ บอกเป็นัยให้จ้าวจื่อซินหลีกทาง “เ้าเคยเห็นพิษของหญ้าชิงโยว กลัวว่าเ้าจะต้องน้ำยาพิษนี้ ดังนั้นให้ข้าทำด้วยตัวเองเถอะ”