เฉิงจือซวี่กังวลใจต่ออาการป่วยของมารดา จดหมายขอความช่วยเหลือถูกเขียนส่งไปฉบับแล้วฉบับเล่า สุดท้ายเขาก็เชิญหมอหลวงที่เกษียณแล้วท่านหนึ่งจากเมืองเซวียนตูมาได้
ในมือของแพทย์หลวงชรามีทักษะอย่างแท้จริง เดิมทีอยู่ในวังหลวงก็รักษาอาการป่วยให้แก่เหล่านางสนม มีประสบการณ์ล้นเหลือ เมื่อรวมกับข่าวลือในอำเภอหนานอี๋ก็กระจ่างถึงสาเหตุของอาการป่วยของนางจูว่าอยู่ที่ใด
ป่วยทางใจก็้ายาและหมอทางใจ หมอหลวงชราให้เฉิงจือซวี่ปลอบขวัญนางจูให้มาก
มารดาและบุตรชายสองคนปิดประตูพูดคุยอะไรกันผู้ใดก็ไม่อาจรู้ได้ เมื่อยาดีหลายเม็ดลงท้อง อาการป่วยของนางจูก็ค่อยๆ ดีขึ้นจริงๆ ไม่กี่วันก็สามารถลงเดินบนพื้นได้
นางจูลงพื้นได้แล้ว สิ่งแรกที่ทำคือไล่ให้เฉิงกุยกลับสถานศึกษา
“กุยเกอ ย่าพึ่งพาเ้าทั้งหมดแล้ว เ้าต้องชิงเกียรติยศแทนย่าให้ได้!”
เฉิงกุยพยักหน้า
“หลานไม่มีทางทำให้ท่านผิดหวังขอรับ ท่านทำใจให้สบาย ดูแลรักษาร่างกายให้ดี ไม่ต้องสนใจเื่อื่น”
ไม่ต้องจงใจพุ่งเป้าไปที่เฉิงชิงอีกแล้ว
บัดนี้ได้แต่เพียงถ่วงดุลทั้งสองฝ่าย หลังจากนี้การปะทะของเขาและเฉิงชิงจะอยู่ที่การสอบเข้ารับราชการ สู้อย่างเปิดเผยและมีเกียรติ “หลานจะคว้าบรรดาศักดิ์ที่สูงยิ่งกว่า มาเป็รางวัลมอบให้ท่านขอรับ!”
บนใบหน้าที่ซีดเผือดของนางจูเต็มไปด้วยความชื่นใจ
“เ้าเป็หลานที่กตัญญู ย่าจะรอวันที่เ้าทูลขอบรรดาศักดิ์จากราชสำนัก”
ขอบรรดาศักดิ์ให้มารดาและภรรยาเป็เื่ธรรมดา แต่ขอบรรดาศักดิ์ให้ย่าเป็เื่ที่พบเห็นได้ไม่มากนัก ไม่มีความดีความชอบที่แพรวพราว ขุนนางธรรมดาก็ไม่กล้าที่จะอ้าปากต่อราชสำนัก
ยามนี้นางจูไหนเลยจะทำลายความกระตือรือร้นของเฉิงกุย นางเชื่อมั่นอย่างลึกซึ้งว่าเฉิงกุยต้องมีอนาคตที่ยิ่งใหญ่ เชื่อว่าเฉิงกุยจะสามารถทำคำสัญญาของวันนี้ให้เป็จริงได้
นางจูไล่ให้หลานชายไปสถานศึกษาแล้ว ก็้าจะไล่บุตรชายเฉิงจือซวี่ให้ไปจากหนานอี๋เพื่อรับตำแหน่ง
เฉิงจือซวี่อยู่ที่หนานอี๋นานเกินไปแล้ว เพื่อดูแลอาการป่วยของนางจู เขาอยู่ที่หนานอี๋ต่ออีกครึ่งเดือน หากไม่ไปรับตำแหน่งอีก ก็อาจมีคนกล่าวหาว่าเขาละเลยต่อหน้าที่
ในห้องหลักมีเพียงมารดาและบุตรสองคน นางจูเองก็ไม่คิดจะปิดบัง หลังจากป่วยหนัก ร่างกายของนางก็อ่อนแอลง ยามนี้กลัวความหนาวอย่างมาก บัดนี้เดือนสี่แล้ว ภายในห้องยังจุดไฟจากถ่านอยู่ บนหน้าของเฉิงจือซวี่มีเหงื่อเบาบาง นางจูกลับรู้สึกว่าอุณหภูมิห้องกำลังดี
“เ้าไปรับตำแหน่งก็ต้องทุ่มเทอย่างมากเพื่องานหลวง อย่าได้เป็ห่วงภายในบ้าน แม่ไม่มีทางเลินเล่อ หาเื่เ้าเดรัจฉานน้อยนั่นอีกแล้ว หากแม่เพียงหาความสบายใจชั่วขณะ ก็จะพัวพันไปถึงเ้าและกุยเกอ… แม่รู้ว่าเ้าได้รับความอยุติธรรมจากไอ้แก่บ้านห้า แม่ย่อมข่มความโกรธนี้ไว้ ผ่านไปหลายปีค่อยคิดบัญชี”
เ้าเดรัจฉานน้อย้าพึ่งการสอบเข้ารับราชการเพื่อโดดเด่นก็ยังเร็วเกินไป!
ผ่านไปอีกหลายปี ตำแหน่งขุนนางของจือซวี่ก็จะสูงขึ้นอีก อย่าบอกนะว่าคนในตระกูลยังมองสถานการณ์ไม่ชัดเจน?
นางจูไม่เชื่อว่านายท่านหกเฉิงที่เมืองหลวงจะทำงานราบรื่นในทุกเื่
ผู้เป็ขุนนางล้วนมีขึ้นมีลง รอยามนายท่านหกเฉิงร่วงลง ก็เป็โอกาสของบ้านรองในการทะยานขึ้นสูง!
นางหลิ่วได้รับบรรดาศักดิ์กงเหรินขั้นสี่แล้วอย่างไรเล่า?
เ้าเดรัจฉานน้อยไม่ได้เป็ขุนนางหนึ่งวัน บรรดาศักดิ์กงเหรินขั้นสี่ของนางหลิ่วก็ไร้ค่า บัดนี้ชื่อเสียงที่ได้รับมาหลังจากเฉิงจือหย่วนตาย เพียงยื่นมือไปก็ร้อนลวกมือ[1] ผ่านไปสองปี ระดับความสนใจก็จะค่อยๆ ลดลงไปเอง
รอจนถึงยามนั้น อยากจะจัดการครอบครัวนั้นอย่างไรก็ล้วนทำได้
สิ่งเหล่านี้เป็สิ่งที่เฉิงจือซวี่วิเคราะห์ให้แก่นางจู
อาการป่วยของนางจูจึงสามารถดีขึ้นได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ ไม่พ้นการปลอบโยนของเฉิงจือซวี่ เฉิงจือซวี่ยังเอ่ยความลับแก่นางจูเื่หนึ่ง แม้ราชสำนักจะให้ชื่อเสียงหลังเฉิงจือหย่วนตาย คดีนี้ก็ไม่ได้เสร็จสิ้นทั้งหมด เฉิงชิงไม่เข้ารับราชการก็ช่างเถิด พึ่งผลประโยชน์เล็กน้อยของเฉิงจือหย่วนที่เหลือไว้ และการปกป้องของคนในตระกูลก็สามารถเป็ครอบครัวร่ำรวยที่หนานอี๋ได้ หากเฉิงชิงเข้ารับราชการ หนทางข้างหน้าที่อันตรายยิ่งกว่ายังคงรอเฉิงชิงอยู่…
“พี่ใหญ่ยั่วยุความเกลียดชังของผู้สูงศักดิ์เข้าแล้ว”
นางจูอยากจะสอบถามอย่างละเอียด เฉิงจือซวี่เพียงกล่าวคำพูดนี้ออกมา อย่างอื่นไม่ยินยอมจะกล่าวแล้ว
ประโยคเรียบง่ายหนึ่งประโยคเช่นนี้ เหมือนเป็การรับรองอย่างหนึ่ง เมื่อคิดถึงเฉิงชิงที่ยังฝันสวยงามถึงการเข้ารับราชการ ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับวิกฤติในอนาคต อาการป่วยของนางจูก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็วเป็พิเศษ
เฉิงจือซวี่กังวลต่ออาการป่วยของนางจูอย่างมาก หนึ่งคือกตัญญู สองคือกลัวนางหลิ่วทนไม่ไหว นี่เกี่ยวข้องกับการที่เขาต้องไว้ทุกข์ให้บุพการี วิถีขุนนางอยู่ใน่เวลาสำคัญเช่นนี้ ไว้ทุกข์ให้บุพการีส่งผลกระทบที่ไม่เป็ผลดีต่อเขาเกินไป
อาการป่วยของนางจูทางนี้ดีขึ้นแล้ว เฉิงจือซวี่จึงค่อยขยับร่างกายไปพื้นที่ที่รับตำแหน่ง
ด้วยกลัวอาการของนางจูจะกลับมาอีก เขาจึงยังให้นางจงซึ่งเป็ภรรยาอยู่ที่บ้านเดิม
“ไม่เพียงต้องดูแลสุขภาพของท่านแม่ ทางกุยเกอเองก็ต้องใส่ใจดูแลเป็พิเศษ ข้ากลัวว่าเด็กคนนั้นจะได้รับผลกระทบจากคำวิจารณ์ของผู้อื่น”
นางจงไม่อยากแยกกับสามี แต่บุตรชายและแม่สามีล้วนต้องดูแล บอกลาสามีด้วยน้ำตานองหน้า รับปากกับเฉิงจือหย่วนว่าจะทุ่มเททำหน้าที่อย่างเต็มที่ ไม่มีทางให้บ้านรองเกิดความวุ่นวายขึ้นอีก
เวลาผ่านไปนาน ราษฎรในอำเภอก็มีเื่ใหม่ให้ติดตาม ค่อยๆ ลืมเื่ที่แม่นมโจวจ้างคนกระทำเื่เหี้ยมโหดเื่นั้นไป
พริบตาเดียวเดือนสามก็ผ่านไปแล้ว เฉิงชิงเตรียมพร้อมจิตใจสำหรับการสอบระดับเมือง
ตามชื่อที่เรียก การสอบระดับเมืองย่อมจัดที่เมืองเซวียนตู ขั้นตอนการลงชื่อไม่ค่อยต่างกับการสอบระดับอำเภอ เพียงแต่บัณฑิตหลิ่นเซิงที่ให้การรับรองต้องเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน... ครั้งนี้ไม่จำเป็ต้องให้เฉิงกุยทำตัวเป็คนดี บัณฑิตหลิ่นเซิงที่ยินดีรับรองให้บัณฑิตอั้นโส่วประจำอำเภอหาไม่ยาก เฉิงชิงลงชื่อการสอบระดับเมืองสำเร็จอย่างชำนาญและง่ายดาย จากนี้เหลือเพียงรอให้เริ่มสอบ
ชุยเยี่ยนก็ต้องกลับบ้านเดิมไปสอบอีกแล้ว หลังการสอบระดับเมืองจบแล้ว ใน่ระยะเวลาอันสั้นเขาจะไม่กลับมายังหนานอี๋ ต้องอยู่บ้านเดิมเพื่อเข้าร่วมการสอบระดับสำนักศึกษา
“เฉิงชิง พวกเราเจอกันที่ห้องเรียนตัวอักษรอี่นะ!”
“ได้!”
ชุยเยี่ยนมีใจเชื่อมั่น เฉิงชิงเองก็เชื่อมั่นเช่นกัน
สอบไม่ผ่านซิ่วไฉ ไหนเลยจะกล้าเรียกตัวเองเป็บัณฑิตได้
ไม่เพียงเฉิงชิงและชุยเยี่ยนที่ต้องเตรียมตัวสอบระดับเมือง อวี๋ซานที่กลับสถานศึกษาไม่ถึงหนึ่งเดือนก็ต้องจัดสัมภาระ กลับบ้านเดิมเตรียมสอบระดับสำนักศึกษา
ยามพบกันอีกครั้ง ไม่รู้ว่าสามคนนี้ผู้ใดจะสามารถเป็บัณฑิตซิ่วไฉ?
เฉิงชิงลืมคำพูดของเซียวอวิ๋นถิงไป ทั้งวางความขัดแย้งกับบ้านรองลงชั่วคราว จดจ่อเพื่อเตรียมตัวสอบระดับเมือง
ยังอีกหลายวันกว่าจะถึงการสอบระดับเมือง นางหลี่มาเยี่ยมเยียนนางที่ตรอกหยางหลิ่ว
“จองที่พักสำหรับการไปสอบไว้หรือยัง?”
เื่นี้เป็เื่ใหญ่ นางหลิ่วกังวลใจตลอดมา
บัดนี้เงินทองในบ้านมิได้ตึงมือเหมือนยามเพิ่งกลับมายังหนานอี๋แล้ว เฉิงชิงเอาเงินช่วยเหลือที่ราชสำนักมอบให้ สั่งให้ซือเยี่ยนไปเดินวนเวียนอยู่บริเวณท่าเรือ นางหลิ่วเองก็ไม่รู้ว่าบุตรีทำอะไร ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ยังให้เงินนางมาห้าสิบตำลึง กล่าวว่าให้ใช้ในบ้าน ยังกล่าวอีกว่าแต่ละเดือนหลังจากนี้ล้วนเป็เช่นนี้
ทำการซื้อขายสิ่งใด ทุกเดือนถึงมีเงินเข้าบัญชีอย่างมั่นคง?
นางหลิ่วกลัวเฉิงชิงถูกหลอกเนื่องด้วยอายุยังน้อย ในที่ส่วนตัวค่อนข้างกังวลใจ เฉิงชิงกล่าวว่าทุกเดือนมีเงินให้ใช้ในบ้านห้าสิบตำลึง นางหลิ่วย่อมไม่อาจใช้เงินห้าสิบตำลึงเงินจนหมดได้จริงๆ
แต่การสอบระดับอำเภอเป็เื่ใหญ่ นางหลิ่วจองโรงเตี๊ยมให้เฉิงชิงพักไว้นานแล้ว ตนเองรู้สึกว่าจัดการได้เหมาะสมแล้ว แต่เมื่อนางบอกสถานที่ไป นางหลี่พลันขมวดคิ้ว
“โรงเตี๊ยมนั้นอยู่ใกล้สนามสอบก็จริง แต่เป็เพราะใกล้เกินไป ในการสอบระดับเมืองและระดับสำนักศึกษาทุกครั้งล้วนเบียดเสียดไปด้วยศิษย์ผู้เข้าร่วมการสอบ ครึกครื้นมากเกินไปกระทบต่อการพักผ่อน ทั้งยังง่ายต่อการเกิดความวุ่นวาย!”
เอ่ยจนในใจนางหลิ่วเกิดความกระวนกระวาย
นางหลี่เม้มริมฝีปาก “บ้านห้ามีบ้านอยู่ที่เมืองเซวียนตู ห่างจากสนามสอบไม่กี่ถนน เป็สถานที่ดีซึ่งเงียบสงบท่ามกลางความครึกครื้น ยามปกติจะปล่อยว่าง ทุกครั้งเมื่อถึงการสอบระดับเมืองและระดับสำนักศึกษา จะให้บุตรหลานในตระกูลที่เข้าร่วมสอบเข้าพัก ผู้อื่นพักอยู่ ชิงเกอเอ๋อร์เองก็พักเถอะ พวกเ้าไหนเลยจะต้องมองตัวเองเป็คนนอกเช่นนี้? ชิงเกอเองก็ควรใกล้ชิดกับบุตรหลานตระกูลเฉิงคนอื่นให้มาก การสอบระดับสำนักศึกษาครั้งนี้ไม่ได้มีแต่เขาคนเดียวที่ต้องเข้าไปในเมือง”
บ้านของบ้านห้าย่อมดีกว่าโรงเตี๊ยม
ความเงียบสงบยิ่งมีประโยชน์ต่อการแสดงความสามารถของเฉิงชิง นางหลิ่วไม่ได้คัดค้านเหตุผล ตกลงรับปากทันที
เมื่อเฉิงชิงได้ฟังก็ไม่ได้คัดค้านเช่นกัน เพียงแต่อดสงสัยในใจไม่ได้
นายท่านห้าสามารถนั่งตำแหน่ง ‘ผู้นำตระกูล’ อย่างมั่นคง ไม่ใช่ว่าพึ่งนายท่านหกซึ่งเป็เสนาบดีที่เมืองหลวงทั้งหมดหรอก ดูจากวิธีการจัดการเื่ราวต่างๆ อย่างเงียบเชียบแล้ว ผู้ใดจะไม่อาจยอมรับให้เขาเป็ผู้นำตระกูลกัน?
[1] เพียงยื่นมือไปก็ร้อนลวกมือ หมายถึงมีอำนาจมากมาย
